Skip to content

อาจารย์เย็นชากับศิษย์ชั่วช้า 6

  • by
Cover Aj For Web

Chapter 6

หลอมโอสถ

ทำให้หยางซีหยุนซึ่งยืนมองอยู่ไกลๆ ไม่อาจมองเห็นคนในกระท่อมได้ เขาเห็นเฉินมู่อิ๋งออกมารับปิ่นโตแล้วก็เบาใจ เขาเดินกลับเรือนไผ่ไปอย่างเงียบเชียบ

เฉินมู่อิ๋งเก็บตัวอยู่ในกระท่อมไม่ออกไปไหน เขากำลังอ่านตำราอาคมอย่างขะมักเขม้น เขาคิดว่าหากแข็งแรงดีแล้วจะกลับไปหาอาจารย์เฟยเทียนเพื่อให้อาจารย์เฟยเทียนช่วยสอนอาคมให้หน่อย เขารู้สึกว่าอาจารย์เฟยเทียนน่าจะรู้เกี่ยวกับอาคมมากกว่าอาจารย์หยางกระมัง แต่ตำราของอาจารย์หยางม้วนนี้ก็เขียนอธิบายอักษรแปลกตาเหล่านั้นค่อนข้างละเอียดทีเดียว มีบางตัวที่ไม่มีคำอธิบายทำให้เขาไม่เข้าใจ

เวลาผ่านไปครึ่งเดือน เฉินมู่อิ๋งก็แข็งแรงดังเดิม ตลอดเวลาครึ่งเดือนที่ผ่านมาเลี่ยงจินก็มาส่งปิ่นโตให้เขาวันละ 3 ครั้ง ทำให้เขาไม่จำเป็นต้องออกไปขุดหน่อไม้หรือตกปลามากินอีก เขากับเลี่ยงจินก็สนิทกันมากขึ้นทีเดียว

“ศิษย์น้องเฉินๆ” เลี่ยงจินร้องเรียกอยู่หน้ากระท่อม เฉินมู่อิ๋งเปิดประตูออกไป “ศิษย์พี่เลี่ยง”

“อาหารของเจ้า” เลี่ยงจินวางปิ่นโตลงบนโต๊ะหน้ากระท่อม เฉินมู่อิ๋งยิ้ม “ขอบคุณศิษย์พี่เลี่ยง”

เขาเปิดปิ่นโตดูแล้วปิดฝาจากนั้นก็ชวนศิษย์พี่เลี่ยง “ศิษย์พี่ วันนี้ข้าจะไปตกปลาไฉ่หง ท่านไปกับข้าไหม? ข้าจะแบ่งให้ท่านตัวนึง”

“หา!” เลี่ยงจินตกใจจนปากอ้าตาค้าง ครู่ต่อมาเขารีบปฏิเสธทันที “อ่า…ศิษย์น้องเฉิน เจ้าไปคนเดียวเถอะ ข้าลาล่ะ”

เขาพูดจบแล้วก็รีบเดินเร็วๆ จากไปจนแทบจะกลายเป็นวิ่งเลยทีเดียว เฉินมู่อิ๋งมองตามแล้วยิ้มบางๆ จากนั้นเขาก็เอาปิ่นโตไปเก็บในกระท่อมแล้วออกไปตกปลาไฉ่หง ในเมื่ออาจารย์หยางหวงมันนักหนา เช่นนั้นเขาก็จะทำให้อาจารย์หยางปวดใจจนแทบกระอักเลือดเลยเชียว

หยางซีหยุนแอบมองอยู่ไกลๆ เห็นเฉินมู่อิ๋งเดินไปทางธารน้ำที่เลี้ยงปลาไฉ่หงเขาก็หน้าตึงขึ้นมาทันที “หรือว่าเขาคิดจะไปจับปลาไฉ่หง? คงไม่หรอก”

เขาแอบตามไปห่างๆ เฉินมู่อิ๋งจับสัมผัสได้ว่ามีคนตามมาเขายิ่งกดมุมปากลึกขึ้น เท้ายังคงก้าวเดินไปอย่างมั่นคง เมื่อไปถึงธารน้ำที่มีปลาไฉ่หงอยู่เขาก็เอาเบ็ดตกปลาออกมาแล้วเดินไปหาขุดไส้เดือน เขาจับไส้เดือนมาตัวหนึ่งเกี่ยวกับเบ็ดแล้วเดินไปยืนริมน้ำ หย่อนเบ็ดลงไปกลางฝูงปลาไฉ่หง ปลาไฉ่หงตัวหนึ่งฮุบเหยื่อเข้าไปทันที เฉินมู่อิ๋งตวัดเบ็ดทันควัน เขาคว้าสายเบ็ดหมับ! พลันมือข้างนั้นของเขาก็ถูกจับหมับเช่นกัน!

