Skip to content

A World Worth Protecting 89

บทที่ 89 ปะทะผู้ฝึกตนระดับลมหายใจเที่ยงแท้

สามวันก่อนที่เหล่าศิษย์จากสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์จะเดินทางเข้ามิติเวท     หวังเป่าเล่อที่ตรากตรำผ่านความเจ็บปวดแสนสาหัสของการฝึกตน บัดนี้นั่งพักอยู่ในถ้ำที่พักในกางเกงขาสั้น จิตใจว้าวุ่นไปหมดขณะมองร่างกายของตนเองที่ผอมลงอย่างมาก สีหน้าของชายหนุ่มที่สะท้อนอยู่ในกระจกเต็มไปด้วยความมั่นใจ

วิธีนี้ทำให้ข้าลดน้ำหนักได้เสียด้วย!

นอกจากความหล่อเหลาที่ฉายอยู่ในกระจกแล้ว หวังเป่าเล่อยังเห็นว่าผิวของเขามีใยสีทองเรืองออกมา ชายหนุ่มตื่นเต้นถึงขีดสุด โดยเฉพาะยามที่เห็นว่าปราณโลหิตที่เขาปล่อยออกมาเพียงเล็กน้อยปกคลุมทุกสิ่งในห้อง

ข้านี่ช่างแข็งแกร่งเสียจริง! ฮ่า นี่คงเป็นสิ่งที่เค้าเรียกกันว่าสรีระทองคำสินะ!

เมื่อคิดได้ดังนี้ หวังเป่าเล่อก็รีบเข้ามิติมายาไปด้วยความปลาบปลื้ม และเริ่มตะโกนสุดเสียงทันทีเมื่อไปถึง

“แม่นางน้อย ดูแสงสีทองที่ออกมาจากตัวข้าสิ! ดูสิ ดู! แบบนี้แปลว่าข้าได้     สรีระทองคำหรือยังนะ”

เมื่อหวังเป่าเล่อพูดจบ หน้ากากก็กะพริบแสงสองสามครั้ง เวลาผ่านไปอึกใจหนึ่งแต่หน้ากากก็ไม่ได้มีข้อความอยู่บนนั้น นี่ทำให้หวังเป่าเล่อเริ่มกระวนกระวายด้วยความไม่แน่ใจเช่นกันว่าตนทำสำเร็จหรือไม่ สักพักข้อความก็ปรากฏขึ้นบนหน้ากากอย่างช้าๆ ราวกับแม่นางน้อยเองก็ไม่แน่ใจ

“ขอแสดงความยินดีด้วย เจ้าได้บรรลุปราณขั้นสรีระทองคำแล้ว!”

“จริงหรือ” เมื่อได้เห็นข้อความยืนยันนี้ หวังเป่าเล่อก็ดีใจจนแทบกระโดด         แต่ก็ยังอดสงสัยในท่าทีแปลกๆ ของหน้ากากนิลไม่ได้

“จริงสิ เพียงเท่านี้เจ้าก็ไปสู้กับผู้ฝึกตนระดับลมหายใจเที่ยงแท้ได้แล้ว!             ไปล้างแค้นเลยสิ รออะไร!” คราวนี้ข้อความปรากฏขึ้นบนหน้ากากในทันที

เห็นดังนั้น หวังเป่าเล่อก็รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมา เขามองท้องฟ้าด้วยความสุขใจ     มือสองข้างท้าวสะเอว

เกาเฉวียน หวังเป่าเล่อผู้ยิ่งใหญ่คนนี้จะโค่นเจ้าเอง!

ชายหนุ่มรู้สึกมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก เขาพยายามคะเนขั้นปราณของตน แต่ก็ไม่สามารถประมาณได้อย่างแน่ชัด เขารู้สึกถึงความคลับคล้ายคลับคลากับมวลพลังที่ชายชราชุดดำในป่าฝนบ่อเมฆ แต่ของเขากลับเข้มข้นกว่าอย่างน้อยสิบเท่า!

ปราณโลหิตของเขายิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีก หวังเป่าเล่อพยายามคะเนความแข็งแกร่งของปราณโลหิตตน แต่ก็ทำได้แค่อ้าปาก ความเข้มข้นของปราณโลหิต    ของเขานั้นสูงเสียจนน่าตกใจ พลังของปราณโลหิตที่คุ้มกันร่างกายเขาอยู่ในตอนนี้นั้น มากเกินสิ่งใดที่เขาเคยสัมผัสมาก่อน

ยิ่งไปกว่านั้น หวังเป่าเล่อยังได้กลิ่นที่ไม่คุ้นเคยโชยออกมาจากร่างกายเขา       มันไม่เหมือนกับอาหารหรือขนมใดที่เคยชิมมาก่อน นี่ทำให้หวังเป่าเล่อมั่นใจว่าบัดนี้ตัวเขาแข็งแกร่งไร้เทียมทาน

ความเร็วและพละกำลังที่เพิ่มขึ้นยิ่งเสริมความมั่นใจนี้เข้าไปอีก และคำยืนยันจากหน้ากากก็ทำให้เขาเชื่อหมดใจ หวังเป่าเล่อสะบัดแข้งสะบัดขา แล้วออกจากมิติมายาทันที เมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จเรียบร้อย ชายหนุ่มก็พุ่งออกจากถ้ำที่พักอย่างไม่รีรอ

เขาอดทนรอมาเกือบหนึ่งเดือนเต็ม และจะไม่รออีกต่อไปแล้ว หวังเป่าเล่อจะชำระความแค้นที่มีต่อเกาเฉวียนให้หมดสิ้นเสียตอนนี้!

โถ่ ไอ้เกาเฉวียน เจ้าข่มเหงรังแกข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่วันนี้ เจ้าจะรู้ซึ้งถึงความ  ร้ายกาจของท่านปู่หวัง โคตรบิดาเจ้า!

พลังของหวังเป่าเล่อล้นทะลัก เขาพุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วเหลือเชื่อ ความเร็วที่ไวกว่าเสียงนี้ส่งผลให้เกิดคลื่นกระแทกขณะที่เขาวิ่งไปข้างหน้า           ความไวระดับนี้ไม่ใช่อะไรที่พบเห็นกันในผู้มีปราณระดับบำรุงชีพจร

เสียงดังสนั่นที่มาพร้อมกับการเคลื่อนกายของหวังเป่าเล่อนี้ ดังก้องไปทุกทิศทาง ทำให้สานุศิษย์ที่อยู่แถวนั้นสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ แต่ก่อนที่จะทันเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หวังเป่าเล่อก็ลงจากยอดเขาไปไกลเสียแล้ว จุดหมายปลายทางของเขา    คือ ยอดเขาเจ้าสำนัก

ความเร็วเหนือเสียงของหวังเป่าเล่อ ทำให้เขามาถึงโถงบนยอดเขาเจ้าสำนักที่  เกาเฉวียนอาศัยอยู่ในไม่กี่อึดใจ ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาลที่ลอยอยู่ในอากาศ

ก่อนที่เขาจะได้สรีระทองคำมาไว้ในครอบครอง หวังเป่าเล่อไม่เคยรู้สึกถึง       แรงกดดันที่เกาเฉวียนปล่อยออกมาเลยแม้แต่น้อย พลังปราณที่แก่กล้าขึ้นของเขา       ทำให้ความไวพลังงานรอบตัวเพิ่มขึ้นด้วย แรงกดดันนี้ทำให้หวังเป่าเล่อชะงักกลางคัน

ถ้าเกิด…แม่นางน้อยโกหกข้าเล่า หวังเป่าเล่อกะพริบตาปริบๆ แววดื้อแพ่งปรากฏขึ้นในแววตา

ข้าจะถอยไม่ได้ ข้าบรรลุขั้นสรีระทองคำแล้ว ถึงอย่างไรข้าก็ต้องโค่นเกาเฉวียนได้สำเร็จ! แถมแถวนี้ยังมีคนเต็มไปหมด อย่างไรไอ้หมอนั่นมันก็ไม่กล้าฆ่าข้าหรอก!

