บทที่ 53 วัตถุเวทหุ่นเชิด
หวังเป่าเล่อถอนหายใจออกมาพลางมองเซี่ยไห่หยางที่พยายามจะช่วยเขา อย่างจริงจัง ชายหนุ่มก้มหัวลง ลูบท้องตนเองด้วยสีหน้ากังวลใจ
“ทำไมครั้งนี้ไม่ได้ผลกัน” จากประสบการณ์ครั้งก่อนๆ ทำให้เขามั่นใจในการ ลดน้ำหนักมาก แต่ชายหนุ่มก็ต้องยอมจำนนกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น เขาทุกข์ใจเป็นอย่างมากเมื่อคิดถึงหนทางการลดน้ำหนักในภายภาคหน้า
หวังเป่าเล่อนั่งตรงระเบียงถ้ำที่พัก มองท้องฟ้าอย่างหมดกำลังใจ เขาเห็นเงารางๆ ของบรรพบุรุษจ้ำม่ำอยู่บนนั้นทำให้เขายิ่งหม่นหมองใจหนักขึ้น เด็กหนุ่มได้แต่ เปิดภาพตนเองตอนผอมดูดีและเหม่อมองอยู่อย่างนั้น
“อย่าบอกนะว่าสวรรค์อิจฉาความสามารถอันมากล้นของข้า สวรรค์ไม่อยากให้คนรูปงามอย่างข้ามีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้จึงหาทางกำจัดขัดขวางการลดน้ำหนักของข้าเช่นนี้!” ยิ่งคิด หวังเป่าเล่อก็ยิ่งเป็นทุกข์และเดือดดาลอยู่ในใจ เขากัดฟันกรอดและหยิบถุงขนมขึ้นมา ชายหนุ่มหยุดจ้องถุงขนมสักพักก่อนจะโยนทิ้งไป
“ข้าต้องอดทน!” หวังเป่าเล่อห้ามใจไม่ให้มองไปทางถุงขนม ได้แต่เฝ้ารอเซี่ยไห่หยางอยู่อย่างนั้น สามวันผ่านไป…เซี่ยไห่หยางก็กลับมา
เห็นเซี่ยไห่หยาง หวังเป่าเล่อก็ตื่นเต้นดีใจขึ้นมาทันที
“พี่เซี่ย พี่คิดหาหนทางออกหรือยัง”
เซี่ยไห่หยางเดินลูบผมมันเรียบแปล้เข้ามาในถ้ำที่พักด้วยท่าทีเต็มไปด้วยความมั่นใจ เขากระแอมไอเมื่อได้ยินหวังเป่าเล่อถาม
“ปัญหาของเจ้านั้นแสนง่ายดาย แค่การลดน้ำหนัก แม้โอสถมรณะจะใช้ไม่ได้ผล แต่เมื่อปัญหามาถึงมือผู้เชี่ยวชาญด้านการลดน้ำหนักอย่างข้า มีหรือที่ข้าจะหาทางแก้ไม่ได้!”
ได้ยินน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจของเซี่ยไห่หยาง ดวงตาของหวังเป่าเล่อก็เป็นประกาย ชายหนุ่มรีบเชื้อเชิญให้เซี่ยไห้หยางนั่ง จัดหาน้ำเย็นหล่อวิญญาณให้ดื่ม ก่อนจะมองชายตรงหน้าด้วยความกระหายใคร่รู้
“พี่เซี่ย ขอแค่ข้าลดน้ำหนักได้ ไม่ว่าจะเป็นศิลาวิญญาณหรือของอันใด ข้าพร้อมจัดหาให้!”
