บทที่ 6 ปัญหาใหญ่
หลังจากที่ลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อยและได้รับหนังสือเคล็ดวิชาการฝึกวิทยายุทธ์ ชุดคลุมเต๋า รวมถึงสิ่งละอันพันละน้อยอื่นๆ หวังเป่าเล่อก็สวมชุดคลุมเต๋าสีแดงที่แสดงถึงความเป็นศิษย์คัดเลือกพิเศษ เขายืนจังก้าอยู่บริเวณยอดเขา แม้ว่าที่นี่จะอยู่ห่างไกลไปสักหน่อย แต่หวังเป่าเล่อก็ยิ้มไม่หุบเมื่อได้ยืนอยู่ตรงหน้าบ้านหลังงามท่ามกลางทิวทัศน์ที่ยอดเยี่ยม
เขายืนอยู่หน้าประตูหินสีม่วง ที่เปิดเองโดยอัตโนมัติ เผยให้เห็นถ้ำที่พักส่วนตัวของเขา!
ถ้ำที่พักในตำนาน! หวังเป่าเล่อแทบจะสะกดความลิงโลดเอาไว้ไม่อยู่ ศิษย์ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในอาคารที่ดูคล้ายหอพัก ศิษย์เพียงหยิบมือเท่านั้นที่ได้รับเลือกให้มีถ้ำที่พักอยู่บนยอดเขานี้
สิ่งที่หายากกว่าย่อมดีกว่า อาจมีการอนุญาตให้สร้างตึกเพิ่มเติมบนภูเขาแห่งนี้เมื่อใดก็ได้ แต่จำนวนของถ้ำที่พักนั้นจะคงที่เสมอ การสร้างเพิ่มนั้นยากเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้น ในถ้ำที่พักมีวงแหวนปราณที่ดึงดูดปราณวิญญาณ ส่งผลให้ที่นี่มี ปราณวิญญาณหนาแน่นกว่าอาคารอื่นๆ
แม้ว่าถ้ำที่พักของเขาจะเล็กจ้อย หวังเป่าเล่อก็เชื่อว่าสิ่งที่เขาได้รับนี้มากพอที่จะทำให้ศิษย์คนอื่นๆ ตาร้อนผ่าวด้วยความอิจฉา
หวังเป่าเล่อยังรู้สึกถึงความแตกต่างของเสื้อคลุมเต๋าของเขากับเสื้อคลุมเต๋าของศิษย์คนอื่นๆ อีกด้วย เขาจ้องมองถ้ำที่พักของเขาอยู่อึดใจหนึ่ง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ภายในรัศมีแล้วเขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น เขารู้สึกมีชีวิตชีวาเป็นที่สุด เมื่อเขาเข้าไปในถ้ำที่พักจึงเห็นว่าถ้ำนี้แม้จะไม่โอ่โถงนักแต่มีระเบียงด้วย ตัวระเบียงยื่นออกไปราวยี่สิบฟุตจากขอบยอดเขา ทำให้การออกไปยืนข้างนอกให้ความรู้สึกราวกับยืนอยู่บนฟ้าอย่างไรอย่างนั้น
หวังเป่าเล่อผู้เปี่ยมสุขเดินออกไปที่ระเบียงเพื่อสูดหายใจพร้อมกับซึมซับทิวทัศน์สดสวย เขาหยิบถุงขนมออกมาจากกระเป๋าอย่างอารมณ์ดี
หวังเป่าเล่อผู้ที่ตอนนี้กำลังมีความสุขสุดๆ กินขนมอย่างสบายใจ เขาหยิบเอาตำราเคล็ดวิชาการฝึกตนประจำสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ออกมา บนหน้าปกมีตัวหนังสือพู่กันที่หนาและแข็งแรง อ่านได้ความว่า
วิชาการฝึกตนโบราณ!