เมื่อนึกย้อนไปถึงความเจ็บปวดที่ตนต้องทนกว่าจะได้สรีระทองคำมา ความมั่นใจของหวังเป่าเล่อก็พุ่งสูงขึ้น ระหว่างที่กำลังก้าวเดินไป ชายหนุ่มก็ควักโทรโข่งออกมา และเริ่มตะโกนวางมวยเกาเฉวียนด้วยเสียงคำรามต่ำ

“เกาเฉวียน ไอ้อันธพาล! ข้าจะทำลายเจ้าให้สิ้นซาก!”

เสียงของหวังเป่าเล่อระเบิดออกมาจากปลายโทรโข่ง เปี่ยมไปด้วยพลัง         ปราณโลหิตอันไร้ขีดจำกัดที่เขามีอยู่ในตัว เสียงนี้เดิมทีก็ดังราวฟ้าผ่าอยู่แล้ว แต่เมื่อบวกกับโทรโข่งเข้าไปอีก ก็ดังสะเทือนเลื่อนลั่นเสียจนเหมือนประกาศิตจากสวรรค์ เสียงนั้นดังก้องไปทั่วยอดเขาเจ้าสำนัก

พลังอำนาจของประกาศิตนี้ไม่ได้มีแค่นี้ พายุกรรโชกพวยพุ่งออกมาจากปลายโทรโข่ง พัดเอาต้นไม้ให้ถอนรากถอนโคน และปลิวกระจุยกระจายเข้าไปในโถง จนห้องสั่นสะเทือนไปหมด ประตูโถงบานมหึมาเปิดออกตามแรงลม เผยให้เห็นเกาเฉวียนที่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ ขณะถูกปลุกขึ้นกลางคันจากการทำสมาธิ

“ไอ้…”

เกาเฉวียนหลุดปากพูดออกมาอย่างไม่รู้สึกตัว แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ หวังเป่าเล่อก็พุ่งเข้าใส่เขาด้วยความไวแสง ความไวนั้นมากเกินจะจินตนาการได้ เขามาหยุดอยู่หน้าอริภายในเสี้ยววินาที ชายหนุ่มไม่รีรอ รีบปล่อยหมัดขวาเข้าใส่ในทันที!

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา จนเกาเฉวียนตั้งรับไม่ทัน เขาไม่คิดว่าหวังเป่าเล่อจะกล้าเปิดศึกกับตนเช่นนี้ เสียงคำรามของหวังเป่าเล่อดังก้องอยู่ในหู    ร่างของเขาปลิวไปตามแรงหมัดของหัวหน้าศิษย์

“คุกเข่าลงและเรียกข้าว่าบิดาเดี๋ยวนี้!” หวังเป่าเล่อคำรามก้อง ร่างของ          เกาเฉวียนที่ปลิวไปตามแรง พุ่งเข้ากระแทกกำแพงอย่างหนักหน่วง จนโถงทะลุเป็นรู ก่อนจะกระเด็นออกนอกโถงไป

โถงทั้งโถงสั่นสะเทือนด้วยแรงกระแทก หวังเป่าเล่อมองเป้าหมายด้วย          ความเลือดเย็น ก่อนตามไปอย่างไม่รอรี

การปะทะนี้ทำให้ทุกคนบนยอดเขาเจ้าสำนักตกใจ ทันทีที่ท่านเจ้าสำนักได้ยิน     สีหน้าของท่านก็เปลี่ยนไปในทันที ท่านรีบรุดออกจากที่พัก ขณะนั้นมีอาจารย์     หลายคนอยู่บนยอดเขาเช่นกัน ทันทีที่ได้ยินเสียงดังสะเทือนเมื่อครู่ ทุกคนก็รีบพุ่งไปยังที่เกิดเหตุในทันที

