Skip to content

Battle Sun Chapter 2

Chapter 2

ก่อสงครามยึดดินแดน

วันคืนผ่านไป ราชาภากรเติบใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทุกๆวัน เขาก็จะคร่ำเคร่งฝึกฝนฝีมือการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย เทพสุริยะก็คอยวนเวียนดูแลราชาน้อย ทำให้บรรดาพวกที่คิดจะแย่งชิงบัลลังก์จำต้องเก็บงำความคิดของตัวเองให้มิดชิด ตราบที่ท่านเทพยังคอยคุ้มครองราชาอยู่เช่นนี้ ใครจะกล้ายื่นหน้าออกไปหาความตายกันล่ะ

หลังจากที่เฝ้าดูแลมานานหลายปี ความผูกพันของหนึ่งเทพหนึ่งมนุษย์ก็เพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ราชาภากรรู้สึกเหมือนเทพสุริยะคือพี่ชาย ส่วนเทพสุริยะก็รู้สึกว่าราชาภากรคือน้องชาย จนกระทั่งวันหนึ่งราชาภากรก็อยากไปเห็นที่อยู่ของพี่ชายบ้าง จึงได้เอ่ยปากขอ “ข้าอยากเห็นบ้านของท่านบ้าง เป็นอย่างไร? สวยงามยิ่งกว่าวังของข้าหรือไม่?”

“เจ้าอยากเห็นงั้นรึ?” เทพสุริยะย้อนถามลดหนังสือในมือลง มองใบหน้าสง่างามที่เปลี่ยนจากเด็กน้อยมาเป็นชายหนุ่มผู้สง่างาม แต่ใบหน้านี้มีข้อเสียคือความเย็นชาที่ฝังลึกอยู่บนหน้า ทำให้ดูแล้วออกจะน่าหวั่นเกรงจนผู้คนรู้สึกหวาดผวา หากใบหน้านี้อ่อนโยนสักหน่อย สาวๆคงรุมล้อมทิ้งผ้าเช็ดหน้าให้ตามรายทางเป็นแน่

“ข้าอยากเห็น” ราชาภากรกล่าวน้ำเสียงจริงจัง แววตาคล้ายลูกสุนัขน้อยที่อยากออกไปวิ่งเล่นในทุ่งหญ้ากว้างใหญ่

“เจ้าอยากเห็น ข้าก็จะพาไป แต่ด้วยกายเนื้อของเจ้าเช่นนี้ แค่ผ่านประตูเข้าไปก็มอดไหม้แล้ว เช่นนั้นข้าจะแบ่งพลังให้เจ้าไว้ป้องกันร่างกายจากไอร้อนสักหน่อยก็แล้วกัน” เทพสุริยะกล่าวแล้วก็ยกขาหน้าขึ้นวางบนศีรษะราชาภากร

ราชาภากรรู้สึกถึงไอร้อนที่แผ่ออกมาจากขาหน้าบนศีรษะ พลัน พลังสายหนึ่งก็แทรกเข้ามาในศีรษะของเขา เขารู้สึกว่าพลังสายนี้ร้อนจนสามารถเผาทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นจุณได้ในพริบตา เขารู้สึกร้อนจนหลั่งเหงื่อออกมาจนท่วมตัว

เทพสุริยะดึงขาหน้ากลับไป “เอาล่ะ ข้าแบ่งพลังให้แล้ว”

“ขอบคุณ” ราชาภากรกล่าว แล้วก็เร่งเร้าว่า “ไปได้หรือยัง? ข้าอยากเห็น”

“อืม” เทพสุริยะพยักหน้าแล้วก็ยกขาหน้ากรีดอากาศ พลัน! อากาศก็แยกเปิดออก กลายเป็นประตูสีทองบานใหญ่ แล้วประตูก็เปิดออก เทพสุริยะเดินนำเข้าไป ราชาภากรก็เดินตามเข้าไป เมื่อทั้งสองเข้าไปแล้วประตูก็ปิดลง

