Skip to content

A World Worth Protecting 99

บทที่ 99 ก็แค่ทักทาย

“หวังเป่าเล่อ คนหน้าไม่อาย!”

“ที่เราเห็นนั่นไม่ใช่รากฐานวิญญาณนะ ทุกคน แต่เป็นหวังเป่าเล่อตัวจริง!”

“ตามเจ้านั่นไป! ฆ่าเจ้าบ้านั่นเสีย!”

เสียงจากบริเวณสระน้ำดังขึ้นด้วยโทสะอย่างรวดเร็วต่อเนื่อง หญิงสาวจาก   สำนักศึกษาเต๋ากวางขาวสาขาย่อยจำนวนมาก และกลุ่มคนเฝ้าพื้นที่ต่างขุ่นเคือง     แต่พวกนางไม่ทันสังเกตหวังเป่าเล่อซึ่งอำพรางตัวอยู่ในเปลือกศิลา เพราะมัวแต่จับจ้องไปยังหุ่นเชิดที่ถูกขว้างออกมาแทน ทุกคนวิ่งไล่ตามหุ่นเชิดอย่างรวดเร็ว

หุ่นเชิดนั้นว่องไวมาก จนวิ่งหนีนำหน้าหญิงสาวกลุ่มนี้ออกไปจากป่า ในที่สุด    ผืนป่าตรงนี้ก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง

จากนั้นชายหนุ่มตัวจริงภายใต้เปลือกศิลาจึงค่อยๆ คืบคลานต่อไปข้างหน้า     เมื่อพ้นจากบริเวณนั้นแล้ว จึงเพิ่มความเร็วขึ้น หากใครผ่านมาเห็น คงจะพบศิลา     ก้อนใหญ่กำลังกลิ้งหมุนผ่านยอดเขาไปด้วยตัวของมันเอง

ก่อนจะถึงอีกด้านของภูผา หวังเป่าเล่อใช้เปลือกศิลาบังตนเองไว้อยู่ตลอด       เขาปาดเหงื่อบนหน้าผากและหัวเราะเจื่อน พลางคิดว่าหมู่บ้านลมปราณวิญญาณ  แห่งนี้มันช่างน่าตื่นตาตื่นใจเกินไปแล้ว

“การเป็นผู้ชายที่ดีช่างยากนัก ข้าอุตส่าห์ยอมเสียสายตา เพราะคิดถึงใจพวกนางแท้ๆ ต่อให้ข้าจะอยากมองอยู่บ้างก็เถอะ…” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองเสียงแห้ง            แล้วมุ่งหน้าค้นหารากฐานวิญญาณสี่นิ้วต่อไป ภายใต้เปลือกศิลา

อาจเป็นเพราะหวังเป่าเล่อตะลอนไปทั่วบริเวณ ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยมีเหล่ารากฐานวิญญาณที่กลายร่างเป็นตัวเขากระจุกตัวกัน ทำให้ค้นหารากฐานวิญญาณสี่นิ้วเจอโดยใช้เวลาไม่นานนัก

ชายอ้วนพุ่งกระโจนเข้าไปจัดการดูดกลืนพวกมันอย่างไว และจากไปอย่างมีความสุข ก่อนสีหน้าจะเปลี่ยนไป ขณะหยิบเปลือกศิลามาใส่อีกครั้ง เพื่อคืบคลานออกไปอย่างเชื่องช้าและนิ่มนวล

เขาระวังท่าทีการเคลื่อนไหวของตนอย่างมาก เมื่อมาถึงใต้ต้นไม้ใหญ่ จึงทิ้งตัวลง ก่อนทอดสายตามองคนคู่หนึ่งกำลังต่อสู้กัน ในระยะหลายร้อยฟุตข้างหน้า

