บทที่ 580 ผอมลง
แม้จะผ่านไปครบชั่วสิบลมหายใจ กำปั้นบนฟ้าก็ยังมีพลังกล้าแกร่งดั่ง ทัณฑ์สวรรค์แฝงอยู่ ผืนดินสั่นไหวปรากฏรอยร้าว ภูผารอบๆ สั่นคลอน ผู้ชมรอบๆ รีบหนีไปด้วยความตื่นตกใจ เจ้าเยี่ยเหมิงและกงเต๋าที่จับตาดูต่างเป็นกังวลใจหนัก
แต่พวกเขาก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ ศึกระหว่างหวังเป่าเล่อและตู้กูหลินได้มาถึงจุดที่เหนือกว่าขั้นกำเนิดแก่นใน เทียบเคียงได้กับขั้นจุติวิญญาณหากไม่นับเคล็ดวิชา ที่ใช้
“แพ้แล้วหรือ…” ทุกคนที่จับตาดูการต่อสู้อยู่ตะลึงงันไป หวังเป่าเล่อนอนมองกำปั้นยักษ์ร่วงลงมาจากฟากฟ้าอยู่ท่ามกลางกองหิน เขาผุดยิ้มขมขื่นขึ้น แต่ในตายังแฝงไปด้วยจิตวิญญาณนักสู้!
ยังเหลืออีกอย่างที่ข้ายังไม่ได้ใช้! หวังเป่าเล่อหายใจถี่รัว แม่นางน้อยยังไม่ได้ ปริปากพูดอะไรตลอดการต่อสู้ แต่เขาก็รู้ว่านางไม่ได้หลับ แต่กำลังเฝ้าดูศึกครั้งนี้อยู่!
ไพ่ตายที่เหลืออยู่ไม่ใช่แม่นางน้อย แต่เป็นฝักกระบี่ที่อยู่ภายใน!
ฝักกระบี่เป็นสมบัติเวทชิ้นแรกที่หวังเป่าเล่อหลอมขึ้น แม่นางน้อยบอกว่ามันเป็นสมบัติเวทภายในกายที่สามารถจัดการได้ทุกสิ่ง จากการหล่อเลี้ยงมาตลอด นอกจากจะใช้ปล่อยยุงแล้วก็ดูจะไม่ได้มีประโยชน์อื่นอีก
หวังเป่าเล่อไม่เคยคิดจะใช้สมบัติชิ้นนี้มาก่อน แต่ตอนนี้…เสียงเย็นเยียบได้ สว่างวาบขึ้นในตาของเขา ทันใดที่หมัดสี่อสูรพุ่งเข้ามาใกล้ ดอกบัวสีเขียวในกาย หวังเป่าเล่อก็สั่นไหวรุนแรง พยายามฟื้นฟูร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บหนัก แม้พลังกดดันของตู้กูหลินจะส่งผลให้การฟื้นฟูเป็นไปได้ช้าและไม่สมบูรณ์ แต่ก็เพียงพอให้ชายหนุ่มสามารถปลดปล่อยการโจมตีที่ไม่เคยใช้มาก่อนได้!
ทันใดนั้น จิตวิญญาณนักสู้ก็ลุกโชติช่วงขึ้นในดวงใจ เขาร้องตะโกน หน้าผากผุดเส้นเลือดปูดโปนขณะกระแทกมือซ้ายลงกับเศษหินส่งตัวเองลอยขึ้นไปกลางอากาศ ชายหนุ่มไม่คิดหนี แต่พุ่งทะยานไปประจันหน้ากับหมัดสี่อสูร!
ภาพเบื้องหน้าทำให้บรรดาผู้ชมตื่นตะลึง พวกเขามองดูหวังเป่าเล่อพุ่งไปหา หมัดสี่อสูรซึ่งๆ หน้า!
ขณะที่ทุกคนจับจ้องไปทางหวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นมองหมัดสี่อสูรที่ห่างออกไปไม่ถึงสามสิบเมตร ก่อนจะเอื้อมมือขึ้นมาจับตรงหน้าอก!
ทันใดนั้น หน้าอกของเขาก็ส่องแสงสว่างจ้า ก่อนจะเผยให้เห็นปลายฝักกระบี่ หวังเป่าเล่อกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดขณะดึงเอาฝักกระบี่ออกมาจากร่าง!
ฝักกระบี่ดูเก่าแก่ มีลักษณะไม่เหมือนของในอารยธรรมนี้ ทันใดที่ฝักกระบี่ โผล่พ้นร่าง ฟากฟ้าก็เปลี่ยนสี ลมพัดกระหน่ำพัดเมฆหมอกปั่นป่วน ผืนดิน สนามทดสอบสั่นไหว วัตถุชิ้นนี้เป็นเพียงสมบัติเวทระดับหก ไม่ใช่อาวุธเวท แต่กลับสร้างผลกระทบกับทั้งกระบี่สำริดเขียวโบราณเมื่อปรากฏ พลังมหาศาลพวยพุ่งออกมาจากฝักกระบี่ของหวังเป่าเล่อ แผ่กระจายไปทั่วสนามทดสอบ!