ราชาภากรเดินตามเทพสุริยะไปเรื่อยๆ ทางที่เดินไปคล้ายอุโมงค์ถ้ำ แต่อุโมงค์นี้กลับเป็นอุโมงค์ที่มีแต่แสงสว่างเจิดจ้า สว่างจนเขาต้องยกมือป้องดวงตา หยีตาลง แล้วเขาก็รู้สึกถึงพลังงานร้อนๆที่หมุนวนอยู่ในร่าง พลังงานนั้นเคลื่อนขึ้นมาที่ดวงตาทั้งสองข้าง แล้วก็ถอยกลับไปอยู่ตรงกลางศีรษะดังเดิม เมื่อพลังสายนั้นถอยกลับไปแล้ว เขาก็รู้สึกว่าแสงเจิดจ้า ไม่ได้เจิดจ้าอีกต่อไป เขาจึงลดมือลง ครั้นมองไปอีกครั้งเขาจึงเห็นว่ารอบๆอุโมงค์เป็นลาวาสีแดงอมส้มไหลวนไปมา

เทพสุริยะเดินนำหน้าออกจากอุโมงค์ เมื่อพ้นอุโมงค์ออกมาราชาภากรก็เห็นปราสาทขาวตั้งตระหง่าน เทพสุริยะเดินนำเข้าปราสาทไป ราชาภากรมองไปรอบอย่างตะลึง เขาแหงนหน้าขึ้นไป เบื้องบนเป็นฟ้าสีแดงอมส้ม สีเดียวกับแสงตะวันยามลับฟ้าอย่างไรอย่างนั้น

“ว้าว!!! บ้านท่านสวยยิ่งนัก” ราชาภากรชมพลางมองไปรอบๆ

เทพสุริยะก็พาราชาภากรเดินชมปราสาท จนกระทั่งถึงเวลาที่ร่างกายของราชาภากรเริ่มถึงขีดจำกัด เขาก็พาราชาภากรกลับ

เมื่อกลับมาถึงวังของตัวเองแล้ว ราชาภากรก็แยกตัวไป ส่วนเทพสุริยะก็นั่งลงอ่านหนังสือที่อ่านค้างอยู่ต่อ เมื่ออยู่ในห้องตามลำพังแล้ว ราชาภากรก็ยิ้มเหี้ยมเกรียมออกมา อันที่จริงแล้วเขาไม่ได้อยากเห็นบ้านของเทพสุริยะหรอก แต่เพราะเขาอ่านตำราโบราณเล่มหนึ่งที่บันทึกไว้ว่าหากสามารถทำให้เทพสุริยะประทานพลังได้ ก็จะสามารถใช้พลังของเทพสุริยะได้ ซึ่งตำราโบราณเล่มนี้เขาเจอมันในช่องลับในห้องของท่านพ่อ ในที่สุดเขาก็สามารถหลอกล่อให้เทพสุริยะแบ่งพลังมาให้เขาได้แล้ว แม้ว่าพลังที่ได้รับมาจะไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็เพียงพอที่จะแก้แค้นได้แล้ว หึๆๆๆๆ

หลังจากนั้น เขาก็แอบสั่งการทหารอย่างลับๆ เตรียมกำลังพลอย่างเงียบเชียบ ไม่ให้เทพสุริยะระแคะระคายสักนิด จนกระทั่งกำลังพลพร้อมแล้ว และเทพสุริยะกลับปราสาทสุริยะไปแล้ว ราชาภากรก็นำกำลังทหารลอบเข้าไปในดินแดนจันทราอย่างเงียบกริบ กำลังทหารโอบล้อมปราสาทจันทราอย่างเงียบเชียบ

ผู้คนในปราสาทกำลังหลับใหล ไม่ได้รู้สึกถึงภัยที่กำลังโอบล้อมปราสาทสักนิด ราชาภากรนำกำลังทหารส่วนหนึ่งย่องเข้าไปในปราสาท เมื่อพบห้องของราชาอนธการก็ค่อยๆเปิดเข้าไป ย่องไปยืนอยู่ข้างเตียงด้วยฝีเท้าไร้เสียง ดาบในมือก็ยื่นไปจ่อคอราชาอนธการซึ่งกำลังนอนหลับอยู่ เขากดปลายดาบลงไปจนแทงเข้าไปในผิว

ราชาอนธการรู้สึกเจ็บก็ลืมตาขึ้น เมื่อมองเห็นคนยืนอยู่ข้างเตียงกดดาบแทงตัวเองอยู่ ก็ไม่ขยับ มองจ้องคนผู้นั้นแล้วถามอย่างมีสติว่า “เจ้าเป็นใคร? ต้องการอะไร?”