สีหน้าของศิษย์ทุกคนที่บังเอิญอยู่บนยอดเขาเจ้าสำนักในขณะนั้นถอดสีด้วยความตกใจ ทุกคนรีบวิ่งไปยังโถงรองเจ้าสำนักเช่นกัน

ทันทีที่ทุกคนไปถึงที่เกิดเหตุ เสียงคำรามด้วยความโกรธก็ดังลั่นมาเข้าหู

“หวังเป่าเล่อ เจ้าอยากตายอย่างนั้นหรือ” รังสีอำมหิตพวยพุ่งออกมาพร้อมกับคำขู่นั้น พืชพันธุ์ที่อยู่รายรอบเริ่มแห้งเหี่ยวภายใต้แรงกดดันมหาศาล เกาเฉวียน    โผล่ออกมาจากแมกไม้

ผมของเขากระเซิง ส่วนเสื้อผ้าก็ฉีกขาดยุ่งเหยิงจากการโดนโจมตี ความโกรธเกรี้ยวฉายชัดอยู่บนแววตา รุนแรงเสียจนเหมือนจะทำให้สรวงสวรรค์และโลกมนุษย์มอดไหม้ได้

รองเจ้าสำนักอย่างเขากลับโดนศิษย์ทำร้าย นี่ทำให้เขาทั้งโกรธและอายเป็นอันมาก ความรู้สึกคับแค้นนี้ยากเกินจะอธิบาย เกาเฉวียนพุ่งตรงมาอย่างรวดเร็ว พลางมองหวังเป่าเล่อด้วยสายตาหมายเอาชีวิต

“หวังเป่าเล่อ!”

เกาเฉวียนชูมือขึ้นปล่อยรังสีของลมหายใจเที่ยงแท้ที่กักไว้ในตัวออกมา แม้ว่าจะไม่ได้ทรงพลานุภาพจนทำให้สวรรค์และโลกมนุษย์ต้องสั่นสะเทือน แต่ก็มากพอที่จะทำให้พืชพันธุ์รอบกายเหี่ยวเฉาลง แรงกดดันจากลมหายใจเที่ยงแท้ของเกาเฉวียนนี้ มากพอที่จะบีบอัดผู้มีปราณระดับการฝึกตนโบราณได้ ทันทีที่รังสีนี้แพร่กระจายออกไป เกาเฉวียนดูราวกับเทพในสายตาของปุถุชน บรรยากาศที่เขาสร้างขึ้นมานั้นน่ากลัวจับใจ

เกาเฉวียนที่พลุ่งพล่านด้วยโทสะ จงใจอัดพลังกดดันนี้ไปที่หวังเป่าเล่อ พลังนั้นกระแทกชายหนุ่มเข้าอย่างจัง

“คุกเข่า!”

ในเวลานั้นหวังเป่าเล่อเพิ่งพุ่งออกมาจากรูในกำแพง เมื่อเห็นเกาเฉวียนและ     รับแรงนั้นเข้าไป ก็ราวกับว่ามีมือที่มองไม่เห็นมากมายมากดร่างของเขาไว้ สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไปในทันที

แรงนั้นทรงพลังราวกับคลื่นภูเขายักษ์มากมายหลายลูก ที่ถาโถมเข้ากดทับ      ร่างของเขา บีบอัดเขาให้สยบอยู่แทบเท้า แม้แต่จะขยับตัวตามสัญชาตญาณยังทำแทบไม่ได้!

นี่คือ…แรงกดดันที่ปราณระดับลมหายใจเที่ยงแท้กระทำต่อผู้ฝึกปราณขั้น       การฝึกตนโบราณสินะ!

นี่คือ…แรงกดดันของผู้ฝึกตนที่กระทำต่อปุถุชนคนธรรมดา!

