Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1387

ตอนที่ 1387

ดาวหนานเทียนตกอยู่ในอันตราย

ผู้ฝึกตนขุนเขาทะเลต่อสู้ไปอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับไห่เมิ่งและผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิด

ไห่เมิ่งไม่ได้เชี่ยวชาญในการต่อสู้มากนัก พื้นฐานฝึกตนของนางตกอยู่ในสภาวะที่เสื่อมถอยมานานแล้ว และด้วยการช่วยเหลือของผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิดเท่านั้น จึงทำให้นางสามารถจะต่อสู้ได้ต่อไปโดยที่ยังไม่พ่ายแพ้

สำหรับสุ่ยตงหลิว การโจมตีไปของท่านทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวต้องสั่นสะเทือน เกิดเป็นแสงเจิดจ้าแวบไปมา พร้อมกับเสียงระเบิดที่ดังกระหึ่มกึกก้อง

ดวงตาเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยรังสีสังหาร ขณะที่ต่อสู้กับผู้ยิ่งใหญ่สตรีแปดแก่นแท้ เนื่องจากหอกคัมภีร์ทั้งสามเล่มนั้น ทำให้พื้นฐานฝึกตนของนางลดลงไปจนถึงระดับของราชันจักรพรรดิ และยังดูเหมือนว่ากำลังเลื่อนลงไปจนถึงระดับจักรพรรดิเต๋าอีกด้วย

เมิ่งฮ่าวโจมตีออกไปอย่างไร้ความเมตตาใดๆ สุดยอดสะพานตกลงมา เกิดเป็นพลังบดขยี้จนทำให้ผู้ยิ่งใหญ่สตรีต้องกระอักโลหิตออกมา นางพยายามจะหลบหนีจากไป แต่จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็ปลดปล่อยเวทผนึกอสูรออกมา!

แก่นแท้แห่งความว่างเปล่าเริ่มก่อตัวขึ้นมาเพื่อผนึกนางไว้ แต่ในตอนนี้เองที่ผู้ฝึกตนศีรษะใหญ่โตจู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นและปลดปล่อยวิชาเวทที่แปลกประหลาดออกมา เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องขึ้น และใบหน้าของเมิ่งฮ่าวก็ซีดขาวจนไร้สีเลือด ขณะที่แก่นแท้แห่งความว่างเปล่าถูกขัดขวางไปในทันที

ผู้ยิ่งใหญ่สตรีกระอักโลหิตออกมาด้วยความตกใจ เมื่อครู่นี้นางรู้สึกได้ถึงเงาแห่งความตายกำลังปกคลุมลงมายังร่างของตนเอง

แต่ก็ไม่ได้ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องหยุดชะงักไป ขณะที่ถอยไปทางด้านหลัง เขาก็ปลดปล่อยเวทรุ่นสี่, เวทตนเองออกมา ทำให้ร่างจำแลงมากมายปรากฏขึ้น ทั้งหมดนั้นพุ่งตรงไปยังผู้ยิ่งใหญ่สตรีอย่างน่าตกใจยิ่ง

หนังศีรษะของผู้ยิ่งใหญ่ต้องด้านชาขึ้นมา ขณะที่หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับร่างจำแลงจำนวนมากของเมิ่งฮ่าว ที่กำลังต่อยหมัดสังหารเทพออกมาโดยพร้อมเพรียงกันทั้งหมด!

การรวมตัวกันของหมัดสังหารเทพมากมายเช่นนี้ ทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวต้องสั่นสะเทือนขึ้น และทั่วทั้งบริเวณนั้นก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายอันดุร้ายน่ากลัว

“ไม่!!” นางกรีดร้องออกมา ไม่ยินดีที่จะต้องพ่ายแพ้ไป กัดปลายลิ้นเล็กน้อยและพ่นโลหิตบางส่วนออกมา ใช้เวทลับที่ทำให้ร่างกายเริ่มเลือนรางลงไปในทันที เวลาเดียวกันนั้นก็หยิบเอาของวิเศษที่แตกต่างกันเป็นจำนวนมากออกมา ทุ่มออกไปจนสุดตัวเพื่อหลีกเลี่ยงจากหมัดที่โจมตีมาอย่างน่ากลัวนี้

ในตอนนี้เองที่ผู้ฝึกตนศีรษะใหญ่ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เมิ่งฮ่าวใช้มือซ้ายขยับร่ายเวทและชี้ตรงไปยังบุรุษผู้นั้นอย่างฉับพลัน

“ข้ากำลังรอให้เจ้าแสดงตัวขึ้นมาพอดี!”