“เจ้าฆ่าพ่อข้า ฆ่าแม่เลี้ยงข้า ฆ่าน้องสาวของข้า ข้าก็ย่อมมาเพื่อเอาชีวิตเจ้าน่ะซิ” ราชาภากรกล่าวอย่างเหี้ยมเกรียม กดปลายดาบลงไปอีกนิด

ราชาอนธการจะขยับมือปล่อยพลังออกมา แต่ราชาภากรชิงลงมือก่อน เขาโบกมือวูบเดียวก็ปรากฏเชือกเพลิงออกมาจากมือเส้นหนึ่งพุ่งเข้ารัดพันรอบตัวราชาอนธการ

“เชือกเพลิง!” ราชาอนธการเบิกตาโตอย่างตกใจ “พลังเทพสุริยะ!” เขารีบแผ่พลังออกจากตัวเป็นม่านบางๆกันไอความร้อนจากเชือกเพลิงเส้นนั้นไม่ให้เผาเนื้อของตัวเอง

“ไม่ผิด” ราชาภากรกล่าว รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมยิ่งกดลึกขึ้น

“เจ้า! คนแดนสุริยะ!” ราชาอนธการกล่าวอย่างตะลึง ในขณะที่เครื่องนอนเมื่อถูกเชือกเพลิงก็ลุกไหม้ขึ้นมา

ราชาภากรดึงดาบออกแล้วจิกผมราชาอนธการขึ้นมา ดึงออกจากกองเพลิง ราชาอนธการมองมือที่บังอาจจิกผมตัวเอง แต่เขาก็ไม่อาจขยับมือได้เพราะพลังของเชือกเพลิงที่พันรอบตัวเขานั้นมีพลังมากกว่าพลังของเขาหลายเท่านัก เขาพยายามใช้พลังดับเชือกเพลิงเส้นนี้แต่ก็ไม่อาจดับได้ แม้แต่จะผลักเชือกให้ออกไปยังไม่อาจทำได้เลย

เสียงเพลิงลุกไหม้กับกลิ่นไหม้ทำให้นางกำนัลที่นอนอยู่มุมห้องลืมตาขึ้นมอง ผุดลุกขึ้นมา พวกนางก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเตียงกำลังไหม้ไฟ “ไฟไหม้!”

พวกนางกำนัลยังไม่ทันจะได้ตะโกนอะไรต่อก็รู้สึกถึงความร้อนพาดที่คอ ครั้นเหลือบไปมองก็เห็นชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งยืนอยู่ข้างๆพวกนางแล้ว พวกเขาเอาดาบจ่อคอพวกนางดุว่า “เงียบ!”

“คนแดนสุริยะ!” นางกำนัลคนหนึ่งเอ่ยออกมาอย่างตกใจ ดาบที่แผ่พลังไอร้อนเช่นนี้ ย่อมไม่ใช่คนดินแดนจันทราแน่นอน

“มัดตัวพวกมัน ลากออกไป!” ราชาภากรสั่งพร้อมกับจิกผมราชาอนธการกระชากให้เดินออกจากห้องไป

“โอ๊ยๆ! เจ้า! ผมข้าจะหลุดแล้ว!” ราชาอนธการร้องลั่น ทั้งยังต้องแผ่พลังป้องกันไม่ให้เชือกเพลิงเผาเนื้อหนัง

ทหารของราชาภากรก็จัดแจงเอาเชือกออกมามัดพวกนางกำนัล พวกเขาใช้เชือกสะกดพลังของคนแดนจันทรา มัดรอบคอชาวจันทราก่อน เมื่อถูกมัดด้วยเชือกสะกดพลัง ชาวแดนจันทราก็ไม่อาจใช้พลังออกมาได้ ทำให้พวกนางกำนัลไร้พลังที่จะต่อสู้ เมื่อไร้พลัง พวกนางก็หมดหนทางที่จะดิ้นรนขัดขืน จากนั้นพวกทหารก็เอาเชือกธรรมดามามัดแขนพวกนางเอาไว้ นางกำนัลนางหนึ่งจะร้องตะโกนขึ้น ทหารก็รีบมัดปากนางทันที พวกนางกำนัลก็ถูกมัดจนไม่อาจร้องได้ แล้วพวกนางก็ถูกลากดึงออกไป ภายในห้อง เตียงก็ลุกไหม้จนควันโขมง