“เจ้าศิษย์ชั่ว!” หยางซีหยุนยืนอยู่ด้านหลังเฉินมู่อิ๋ง หน้าตาถมึงทึงยิ่งนัก เฉินมู่อิ๋งหันไปมองอาจารย์หยางฉีกยิ้มให้แล้วพูดอย่างแย้มยิ้มว่า “ตัวนี้ข้าให้อาจารย์ก็ได้ เดี๋ยวข้าตกใหม่อีกตัวขอรับ”

“ตกใหม่! เจ้ายังคิดจะตกปลาของข้าอีกรึ! สิ่งที่ข้าพูดไปไม่เข้าหูเจ้าเลยซินะ” หยางซีหยุนตวาดลั่น มืออีกข้างก็รัดเอวเจ้าศิษย์ชั่วหมับกันไม่ให้เขาวิ่งหนีไป เฉินมู่อิ๋งถูกรัดเอวก็ตกตะลึงไป “อาจารย์! ปล่อยข้านะ!”

เขาปล่อยมือจากคันเบ็ดทันทีแล้วพยายามแกะมืออาจารย์หยางออกจากเอวตัวเอง “ปล่อยข้า!”

“ปล่อย! ปล่อยเจ้าก็หนีน่ะซิ!” หยางซีหยุนตวาดอย่างโมโหเดือดดาล เขายิ่งรัดเอวเจ้าศิษย์ชั่วแน่นขึ้นจนแผ่นหลังเล็กแคบแนบกับแผงอกของเขา เฉินมู่อิ๋งยิ่งดิ้น “อาจารย์! ปล่อยข้า!”

แขนเขาก็ซ้อนอยู่เหนือแขนอาจารย์หยาง กันไม่ให้แขนข้างนั้นถูกสิ่งที่ไม่ควรถูก เขาปล่อยมือจากสายเบ็ดทำให้ปลาไฉ่หงตัวนั้นร่วงตกลงพื้นไปดิ้นปัดๆ อยู่บนพื้นดิน เมื่อทิ้งสายเบ็ดแล้วเขาก็หมุนข้อมือหวังให้หลุดจากอุ้งมือของอาจารย์หยาง แต่อาจารย์หยางจับข้อมือแน่นมากทำให้หมุนไม่ได้เลย เขาตกอยู่ในสภาพอีหลักอีเหลื่อจริงๆ อาจารย์หยางปล่อยมือจากข้อมือเล็กๆ ผอมๆ ข้างนั้นแล้วจี้จุดอย่างไวยิ่งทำให้เจ้าศิษย์ชั่วกระดุกกระดิกตัวไม่ได้ มีเพียงส่วนศีรษะที่ยังขยับได้ เฉินมู่อิ๋งโมโหจนตาแดงก่ำ ตัวเองตกอยู่ในกำมืออาจารย์หยางอีกครั้งแล้ว!

หยางซีหยุนรัดเอวแล้วเดินไปอย่างนั้น เขาเหลือบเห็นปลาไฉ่หงดิ้นปัดๆ อยู่บนพื้นจึงใช้พลังเซียนทำให้มันหลุดจากขอเบ็ดแล้วทำลายคันเบ็ดนั้นทิ้งไป ปุ๊! คันเบ็ดแหลกละเอียดเป็นจุณทันที ปลาไฉ่หงตัวนั้นก็ดิ้นแถกๆ จนกระทั่งลงน้ำไป มันรีบว่ายไปรวมกลุ่มกับพวกพ้องของมัน หยางซีหยุนอุ้มเจ้าศิษย์ชั่วกลับไปที่เรือนไผ่ เขากางอาคมผนึกรอบๆ บริเวณเรือนไผ่แล้วจี้คลายจุดให้เจ้าศิษย์ชั่ว เฉินมู่อิ๋งขยับตัวได้แล้วก็รีบก้าวถอยห่างไปทันที ตวาดอย่างโมโหหน้าแดงก่ำ “อาจารย์หยาง!”

“กล้าตวาดใส่ข้า เช่นนั้นข้าจะเพิ่มโทษเจ้าอีก ขังเจ้าเพิ่มอีก 1 วัน ตวาดอีกซิ ตวาดอีกข้าก็จะขังเจ้าเพิ่มอีก 1 วัน” หยางซีหยุนบอกอย่างเย็นชาสายตาเย็นเยียบ “กล้าตกปลา 1 ตัวข้าจะขังเจ้าไว้ 10 วัน!”

