Skip to content

Battle Sun Chapter 7

Chapter 7

ผลักลงสระน้ำร้อน

ทิวาเดินไปยืนหน้ากระจกซึ่งเป็นแผ่นน้ำใสแจ๋ว เธอมองกระจกอย่างงงๆ “เนี่ยเหรอกระจก?”

“เจ้าค่ะ” รัตติพยักหน้า

ทิวาขยับเข้าไปส่องกระจก ก็เห็นภาพสะท้อนตัวเองแจ่มชัดเสียยิ่งกว่ากระจกแก้วซะอีก

เธอถอยออกมายืนส่องกระจกเต็มตัว “โห…ไปเล่นหนังจีนได้เลยนะเนี่ย”

รัตติฟังอย่างงุนงง นางรู้สึกว่าวันนี้เจ้าหญิงพูดมากกว่าปกติ อีกทั้งยังพูดจาประหลาดๆอีกด้วย

ทิวาหมุนซ้ายหมุนขวามองดูเงาตัวเองอย่างแปลกตา

“เชิญเจ้าค่ะ” รัตติบอกแล้วก็เดินไปเปิดประตูรอ

ทิวาเดินกลับเข้าไปในห้อง แต่พอเห็นคนที่ยืนอยู่กลางห้องเธอก็ชะงัก! “เฮ้ย! ไอ้บ้านั่นนี่หว่า”

เธอรีบหลบหลังรัตติแล้วก็ชะเง้อหน้าไปมองอย่างกลัวๆ

รัตตานั่งหมอบอยู่ห่างๆ อย่างหวาดกลัว พอเห็นเจ้าหญิงเดินเข้ามาก็รีบบอกว่า “ราชาภากรมาเจ้าค่ะ”

รัตติรีบคุกเข่าลงนั่งหมอบอย่างหวาดกลัว

ทิวารู้สึกเหมือนไร้ที่กำบัง เธอก็รีบเดินไปแอบหลังเสาชะเง้อมองด้วยความกลัว

ราชาภากรหันไปมองแล้วก็รู้สึกว่านางเหมือนเด็กน้อยตัวเล็กๆที่หวาดกลัวคนแปลกหน้า

เขาเดินเข้าไปหานาง

ทิวาขนลุกซู่ เธอรีบแอบหลังเสา “อึ๊ย…”

“เจ้ากล้าขัดคำสั่งข้าบวงสรวงเทพีจันทราเมื่อคืนนี้ ข้าจะลงโทษเจ้า” ราชาภากรพูดเสียงเหี้ยมแล้วก็เดินอ้อมเสาไปคว้าข้อมือนาง

“ว๊าย!” ทิวาร้องลั่น

“มานี่!” ราชาภากรกระชากนางให้เดินไปทางห้องน้ำ

“เฮ้ย! จะพาฉันไปไหน! ฉันไม่ไป! ปล่อยฉันนะไอ้บ้า!” ทิวาขืนตัวมืออีกข้างกอดเสาแน่น แต่เสาก็ต้นใหญ่เกินกว่าที่เธอจะโอบรอบ

พอราชาภากรออกแรงดึง นางก็เซถลาหลุดจากเสา แล้วก็เซไปกระแทกตัวเขา

ทิวาผงะออก เธอหันหน้าจะสะบัดแขนวิ่งหนี แต่ก็ถูกเขาลากเข้าไปในห้องน้ำ

รัตติกับรัตตาได้แต่นั่งมองอย่างสงสาร อยากจะช่วยเหลือเกินแต่ก็ทำไม่ได้ โชคดีแค่ไหนที่เมื่อคืนไม่ใช่เวรของพวกนางที่คอยรับใช้เจ้าหญิง ไม่ใช่นั้นพวกนางคงตายไปแล้วเป็นแน่

“ปล่อยฉันนะ! ปล่อยซิ!” ทิวาตวาดลั่น!

ราชาภากรมองด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม เขามองน้ำในสระ พลัน! ไอน้ำก็ลอยกรุ่นจางๆ

ทิวามองตามแล้วก็คิดว่าน้ำในสระคงจะกลายเป็นน้ำร้อนไปแล้วแน่ๆ

“ไม่เอานะ! อย่าฆ่าฉันแบบนี้นะ! ฉันยังไม่อยากเป็นไก่ต้ม!” เธอร้องลั่น พลางขืนตัวสุดฤทธิ์

ราชาภากรยิ้มเหี้ยมแล้วก็กระชากนางเหวี่ยงลงสระ ตู้ม!

ทิวาใจหายวาบ วินาทีนั้นหัวใจแทบหยุดเต้น “ไม่นะ!”