ราชาอนธการถูกจิกผมลากไปตามทางเดิน เขาร้องตะโกนด่า “เจ้าเด็กไร้พ่อแม่สั่งสอน!”

“ใช่ ข้าไร้พ่อแม่สั่งสอน เพราะเจ้าฆ่าพ่อข้าไปอย่างไรล่ะไอ้แก่!” ราชาภากรตะคอกกลับ

ราชาอนธการพยายามมองชายหนุ่ม แล้วคิดว่าเขาเป็นใคร? มีความแค้นอะไรกับตัวเอง? แต่เมื่อเห็นลายบนชุดเกราะของชายหนุ่มผู้นี้ เขาก็ปากอ้าตาค้างไป “เจ้าคือราชาแดนสุริยะ!?”

“อืม” ราชาภากรส่งเสียงคำหนึ่ง นิ้วจิกผมลากราชาอนธการเดินไปยังห้องโถงใหญ่ของปราสาท

ราชาอนธการเกิดความคิดหนึ่งสว่างวาบขึ้นมา ข่าวสารทางฝั่งดินแดนสุริยะเขาย่อมรู้มาไม่น้อย หลังจากที่ราชาทินกรตายแล้ว เจ้าชายภากรก็ถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นราชาองค์ใหม่ ในเมื่อชายหนุ่มผู้นี้คือราชาภากร เช่นนั้นคนผู้นี้มาก็เพื่อแก้แค้นที่เขาไปฆ่าราชาทินกรซินะ ภาพในวันนั้นยังติดตาเขาไม่เคยลบเลือน โดยเฉพาะภาพที่คมดาบฟันลงไปบนร่างของน้องสาวตัวเองมันยังแจ่มชัดฝังแน่นอยู่ในใจมาตลอด เขามองชายหนุ่มอย่างปลงตก หากราชาหนุ่มผู้นี้ต้องการชีวิตเขาก็เอาไปเถอะ

เมื่อถึงห้องโถงใหญ่ ราชาภากรก็เหวี่ยงร่างราชาอนธการล้มลงไปบนพื้นหินเย็นเยียบ ราชาอนธการยันตัวลุกขึ้นนั่งอยู่บนพื้น ส่วนราชาภากรก็เดินไปนั่งบนบัลลังก์ มองลงไปยังราชาอนธการที่นั่งเฉยราวไม่รู้สึกทุกข์ร้อน ทหารชาวสุริยะก็ลากพวกนางกำนัลมาเหวี่ยงกองๆรวมกันไว้มุมห้อง ส่วนพวกทหารวังก็ถูกมัดลากเหวี่ยงเข้ามาทีละคนสองคน

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น!?” ทหารที่ไม่ได้ถูกมัดปากร้องถามอย่างตกอกตกใจ จู่ๆก็ถูกคนเอาดาบจ่อคอแล้วมัดตัวลากมา แต่เมื่อเห็นองค์ราชาของพวกเขาถูกมัดนั่งอยู่กลางห้องโถง พวกทหารนางกำนัลก็ร้องเรียกอย่างตกใจ “องค์ราชา!”

ราชาอนธการเหลือบมองคนของตัวเอง แล้วก็หันไปพูดกับราชาหนุ่มว่า “เจ้าอยากฆ่าข้า ก็ฆ่า แต่อย่าได้แตะต้องคนบริสุทธิ์พวกนั้นเลย ปล่อยพวกเขาไปเถอะ”

“เฮอะ! ปล่อยงั้นรึ!?” ราชาภากรแค่นเสียงเย็ยเยียบ แล้วมองไปทางพวกนางกำนัล ทหารที่ถูกลากตัวเข้ามาทีละคนสองคน จนมากขึ้นเรื่อยๆ

พลัน! ก็มีเสียงต่อสู้ดังมาจากชั้นบนของตัวปราสาทด้านหนึ่ง

“ตู้ม!—–”

“เจ้าหญิงระวังเจ้าค่ะ”

“พวกเจ้ากล้าบุกเข้ามาในห้องข้า บังอาจนัก!” เสียงหวานกังวานตวาดลั่น

เสียงนี้ทำให้ราชาอนธการร้อนใจขึ้นมาทันที เขารีบตะโกนเสียงดังก้องว่า “จันทรา—–! หนีไป—–!”