วิชานี้ไม่ได้เป็นวิชาบังคับเฉพาะของสาขาอาวุธเวทเท่านั้น ศิษย์ทุกคนในระดับมหาปราชญ์ชั้นรองต้องศึกษาการฝึกตนขั้นพื้นฐาน หลังจากที่ศิษย์ใหม่ลง ทะเบียนเสร็จ พวกเขาจะเข้าร่วมกับสาขาวิชาตามที่ได้เลือกไว้เพื่อเข้าศึกษาความรู้เฉพาะทางที่แต่ละสาขาเชี่ยวชาญ วิชาการฝึกตนโบราณเป็นวิชาเดียวเท่านั้นที่ ทุกสาขาต้องเรียนเหมือนกันหมด ในฐานะวิชาฝึกตนขั้นพื้นฐานที่จะช่วยสนับสนุนทักษะเฉพาะทางของแต่ละสาขาต่อไป
ระดับการฝึกตนโบราณมีสามขั้น ขั้นปราณโลหิต ขั้นผนึกกายา และขั้นบำรุงชีพจร อากาศที่เริ่มเย็นลงทำให้สายลมที่พัดผ่านตัวหวังเป่าเล่อนั้นเย็นสบาย ช่วยให้เขาตั้งสมาธิกับการศึกษาเคล็ดวิชาได้อย่างราบรื่นมากขึ้น
จวบจนเมื่อแสงสุดท้ายของตะวันถูกแทนที่ด้วยความมืดมิด หวังเป่าเล่อจึงเงยหน้าขึ้น เขาอ่านตำราการฝึกตนโบราณจบแล้ว ตอนนี้เขาเข้าใจระดับการฝึกตนโบราณเป็นอย่างดี
ผู้ฝึกตนระดับปราณโลหิตมีความแข็งแกร่งทางกายภาพสูง ในขณะที่ผู้ฝึกตนขั้นผนึกกายานั้นเฉียบคมและแม่นยำ เมื่อฝึกสำเร็จถึงขั้นบำรุงชีพจรแล้วนั้น…สภาพร่างกายผู้ฝึกจะไปอยู่บนจุดสูงสุดของพัฒนาการทางกายภาพของมนุษย์! หวังเป่าเล่อหายใจเข้าลึก เขานึกไปถึงตอนเจอเจ้าหนุ่มชุดแดง เฉินจื่อเหิง คนที่ยิงธนูใส่ภูเขา นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อเริ่มเปล่งประกายความตื่นเต้น
เพื่อจะเป็นผู้นำสหพันธรัฐ ความชำนาญในวิชาการฝึกตนโบราณเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง การฝึกอาจจะช่วยให้ข้าลดน้ำหนักได้ด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัวเลยนะเนี่ย หวังเป่าเล่อที่กำลังตื่นเต้นสุดๆ นั้นเริ่มต้นการฝึกตนทันที แต่แล้วจู่ๆ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เขายกมือขวาขึ้นและดึงเอาหน้ากากนิลครึ่งเสี้ยวออกมา
หวังเป่าเล่อเพ่งมองไปที่หน้ากากอย่างตรึกตรอง เหตุการณ์ที่หน้ากากนิลปรากฏขึ้นมาเลือนลางในการสอบนั้นยังติดใจเขาอยู่ ไหนจะข้อความมัวๆ ที่ปรากฏขึ้นมาบนหน้ากากอีกเล่า
เจ้านี่ต้องเป็นสมบัติอย่างแน่นอน! หัวใจของหวังเป่าเล่อเต้นแรง เพราะมีบิดาและมารดาเป็นนักโบราณคดีเป็นเหตุให้บ้านของเขาเต็มไปด้วยของเก่าที่ดูเผินๆ แล้วเหมือนเป็นขยะ