เธอทะลึ่งตัวพรวดขึ้น “ไม่เอานะ มันร้อน!”

แต่พอครู่ต่อมาเธอก็ทำหน้างง “เอ๋…” เธอจุ่มตัวลงในน้ำ “อ้าว…ไม่ร้อนนี่น่า แค่อุ่นๆเอง”

เธอยิ้มชอบใจที่ได้แช่น้ำอุ่น เพราะปกติเธอแช่น้ำร้อนกว่านี้อีก แล้วเธอก็ว่ายน้ำเล่นซะเลย

“หือ…?” ราชาภากรมองอย่างงุนงง ทีแรกก็เห็นนางกรีดร้องเสียงหลงก็นึกสะใจ แล้วไฉนนางจึงยิ้มชอบใจเช่นนั้นเล่า

ส่วนรัตตากับรัตติต่างก็ชะเง้อมองไปทางห้องน้ำอย่างสงสาร “โธ่เจ้าหญิง”

ทิวาว่ายน้ำเล่นกลับไปกลับมาอย่างชอบใจ “สบายจังเลย”

ราชาภากรยืนมองนางเล่นน้ำอย่างสนุกก็ยิ่งงุนงง พลางคิดว่า นางเล่นน้ำเหมือนปลายิ่งนัก

“น้ำไม่ร้อนรึไงกันนะ” เขาสงสัยจนต้องเดินไปเอามือจุ่มน้ำ “น้ำก็ร้อนนี่น่า”

เขาจ้องมองนางอย่างงงๆ นางเป็นชาวนครมายาไม่ใช่หรือ แล้วเหตุใดนางจึงชอบน้ำร้อนเล่า… ครั้งก่อนที่โยนนางลงน้ำอุ่น นางเป็นไข้เสียหลายวัน แล้วเหตุใดครั้งนี้นางถึงไม่เป็นอะไรเลย…น่าประหลาดยิ่งนัก

ทิวาว่ายไปว่ายมาแล้วก็หยุดว่าย เธอเดินลุยน้ำเข้าไปหาเขาแล้วก็บอกว่า “นี่คุณ น้ำไม่ค่อยร้อนแล้วล่ะ ช่วยทำให้น้ำร้อนหน่อยซิคะ”

ราชาภากรชะงักงัน!

ทิวาเห็นเขาเหม่อจึงเอื้อมมือไปดึงชายแขนเสื้อเขาเขย่าเบาๆ “คุณๆ ทำให้น้ำร้อนหน่อยซิคะ”

ราชาภากรสะดุ้งรู้สึกตัว กระพริบตามองจ้องหน้านาง

ทิวาไม่รู้ตัวว่าสายรัดเอวหลวมจนสาบเสื้อเผยอออกจนมองเห็นเนินเนื้อหน้าอก

ราชาภากรเหลือบมองต่ำลงไป เห็นเนินเนื้อขาวผ่องก็เผลอมองอย่างลืมตัว

ทิวาเห็นเขาจ้องเอาๆก็ก้มมองตัวเอง “ว๊าย!” เธอร้องลั่นตะครุบสาบเสื้อดึงเข้าหากันแล้วก็หมุนตัวหันหลังขวับ! แก้มร้อนฉ่า

แล้วเธอก็เดินหนีห่างไปจนสุดสระ

ราชาภากรยิ้มขำ มองตามนางไปอย่างไม่อาจจะละสายตาได้ ภาพเมื่อครู่ยังติดตาติดใจ ไม่ใช่ภาพที่เห็นเนินเนื้อขาวผ่องหรอกนะ แต่เป็นภาพที่นางก้มลงเห็นตัวเองแล้วก็รีบตะครุบเสื้ออย่างเขินอายนั่นต่างหากที่ติดตาติดใจ

ทิวาเดินไปยืนเกาะขอบสระ หันหลังให้เขา “น่าอายชะมัด!”

“ไม่เล่นน้ำแล้วรึ” ราชาภากรถามอย่างขำๆ

ทิวาตอบสะบัดอย่างเคืองๆว่า “ไม่”

ราชาภากรทำให้น้ำร้อนขึ้นนิดนึง เขาอยากเห็นนางเล่นน้ำอีกครั้ง

ทิวายืนแช่น้ำอยู่นิ่งๆ รู้สึกว่าน้ำร้อนขึ้นก็ใช้ขาตีน้ำเล่น

ราชาภากรเอนตัวนอนตะแคงข้างใช้แขนท้าวหัวเอาไว้แล้วก็หลับตาลง

ทิวาหันไปมองแล้วก็หันกลับไปใช้ขาตีน้ำเล่นไปมา พอเริ่มเบื่อเธอก็หันไปมองเขา เห็นเขานอนตะแคงหลับตาอยู่อย่างนั้นก็คิดว่าเขาคงจะหลับ เธอจึงเริ่มแหวกว่ายอีกครั้ง