เมื่อเสียงไปถึงหูเจ้าหญิงจันทรา เจ้าหญิงก็หยุดชะงักกึก! “ท่านพ่อ!” ในดวงตางามเกิดความกังวลขึ้นมา นางรีบใช้พลังผลักจนผู้บุกรุกกระเด็นไปกระแทกผนัง

“โคร้ม!”

“โอ๊ย!” / “โอ๊ย!”  ผู้บุกรุกทั้งสองคนกระอักเลือดออกมาแล้วก็สลบไป แล้วเจ้าหญิงจันทราก็รีบวิ่งตามเสียงไป นางกำนัลประจำตัวก็รีบตามเจ้านายไป “เจ้าหญิงรอข้าด้วยเจ้าค่ะ—–”

เจ้าหญิงวิ่งไปจนถึงห้องโถงใหญ่ พอสายตาตกกระทบกับคนที่นั่งอยู่กลางห้องโถง นางก็รีบถลาเข้าไปทันที “ท่านพ่อ!”

มือเรียวงามยื่นไป หวังจะช่วยแก้เชือกเพลิงออกจากตัวท่านพ่อ แต่พอนางยื่นมือไปใกล้ก็รู้สึกได้ถึงความร้อนรุนแรงจนผิวแทบไหม้ นางรีบแผ่พลังออกมาปกป้องตัว พยายามยื่นมือไปแก้เชือกให้ท่านพ่อ

“จันทรารีบหนีไปซะ!” ราชาอนธการสั่งอย่างร้อนใจ สายตาเหลือบมองคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ เจ้าหญิงจันทราก็มองตามไป แล้วก็เห็นชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงนั้น มองมาด้วยสายตาประสงค์ร้าย “เจ้าเป็นใคร? รีบปล่อยท่านพ่อข้าเดี๋ยวนี้นะ!”

ราชาภากรมองด้วยสายตาเย็นเยียบ กล่าวว่า “เจ้ายอมให้จับเสียโดยดี ไม่งั้นข้าจะตัดหัวพ่อเจ้าเสียตรงนี้แหละ!” แล้วเขาก็แบมือขึ้น พลัน! บนฝ่ามือก็ปรากฏวงไฟหมุนวนราวใบมีดขึ้นมา แล้ววงไฟนั้นก็ลอยพุ่งมา

เจ้าหญิงจันทรา รีบถลาเอาตัวบังท่านพ่อเอาไว้ “อย่า!—–”

“จันทราหลบไป!—–” ราชาอนธการร้องลั่น รีบลุกขึ้นเอาตัวชนลูกสาวออกไป “พลั่ก!”

เจ้าหญิงจันทรากระเด็นไป ขณะที่กำลังจะล้มลงไป พลัน นางก็เห็นเงาร่างวูบมารับตัวนางไว้ ครั้นมองคนผู้นั้น นางก็พบว่าเป็นชายที่นั่งอยู่บนบัลลังก์นั่นเอง นางรีบหันไปมองท่านพ่อทันที เห็นวงไฟหมุนวนจ่อคอท่านพ่ออยู่

“จะสู้หรือจะยอมแพ้ ถ้าสู้ พ่อเจ้าก็ถูกฆ่า! เลือก!” ราชาภากรกล่าวน้ำเสียงเด็ดขาด

เจ้าหญิงจันทราเข่าอ่อนยวบ “ข้ายอมแพ้ ข้ายอมแพ้แล้ว อย่าฆ่าท่านพ่อของข้า”