เจ้านั่นนี่นา! หวังเป่าเล่อจำหน้าชายหนุ่มจากสำนักศึกษาเต๋ากวางขาวสาขาย่อยคนนั้นได้ ผู้เคยยั่วยุเขาจนถูกงอนิ้ว ด้านนอกมิติเวท ท่าทางโกรธจนอยากแก้แค้นของชายหนุ่มผู้นั้นยังคงตราตรึงอยู่ในใจ

คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายเป็นรากฐานวิญญาณระดับลมหายใจเที่ยงแท้ห้านิ้วซึ่งหน้าตาเหมือนกับเขาไม่มีผิด เห็นได้ชัดว่าศิษย์ผู้นี้ครอบครองรากฐานวิญญาณสี่นิ้วอยู่ และหากเอาชนะร่างมายาตรงหน้าสำเร็จ ก็จะสามารถดูดกลืนรากฐานวิญญาณห้านิ้วได้

แม้ว่าการมีระดับรากฐานวิญญาณห้านิ้ว จะยังคงด้อยกว่าศิษย์ชั้นสูงระดับแปดนิ้ว   แต่ทว่าทั่วทั้งสหพันธรัฐ กลับมีผู้ฝึกตนระดับลมหายใจเที่ยงแท้ไม่กี่คนเท่านั้นที่อยู่ในระดับแปดนิ้ว คนส่วนใหญ่จะครอบครองเพียงสามนิ้วเท่านั้น ดังนั้นจึงน่าประทับใจ  ไม่น้อย กับการดูใครสักคนต่อกรกับห้านิ้วได้

ชายหนุ่มจากสำนักศึกษาเต๋ากวางขาวสาขาย่อยกำลังต่อสู้กับรากฐานวิญญาณอย่างดุเดือด แต่ความสามารถการต่อสู้ของรากวิญญาณห้านิ้วนั้นช่างสูสีกับตัวจริงนัก ทำให้เขาต้องใช้ระยะเวลายาวนานขึ้นกว่าจะเอาชนะได้

หวังเป่าเล่อกะพริบตานิ่งขณะมองดู

ข้าไปช่วงชิงมันมาดีไหมนะ หนุ่มอ้วนรู้สึกถูกยั่วยวน

ไม่ควรสิ ในฐานะของหัวหน้าศิษย์ประจำสาขาอาวุธเวทแห่งสำนักศึกษา         เต๋าศักดิ์สิทธิ์แล้วนั้น การฉกของผู้อื่นมาโต้งๆ เป็นอะไรที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง

จิตสำนึกด้านดีของหวังเป่าเล่อตอบสนอง จนเขารู้สึกว่าตนเองสูงส่ง จึงไม่ควรทำผิดจรรยาบรรณ และต้องไม่เอาเปรียบอีกฝ่ายเพราะโกรธเคืองกัน

ปล่อยวางแล้วกัน แต่ในเมื่อเราต่างมาจากสี่ยอดสำนักศึกษาเต๋า ข้าควรจะทักทายเจ้านั่นสักหน่อย เพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท ทว่าตอนนี้เขากำลังตั้งใจต่อสู้อยู่ จึงไม่ควรเข้าไปขัดจังหวะ คงต้องรอให้รู้ผลก่อน แล้วค่อยเข้าไปหา หวังเป่าเล่อภาคภูมิใจในคุณธรรมและความเป็นคนดีคนเอาใจใส่ของตน ก่อนเอนกาย           อย่างตื่นเต้น นอนรอจังหวะที่จะเข้าไป

ห้านาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ศิษย์จากสำนักศึกษาเต๋ากวางขาวสาขาย่อยหอบอย่างหนัก แต่ดวงตายังคงลุกโชน ด้วยรู้สึกว่าโชคเข้าข้างตัวเองเหลือเกิน ตั้งแต่เข้ามาในหมู่บ้านลมปราณวิญญาณนี้ ตอนสู้กับรากฐานวิญญาณสี่นิ้วช่างง่ายดาย        เหมือนปอกกล้วย ส่วนรากฐานวิญญาณห้านิ้วนั้นก็คงใช้เวลาไม่นานนัก