“ข้าไม่ใช่นักโทษนะ!”  เฉินมู่อิ๋งตวาดใส่ หยางซีหยุนยกนิ้วนับอย่างเย็นชา “12 วัน”

“อาจารย์หยาง!” เฉินมู่อิ๋งตวาดอีก หยางซีหยุนยกนิ้วนับ “13 วัน”

เฉินมู่อิ๋งไม่ตวาด เขาเดินไปที่ม่านอาคมผนึกแล้ววาดอักษรแปลกตาในตำราอาคมขึ้นมา หยางซีหยุนมองเฉย เฉินมู่อิ๋งวาดอักษรแปลกตาเสร็จก็ผลักวงอาคมใส่ม่านผนึกนั้น ม่านผนึกส่งเสียงครืนครั่นครู่หนึ่งแต่ก็ไม่สลายหายไป เฉินมู่อิ๋งหันไปมองอาจารย์หยางตาวาววับอย่างแค้นเคือง เขาแน่ใจแล้วว่าตำราอาคมม้วนนั้นที่อาจารย์หยางให้เขาไม่ใช่ตำราฉบับสมบูรณ์

“หึ! เรียนรู้ได้เร็วดีนี่” หยางซีหยุนแค่นเสียงเย็นชา เฉินมู่อิ๋งถลึงตามองอาจารย์หยาง จากนั้นเขาก็เดินไปนั่งลงหลังฉากกั้น หยางซีหยุนเดินไปนั่งที่โต๊ะเขียนอักษร หยิบแท่งหมึกขึ้นมาฝนๆ จากนั้นก็จับพู่กันจุ่มหมึกเขียนกลอนไปเรื่อยๆ เฉินมู่อิ๋งมองอาจารย์หยางที่นั่งขีดเขียนอยู่ที่โต๊ะ เขามองไปมองมาไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปตอนไหน

หยางซีหยุนวางพู่กันลง มองเจ้าศิษย์ชั่วเห็นเขาหลับอยู่บนพื้นก็ปล่อยให้เขาหลับอยู่ตรงนั้น ที่เขาขังไว้ในเรือนเช่นนี้ก็เพราะเวลาศิษย์โรงครัวมาส่งอาหาร ย่อมส่งปิ่นโตเข้ามาข้างในได้ เพราะเดี๋ยวเขาจะเหลือช่องเล็กๆ ให้ส่งปิ่นโตเข้ามาอย่างไรล่ะ เขาไม่อยากผนึกเจ้าศิษย์ชั่วอีกเพราะกลัวว่าหากมีเหตุการณ์จำเป็นอะไรขึ้นมาเขาออกไปข้างนอกเจ้าศิษย์ชั่วจะได้ไม่อดน้ำอดข้าวอีก ถึงอย่างไรศิษย์โรงครัวก็ต้องมาส่งอาหารวันละ 3 ครั้งอยู่แล้ว ดังนั้นจึงแน่ใจได้ว่าเจ้าศิษย์ชั่วจะไม่อดน้ำอดข้าวเหมือนอย่างคราวก่อนแน่นอน

เลี่ยงจินมาส่งปิ่นโต เห็นผนึกอาคมกางอยู่รอบๆ เรือนไผ่ก็แปลกใจ เขาจึงร้องเรียกอยู่นอกผนึกอาคม “อาจารย์หยางขอรับๆ”

หยางซีหยุนเดินออกไป เลี่ยงจินกุมมือคารวะ “อาจารย์หยาง”

“นับจากนี้ไม่ต้องไปส่งข้าวที่กระท่อมอีก แต่ให้วางไว้ที่นี่แทน จนกว่าข้าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง” หยางซีหยุนบอก เลี่ยงจินกุมมือรับคำสั่ง “ขอรับ”

หยางซีหยุนชี้นิ้วไปที่โต๊ะหินนอกผนึกอาคม สั่งว่า “วางไว้ตรงนั้น”

“ขอรับ” เลี่ยงจินรับคำสั่งแล้ววางปิ่นโต 2 เถาไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็กุมมือคารวะอีกครั้งแล้วเดินจากไป หยางซีหยุนยื่นมือไปทำให้ผนึกอาคมแหวกเป็นช่องพอให้ยกปิ่นโต 2 เถาเข้ามาได้ ช่องนั้นแหวกค้างอยู่อย่างนั้น เขาถือปิ่นโต 2 เถากลับเข้าเรือนไป วางปิ่นโตไว้บนโต๊ะแล้วเดินไปปลุกเจ้าศิษย์ชั่ว “เจ้าหนูๆ”

เฉินมู่อิ๋งลืมตาตื่นทันที เห็นอาจารย์หยางก็มองอย่างโกรธเคือง “หึ!”

“กินข้าว” หยางซีหยุนบอกแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะเปิดปิ่นโตออก ยกอาหารข้างในออกมาวางเรียงราย เขานั่งกินข้าวไม่สนใจเจ้าศิษย์ชั่วอีก เพราะคิดว่าเดี๋ยวหิวก็มากินเองนั่นแหละ อาหารยังเหลืออีก 1 ปิ่นโต กินก็ช่าง ไม่กินก็ช่าง เขากินไปเรื่อยๆ จนอิ่มก็เก็บจานชามใส่ปิ่นโตไว้แล้วยกออกไปตั้งไว้ที่โต๊ะนอกผนึกอาคม ช่องนั้นยังคงแหวกค้างอยู่อย่างนั้นไม่หุบเข้ามาเพื่อเป็นช่องทางให้ส่งอาหารเข้ามาได้

เฉินมู่อิ๋งนอนอยู่บนพื้น จนกระทั่งรู้สึกหิวจึงลุกไปดูปิ่นโตที่วางอยู่บนโต๊ะ เขาเห็นอาจารย์หยางนั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนอักษร เขาจึงนั่งลงที่โต๊ะแล้วเปิดปิ่นโตหยิบอาหารข้างในออกมากิน กินเสร็จแล้วก็เก็บจานชามใส่ปิ่นโตแล้วถือออกไปข้างนอก

เห็นที่โต๊ะนอกผนึกอาคมมีปิ่นโตเถาหนึ่งวางอยู่ เขาจึงเอาปิ่นโตของเขาไปวางคู่กับปิ่นโตเถานั้น จากนั้นก็เดินไปนั่งใต้ต้นท้อ เห็นลูกท้อออกเต็มต้นจึงยืนขึ้นเด็ดลูกท้อมากัดกิน ทันทีที่กัดลูกท้อรสชาติหวานอมเปรี้ยวก็แผ่ซ่านไปทั่วปาก เป็นรสหวานๆ เปรี้ยวๆ ที่ลงตัวยิ่ง กลิ่นก็หอมอบอวลไปทั่วทั้งปาก เขาจึงกินท้อลูกนั้นจนหมดแล้วโยนเมล็ดทิ้งไป จากนั้นก็ยื่นมือไปเด็ดมากินอีก

หยางซีหยุนมองไป เขาเห็นเฉินมู่อิ๋งกำลังเด็ดลูกท้อก็เบิกตาโต “เจ้า!”

เขาลุกขึ้นเดินไปหาอย่างไว จับมือที่กำลังเด็ดลูกท้อไว้แน่น “เจ้าเด็ดท้อของข้า”

“หึ!” เฉินมู่อิ๋งแค่นเสียงอย่างเย็นชา หยางซีหยุนเหลือบเห็นเมล็ดท้อถูกโยนทิ้งอยู่แถวนั้นหลายเมล็ดทีเดียว เขามองเมล็ดพวกนั้นอย่างปวดใจยิ่งนัก “เจ้ารู้ไหมว่าท้อเซียนต้นนี้กว่าข้าจะปลูกจนออกลูกครั้งแรกก็ใช้เวลาถึง 100 ปีเชียวนะ”

“อ่อ” เฉินมู่อิ๋งส่งเสียงรับรู้อย่างเย็นชา หยางซีหยุนรู้สึกจนคำพูดขึ้นมา เขาไม่รู้จะด่าเจ้าศิษย์ชั่วนี่อย่างไรดี ทั้งดื้อรั้น ทั้งขัดคำสั่งเขาเสมอ เฉินมู่อิ๋งสะบัดมือออกจากอุ้งมืออาจารย์หยาง เขาปลิดผลท้อลงมาด้วยแล้วยกขึ้นกัดต่อหน้าต่อตาอาจารย์หยาง หยางซีหยุนโมโหยิ่งนัก ด่าอย่างเหลืออดว่า “เจ้าตัวล้างผลาญ!”

“หึ!” เฉินมู่อิ๋งแค่นเสียงคำหนึ่ง เคี้ยวท้อเซียนแสนอร่อยอย่างถูกอกถูกใจ หยางซีหยุนไม่รู้จะลงโทษอย่างไรดี เขารู้สึกจนปัญญากับเจ้าศิษย์ชั่วคนนี้จริงๆ เขาสะบัดแขนเสื้อเดินเข้าเรือนไปอย่างโมโหจนเส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ ไม่ให้กินปลาไฉ่หง มันก็มากินท้อเซียนของเขา เจ้าศิษย์ล้างผลาญนี่!

เขาอยากผนึกเจ้าศิษย์ชั่วให้อดข้าวอดน้ำยิ่งนัก แต่ก็กลัวว่ามันจะตายเสียก่อน ที่เขาเอามันมาขังไว้ร่วมเรือนก็เพื่อจะได้สั่งสอนขัดเกลามัน แต่ดูมันซิ มันกลับกินท้อเซียนที่เขาปลูกมาอย่างยากลำบากหน้าตาเฉย! เจ้าเด็กนี่มันจงใจยั่วโมโหเขาชัดๆ หรือมันอยากให้เขาไล่มันออกจากสำนัก? ถ้ามันทำเช่นนี้เพื่อหาเรื่องให้เขาไล่มันออกจากสำนักเช่นนั้นเขาจะไม่ไล่มันออกไปเด็ดขาด แต่จะต้องขัดเกลามันจนมันเชื่อฟังให้ได้! เขาจะต้องขัดเกลามันจนมันกลายเป็นศิษย์แสนดีเหมือนอย่างลูกศิษย์ของอาจารย์คนอื่นๆ ให้ได้!