หวังเป่าเล่อเคยจินตนาการว่าในกองของเก่าของบิดามารดานั้น มีสมบัติอยู่ชิ้นหนึ่ง แต่เขาเล่นกับของแทบทุกชิ้นมาตั้งแต่ยังเยาว์ ครั้งหนึ่ง เขาถึงขนาดลองหยดเลือดใส่ของชิ้นหนึ่งเพื่อหวังจะให้เกิดอภินิหาร
เมื่อหน้ากากมาอยู่ในมือ หวังเป่าเล่อจึงเพ่งพินิจมันอีกครา แต่นอกเหนือไปจากตัววัสดุที่เย็นเฉียบแล้ว ไม่มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับหน้ากากนี้เลย แต่เมื่อหวังเป่าเล่อคิดได้ว่าหน้ากากจะเปลี่ยนแปลงเฉพาะในสิ่งแวดล้อมแบบพิเศษเหมือนตอนที่อยู่ใน การสอบ ตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมาอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าข้าจะต้องไปยืมวัตถุเวทที่สร้างนิมิตได้เหมือนกับในการสอบ บางทีข้าอาจจะสามารถไขความลับของหน้ากากนี้ได้ก็เป็นได้! คิดได้ดังนั้น เขาก็เพิ่งรู้สึกตัวว่ามืดเสียแล้ว หวังเป่าเล่อผู้เหนื่อยอ่อนจึงเดินกลับเข้าถ้ำที่พักและจัดแจงข้าวของอย่างสุขใจ เขาไม่ได้ขนเสื้อผ้ามาด้วยมากนัก ของส่วนมากที่เขานำมาด้วยเป็นของ แปลกพิสดาร เขามีแม้กระทั่งโทรโข่งอันเขื่อง
สิ่งของทุกชิ้นคือสมบัติที่รวบรวมมาเพื่อจะช่วยให้ข้าได้เป็นเจ้าพนักงาน ถ้าไม่ใช่ว่าหากระเป๋าเดินทางในฝันไม่เจอ ข้าคงไม่ต้องลำบากขนาดนี้! หวังเป่าเล่อหาวขณะที่มองไปที่ขุมสมบัติในกระเป๋าอย่างพึงใจ แต่ขณะที่เขากำลังจะหลับไปนั่นเอง เขาสะดุ้งตัวลุกขึ้นนั่ง
ข้าจะกลัวความสำเร็จไม่ได้ อัตชีวประวัติเจ้าพนักงานระดับสูงกล่าวถึงหลายคนที่สูญเสียความเป็นตัวเองไปเพราะความสำเร็จชั่วครั้งชั่วคราว พวกเขามีจุดจบที่ไม่ดีกันสักคน! หวังเป่าเล่อหายใจเข้าลึก หลังจากที่ข่มความตื่นเต้นในใจลงได้ หวังเป่าเล่อเริ่มคิดทบทวนถึงเหตุผลที่พวกอาจารย์มองเขาแปลกๆ ก่อนหน้านี้และการกระทำ อันไร้เยื่อใยของอาจารย์เคราแพะ ยิ่งนำมารวมกับสถานะศิษย์คัดเลือกพิเศษที่เขาได้รับมา คำตอบนั้นชัดเจนยิ่ง
พวกอาจารย์ต้องรู้แน่ๆ ว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล หวังเป่าเล่อรู้คำตอบหลังจากไตร่ตรองอยู่นาน แต่เขาไม่ต้องการจะสูญเสียทุกสิ่งที่เขาได้มา ขณะที่กำลังปวดหัว อยู่นั้น หวังเป่าเล่อก็ได้แต่นึกโทษความไร้เส้นสายของตนเอง