ราชาภากรหรี่ตามองไม่ให้นางรู้ตัว เขามองตามอย่างไม่อาจจะละสายตาได้ เขาไม่เคยเห็นสีหน้าแบบนี้เลยสักครั้ง นางเหมือนเด็กที่กำลังเล่นสนุกสนาน

ทิวาว่ายจนเริ่มเหนื่อย เธอเหลือบมองเขา เห็นเขานอนหลับนิ่งอยู่อย่างนั้นก็ค่อยๆย่องๆขึ้นจากสระแล้วก็เข้าไปในห้องนอน

รัตตากับรัตติรีบลุกไปหาเจ้าหญิง

“โถ…แช่น้ำร้อนตั้งนาน เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?” รัตตาถามอย่างสงสาร

รัตติรีบเอาผ้ามาเช็ดตัวให้ พลางช่วยถอดเสื้อผ้าเปียกออก

“สบายตัวขึ้นตั้งเยอะน่ะซิ” ทิวาพูดแล้วก็บอกว่า “ได้แช่น้ำอุ่นๆแบบนี้ค่อยสบายตัวหน่อย”

รัตตารีบหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่มาสวมให้

ส่วนราชาภากรก็ลุกขึ้นไปแอบดูเงียบๆ ไม่ให้พวกนั้นรู้ตัว

พอสวมเสื้อผ้าใหม่แล้วทิวาก็เริ่มรู้สึกเพลีย เพราะออกแรงว่ายน้ำตั้งนาน เธอเดินไปที่เตียงแล้วก็นอนซุกหมอนอย่างอ่อนเพลีย

เพียงครู่เดียวเธอก็หลับสนิท

ราชาภากรเดินไปยืนข้างเตียง เขาโบกมือไล่ข้ารับใช้แล้วก็จ้องหน้านางอย่างไม่อาจละสายตาได้

รัตตากับรัตติรีบออกไปนอกห้องทันที

ทั้งสองนั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องแล้วก็คุยกันว่า “แม่ว่าแปลกประหลาดมั้ยเจ้าคะ”

“นั่นซิ” รัตตาพยักหน้าเห็นด้วย “ปกติเจ้าหญิงจะทั้งเงียบทั้งเฉยเหมือนรูปปั้น ถามคำตอบคำ เหตุใดวันนี้ท่านจึงได้พูดจาเช่นนี้เล่า?”

“นั่นซิเจ้าคะ” รัตติเห็นด้วย แล้วก็กระซิบว่า “ส่วนท่าน…ก็มองแต่เจ้าหญิง ข้าเห็นจ้องตาไม่กระพริบเชียวเจ้าค่ะ”

ภายในห้อง ราชาภากรนั่งลงบนเตียง สายตาจ้องมองใบหน้างามซึ่งนอนหลับพริ้มอย่างไม่ระแวดระวังตัวเลยสักนิด

เขาครุ่นคิดหนัก นางนอนหลับได้อย่างไรกัน ปกติเพียงแค่เห็นเขาเฉียดกรายเข้าใกล้สักหน่อย นางจะระแวดระวังตัวแจ นี่ก็แปลกอีก ปกติเขาจะได้กลิ่นดอกจันทรากระจายกรุ่นจากกายนางจนฟุ้งเข้าจมูก แต่นี่กลิ่นนั้นกลับอบอวลจางๆไม่ได้ฟุ้งดั่งเช่นแต่ก่อน

เขายื่นหน้าก้มลงสูดกลิ่น “แปลกจริง กลิ่นอะไรกัน?” เขาได้กลิ่นหอมหวานอ่อนๆกำจายจากตัวนาง ยิ่งคิดก็ยิ่งประหลาดใจ ยิ่งมองนางใกล้ๆเช่นนี้เขาก็เผลอจรดจมูกบนผิวแก้มนวลปลั่ง

เขาชะงักงัน! นี่ข้า… เขาผงะออก ตกใจกับการกระทำของตัวเอง เขาผุดลุกขึ้น ตาจ้องมองใบหน้างามด้วยความเกลียดชิงชัง แล้วก็รีบออกจากห้องไป

รัตตากับรัตติสะดุ้ง! ที่จู่ๆประตูก็เปิดผาง! แล้วราชาภากรก็เดินลิ่วออกไป ทั้งสองมองจนราชาเดินลับตาไปแล้วก็หันไปมองหน้ากันเอง

“เกิดอะไรขึ้น? ท่าน…น่ากลัวยิ่งนัก” รัตติขยับเข้าหาแม่

“นั่นซิ หรือว่าเจ้าหญิง…?” รัตตารีบลุกเข้าไปในห้อง “เจ้าหญิงเจ้าขา” ขออย่าให้เป็นอย่างที่ข้าคิดเลย…

รัตติงง “อะไรหรือเจ้าคะ?”