ชายหนุ่มรู้สึกว่ามีคมกระบี่ที่มองไม่เห็นในฝักกระบี่ แม้จะอยากดึงออกมา แต่ก็ดูเหมือนจะขาดอะไรไป!
ขาดไปเพียงแค่นิดเดียว!
หวังเป่าเล่อไม่มีเวลามัวมานึกเสียใจและครุ่นคิดอะไรมาก เขาเลิกล้มความคิดที่จะดึงกระบี่ออกจากฝัก แต่ใช้ฝักกระบี่ต่างกระบี่ ฟาดฟันใส่หมัดสี่อสูรที่พุ่งตรงมา!
ทันใดนั้น ทุกสิ่งก็ดับแสงไปหมด ตอนแรกยังมีแสงส่องประกายบนฟากฟ้ายามราตรี แต่ตอนนี้แสงสว่าทั้งหมดดับหายไป ราวกับว่าการฟาดกระบี่ลงจะเป็นการดูดแสงทั้งหมด บนท้องฟ้าเหลือเพียงฝักกระบี่ที่ฟาดปะทะกับหมัดสี่อสูร!
เสียงระเบิดราวกับโลกาได้เปล่งเสียงคำรามด้วยความโกรธดังก้องไปทั่วสนามรบพร้อมกับคลื่นพลังรุนแรงที่แผ่วงกว้างไปทั่วทุกทิศ หวังเป่าเล่อตัวสั่นเทิ้ม กระอักเลือดสดออกจากปาก ร่างของเขาร่วงลงพื้นจากแรงกดดันของหมัดสี่อสูร แต่มือยังจับฝักกระบี่เอาไว้แน่น พยายามต้านทานแรงปะทะสุดกำลัง!
หมัดสี่อสูรอันทรงพลังไม่ได้ถูกทะลายทิ้งจากฝักกระบี่ที่ฟาดฟันมา แต่ก็พลัน สั่นไหวอย่างรุนแรงเมื่อไม่สามารถล้มหวังเป่าเล่อลงได้!
ฝักกระบี่ได้ต้านพลังหมัดไว้!
เหมือนว่าฝักกระบี่ได้เพิ่มพูนพลังให้หวังเป่าเล่อทำให้ชายหนุ่มสามารถต้านทานพลังหมัดสี่อสูรเอาไว้ได้ มองจากไกลๆ จะเห็นเป็นภาพอันน่าพรั่นพรึง กำปั้นยักษ์ ห่างจากพื้นเพียงแค่เพียงนิดเดียว ใต้กำปั้นยักษ์เป็นหวังเป่าเล่อที่ถือฝักกระบี่ต้านกำปั้นไม่ให้พุ่งเข้าใส่ตนเอง!
ชายหนุ่มเป็นดั่งหินแข็งที่เข้าขัดวงล้อแห่งโชคชะตาไม่ให้หมุนทำลายทุกสิ่ง!
หวังเป่าเล่อได้ใช้พลังถึงขีดจำกัด แขนข้างที่ถือฝักกระบี่ไว้สั่นระริก ดอกบัวสีเขียว ในการสั่นไหว พลังกายขนาดมากกว่าครั้งไหนๆ พวยพุ่งออกมาฟื้นฟูร่างกาย หวังเป่าเล่อไม่หยุด หากหยุดเมื่อใด ร่างกายจะถูกบดขยี้ จึงไม่มีทางใดนอกจากต้านทานต่อไป
ทนได้ไม่นาน ร่างกายก็ไม่สามารถรับได้ไหว ผิวหนังและกระดูกเริ่มปริแตก พลังจากกำปั้นทำให้หวังเป่าเล่อไม่สามารถหายใจได้ ร่างกายที่ฉีกขาดถูกซ่อมแซม ไม่หยุดหย่อน แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะทนต่อไปได้นาน
แก่นในแห่งอัสนีเริ่มปริแตก แก่นในแห่งความมืดก็เช่นกัน หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป แก่นในทั้งสองจะถูกทำลาย พลังปราณจะหายวับไปหมด ขั้นกำเนิดแก่นใน จะพังลง!
สติสัมปชัญญะเริ่มเลือนราง ชายหนุ่มได้ยินเสียงดังแว่วขึ้น มีทั้งเสียงที่คุ้นเคยและเสียงที่ไม่เคยได้ยิน แต่ทุกเสียงต่างกรีดร้องบอกให้เขายอมแพ้ไป!
ข้าจะยอมแพ้ได้อย่างไร เต๋าของข้าห้ามไม่ให้ยอมแพ้ ความทะเยอทะยานของข้าห้ามไม่ให้ยอมแพ้…หวังเป่าเล่อผู้นี้ไม่มีวันยอมแพ้! ขณะที่หวังเป่าเล่อกรีดร้องอยู่ในใจ รอยร้าวบนแก่นในแห่งความมืดและแก่นในสายฟ้าก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้น ร่างของเขากำลังจะพังลง ดอกบัวสีเขียวไม่สามารถช่วยซ่อมแซมร่างกายได้ทัน
ขณะที่ร่างกายกำลังจะทลายลง จิตวิญญาณของชายหนุ่มก็ลุกโชติช่วงส่งให้ตนก้าวข้ามขีดจำกัด เกิดเสียงดังสนั่น เมล็ดดูดกลืนในกายพลันตื่นขึ้น!