เฉินมู่อิ๋งเห็นอาจารย์หยางโมโหยิ่งนักก็รู้สึกสะใจมาก หึ! ขังข้า 13 วัน ข้าก็จะกินท้อเซียนต้นนี้ให้หมดต้นเลย!

หนึ่งศิษย์หนึ่งอาจารย์อยู่ร่วมกันอย่างไม่พูดจากันสักคำ ต่างคนต่างอยู่ เฉินมู่อิ๋งก็นอนอยู่ใต้ต้นท้อเซียน หยางซีหยุนก็อยู่ในเรือนเขียนอักษรไปเรื่อยๆ เขามองดูเจ้าศิษย์ชั่วทีไรก็เห็นมันเด็ดท้อเซียนกินทุกที เขาจึงสะบัดหน้าไปอย่างโมโหยิ่งนัก เอาแต่กินๆๆ กินให้ท้องแตกตายไปเลยนะเจ้าศิษย์ชั่ว!

ช่วงที่ถูกขังอยู่นี้ เฉินมู่อิ๋งก็เอาตำราโอสถเซียนของอาจารย์เฟยเทียนออกมาอ่าน เขาอ่านทีละแถวอย่างช้าๆ ทำความเข้าใจกับเนื้อหาในตำราไปเรื่อยๆ หยางซีหยุนก็เก็บตัวเงียบอยู่ในเรือน

เวลาผ่านไปจนครบ 13 วัน ท้อเซียนก็ถูกกินจนหมดเกลี้ยงจริงๆ หมดเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่ลูกเดียวทำให้หยางซีหยุนโมโหจนแทบกระอักเลือดเลยทีเดียว เขาสลายอาคมผนึกออกแล้วตวาดไล่อย่างโมโหจนโทสะท่วมฟ้าแล้ว “ไสหัวไปซะเจ้าตัวล้างผลาญ!”

“หึ!” เฉินมู่อิ๋งแค่นเสียงเย็นชาคำหนึ่ง เดินจากไปอย่างสะใจยิ่ง เขาเดินกลับกระท่อมของเขาไปแล้วเริ่มต้นศึกษาวิชาหลอมโอสถเซียน เขาลงเขาไผ่ไปยังยอดเขาหลัก ที่นั่นมีหอตำราเก็บไว้มากมาย มีตำราทุกแขนงวิชาระดับพื้นฐานทั่วไป ส่วนตำราขั้นสูงอาจารย์แต่ละวิชาจะเป็นผู้เก็บเอาไว้ที่ยอดเขาของตัวเอง เฉินมู่อิ๋งเข้าไปในหอตำราแล้วหยิบตำราหลอมโอสถเซียนขั้นพื้นฐานมาอ่าน

เฉินมู่อิ๋งขลุกอยู่ในหอตำราถึง 10 วันเลยทีเดียว เขาอ่านตำราหลอมโอสถเซียนขั้นพื้นฐานจนหมดทุกม้วนแล้วจึงกลับเขาไผ่ไป เขาออกไปหาสมุนไพรมาหลอมโอสถ แน่นอนว่าสมุนไพรที่เขาต้องการล้วนมีอยู่บนเขาไผ่แห่งนี้ เขาจึงเก็บมาแล้วกลับกระท่อมไปลงมือหลอมโอสถเซียนตามตำราของอาจารย์เฟยเทียน ตำราหลอมโอสถเซียนของอาจารย์เฟยเทียนแตกต่างจากตำราทั่วไปคือไม่ใช้หม้อหลอมโอสถ แต่ใช้พลังเซียนควบคุมการหลอม ใช้พลังเซียนแทนเพลิงปฐพี

เฉินมู่อิ๋งรู้สึกว่าวิธีการหลอมโอสถเซียนในตำราของอาจารย์เฟยเทียนช่างท้าทายยิ่งนัก เขาปิดประตูกระท่อม เริ่มต้นหลอมโอสถเซียนอย่างขะมักเขม้น ครั้งแรกล้มเหลว ทำสมุนไพรไหม้หมด แต่เขาก็ไม่ย่อท้อ ยังคงฝึกหลอมต่อไป

ครั้งที่ 2…ครั้งที่ 3…ครั้งที่ 4…ครั้งที่ 5…จนกระทั่งถึงครั้งที่ 186 ในที่สุดเขาก็หลอมโอสถเซียนเม็ดแรกสำเร็จ เขารู้สึกดีใจมาก “ฮ่าๆๆๆ…สำเร็จแล้วๆ”