เซี่ยไห่หยางยกน้ำเย็นหล่อวิญญาณขึ้นดื่มก่อนจะพูดอย่างใจเย็น
“ข้าจะบอกอะไรให้ ในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์นี้มีวัตถุเวทอยู่ชิ้นหนึ่ง เป็นวัตถุเวท ล้ำค่าที่ประเมินราคาไม่ได้ ข้าช่วยจัดหามาให้เจ้ายืมใช้ได้เจ็ดวัน ข้าขอรับประกันว่าเจ้าจะผอมลงได้ภายในเจ็ดวันหลังใช้วัตถุเวทชิ้นนี้!” เซี่ยไห่หยางพูดเสียงเบาราวกับกำลังเล่าเรื่องลี้ลับอยู่ หวังเป่าเล่อตาเป็นประกายหลังจากได้ฟัง เขาเลื่อนหน้าเข้า ไปใกล้
“วัตถุเวทอันใดหรือ มีอิทธิฤทธิ์อย่างไร” เนื่องจากชายหนุ่มเป็นหัวหน้าศิษย์สองโถงแห่งสาขาวิชาอาวุธเวท เขาจึงกระตือรือร้นเป็นพิเศษเมื่อได้ยินคำว่า ‘วัตถุเวท’ พอได้ฟังเซี่ยไห่หยางเล่าถึงของสุดพิเศษชิ้นนี้ เขาก็อดสงสัยใคร่รู้ไม่ได้
“ตำนานกล่าวไว้ว่า เมื่อพันปีก่อน มีวิธีลดน้ำหนักโบราณที่เรียกขานกันว่า วิชาลวงสมอง อธิบายง่ายๆ ก็คือการสะกดจิตนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น สมมติว่าเจ้าออกกำลังกาย เจ้าก็สามารถสะกดจิตได้ว่าเจ้าออกกำลังกายไปเป็นเวลานานแล้ว สมองก็จะรับข้อมูลใหม่มาแทนที่และดึงพลังงานในร่างกายมาใช้ตามนั้นจนน้ำหนักลดลง” เซี่ยไห่หยางพูดอย่างภาคภูมิใจ เขามั่นใจว่าวิธีการนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยลดน้ำหนัก
“วัตถุเวทล้ำค่าที่ข้าพูดถึงก็หลอมขึ้นโดยใช้วิชานี้เป็นหลัก จริงๆ จะบอกว่ามันเป็นวัตถุเวทต้องห้ามก็ได้นะ เจ้าลดน้ำหนักได้แน่นอนถ้าได้ใช้วัตถุเวทชิ้นนี้”
ดวงตาของหวังเป่าเล่อเปี่ยมไปด้วยแสงแห่งความหวังหลังจากได้ยินดังนั้น
“มีวัตถุเวทแบบนี้อยู่ด้วยหรือ…พี่นี่อัจฉริยะจริงๆ แล้วพี่ได้เอามาด้วยหรือเปล่า”
“ถ้ามันยืมกันได้ง่ายๆ ก็คงไม่ใช่ของล้ำค่าแล้ว เจ้าของวัตถุเวทชิ้นนี้ไม่ใช่คนในเกาะมหาปราชญ์ชั้นรอง แต่เป็นผู้ฝึกตนระดับลมหายใจเที่ยงแท้ในเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูง!” เซี่ยไห่หยางกระแอมไอก่อนจะบอกระดับการฝึกตนของผู้ครอบครองวัตถุเวทเพื่อที่จะแสดงให้เห็นถึงเส้นสายบุคคลระดับสูงที่เขามี
“เกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงเลยหรือ” หวังเป่าเล่อตาเบิกกว้าง เกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์คือสถานที่ศิษย์ทุกคนต่างใฝ่ฝันอยากเข้าไปร่ำเรียน แต่จะต้องผ่านการสอบสุดโหดหินเพื่อที่จะได้รับสิทธิ์เข้าไปศึกษาต่อได้ ผู้ที่เข้าไปฝึกวิชาที่เกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงนั้นหาได้เป็นผู้คนธรรมดาไม่ หากแต่เป็นผู้ฝึกตน!