“นี่อาจจะเป็นรากฐานวิญญาณห้านิ้วเพียงตนเดียว ที่ถูกชะตากับข้าในหมู่บ้านลมปราณวิญญาณแห่งนี้แล้วกระมัง!” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยความรู้สึกตื่นเต้นทะลักหัวใจ

“เมื่อดูดกลืนระดับลมหายใจเที่ยงแท้นี้สำเร็จ ข้าก็จะอยู่ในระดับ             รากฐานวิญญาณห้านิ้ว ซึ่งทำให้ข้าต่อกรกับพวกหก หรือเจ็ดนิ้วต่อไปเรื่อยๆ           ได้ไม่ยาก ถึงตอนนั้น หวังเป่าเล่อคงเป็นเพียงขี้ประติ๋ว!”

เขาหัวเราะลั่นขณะเขวี้ยงหมัดทรงพลังใส่รากฐานวิญญาณห้านิ้ว จนร่างของมันเกือบจะแตกสลาย ชายหนุ่มหัวเราะดังขึ้น ก่อนเหาะไปในอากาศเตรียมจะซัดมันด้วยหมัดสุดท้าย

“รากฐานวิญญาณห้านิ้ว เจ้าเป็นของข้าเสียเถอะ!”

ช่วงจังหวะคำรามนั้น เป็นเวลาเดียวกับที่รากฐานวิญญาณห้านิ้วกำลังอยู่ในเงื้อมมือของชายหนุ่ม สายตาของหวังเป่าเล่อภายใต้เปลือกศิลาเห็นดังนั้นก็เบิกโพลง    ก่อนลุกขึ้นยืน พลางชูมือขึ้นอย่างตื่นเต้น เพื่อทักทายชายหนุ่มจากสำนักศึกษา      เต๋ากวางขาวสาขาย่อยผู้นี้ทันที

“สหาย เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”

การปรากฏตัวฉับพลันและเสียงทักทายอันดังลั่นของหวังเป่าเล่อ ทำเอาชายหนุ่มผงะไปชั่วขณะ

ตอนนั้นเองร่างของรากฐานวิญญาณห้านิ้วก็สั่นสะเทือน ก่อนขยายตัวและเปลี่ยนรูปร่างหน้าตา ชายหนุ่มยืนตะลึงมองรากฐานวิญญาณห้านิ้วที่เคยเป็นของเขาอยู่      เมื่อสักครู่ ได้กลับกลายไปเป็นใครอีกคน ก่อนที่พวกมันจะร้องโหยหวนและกระโจนเข้าหาชายเจ้าของร่างใหม่ในทันที

“เหวอ!” หวังเป่าเล่อตื่นตระหนก ก่อนจะรีบฟาดมือตบรากฐานวิญญาณห้านิ้วซึ่งพุ่งเข้ามา จนมันสลายร่างไปในบัดดล

ไม่ใช่เพราะว่าชายหนุ่มผู้นี้แข็งแกร่งมาก จนรากฐานวิญญาณห้านิ้วไม่อาจต่อกรได้ แต่เพราะมันบอบช้ำมาจากการต่อสู้กับชายหนุ่มอีกคนจากสำนักศึกษาเต๋ากวางขาวสาขาย่อยมาก่อนแล้วต่างหาก จึงทำให้เอาชนะอย่างง่ายดายภายในหวดเดียว

หมอกเขียวปรากฏขึ้น ก่อนแล่นเข้าสู่ร่างกายของหวังเป่าเล่อ แปรเปลี่ยนรากฐานวิญญาณสี่นิ้วเป็นห้านิ้วในที่สุด

ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่อึดใจ หลังจากชายผู้นี้ปรากฏตัวเพื่ออยากจะทักทาย แต่สุดท้ายกลับดูดกลืนรากฐานวิญญาณไปเสียเอง ชายหนุ่มจากสำนักศึกษาเต๋ากวางขาวสาขาย่อยเบิกตากว้าง มองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างตะลึงงัน ลมหายใจ   ถี่ระรัว และดวงตาแดงก่ำ

“หวังเป่าเล่อ!” ชายหนุ่มเนื้อตัวสั่นเทา หัวใจนั้นเต้นแรงอย่างเจ็บปวด      รากฐานวิญญาณห้านิ้วเกือบจะเป็นของเขาอยู่ทนโท่ แต่จู่ๆ ดันไปถูกชะตากับผู้นี้แทน แถมยังถูกพรากไปต่อหน้าต่อตาอีกด้วย

ชายหนุ่มคงไม่รู้สึกโกรธเคืองเท่าไหร่ หากอีกฝ่ายจะแย่งชิงมันไปก่อนหน้านี้    ตอนที่ยังไม่เสียแรงไปกับมันมากนัก แต่เมื่อคิดถึงความพยายามที่ทุ่มเทอย่างหนัก   แต่สุดท้ายกลับโดนช่วงชิงไปนั้น ก็ทำให้ชายหนุ่มแทบจะอกแตกตายด้วยความ     แค้นเคือง

ชายหนุ่มคำรามร้องอย่างโมโห และหวังเป่าเล่อเองก็เริ่มตื่นตัว จึงรีบง้างลูกเตะทรงพลังทันที

หวังเป่าเล่อผู้ว่องไว พุ่งปะทะกับร่างของชายหนุ่มคู่อาฆาตอย่างจัง แรงเตะนั้นโดนท้องของอีกฝ่าย จนลอยเคว้งในอากาศก่อนตกกระแทกพื้นในระยะที่ไกลออกไป

“หวังเป่าเล่อ ไอ้คนไร้ยางอาย!” ชายหนุ่มผู้นั้นตะโกนร้องอย่างเกรี้ยวกราดจนเส้นเลือดตรงหน้าผากเขียวคล้ำ ก่อนยันตัวเองลุกขึ้นยืน

“ข้าเพียงแต่อยากจะทักทายเจ้าเท่านั้น แล้วทำไมถึงต้องโจมตีข้าด้วยเล่า      พวกคนจากสำนักศึกษาเต๋ากวางขาวสาขาย่อย…ไร้มารยาทสิ้นดี” หวังเป่าเล่อตอบอย่างฉุนเฉียว

“ช่างมันเถอะ ข้ามันคนใจกว้าง ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเจ้าหรอก ลาก่อน!”

ชายอ้วนกระแอมไอ ก่อนจะจากไปด้วยความพึงพอใจ เมื่อชายหนุ่มจากสำนักศึกษาเต๋ากวางขาวสาขาย่อยได้ยินดังนั้น จึงยิ่งโมโห จนต้องพูดเสียงดังอย่างเลือดขึ้นหน้า

“หวังเป่าเล่อ คืนรากฐานวิญญาณห้านิ้วของข้ามาเดี๋ยวนี้!”

แต่เจ้าตัวกลับแสร้งไม่ได้ยิน ก่อนรีบวิ่งด้วยความเร็วแสงจนหายลับตาไป        ชายหนุ่มผิดหวังและไม่อาจลดทิฐิลงได้ แม้จะอยากไล่ตามเพียงใด แต่รู้ดีว่าคงตาม   ไม่ทัน หรือต่อให้เขาตามทัน ก็คงต่อสู้ไม่ไหวอยู่ดี

ชายหนุ่มผู้นี้แทบกระอักเลือดจากความโกรธแค้น ก่อนจะเริ่มเสียใจกับการกระทำในอดีตที่พูดไม่คิด จนไปยั่วยุหวังเป่าเล่อให้รู้สึกไม่พอใจเข้า จึงกลายเป็นเรื่องขึ้นมาเช่นตอนนี้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!