หยางซีหยุนแอบมองอยู่ไกลๆ เขาได้กลิ่นสมุนไพรไหม้ลอยออกมาจากกระท่อมจึงเดาว่าเจ้าศิษย์ชั่วของเขาคงกำลังหัดหลอมโอสถอยู่แน่นอน เขาเฝ้าดูอยู่ห่างๆ ไม่ได้เข้าไปรบกวนแม้แต่น้อย เขาเห็นเฉินมู่อิ๋งถอนสมุนไพรที่เขาปลูกเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่าจนสมุนไพรสองสามชนิดนั้นแทบหมดจากเขาไผ่เลยทีเดียว นี่ทำให้เขาปวดใจยิ่งนัก แต่เพื่อความก้าวหน้าของศิษย์เขาจำต้องยอมทนดูอยู่เงียบๆ เขาดูจากชนิดสมุนไพรที่เฉินมู่อิ๋งเก็บไปพอจะเดาได้ว่าเฉินมู่อิ๋งกำลังหลอมโอสถแก้ปวดสามัญทั่วไป โอสถแก้ปวดนี้หลอมไม่ยาก หัดหลอมไม่กี่ครั้งก็สำเร็จแล้ว ศิษย์ของอาจารย์จงฮ่วนหัดหลอมราวๆ สองสามครั้งก็สำเร็จกันแล้ว แต่เจ้าศิษย์ของเขาคนนี้หลอมโอสถชนิดนี้ล้มเหลวถึง 185 ครั้งเชียวนะ นี่แสดงว่าเจ้าศิษย์คนนี้ไม่มีพรสวรรค์ในการหลอมโอสถเอาเสียเลย เฮ้อ…สมุนไพรของข้า!

เฉินมู่อิ๋งมองดูโอสถเม็ดนั้นอย่างภูมิใจ เขาเก็บโอสถเม็ดแรกไปแล้วคิดว่าถ้าเขาหลอมโอสถอย่างเช่นพิษศิลาให้กลายเป็นโอสถเซียนล่ะ ผลจะเป็นอย่างไร? จะทำได้ไหมนะ? เขาแน่ใจว่าอาจารย์เฟยเทียนน่าจะปรับเปลี่ยนตำรายาของนางที่ขายในโลกมนุษย์ให้มีฤทธิ์อ่อนจางลงแน่นอน ไม่เช่นนั้นมนุษย์ไม่อาจทนรับพิษที่รุนแรงระดับมารได้แน่ หากเขาใช้ตำรายาของอาจารย์เฟยเทียนมาหลอมเป็นโอสถเซียนได้ล่ะก็ นี่มันช่างน่าตื่นเต้นจริงๆ หึๆๆๆ…

ยาของอาจารย์เฟยเทียนที่ขายในโลกมนุษย์นั้นเขาเชี่ยวชาญยิ่งนัก ดังนั้นหากเอาตำรายาเหล่านั้นมาหลอมเป็นโอสถเซียนเขาก็จะมีโอสถไว้ใช้สอยเหมือนเช่นตอนเป็นมนุษย์ นี่จะเป็นการยกระดับกำลังรบของเขาเพิ่มขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง

เมื่อคิดแล้วเขาก็เริ่มลงมือทันที เขาออกไปเก็บสมุนไพรมา แน่นอนว่าโอสถแรกที่เขาจะหลอมต่อจากนี้ย่อมเป็นพิษศิลา ถ้าหลอมพิษศิลาเป็นโอสถเซียนสำเร็จ เขาจะเอาโอสถพิษศิลานี้ให้อาจารย์หยางได้ทดลองเป็นคนแรกเลยทีเดียว ฮี่ๆๆๆ…

หยางซีหยุนเห็นเฉินมู่อิ๋งออกไปเก็บสมุนไพร เขาก็ตามไปแอบดูอยู่ห่างๆ เขาเห็นเจ้าหนูนั่นเก็บสมุนไพรพิษไปตั้งหลายอย่าง ทำให้เขาสงสัยใคร่รู้ “จะเอาไปหลอมโอสถอะไรน่ะ?”

เฉินมู่อิ๋งได้สมุนไพรมาพอแล้วก็รีบกลับกระท่อมไป เขาปิดประตูกระท่อมเก็บตัวอยู่ในกระท่อม เริ่มหลอมโอสถพิษศิลา แน่นอนว่าครั้งแรกเขาล้มเหลว เขาเริ่มหลอมใหม่ครั้งที่ 2 แล้วก็ล้มเหลวอีกเช่นเคย เขาเริ่มหลอมใหม่ครั้งที่ 3…ครั้งที่ 4…ครั้งที่ 5 ในที่สุดเขาก็หลอมสำเร็จ ทำเขาหัวเราะลั่นเลยทีเดียว “ฮ่าๆๆๆๆ…”

หยางซีหยุนได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมา เขาเดาว่าเฉินมู่อิ๋งน่าจะหลอมสำเร็จจึงอยากรู้ยิ่งนักว่าเขาหลอมโอสถอะไร?