“ตัวตนของเขานั้นถือเป็นความลับสุดยอด ข้าบอกเจ้าไม่ได้หรอกว่าเขาเป็นใคร อีกอย่าง เขาก็ไม่อยากให้ผู้คนหมู่มากรู้ว่าเขามีวัตถุเวทต้องห้ามนี้ไว้ในครอบครอง ปกติแล้วเขาไม่ค่อยให้ใครยืมเลยด้วยซ้ำ
“แต่ไม่มีสิ่งใดในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ที่เซี่ยไห่หยางผู้นี้จะทำไม่ได้ เพียงทำตามที่เขาปรารถนาได้ ก็สามารถเจรจาได้ง่ายดาย ถ้าเจ้าอยากยืมวัตถุเวทชิ้นนี้ เจ้าก็ต้องหลอมวัตถุเวทหุ่นเชิดมาแลกเปลี่ยน ข้าจะได้นำไปต่อรองได้ง่าย เพราะคนผู้นั้นชอบสะสมวัตถุเวทหุ่นเชิด” เซี่ยไห่หยางหยุดมองหวังเป่าเล่อเมื่อพูดถึงเรื่อง วัตถุเวทหุ่นเชิด
“วัตถุเวทหุ่นเชิดอย่างนั้นหรือ” หวังเป่าเล่อเริ่มอึกอัก วัตถุเวทชนิดนี้เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยกล่าวถึงในวิชาแก่นวิญญาณ หุ่นเชิดนั้นมีสองชนิด คือ หุ่นเชิดจู่โจมกับหุ่นเชิดปกป้อง มีวิธีการหลอมบอกสอนอยู่เพียงไม่กี่วิธี นอกจากนั้น จะต้องมีความเชี่ยวชาญด้านแก่นวิญญาณและอักขราจารึกสูงมากจึงจะสามารถหลอมหุ่นเชิดได้ เป็นเรื่องยากที่จะหาผู้ที่จะสามารถหลอมหุ่นเชิดได้ในเกาะมหาปราชญ์ชั้นรอง
“ยากมากที่จะหลอมวัตถุเวทชนิดนี้ ข้าพึ่งจะเริ่มฝึกหลอมแก่นวิญญาณเอง วัสดุข้าก็ไม่มี วิธีหลอมข้าก็ไม่รู้” หวังเป่าเล่อขมวดคิ้ว ภารกิจที่ได้รับนี้ค่อนข้างยากเลยทีเดียว
“ข้ามีวัสดุ เจ้าอยากได้อะไร ขอเพียงแค่บอกข้า!” เซี่ยไห่หยางมองตาใสพร้อมกับยิ้มกว้างระหว่างพูด
“ข้ายังอธิบายไม่จบ คนผู้นั้นชอบสะสมหุ่นเชิด แต่เขาไม่อยากได้หุ่นเชิดสัตว์ ต้องการเพียงหุ่นเชิดมนุษย์เพียงเท่านั้น หุ่นเชิดมนุษย์ที่เขาอยากได้ต้องมีรูปร่างกำยำล่ำสัน ดูดุดันร้ายกาจ เจ้าน่าจะรู้จักป่าชัฏเหนือทะเลสาบในเมือง ที่นั่นมีอสูรร้ายอาละวาดอยู่เต็มไปหมด ถ้ามีหุ่นเชิดปกป้องที่แข็งแรงหน่อยคงช่วยได้มากเลยทีเดียว”
หลังจากอธิบายเสร็จ เซี่ยไห่หยางก็จัดแจงเวลารวบรวมวัสดุต่างๆ และกลับออกไป
หวังเป่าเล่อนั่งอยู่ในถ้ำที่พัก ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ เขาสังหรณ์ใจแปลกๆ ว่าจะมีอะไรไม่ชอบมาพากล แต่ถ้าเขาอยากลดน้ำหนัก ก็ต้องใช้วัตถุเวทจากคนผู้นั้น ดังนั้นเขาจึงต้องหลอมวัตถุเวทหุ่นเชิดให้ได้
หลอมก็ได้!