“ดี!” ราชาภากรกล่าวคำหนึ่ง แล้วก็เอาเชือกผนึกพลังออกมามัดรอบคอระหง เชือกเส้นบางสีเงินปลายทั้งสองเชื่อมติดกันอยู่บนลำคอเจ้าหญิงจันทราราวกับเป็นสายสร้อยเส้นหนึ่ง เมื่อถูกผนึกพลังแล้ว เจ้าหญิงจันทราก็ไม่อาจใช้พลังออกมาต่อสู้ได้

ราชาภากรมองไปทางราชาอนธการแล้วดึงวงไฟเข้ามาเก็บ มองราชาอนธการด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม แล้วก็เบนสายตาไปมองเจ้าหญิงจันทรา กล่าวว่า “เจ้าฆ่าน้องสาวข้าเพียงเพราะนางเป็นลูกครึ่ง เช่นนั้นข้าก็จะให้เจ้าดูลูกสาวเจ้าคลอดเด็กลูกครึ่งออกมา!”

ราชาอนธการจ้องราชาภากร ปากอ้าตาค้าง “เจ้า!”

เจ้าหญิงจันทราฟังความหมายที่ชายผู้นี้พูดออก นางก็ก้าวถอยหลังไปทันที แต่ยังไม่ทันจะได้ถอยไปอีก นางก็ถูกรวบตัวแบกขึ้นบ่าแล้ว “ปล่อยข้า!”

“เจ้า! อย่าทำอะไรลูกข้านะ! เจ้าฆ่าข้าเสีย แล้วปล่อยทุกคนไป!” ราชาอนธการตะโกนลั่น แล้วพุ่งไปหมายช่วยลูกให้พ้นจากมือคนชั่วช้า

ราชาภากรมองอย่างเย็นชา ใช้พลังสะกดการเคลื่อนไหวของราชาเฒ่าเอาไว้ แล้วก็สั่งทหารว่า “เฝ้าพวกมันไว้ให้ดี อย่าให้ใครหนีไปได้เด็ดขาด!”

“ขอรับ” ทหารรับคำสั่ง แล้วก็ยืนเฝ้าเชลยอย่างแข็งขัน

รอบๆปราสาทก็ปรากฏเสียงต่อสู้เป็นระยะๆ ทหารชาวจันทราตกตายไปไม่น้อย พวกที่เหลือรอดก็ล้วนถูกจับทั้งหมด แต่ละคนถูกมัดแล้วลากตัวไปกองรวมกันในห้องโถงใหญ่

เจ้าหญิงจันทราก็ดิ้นรนทั้งทุบทั้งตีทั้งถีบ หวังจะให้หลุดจากเงื้อมือชายผู้นี้ ซึ่งแบกนางเข้าไปในห้องๆหนึ่ง เมื่อเข้าไปในห้องแล้วราชาภากรก็ถีบประตูปิดดังตึง! เจ้าหญิงจันทราสะดุ้งเฮือก! “เจ้าปล่อยข้า!”

ราชาภากรโยนเจ้าหญิงผู้งดงามลงไปกับพื้นอย่างไม่ถนอมสักนิด “ตุ๊บ!”

“โอ๊ย!” เจ้าหญิงร้องเจ็บ แล้วก็รีบขยับตัวถอยหนี

ราชาภากรก้มลงไปจับมือนางเอาไว้ เจ้าหญิงก็ใช้มืออีกข้างตีมือเขาไม่ยั้ง “ปล่อยข้า!”

นางพยายามดึงพลังออกมา แต่ก็ไม่มีพลังใดๆออกมาสักนิด นางจึงพยายามดึงเชือกผนึกพลังที่คอออก แต่เชือกก็ไม่ขาด ยิ่งดึงเชือกก็ยิ่งบาดผิวรอบคอจนแดงถลอก

“หึๆๆๆ พ่อเจ้าฆ่าน้องสาวข้า เพียงเพราะนางเป็นเด็กลูกครึ่งต้องห้ามของสองดินแดน เช่นนั้น ข้าก็จะให้มันดูเจ้าตั้งท้องแล้วคลอดเด็กลูกครึ่งต้องห้ามออกมานับสิบนับร้อย!” ราชาภากรกล่าวอย่างเย็บยะเยียบ ยอบตัวลงไปจับมือเรียวนุ่มนิ่มยึดเอาไว้แล้วยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มนวลปลั่ง