เมื่อหลอมโอสถพิษศิลาได้แล้ว แน่นอนว่าเฉินมู่อิ๋งต้องหลอมโอสถแก้พิษศิลาด้วยซิ เขาเก็บสมุนไพรที่จะใช้หลอมโอสถแก้พิษศิลามาด้วยจึงลงมือหลอมทันที ครั้งแรกล้มเหลว ครั้งที่ 2 ก็ล้มเหลวอีก ครั้งที่ 3 จึงหลอมสำเร็จ เขามองโอสถแล้วหัวเราะลั่น “ฮ่าๆๆๆๆ…”

หยางซีหยุนได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมาจากกระท่อมจึงเดาว่าเฉินมู่อิ๋งหลอมโอสถสำเร็จอีกแล้ว ดูเหมือนว่าหลังๆ มานี้จะล้มเหลวน้อยลง เช่นนั้นบางทีเขาอาจจะมีพรสวรรค์ด้านการหลอมโอสถกระมัง

เฉินมู่อิ๋งเก็บโอสถไปแล้วเดินไปเปิดประตู เขามองไปตรงจุดที่อาจารย์หยางยืนอยู่แล้วพูดว่า “อาจารย์หยาง ท่านแอบดูข้าตั้งนาน จะแอบดูอยู่ทำไม มิสู้เข้ามาดูให้เห็นชัดๆ ไปเลยล่ะ”

หยางซีหยุนเดินออกจากจุดที่ยืนอยู่ ตรงไปที่กระท่อม “สัมผัสของเจ้านับว่าดีทีเดียว”

“อาจารย์หยาง ท่านดูโอสถที่ข้าหลอมซิ” เฉินมู่อิ๋งเอาขวดใส่โอสถพิษศิลาออกมายื่นให้อาจารย์หยาง หยางซีหยุนรับมาดู

หยางซีหยุนเทโอสถออกมาใส่จานใบเล็กๆ ที่ไม่รู้ว่าหยิบออกมาจากถุงฟ้าดินตอนไหน เรียกว่าเร็วจนเฉินมู่อิ๋งมองแทบไม่ทันเลย หยางซีหยุนดูเม็ดโอสถบนจานแล้วใช้คีมคีบขึ้นมาดู แน่นอนว่าการจะตรวจสอบเม็ดโอสถจะไม่จับเม็ดโอสถด้วยมือตรงๆ เพราะจะทำให้เม็ดโอสถเปรอะเปื้อนได้ เขาคีบโอสถเม็ดนั้นขึ้นมาดมกลิ่นครู่หนึ่งแล้วถาม “นี่โอสถอะไร?”

“โอสถศิลา” เฉินมู่อิ๋งตอบ หยางซีหยุนขมวดคิ้ว เขาไม่เคยได้ยินชื่อโอสถชนิดนี้เลย “เจ้าเอาตำราโอสถนี้มาจากไหน?”

“ตอนข้าเป็นคน ข้าก็ได้ตำรานี้มาโดยบังเอิญ ข้าจึงเอามาหลอมเป็นโอสถเซียน เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าสรรพคุณจะเหมือนกับยาที่ข้าเคยทำไหม ข้าก็ยังไม่แน่ใจ” เฉินมู่อิ๋งบอก หยางซีหยุนคลายคิ้วออก เก็บโอสถใส่ขวดแล้วเก็บจานกับคีมคีบไป แต่พอเขาจะก้าวขาเดินหันหลัง เขากลับก้าวขาไม่ออก เขาก้มลงมองขาตัวเอง “หือ?”

“โอ้! อาจารย์ เป็นอะไรหรือ?” เฉินมู่อิ๋งถามน้ำเสียงยินดีในคราวเคราะห์ของผู้อื่น หยางซีหยุนถลึงตาใส่ “เจ้าวางยาข้า!”

“อาจารย์ ท่านกล่าวหาข้าอยู่นะ ข้าวางยาท่านตอนไหนกัน?” เฉินมู่อิ๋งย้อนถามสีหน้าซื่อๆ หยางซีหยุนถลึงตาจ้องเจ้าศิษย์ชั่วช้า “เป็นโอสถที่เจ้าให้ข้าดูเมื่อกี้”

“ข้าก็แค่ให้ท่านดู ไม่ได้ให้ท่านดมเสียหน่อย ท่านดมเองนะอาจารย์” เฉินมู่อิ๋งพูดอย่างเอื่อยเฉื่อย “ท่านก็ยืนอยู่ตรงนี้สักพักเถอะ ข้าจะไปหลอมโอสถต่อล่ะ”

เขาพูดแล้วก็เดินกลับเข้ากระท่อมไป หยางซีหยุนโมโหจนโทสะท่วมฟ้าเลยทีเดียว “เจ้าเด็กสารเลว!”

เขาด่าแล้วหยิบโอสถแก้พิษออกมาจากถุงฟ้าดินแล้วกินเข้าไปทันที เขารออยู่พักใหญ่ แต่ความรู้สึกที่ขากลับหายไปเรื่อยๆ ทั้งยังลามขึ้นมาสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาตกตะลึงพรึงเพริดยิ่งนัก โอสถศิลาร้ายกาจถึงเพียงนี้เชียวรึ! แม้แต่โอสถแก้พิษของเขาก็ยังแก้พิษไม่ได้!