แต่พอรัตตาเห็นเจ้าหญิงนอนหลับพริ้มก็โล่งใจ “เฮ้อ…”

รัตติรีบตามไปดูอย่างงงๆ “มีอะไรหรือเจ้าคะ?”

รัตตาส่ายหน้า “ไม่มีอะไรแล้ว เมื่อกี้ข้าเพียงคิดว่า เจ้าหญิงอาจจะถูกท่าน…ฆ่า…”

รัตติตกใจรีบหันไปมองเจ้าหญิง พอเห็นเจ้าหญิงยังมีชีวิตอยู่ก็โล่งใจ

รัตตาสะกิดลูกสาวแล้วก็บุ้ยปากให้ออกไปข้างนอก ก็นานแล้วที่ไม่ได้เห็นเจ้าหญิงนอนหลับสนิทเช่นนี้นับตั้งแต่ราชาภากรเข้ายึดครองนครจันทรา

ส่วนราชาภากรก็เดินขึ้นหอคอยไป บนหอคอยที่เขากักขังราชาอนธการเอาไว้

“เจ้า!” ราชาอนธการเรียกอย่างชิงชัง

ราชาภากรยิ้มเยาะ “อยู่บนหอคอยนี้ช่างดีจริงๆนะ  เจ้าได้เห็นผู้คนของเจ้าทนทุกข์ทุกวันทุกคืน ได้ยินเสียงพวกมันกรีดร้อง ฟังเสียงพวกมันร้องไห้ชัดเจนดี โดยเฉพาะเสียงกรีดร้องของเจ้าหญิงจันทรา…”

ราชาอนธการถลันเกาะลูกกรงไฟอย่างลืมตัว “เจ้าคนโฉด!” ถึงแม้ว่ามือของเขาจะไหม้เกรียมเขาก็พยายามจะง้างลูกกรงออก “เจ้าทำอะไรลูกข้า…ข้าจะฆ่าเจ้า!”

“เจ้าได้ยินเสียงนาง เจ้าก็น่าจะรู้นะว่านางถูกข้าทำอะไรบ้างนี่นา” ราชาภากรแกล้งเย้ยหยัน

ราชาอนธการยิ่งแค้นหนัก เขาพยายามจะยื่นมือไปคว้าตัวเจ้าคนโฉดชั่ว อย่างน้อยขอให้ทำมันเจ็บได้สักแผลแม้ตัวเขาจะถูกลูกกรงไฟนาบตัวก็ยอม! เมื่อคืนเขาได้ยินเสียงนางกรีดร้องลั่น นางคงถูกมันเฆี่ยนตีย่ำยีอีกเป็นแน่ ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น!

“ข้าอยากให้นางได้เห็นสภาพเจ้าตอนนี้เสียจริง ฮ่าๆๆๆ” ราชาภากรหัวเราะเยาะ

ราชาอนธการชะงักงัน! หากเจ้าเห็นข้าในสภาพนี้เจ้าคงเจ็บปวดใจเจียนตายแน่ โธ่…ลูกข้า เขาถอยออกห่างจากลูกกรงอย่างสิ้นแรง

ราชาภากรมองอย่างสะใจ ยิ่งเจ้าเจ็บปวดเท่าไหร่ข้าก็ยิ่งสะใจเท่านั้น แต่ความเจ็บปวดเพียงแค่นี้มันยังไม่สาสมกับสิ่งที่พวกเจ้าทำไว้กับข้าหรอก

แล้วเขาก็เดินลงจากหอคอยไป

ส่วนราชาอนธการก็นั่งเซื่องซึมอย่างหมดอาลัยตายอยาก

ณ โรงพยาบาล       

เจ้าหญิงจันทราลืมตาขึ้น

อารยะเห็นน้องฟื้นก็ดีใจ “ยัยวา!” แล้วเขาก็หันไปเรียกเพื่อน “ไอ้วันๆ ยัยวาฟื้นแล้ว”

ตะวันสะดุ้งตื่น! “อะไรวะไอ้ยะ?”

“ยัยวาฟื้นแล้ว” อารยะบอกอย่างดีใจ

ตะวันลุกจากโซฟาทันที “ทิวา!”