ข้าต้องรีบหาคนหนุนหลังเสียแล้วล่ะ
สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทุกสาขาวิชาประกาศรายชื่อศิษย์ที่ได้รับเลือก เหล่าศิษย์ใหม่ทยอยกันเดินทางไปที่ยอดเขาตามสาขาวิชาของตน ชีวิตในสำนักศึกษากำลังจะเริ่มต้นขึ้น ศิษย์ใหม่ทุกคนต่างพากันทำความเข้าใจกับกฎและข้อบังคับ ของสำนัก
หวังเป่าเล่ออยู่อย่างเงียบๆ มาเป็นเวลาสามวัน เขาเอาแต่ฝึกวิชาการฝึกตนโบราณ ไม่ได้ย่างกรายออกไปนอกถ้ำที่พักแม้แต่ก้าวเดียวเพราะกลัวว่าเจอกับอาจารย์เคราแพะ หวังเป่าเล่อคิดว่าถ้าเขาอยู่เงียบๆ จนผ่านช่วงเวลาสุ่มเสี่ยงนี้ไปได้ เขาก็น่าจะปลอดภัย
และสมดังที่หวังเป่าเล่อคาดไว้ ข่าวเรื่องการสอบประจำเขตแพร่กระจายไปทั่วเครือข่ายวิญญาณของสำนักวิชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ราวกับไฟลามทุ่ง ข่าวใหญ่เรื่องนี้กลบความกังวลของเขาไปหมดสิ้น
การสอบเกิดขึ้นพร้อมๆ กันบนบอลลูนอากาศร้อนลาดตระเวนจากสถานที่เกือบร้อย ศิษย์ที่แสดงความสามารถได้อย่างโดดเด่นต่างก็เป็นที่สนใจของผู้คน
“นี่เจ้ารู้หรือยัง มีศิษย์ใหม่จากนครเมฆาสวรรค์คนหนึ่ง ที่ชื่อลู่จิงหนันนั่นไง เขาวางกับดักแล้วฆ่ากิ้งก่ากระดูกเหล็กได้เชียวนะ เขาเก่งสุดๆ ไปเลย!”
“ไม่เห็นจะเท่าไรเลย ข้าได้ยินมาว่ามีผู้เชี่ยวชาญชื่อเฉินจื่อเหิงโผล่ขึ้นมาในการสอบของเมืองปักษาเพลิง เขาคนนั้นน่ะ อีกนิดเดียวก็จะถึงขั้นผนึกกายาของระดับการฝึกตนโบราณแล้วนะ ได้ยินมาด้วยว่าสาขาวิชาทั้งแปดต่างก็เชิญให้เขาเข้าร่วมกันหมดเลย เขาดังมากเลยนะ!” ขณะที่เหล่าศิษย์ในสาขาต่างๆ ของเกาะมหาปราชญ์ชั้นรองต่างพากันซุบซิบเรื่องศิษย์ใหม่บนเครือข่ายวิญญาณ ก็มีชื่อคนโน้นคนนี้ถูกกล่าวถึงมากขึ้นเรื่อยๆ
“แต่คนที่เด่นสุดๆ เห็นจะเป็นเจ้าเยี่ยเหมิง เขาว่ากันว่านางน่ะเกิดมาพร้อมกับร่างวิญญาณ นางสามารถจะหลอมศิลาวิญญาณที่บริสุทธิ์ร้อยละแปดสิบได้ จริงๆ แล้วนางน่ะสามารถเข้าสำนักศึกษาเต๋ากวางขาว สำนักศึกษาที่ดีที่สุดในสหพันธรัฐได้เลยเชียวนะ แต่ว่าสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์น่ะยอมจ่ายไม่อั้นจนได้ตัวนางมา!”