ผู้มีพลังปราณขั้นการฝึกตนโบราณนั้นก็คือคนเดินดินธรรมดาทั่วไป ต่างจากผู้ฝึกตน  ที่ได้ลมหายใจเที่ยงแท้มาไว้ในครอบครอง ทั้งสองระดับนี้ต่างกันราวฟ้ากับเหว

ปราณระดับลมหายใจเที่ยงแท้ทรงอานุภาพมากกว่าปราณระดับการฝึกตนโบราณ เพราะแรงกดดันจำนวนมหาศาลนี้ แรงนี้จะทำให้ผู้มีพลังปราณขั้นการฝึกตนโบราณ ทำไม่ได้แม้แต่จะขยับตัวโต้กลับ

ภายใต้แรงกดดันอันทรงพลังจากผู้ฝึกตน เอวของหวังเป่าเล่อบิดเบี้ยว ศีรษะของเขาก็โดนกดจนค้อมต่ำ กระดูกสั่นสะท้าน ดูก็รู้ว่าเกาเฉวียนมิได้หมายให้หวังเป่าเล่อแค่คุกเข่าลงต่อหน้าเขาเท่านั้น…แต่ต้องการบีบอัดร่างของชายหนุ่มให้แหลก         เป็นผุยผง!

ทันทีที่แรงกดดันจากเกาเฉวียนกดหวังเป่าเล่อให้ทรุดลง ท่านเจ้าสำนัก       บรรดาคณาจารย์ต่างๆ และสานุศิษย์ที่อยู่ใกล้เคียงก็เดินทางมาถึง เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปในทันที ท่านเจ้าสำนักเต็มไปด้วยโทสะ

“เกาเฉวียน หยุดเดี๋ยวนี้!” ท่านเจ้าสำนักก้าวออกมาเพื่อยับยั้งเหตุการณ์ตรงหน้า

แต่ในวินาทีเดียวกันนั้น หวังเป่าเล่อที่ถูกรังสีของเกาเฉวียนกดทับก็เงยหน้าขึ้น สายตาเต็มไปด้วยความบ้าบิ่น พลังต้านพวยพุ่งออกมาจากร่างกายของเขา ขณะที่  เจ้าตัวคำรามออกมาด้วยเสียงต่ำ

“คิดจะกดข้าให้จำยอมหรือ” หวังเป่าเล่อตะโกนก้อง ปราณโลหิตของเขาระเบิดพวยพุ่งออกมาจากร่าง แรงระเบิดนี้ทำให้พลังปราณโลหิตที่น่าพรั่นพรึงของเขา     ไหลทะลักออกมาราวน้ำหลาก ปราณโลหิตของเขาทั้งเข้มข้นและรุนแรง จนราวกับทะเลเลือดที่มองไม่เห็นก่อตัวขึ้นด้านหลังของหวังเป่าเล่อ!

ในทะเลเลือดเข้มข้นสีแดงฉานนั้น มีสสารลึกลับปะปนอยู่ด้วย สสารนี้เป็นสิ่งที่ร่างของเขาดูดซึมมาจากสายฟ้าสีดำ ขนาดท่านเจ้าสำนักเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร!

แม้ทะเลเลือดนั้นจะเป็นเพียงภาพในจินตนาการ ที่ก่อขึ้นเพราะพลังอำนาจของปราณโลหิต ทุกคนในที่แห่งนั้นกลับตกใจกับอานุภาพของมันจนชะงักอยู่กับที่    ปราณโลหิตนั้นกลายเป็นพลังต่อต้าน ที่ปัดเป่าแรงกดดันจากลมหายใจเที่ยงแท้ของเกาเฉวียนให้ล่าถอยไป!

ความพยายามต้านแรงกดดันนี้ทำให้ร่างของหวังเป่าเล่อสั่นเทา แต่เอวที่บิดเบี้ยวลงก่อนหน้านี้กลับตั้งตรงขึ้นทันที ศีรษะที่ก้มลงค่อยๆ เงยขึ้น ก่อนชายหนุ่มจะ      ก้าวเท้าไปข้างหน้า

“ลมหายใจเที่ยงแท้กระนั้นหรือ แล้วอย่างไรเล่า”

ฉากนี้ทำให้ทุกคนในที่แห่งนั้น ตกอยู่ในห้วงความพรั่นพรึงจนแทบไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!