ท่ามกลางสถานการณ์เสี่ยงตายเช่นนี้ มันไม่ได้ดูดกลืนพลังจากภายนอก แต่กลืนกินเอาดอกบัวสีเขียว รวมถึงแก่นในแห่งความมืดและแก่นในแห่งอัสนีเข้าไป ทุกสิ่งไม่ได้หายไปไหน หากแต่ผสานรวมกันกับเมล็ดดูดกลืนเป็นครั้งที่สอง!
ครั้งแรกที่เกิดขึ้นนั้นเป็นตอนที่ดอกบัวสีเขียวฝังลงตรงเมล็ดดูดกลืนเป็นครั้งแรก หลังจากกลืนกินทุกสิ่งเข้าไป ก็เหมือนจะยังไม่เพียงพอ เมล็ดดูดกลืนจึงเริ่มดูดกลืนร่างกายของหวังเป่าเล่อ ร่างกลมอ้วนของเขาผอมลงอย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตา ภาพหวังเป่าเล่อเบื้องหน้าทุกคนก็…
ไม่ได้มีรูปร่างอ้วนกลมอีกต่อไป แต่เป็นร่างผอมเพรียว ชายหนุ่มผอมสูง คิ้วเป็นทรงสวย ดวงตาแหลมคม โครงหน้าได้รูปและชุดคลุมหลวมโพรกทำให้เขา ดูหล่อเหลายิ่งนัก อาจเป็นเพราะแตกต่างจากภาพที่เคยเห็นก่อนหน้ามาก ทุกคน จึงตื่นตะลึงกับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ หวังเป่าเล่อในตอนนี้เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์อัน ล้นเหลือ!
แม้แต่จั่วอี้ฟานที่ถือว่าเป็นคนรูปงามในสหพันธรัฐยังไม่สามารถทัดเทียม ความหล่อของเขาได้เพราะยังขาดบางสิ่งที่หวังเป่าเล่อมี นั่นก็คือความกล้าหาญ ทัศนคติอันดีงาม และพลังที่สามารถทำลายได้ทุกสิ่ง!
ทุกสิ่งประกอบกันทำให้หวังเป่าเล่อดูหล่อเหลา แต่ก็แฝงไปด้วยกลิ่นไอแห่ง ความชั่วร้าย ชายหนุ่มทรงเสน่ห์เสียจนหลี่อี้ที่จับตาอยู่ด้านนอกต้องเบิกตากว้าง
ทันใดนั้น เมล็ดดูดกลืนก็เริ่มกระบวนการตีกลับ เริ่มปล่อยพลังเข้าหล่อเลี้ยงร่างกาย!
พลังปราณของหวังเป่าเล่อปะทุขึ้น พลังกายพวยพุ่งขึ้นจากร่างที่อ่อนแรง ก่อนหน้า ก่อนจะบรรลุจากขั้นกำเนิดแก่นในชั้นกลางไปขั้นกำเนิดแก่นในชั้นปลาย ในชั่วพริบตา!
ยังไม่จบแต่เพียงเท่านั้น หลังจากบรรลุสู่ขั้นกำเนิดแก่นในชั้นปลาย เมล็ดดูดกลืนก็ยังคงส่งพลังไปหล่อเลี้ยงไม่หยุด พลังปราณในกายเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย เพียงครู่เดียว ระดับการฝึกตนของเขาก็พุ่งไปช่วงปลายสุดของชั้นปลาย ห่างจากชั้นสมบูรณ์แค่เพียงนิดเดียว!
ภาพเบื้องหน้าทำให้ตู้กูหลินรวมถึงผู้ชมทั้งในและนอกสนามรบตื่นตะลึงไป!
“บรรลุขั้นการฝึกตนระหว่างการต่อสู้!”
ขณะที่ผู้คนกำลังส่งเสียงฮือฮาด้วยความตกใจ พลังปราณของหวังเป่าเล่อก็ พวยพุ่งออกมา อาการบาดเจ็บได้รับการฟื้นฟูในทันใด ชายหนุ่มได้พลังที่เสียไปกลับคืน อีกทั้งยังทวีคูณสูงขึ้นกว่าก่อน คลื่นพลังน่าพรั่นพรึงแผ่พุ่งออกมาจากร่าง ทรงพลังเสียจนสามารถทำลายสรวงสวรรค์ลงได้ มือเลิกสั่นไหว จับกระบี่ได้มั่นคง มากขึ้น ขณะที่ตู้กูหลินมองมาอย่างไม่เชื่อสายตา หวังเป่าเล่อก็เงยหน้าขึ้นมองผ่านกำปั้นสี่อสูรไปสบตากับตู้กูหลินที่อยู่ภายใน!
“ข้าไม่มีวันยอมแพ้!” หวังเป่าเล่อเอ่ยขึ้น ดวงตาเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณนักสู้!