เวทผนึกถูกปลดปล่อยออกไป แต่แสงแปลกๆ ก็สาดประกายขึ้นในดวงตาของผู้ฝึกตนศีรษะใหญ่ ขณะที่พลังเวทผนึกของเมิ่งฮ่าวเข้าไปใกล้ ร่างมันก็แยกออกเป็นสองส่วนในทันที

ร่างหนึ่งถูกเวทผนึกสะกดไว้ ในขณะที่อีกร่างก้าวเดินไปปรากฏกายขึ้นที่ด้านข้างของผู้ยิ่งใหญ่สตรี จากนั้นร่างมันก็เริ่มบิดตัวไปมาและหดเล็กลงไป ยกเว้นมือขวาของมัน ที่เริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้น จนดูเหมือนว่าจะประกอบไปด้วยพลังของเลือดเนื้อทั้งหมด แม้ในขณะที่ร่างกายมันเริ่มไม่สมส่วนไปโดยสิ้นเชิง สีหน้าดุร้ายก็มองเห็นได้จากใบหน้าของมัน ขณะที่ต่อยหมัดของตนเองออกไปเพื่อปะทะกับหมัดสังหารเทพ

ตูมมมมมมม!

โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากเมิ่งฮ่าว แต่ก็เกิดขึ้นกับผู้ฝึกตนศีรษะใหญ่ด้วยเช่นกัน ซึ่งกำลังลากผู้ยิ่งใหญ่สตรีจากไปในเวลาเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะรอดชีวิตไปได้ แต่นางก็กระอักโลหิตออกมาด้วยเช่นกัน และอาการบาดเจ็บอย่างสาหัสนั้นก็ทำให้นางต้องจ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความเกลียดชังมากขึ้น

“เจ้าทำให้ข้าต้องนึกไปถึงจู่เหริน (เจ้านาย) ก่อนหน้านี้ของข้า” ผู้ฝึกตนศีรษะใหญ่กล่าวขึ้น จ้องมายังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด ขณะที่ปาดเช็ดโลหิตออกมาจากมุมปาก

ตอนนี้ผู้ยิ่งใหญ่สตรีไม่อาจจะต่อสู้กับเมิ่งฮ่าวได้ แต่เนื่องจากการสอดมือเข้ามาของผู้ฝึกตนศีรษะใหญ่ ทำให้เมิ่งฮ่าวไม่อาจจะสังหารนางไปได้

รังสีสังหารแวบขึ้นมาในแววตาเมิ่งฮ่าว พุ่งทะยานไปต่อสู้กับคนทั้งสองอีกครั้ง

ขณะที่คนทั้งสามต่อสู้กันไปมา แสงระยิบระยับของวิชาเวทก็พุ่งกระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง

การต่อสู้อย่างขมขื่นกำลังเกิดขึ้นอยู่ทั่วทุกที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงตำแหน่งของไห่เมิ่ง ใบหน้านางซีดขาวไปโดยสิ้นเชิง แต่ก็ไม่ยอมหยุดการต่อสู้ สงครามในตอนนี้ขึ้นอยู่กับผู้แข็งแกร่งมากที่สุดของทั้งสามสิบสามสวรรค์และอาณาจักรขุนเขาทะเล ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวบิดเบี้ยวไปมา มีการพูดคุยกันน้อยมาก คนทั้งหมดต่างก็รู้ดีว่าในสงครามครั้งนี้ ไม่เจ้าตายก็เป็นข้าสิ้น!

เดิมทีการต่อสู้เช่นนี้น่าจะทำให้เกิดแสงอันเจิดจ้าระยิบระยับอยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว แต่ผู้ฝึกตนอาณาจักรขุนเขาทะเลกำลังต่อสู้ด้วยแสงอันเจิดจ้าเป็นครั้งสุดท้ายของตนเองออกมา ทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวต้องมืดมิดลงไป!

ในตอนนี้แสงอันเจิดจ้าอย่างแท้จริงเป็นของซ่งหลัวตาน และผู้ฝึกตนอื่นๆ ที่เป็นเช่นเดียวกับมัน!