เนื่องจากชายหนุ่มไม่เคยหลอมแก่นวิญญาณชนิดนี้มากก่อน หวังเป่าเล่อค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนจะทำการลดทอนอักขราจารึก เมื่อเขาได้คำตอบที่มั่นใจแล้ว เขาก็เริ่มสลักตัวอักขระ
หุ่นเชิดจู่โจมนั้นยากเกินไป เลี่ยงหลอมจะดีกว่า ข้าควรหลอมหุ่นเชิดปกป้องแทน ในเมื่อใช้เพื่อป้องกัน…จะต้องมีความแข็งแรงทนทาน ดังนั้น ต้องเพิ่มอักขระที่ช่วยเพิ่มพลังป้องกันเข้าไปอย่างน้อยสามสิบตัว
แค่แข็งแรงทนทานอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีความยืดหยุ่นด้วยเพราะมีรูปกายเป็นมนุษย์ อีกอย่างต้องส่งเสียงเตือนได้ด้วย ถึงจะพูดไม่ได้ แค่ส่งเสียงได้ก็น่าจะดี…
จะให้เห็นชัดว่าเป็นหุ่นเชิดก็คงไม่ได้ เรื่องนี้สำคัญมาก จะได้พรางตัวได้กลมกลืน ข้าต้องสร้างรูปลักษณ์ให้ดี หุ่นเชิดชั้นสูงนั้นจะต้องหลอมออกมาให้ได้เหมือนมนุษย์จนไม่สามารถหาความแตกต่างได้
หวังเป่าเล่อไม่ได้สนใจรายละเอียดมากในตอนเริ่ม แต่พอสลักอักขระไปได้สักพัก การหลอมแก่นวิญญาณเพื่อสร้างเป็นหุ่นเชิดก็เริ่มยากขึ้นมาก เขาทุ่มพลังทั้งหมดให้กับการหลอมแก่นวิญญาณ หลังจากผ่านการคิดคำนวณอย่างถี่ถ้วน เขาก็ได้ส่วนประกอบครบสมบูรณ์
เพื่อที่จะให้ได้หุ่นเชิดที่สมบูรณ์แบบที่สุด หวังเป่าเล่อใช้ศิลาวิญญาณรุ้งเป็นแกนหลัก จากนั้นก็วางศิลาวิญญาณคุณภาพสูงไว้รอบๆ และหลอมศิลาทั้งหมดรวมกัน หลายวันผ่านไป เขาก็หลอมแก่นวิญญาณได้สำเร็จ โดยใช้ศิลาวิญญาณไปประมาณสี่สิบก้อน หลังจากคิดคำนวณหาตัวอักขระที่จะนำมาไล่เรียงให้ได้แก่นวิญญาณรูปกายมนุษย์สำเร็จ เขาก็ปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก มองผลลัพธ์ที่ได้ด้วยความผิดหวังปนอยู่
เสียดายที่ข้ามีเวลาน้อย อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกของข้าอีก ไม่อย่างนั้นข้าคงจะทำได้ดีกว่านี้!