“เจ้าเยี่ยเหมิงน่ะสุดยอดไปเลย แต่มีอีกคนหนึ่งที่น่าจะเก่งพอๆ กับนาง หรืออาจจะเก่งกว่าเสียด้วยซ้ำ เขาชื่อจั่วอี้ฟาน ว่ากันว่าเขาเกิดมาพร้อมทักษะเนตรดวงดาว ทุกครั้งที่เขาใช้ทักษะนี้ทุกสิ่งอย่างรอบตัวเขาก็ดูเหมือนเคลื่อนไหวช้าลง ยิ่งไปกว่านั้น เขายังฝึกสำเร็จขั้นผนึกกายาแล้วด้วยนะ เขาเป็นลูกเต้าเหล่าใครนี่ ยังเป็นปริศนา แต่ว่ากันว่าเขามาจากตระกูลนภาห้าสมัย ตอนนี้เขาได้รับเลือกเป็นศิษย์คัดเลือกพิเศษของสาขาการยุทธ์ไปแล้ว”
ในการสนทนานี้ เหล่าศิษย์ใหม่ที่โดดเด่นต่างได้รับความสนใจ แม้กระทั่งศิษย์รุ่นพี่ ต่างก็แอบรู้สึกกังวลใจเมื่อได้ยินข่าว ทางด้านหวังเป่าเล่อผู้ที่พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่ทำตัวเด่นกลับโด่งดัง เพราะดีชั่วอย่างไร เขาก็เป็นศิษย์คัดเลือกพิเศษ ความสามารถของเขาเมื่อตอนทำการทดสอบก็มีศิษย์ใหม่จากเมืองปักษาเพลิงเป็นสักขีพยานร่วมร้อยชีวิต
“ในบรรดาเด็กใหม่ปีนี้มีศิษย์คัดเลือกพิเศษสองคนเท่านั้น คนหนึ่งชื่อจั่วอี้ฟาน อีกคนหนึ่งชื่อ…หวังเป่าเล่อยังไงล่ะ! หวังเป่าเล่อคนนี้เป็นผู้มีคุณธรรมสูงส่งมาก เขาเป็นคนรักความถูกต้องอย่างที่สุดและยังพร้อมที่จะสละชีพตนเองเพื่อผู้อื่นอีก ด้วยนะ เพื่อจะช่วยเหลือเพื่อนร่วมชั้น เขาถึงกับยอมวิ่งฝ่าดงอสรพิษ แม้ว่า อสรพิษทารกขาวกระดูกแดงจะโผล่มาเขาก็ไม่กลัว และเพื่อจะเปิดโอกาสให้เพื่อนหนี เขาถึงกับยอมเอาตัวให้ฝูงหมาป่ากิน เขายังได้กล่าวถ้อยวาจาสุดกินใจว่าจะขออยู่และตายในฐานะศิษย์สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย!”
“หลังจากนั้น ตอนที่หมีวิญญาณอาฆาตโบราณโผล่มา หวังเป่าเล่อที่บาดเจ็บสาหัสยังคลานเข้าไปหามันเลย เขาใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อเจ้าหมีร้ายเพื่อจะช่วยเหลือเพื่อนร่วมสำนักหนี!”
เรื่องเล่านี้แพร่ไปราวกับไฟลามทุ่ง ทำให้หวังเป่าเล่อดังเป็นพลุแตก ตอนนี้ ทั้งเกาะมหาปราชญ์ชั้นรอง ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อหวังเป่าเล่อ
หวังเป่าเล่อตัวจริง ผู้ซึ่งได้อ่านทุกอย่างนี้จากเครือข่ายวิญญาณถึงกับตัวเย็นด้วยความกลัว เขารู้สึกได้ว่าปัญหากำลังก่อตัวขึ้น เขาจึงรีบใช้แหวนสื่อสารพิมพ์ตอบกระทู้อย่างรวดเร็ว
“สวัสดีทุกคน ข้าหวังเป่อเล่อเอง พวกเจ้าเข้าใจผิดแล้ว ตอนทำสอบน่ะข้ากลัวมากเลยนะ แต่ที่ข้าวิ่งเข้าไปในดงอสรพิษก็เพราะว่า ข้าคิดว่าเพื่อนร่วมชั้นของข้า โจวเสี่ยวหยาน่ะ น่ารักมาก ข้าแค่อยากจะจีบนางเท่านั้น จริงๆ นะ…”
หวังเป่าเล่อกัดฟันพิมพ์ข้อความนี้ไป เขาเชื่อว่าหากเขาลดความน่าชื่นชม ของตัวเองลง ชื่อเสียงของเขาก็น่าจะจางหายไปด้วย เขาไม่อยากที่จะเป็นจุดสนใจแล้วจริงๆ
หวังเป่าเล่อไม่คาดคิดเลยว่า ณ วินาทีที่เขาโพสต์ข้อความตอบไปนั้น เขาจะได้รับการสนับสนุนและข้อความตอบกลับอย่างล้นหลาม ส่วนมากมาจากศิษย์หญิง พวกนางตอบข้อความเขา และชมว่าเขาประพฤติได้สมเป็นลูกผู้ชาย!