“เจ้าศิษย์ชั่ว! หากเจ้ายังไม่เอาโอสถแก้พิษมาให้ข้าอีก ข้าจะตีเจ้าให้ตาย!” เขาตวาดลั่น เฉินมู่อิ๋งเปิดประตูออกมา ยกมือขึ้นแตะริมฝีปาก “ชู่ว! อาจารย์ ท่านเงียบๆ หน่อย ข้ากำลังจะหลอมโอสถแก้พิษโอสถพิษศิลา ถ้าท่านเสียงดังเช่นนี้ข้าก็หลอมโอสถไม่ได้น่ะซิ”

“เจ้า!” หยางซีหยุนโกรธจนหน้าแดงหน้าเขียวแล้ว เฉินมู่อิ๋งปิดประตูไปแล้วยิ้มอย่างสะใจเหลือเกิน ได้แก้แค้นคืนย่อมทำให้เขาอารมณ์ดีจนแทบอยากจะผิวปากฮัมเพลงเลยทีเดียว หยางซีหยุนรู้สึกว่าพิษลามขึ้นมาเรื่อยๆ ทำให้เขาตัวแข็งทื่อขึ้นเรื่อยๆ โอสถศิลานี้คล้ายกับอาคมผนึกของเขาที่เขาใช้ผนึกเจ้าศิษย์ชั่วก่อนหน้านี้ยิ่งนัก เขาแน่ใจว่านี่เป็นการแก้แค้นของเจ้าศิษย์ชั่วช้าแน่นอน หลอกให้เขาดมโอสถพิษจนถูกพิษตัวแข็งทื่อ “โอสถศิลา! โอสถศิลา! ฮึ่ม!”

เฉินมู่อิ๋งอยู่ในกระท่อมก็หลอมโอสถพิษศิลาอีก โอสถนี้มีประโยชน์กับเขามาก หากเจอศัตรูที่แข็งแกร่งเขาก็ใช้พิษศิลาถ่วงเวลาแล้วหนีไป ดังนั้นหลอมไว้มากๆ หน่อยย่อมดีแน่นอน ยิ่งหลอมก็ยิ่งเชี่ยวชาญ หลังๆ มานี้เขาหลอมโดยไม่ล้มเหลวเลย แต่ก็เฉพาะโอสถพิษศิลานะ ส่วนโอสถชนิดอื่นๆ ยังต้องอาศัยการฝึกหลอมบ่อยๆ จึงจะชำนาญเหมือนหลอมโอสถพิษศิลา

เมื่อเขาหลอมโอสถพิษศิลาเสร็จแล้ว เขาก็เปิดประตูไปดูอาจารย์หยาง เห็นอาจารย์หยางยืนถลึงตาอยู่เช่นเดิม แต่ดูเหมือนว่าพิษจะแพร่ไปจนแขนทั้งสองข้างก็ขยับไม่ได้แล้ว เขาจึงหยิบโอสถแก้พิษศิลาออกมาแล้วยัดใส่ปากอาจารย์หยาง หยางซีหยุนกลืนโอสถลงไป สายตาจ้องมองเจ้าศิษย์ชั่วราวกับจะฆ่าให้ตาย เขาเสียท่าเจ้าศิษย์ชั่วครั้งแรก นี่เป็นเรื่องที่เสียศักดิ์ศรีที่สุด! อัปยศที่สุด!

“อาจารย์ ถ้าท่านลงโทษข้า ข้าแน่ใจว่าข้ามีวิธีทำให้ท่านรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็นเลยล่ะ” เฉินมู่อิ๋งพูดยิ้มๆ หยางซีหยุนตวาด “เจ้ากล้าขู่ข้าเช่นนี้รึ!? เจ้านี่มันชั่วช้ายากจะเยียวยาจริงๆ”

“ข้าไม่ได้อยากกราบท่านเป็นอาจารย์ ท่านก็บังคับข้า มาตอนนี้ท่านนึกเสียใจทีหลังก็สายไปเสียแล้วล่ะอาจารย์ ข้าไม่ล่วงเกินใครก่อน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะยอมให้คนอื่นล่วงเกิน ท่านกับข้ามาตกลงกันดีๆ ดีกว่า พวกเราต่างคนต่างอยู่ ท่านไม่ยุ่งเรื่องของข้า ข้าไม่ยุ่งเรื่องของท่านเป็นอย่างไร? ข้าแค่ต้องการฝึกฝนพลังเซียนเพื่อไปสู่ระดับสูงสุดเท่านั้น” เฉินมู่อิ๋งเสนอ หยางซีหยุนถลึงตามองจ้องอย่างเดือดดาล “เจ้า!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!