หวังเป่าเล่อส่ายหน้า จากนั้นจึงส่งข้อความเสียงหาเซี่ยไห่หยางเพื่อขอให้เขาจัดหาวัสดุสำหรับหลอมให้
วัสดุที่หวังเป่าเล่อเลือกใช้นั้นไม่ใช่ของราคาสูง เป็นของธรรมดาทั่วไปตามตัวอักขระที่เขาใช้หลอมแก่นวิญญาณ ชายหนุ่มรู้จักวัสดุส่วนใหญ่จากแผ่นหยกที่ผู้ฝึกตนตำหนักอาวุธเวทให้มา
นี่คงเป็นครั้งแรกที่ข้าจะใช้วัสดุในการหลอม…หวังเป่าเล่อถอนหายใจ เขารู้สึกว่าภารกิจการลดน้ำหนักของเขาครั้งนี้นั้นช่างยากเย็นแสนเข็ญเหลือเกิน ถ้าวัตถุเวทที่จะได้ยืมดันใช้ไม่ได้ผลขึ้นมา เขาจะต้องให้เซี่ยไห่หยางชดเชยให้สมกับที่เขาลงแรงไป
คิดดังนั้น เขาก็เก็บเอาแก่นวิญญาณและวัสดุอื่นๆ ก่อนออกจากถ้ำที่พัก มุ่งหน้าไปถ้ำเตาหลอมวิญญาณของสาขาอาวุธเวทด้วยความเร็วเต็มพิกัด ถ้ำเตาหลอมวิญญาณนั้นมีลักษณะคล้ายคลึงกับห้องหินละลายของสาขาการยุทธ์ เพียงแต่ มีอุณหภูมิที่แตกต่างกัน ถ้ำเตาหลอมวิญญาณนั้นเป็นสถานที่สำหรับศิษย์โถง แก่นวิญญาณใช้ฝึกฝนหลอมวัตถุเวทให้คุ้นชิน
ภายในมีห้องมากมาย แต่ละห้องมีเตาหลอมวิญญาณที่กำลังร้อนระอุและ เบ้าหล่อทรงธรรมดาจำนวนหนึ่ง เหล่าศิษย์สามารถมายืมใช้เครื่องมือต่างๆ ในการหลอมวัสดุและแก่นวิญญาณเข้าด้วยกันเพื่อสร้างเป็นวัตถุเวทง่ายๆ
เนื่องจากมีเพียงศิษย์โถงแก่นวิญญาณเท่านั้นที่สามารถหลอมวัตถุเวทได้ ดังนั้นในวันธรรมดาจึงไม่ค่อยมีใครมาสักเท่าไหร่ ส่วนหวังเป่าเล่อที่เป็นหัวหน้าศิษย์นั้นสามารถเข้าใช้ได้ตามใจชอบอยู่แล้ว
วิชาวัสดุศึกษานั้นเป็นศาสตร์ที่ยุ่งยากซับซ้อน แม้ว่าเขาจะมีแผ่นหยกที่ได้จาก ผู้อาวุโสตำหนักอาวุธเวท แต่เขาก็พบกับอุปสรรคต่างๆ ทำให้เสียวัสดุไปจำนวนมากระหว่างการหลอม ยังดีที่แก่นวิญญาณที่เขาสร้างขึ้นนั้นแข็งแรงทนทานมาก มีแตกพังไปบ้างเล็กน้อย หลังจากทดลองแก้ไขไปมากมายนับจำนวนครั้งไม่ถ้วน
เขาก็หลอมหุ่นเชิดได้สำเร็จ ชายหนุ่มตาดำคล้ำ ดูซูบผอมลงเล็กน้อย เขาสูญเสียพละกำลังไปมากในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
เมื่อกลับมาถึงถ้ำที่พัก เขาก็ติดต่อเซี่ยไห่หยางไป เขาดื่มน้ำเย็นหล่อวิญญาณไปหลายขวดเพื่อให้สมองสดชื่นระหว่างรอเซี่ยไห่หยาง
วัตถุเวทชิ้นนี้หลอมยากยิ่งนัก! เขาผุดคิดถึงตอนหลอม หวังเป่าเล่อรู้สึกว่าตนได้พยายามไปมากโขทีเดียวเพื่อการลดน้ำหนักครั้งนี้
ไม่นาน เซี่ยไห่หยางก็มาถึง ทันทีที่เขาเข้ามาในถ้ำ หวังเป่าเล่อก็ยกมือขวาขึ้นก่อนที่เขาทันจะได้พูดอะไร ในทันใด กำไลคลังเวทก็ส่องแสง หุ่นเชิดรูปกายมนุษย์สูงสองเมตรก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเซี่ยไห่หยาง
หุ่นเชิดดูกำยำล่ำสัน อีกทั้งยังมีรังสีดุร้ายแผ่ออกมา ทั่วทั้งตัวปกคลุมไปด้วยขน เห็นแล้วดูดุร้ายป่าเถื่อน
แม้ว่าหุ่นเชิดจะไม่เหมือนมนุษย์เต็มร้อย แต่ถ้ามองผ่านๆ ก็ดูไม่แตกต่างจากคนจริงๆ เลยสักนิด
“จะพอใจหรือไม่ หุ่นเชิดนี้ก็ตัวใหญ่ กำยำ ดูดุร้ายตามที่บอกมาทุกประการ!” หวังเป่าเล่อลูบคลายคิ้วที่ขมวดเป็นปมอย่างเหนื่อยอ่อน เขามองไปทางหุ่นเชิดที่เขาสร้างขึ้น แม้จะไม่พอใจกับผลลัพธ์ที่ได้เท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าผ่านเกณฑ์
เซี่ยไห่หยางเดินวนพินิจพิเคราะห์หุ่นอยู่หลายรอบ ก่อนจะหายใจลึก แววตาเป็นประกายสดใส
“ข้าพอใจ พอใจมาก!