หวังเป่าเล่อน้ำตาคลอเบ้า เขาแทบจะเป็นลม เขาคร่ำครวญเพราะไม่นึกว่าวิธีการนี้จะทำให้ความนิยมในตัวเขาเพิ่มขึ้นอีก เขาโพสต์ข้อความไปเพิ่มอีก
“อันที่จริงแล้ว ที่ข้าเอาตัวไปบังพวกหมาป่าเอาไว้ เพราะว่าข้าถูกพิษ ข้ารู้ว่ายังไงเสียข้าก็ไม่รอด ก็เลยอยากจะรีบๆ ตายไปให้มันพ้นๆ น่ะ คนที่ช่วยทุกคนไว้น่ะ ไม่ใช่ข้าหรอกนะ ความดีความชอบทั้งหมดเป็นของเฉินจื่อเหิงต่างหากล่ะ!”
หวังเป่าเล่อกำลังจะถอนใจด้วยความโล่งอกหลังจากที่โพสต์ข้อความนี้ไป เขาคิดว่าถ้าเขายกความดีความชอบให้ คนก็จะแห่กันไปสนใจเฉินจื่อเหิงแทนเขา
อย่างไรก็ดี…ความโล่งใจของหวังเป่าเล่อคงอยู่ได้นาน เมื่อเฉินจื่อเหิงมาโพสต์ตอบกระทู้ของเขาว่า หากวัดกันที่วิทยายุทธ์ หวังเป่าเล่ออาจจะเป็นรอง แต่หากจะวัดกันที่จิตวิญญาณความเป็นวีรบุรุษ พลังใจ และความเสียสละแล้วล่ะก็ ตัวเขาเองยังด้อยกว่าหวังเป่าเล่อมากนัก!
ทันทีที่คำตอบนี้ถูกโพสต์ เครือข่ายวิญญาณก็ร้อนระอุขึ้นมาอีกครั้ง เพราะว่าเฉินจื่อเหิงเป็นคนดัง สิ่งที่เขาพูดจึงมีน้ำหนักมาก ในชั่วพริบตา ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนต่างพากับพูดคุยเรื่องนี้ แผนของหวังเป่าเล่อที่จะหันเหความสนใจของมวลชนก็ล่ม ไม่เป็นท่าไปอีกคำรบ ตอนนี้ผู้คนพากันสนใจเขามากกว่าเจ้าเยี่ยเหมิงซะอีก
หวังเป่าเล่อแทบจะเอาหัวโขกกำแพงตาย เขาวิตกกังวลจนน้ำตาไหลอาบแก้ม ร่างกายสั่นเทาไปหมด
โธ่ สวรรค์ นี่พยายามฆ่ากันหรืออย่างไร โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ! ข้ายอมรับผิดแล้วก็ได้
ทั้งน้ำตานองหน้า หวังเป่าเล่อกัดฟันและโพสต์อีกครั้งหนึ่ง
“ทุกคน ได้โปรดอย่าสนใจข้าเลย ข้าเป็นแค่เด็กอ้วนธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้นเอง ข้าไม่มีอะไรดีหรอก ข้าทั้งตะกละ หื่นกาม แล้วยังโลภโมโทสัน ข้าผ่านการสอบเข้ามาได้อย่างฉิวเฉียด หนำซ้ำ ศิลาวิญญาณที่ข้าหลอมได้ยังมีความบริสุทธิ์แค่ร้อยละห้าสิบเท่านั้นเอง ข้าเป็นคนธรรมดาสามัญจริงๆ นะ!”