“ไม่!” เจ้าหญิงจันทราตะโกนลั่น ถอยหนีพลางยกขาถีบใส่คนตรงหน้า แต่ระยะประชิดเช่นนี้นางก็ถีบออกไปไม่ถนัดนัก

แต่พอราชาภากรได้กลิ่นกายของเจ้าหญิงคนงาม เขาก็ชะงักกึก! กลิ่นกายที่เหมือนกับแม่เลี้ยงตัวเอง ทำให้เขาเห็นภาพในวันนั้นผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้ง เขาผละออก มองใบหน้างดงามที่มีความละม้ายกับแม่เลี้ยงอยู่สามส่วน

เจ้าหญิงจันทราเห็นเขาผละออก นางก็นิ่งชะงัก มองเขาอย่างหวั่นกลัว หวังว่าเขาจะยังมีจิตใจด้านดีไม่ลงมือย่ำยีนาง “ได้โปรด อย่าทำข้า…”

ราชาภากรมองใบหน้างดงามนั้นแล้วก็เห็นความละม้ายคล้ายกับราชาอนธการบนใบหน้านาง ความโกรธความแค้นก็พุ่งขึ้นมาอีกระลอก เขาจับนางคว่ำลงกับพื้น ใช้พลังตรึงนางเอาไว้แล้วแบมือออก พลัน! ในมือก็ปรากฏแส้เส้นหนึ่งขึ้นมา แล้วเขาก็ฟาดลงไปบนแผ่นหลังบอบบาง

“ขวับ!”

“โอ๊ย!” เจ้าหญิงร้องลั่น เจ็บหลังจนแสบ

“ขวับ! ขวับ! ขวับ! ขวับ!…”

“โอ๊ย!ๆๆๆ—–” เจ้าหญิงร้องลั่น น้ำตาไหลพราก

เสียงร้องของเจ้าหญิงจันทราทำให้ราชาอนธการตะโกนลั่น “เจ้าอย่าทำอะไรลูกข้านะ! เจ้ามาฆ่าข้าเสีย ปล่อยลูกข้าไป!”

เสียงตะโกนของราชาอนธการดังมา ทำให้ราชาภากรยิ่งเฆี่ยนเจ้าหญิงคนงามไม่ยั้ง ยิ่งได้ยินเสียงไอ้แก่นั้น เขาก็ยิ่งสะใจ!

“โอ๊ย!ๆๆๆๆๆๆ—–” เจ้าหญิงจันทราถูกเฆี่ยนจนสลบ ราชาภากรจึงได้หยุดมือ แส้ในมือหายวับไป แล้วเขาก็เดินไปเปิดประตู เดินออกไป พลางจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ราชาอนธการเห็นประตูห้องเปิดออก ก็มองเข้าไปในห้อง เห็นร่างลูกสาวตัวเองนอนคว่ำอยู่กลางห้อง ราชาภากรเดินออกมาด้วยท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่อง ราวกับได้ปลดปล่อยแล้วเช่นนั้น เขาก็ทรุดลงไปนั่งแปะกับพื้น น้ำตาไหลรินจากดวงตาทั้งสองข้าง

ราชาภากรดึงประตูปิด ทำให้ไม่อาจเห็นคนที่นอนสลบอยู่ได้อีก เขามองไปยังราชาเฒ่าแล้วกล่าวว่า “ลูกสาวเจ้าไม่เลวเลย”

“ข้าจะฆ่าเจ้า!” ราชาอนธการตะโกนลั่นอย่างคลั่งแค้น ดิ้นจนหลุดจากพลังสะกดได้ แล้วก็พุ่งเข้าไปหมายจะฆ่าราชาหนุ่มให้ตกตาย

ราชาภากรยกเท้าถีบทีหนึ่ง “พลั่ก!” ราชาอนธการก็กระเด็นไปกระแทกพื้น “อั๊ก!” กระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง พลังที่แผ่คุ้มกายเอาไว้ก็สลายไป ทำให้ผิวหนังถูกเชือกเพลิงแผดเผา “อ๊ากกกก—–”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!