เจ้าหญิงจันทรามองผู้ชายสองคนที่จ้องหน้านางอย่างงงๆ ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรก็มีคนเข้ามาซะก่อน

“มิสเตอร์บุญดี คุณหมอเชิญไปพบค่ะ” นางพยาบาลพูดกับอารยะ

“ครับๆ” อารยะพยักหน้าแล้วก็บอกน้องว่า “ยัยวา รอพี่แป๊บนะ เดี๋ยวพี่มานะจ๊ะ”

แล้วเขาก็รีบตามนางพยาบาลไป

ตะวันมองตามเพื่อนแล้วก็หันไปมองน้องของเพื่อน “รู้สึกเป็นยังไงมั่งทิวา”

เจ้าหญิงจันทรากระพริบตาปริบๆ “ทิวา?” นางมองหน้าเขาแล้วก็ไปรอบๆห้องอย่างงงๆ

“ข้าอยู่ที่ไหน?” นางถามแล้วก็ขยับตัวลุกขึ้น

ตะวันชะงัก! มองหน้าอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจ

เจ้าหญิงจันทราขยับแขนรู้สึกเจ็บก็มองที่แขนตัวเอง “เอ๊ะ! นี่มันอะไรกันน่ะ?” นางเห็นบางสิ่งเสียบติดกับท่อนแขนเป็นสายระโยงระยางก็ดึงออก “อูย”

ตะวันตกใจ! “ดึงออกทำไมทิวา!?”

“ก็ข้าเจ็บ แล้วข้าก็ไม่ได้ชื่อทิวา ข้าชื่อจันทรา” เจ้าหญิงจันทราบอกแล้วก็ขยับลงจากเตียง พลัน! นางก็เซวูบ!

“ทิวา!” ตะวันถลันเข้าประคอง ฝ่ามือของเขาสัมผัสกับแผ่นหลังบอบบาง “หือ…” เขาสงสัย ก็แผ่นหลังที่ควรจะเรียบเนียนกลับเป็นรอยนูนแปลกๆ

แล้วประตูห้องก็เปิดออก อารยะเดินเข้ามาสีหน้าเคร่งเครียด “เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!” เขาพูดเป็นภาษาอังกฤษ เขาก้าวพรวดถึงตัวน้องแล้วก็ดึงคอเสื้อข้างหลังลง

สิ่งที่เห็นทำให้เขาถึงกับอึ้ง!

หมอเดินตามเข้ามาสีหน้าเคร่งเครียด “ผมพูดจริงๆ คุณก็เห็นแล้วว่าเธอถูกทุบตีอย่างทารุน ถึงทำให้เธอคิดสั้นฆ่าตัวตายแบบนี้ ทางเราจะตามจิตแพทย์มาพบเธอโดยเร็วที่สุดครับมิสเตอร์บุญดี”

ตะวันมองอย่างงุนงง เขาชะโงกมองแผ่นหลังคนตรงหน้า

แล้วเขาก็อึ้ง! อีกคน “ทิวา…!!!”

หมอหันไปสั่งพยาบาลให้ตามจิตแพทย์ พยาบาลรับคำสั่งแล้วก็เดินออกไปจากห้อง

อารยะเดินอ้อมไปดันตัวเพื่อนออก เขาจับใบหน้าเรียวให้เงยสบตากับเขา “ใครทำกับแกแบบนี้ห๊ะยัยวา!? บอกพี่มาซิ! พี่จะไปฆ่ามัน!” เขาถามน้ำตาคลอในดวงตา ทั้งเจ็บแค้นเจ็บปวด

“แกมีเรื่องอะไรทำไมไม่บอกพี่ห๊ายัยวา!? ทำไมแกต้องปิดพี่ด้วยห๊ะ!” เขาเขย่าไหล่บางอย่างปวดใจ

เจ้าหญิงจันทรามองคนตรงหน้าที่น้ำตาค่อยๆไหลออกมาด้วยความปวดใจ นางดันเขาออก

“ท่านเป็นใครหรือ? ข้าไม่รู้จักท่าน อย่ามาจับเนื้อต้องตัวข้าเช่นนี้” นางถามแล้วก็บอกอย่างถือตัว

อารยะตะลึงช็อก! เขาเซถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว ตาจ้องมองหน้าน้องอย่างช็อกสุดขีด “แกพูดอะไรง่ะยัยวา!?”

“ข้าชื่อจันทราเป็นเจ้าหญิงแห่งนครจันทรา” เจ้าหญิงจันทราบอกแล้วก็หย่อนตัวลงจากเตียง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!