หวังเป่าเล่อคิดว่าแผนการทำลายชื่อเสียงตัวเองคงจบลงที่ครั้งนี้จริงๆ สิ่งเลวร้ายทุกอย่างที่เขาพอจะคิดออกเขาก็ได้ใส่ไปหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม ความพลิกผันของสถานการณ์ทำเอาหวังเป่าเล่อถึงกับอ้าปากค้าง
เพราะคราวนี้ หลิวต้าวปินมาตอบเอง ข้อความของเขามีพลังที่สะท้อนใจศิษย์นับไม่ถ้วนแบบที่ไม่เคยที่ใครทำได้มาก่อน!
“เจ้าเยี่ยเหมิงก็เก่ง จั่วอี้ฟานหรือก็ยิ่งเก่งกว่า พวกเขาเก่งที่สุดในบรรดาเด็กใหม่ไม่ต้องสงสัยเลย ความสามารถของพวกเขามากเกินพอที่จะใช้ช่วยเหลือผู้คนหรือ ผ่านการทดสอบ แต่สิ่งที่หวังเป่าเล่อมีนั้นแตกต่างออกไป เขาช่วยเหลือผู้คนด้วยชีวิตของเขา คล้ายกับว่าหากมหาเศรษฐีมอบศิลาวิญญาณร้อยก้อนให้กับท่าน เทียบกับยาจกที่มอบศิลาวิญญาณที่เขาสะสมมาอย่างยากลำบากทั้งร้อยก้อนให้กับท่าน การกระทำทั้งสองนี้จะมีค่าทัดเทียมกันได้อย่างไร หวังเป่าเล่อก็เหมือนกับพวกเรา ทุกคน เป็นแค่เด็กใหม่ธรรมดาๆ เขาจะไม่มีข้อเสียเลยได้อย่างไรกัน แต่ว่าคนที่เต็มไปด้วยข้อเสียคนนั้นเองที่ยอมสละแม้ชีวิตของตนเพื่อปกป้องผู้อื่น นับเป็นการกระทำที่น่าสะเทือนใจอย่างยิ่ง เหตุการณ์นองเลือดในครั้งนั้นข้าจะไม่มีวันลืมไปจนตราบสิ้นชีวิต!”
คำตอบของหลิวต้าวปินสะเทือนใจมวลชนเป็นอย่างมาก ผู้คนในเกาะมหาปราชญ์ ชั้นรองหลั่งไหลกันเข้ามาโต้ตอบราวกับฟ้าถล่ม การพูดคุยเรื่องของหวังเป่าเล่อเป็นที่นิยมมากจนแซงหน้าเรื่องของจั่วอี้ฟาน ส่งผลให้เขากลายเป็นเด็กใหม่ยอดนิยมไป โดยปริยาย!
หวังเป่าเล่อถึงกับพูดไม่ออก เขาอ่านข้อความเหล่านี้ในเครือข่ายวิญญาณอย่างงุนงง เขาไม่เคยคิดว่าตัวเขาเองยอดเยี่ยมอะไรเลย เขาใช้เวลาครู่หนึ่งในการตั้งสติ เขาหยิบถุงขนมออกมาด้วยสีหน้าเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก เริ่มเคี้ยวขนม
จบสิ้นกัน จบสิ้นกันแล้ว! ข้าเจอปัญหาใหญ่แล้ว!
แน่นอนว่า เป็นเวลาไม่นานนักก่อนที่เหล่าอาจารย์ที่โดยสารมาจากเมืองปักษาเพลิงจะสังเกตเห็น พวกเขาไม่อาจนิ่งเฉยได้จึงประกาศแก่มวลชนว่าหวังเป่าเล่อโกงการทดสอบ
ปาหินลงน้ำสร้างวงกระเพื่อมขนาดยักษ์ฉันใด ประกาศฉบับนี้ก็สร้างความวุ่นวายไปทั่วเกาะมหาปราชญ์ชั้นรองฉันนั้น!