“ไม่ต้องกังวลไป สหายหวัง ด้วยหุ่นเชิดตัวนี้ ข้าจะนำวัตถุเวทมาให้เจ้าได้อย่างแน่นอน!”
หลังจากประเมินหุ่นเชิดเสร็จ เซี่ยไห่หยางก็เก็บหุ่นเชิด มุ่งหน้าออกจากเกาะ มหาปราชญ์ชั้นรองทางเรือ ล่องไปจนถึงทางเข้าเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูง
ภาพเบื้องหน้าดูยิ่งใหญ่เมื่อเฝ้ามองจากไกลๆ ผืนฟ้าและผืนน้ำบรรจบกันเกิดเป็นภาพงามตา แต่เมื่อเริ่มเข้าไปใกล้ บรรยากาศกลับแตกต่างออกไป เห็นเพียงหมอกหนาเข้าปกคลุม เซี่ยไห่หยางประหม่าทุกครั้งที่มาเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูง พอเริ่มเข้าใกล้ตัวเกาะ เขาก็โบกเหรียญตราในมือ ไม่นาน หมอกหนาก็เปิดออกไป เผยให้เห็นเงาคนเลือนราง
“ได้นำของที่บอกมาด้วยไหม” เงาเลือนรางเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ ฟังดูมีลับลมคมใน
เซี่ยไห่หยางรีบนำหุ่นเชิดออกมา ไม่ทันที่เขาจะได้ส่งให้ เงานั้นก็ยกมือขึ้น กำอากาศ หุ่นเชิดลอยหายไปในม่านหมอกในทันที จากนั้นไม่นานก็มีเสียงร้องตื่นตะลึงดังออกมาจากหมอก
“ใช้แก่นวิญญาณที่หลอมจากศิลาวิญญาณประมาณสี่สิบก้อน อีกทั้งยังใช้อักขระเต๋าน้อยกว่าสามพันตัว แต่คุณภาพของหุ่นเชิดตัวนี้กลับเทียบเท่าหุ่นเชิดที่หลอมจากศิลาวิญญาณกว่าร้อยก้อนและสลักอักขระเต๋าเป็นหมื่นตัว…แม้ขั้นตอนการหลอมวัสดุจะยังไม่ถึงขั้น แต่ก็น่าสนใจเลยทีเดียว ไม่แย่ ไม่แย่เลย!” เงาในหมอกเอ่ยชม ไม่ขาดปาก น้ำเสียงเต็มไปด้วยความปลาบปลื้ม จากนั้นเงาก็โยนหมวกนักรบให้ เซี่ยไห่หยางและจากไป
เซี่ยไห่หยางหายใจลึก ปาดเหงื่อบนใบหน้า และล่องเรือกลับ เมื่อมาถึงถ้ำที่พักของหวังเป่าเล่อ เขาก็ดูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
“สหาย คนผู้นั้นพึงพอใจหุ่นเชิดของเจ้าเป็นอย่างมาก!” พูดเสร็จ เขาก็ยื่น หมวกนักรบสีแดงชาดและแผ่นหยกอธิบายวิธีใช้งานให้หวังเป่าเล่อ
“เขาให้เจ้ายืมวัตถุเวทชิ้นนี้ได้!”