จากนั้นก็ยังมีผู้ฝึกตนที่ตัดสินใจระเบิดตนเองออกมาอีก พวกมันร้องตะโกนนามของตนเองก่อนที่จะกลายเป็นแสงอันเจิดจ้าที่ส่องประกายออกมาอีกครั้งหนึ่งในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

อย่างไรก็ตามแสงนั้นก็ไม่ได้คงอยู่นานนัก ผู้ฝึกตนอาณาจักรขุนเขาทะเลตกตายไปในสนามรบมากขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดกลุ่มคนนอกคอกก็สามารถจะพุ่งผ่านพวกมันไปได้ และเริ่มมุ่งหน้าตรงไปยังขุนเขาที่เก้า ทำให้ผู้ฝึกตนขุนเขาทะเลต้องถอยกลับไป เพื่อพยายามจะหยุดพวกมันไว้

สนามรบเริ่มค่อยๆ เลื่อนจากตรงด้านนอกของขุนเขาที่เก้า มาอยู่ตรงเขตชายแดนของมันมากยิ่งขึ้น

ในที่สุดกลุ่มคนนอกคอกก็มาถึงขุนเขาสุดท้าย ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแตกกระจายไป และขุนเขาที่เก้ากำลังสั่นไหวไปมา เต่าเสวียนอู่กำลังกู่ร้องเป็นเสียงโหยหวนออกมา เป็นเสียงกู่ที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจและไม่ยินยอมอย่างบ้าคลั่ง!

จิตใจเมิ่งฮ่าวกำลังสั่นสะท้าน และความเสียใจอย่างรุนแรงก็เต็มอยู่ในจิตใจของไห่เมิ่งและผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังอื่นๆ ตี้จ้างกำลังหัวเราะขึ้นมาอย่างขมขื่น คนทั้งหมดรู้ดีว่าไม่อาจจะหลีกเลี่ยงความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ไปได้แล้ว

อย่างไรก็ตามลึกลงไปในจิตใจของแต่ละคน ต่างก็ยังคงมีความหวังอยู่ริบหรี่ ถึงแม้ว่าจะเป็นความหวังอันเลือนราง ไม่อาจจะมองเห็นได้อย่างเด่นชัด ทำให้ชีวิตคล้ายกับเป็นเปลวเทียนที่ส่ายไหวไปมาในสายลมก็ตามที

ขณะที่กองกำลังของทั้งสองฝ่ายต่อสู้เข้าไปใกล้กับขุนเขาที่เก้า เมิ่งฮ่าวและผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ต่างก็ขัดขวางผู้ยิ่งใหญ่แห่งสามสิบสามสวรรค์ไว้ ซึ่งก็หมายความว่าคนทั้งหมดไม่อาจจะทำอะไรได้มากไปกว่านี้นอกจากต้องต่อสู้เท่านั้น

ทั้งสองฝ่ายต่างก็พยายามตรึงกองกำลังของแต่ละฝ่ายไว้

คนทั้งหมดได้แต่มองไปขณะที่กองกำลังกลุ่มคนนอกคอกค่อยๆ เคลื่อนที่ตรงไปยังขุนเขาที่เก้าอย่างเชื่องช้าเท่านั้น

ในที่สุดดวงดาวอันยิ่งใหญ่ทั้งสี่ดวงก็ตกอยู่ภายใต้การโจมตี!

ดาวดวงแรกที่ถูกทำลายไปคือดาวซีเฮ่อ (สุขสันต์ตะวันตก) ดาวทั้งดวงถูกกระหน่ำด้วยความสามารถศักดิ์สิทธิ์และอาวุธเวทของกลุ่มคนนอกคอกนับไม่ถ้วน จนในที่สุดก็พังทลายลงไปกลายเป็นเศษซากปรักหักพัง สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือนอย่างรุนแรง ขณะที่สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนตกตายไป

ต่อมาเป็นดาวเป่ยหลู (ขลุ่ยทิศเหนือ) หลังจากที่กลุ่มคนนอกคอกหลั่งไหลเข้าไปบนดาวดวงนั้น มันก็กลายเศษซากปรักหักพังลอยอยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

ภาพที่เห็นนี้คล้ายกับเป็นใบมีดอันแหลมคมที่กำลังแทงเข้ามาในจิตใจของผู้ฝึกตนขุนเขาทะเลที่ยังคงมีชีวิตอยู่ทั้งหมด บางคนเริ่มหัวเราะขึ้นมาอย่างขมขื่น พวกมันไม่คิดที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้ว ไม่สนใจความรู้สึกที่เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าไปทั้งหมด หมุนตัวพุ่งกลับไปสังหารกลุ่มคนนอกคอกอย่างต่อเนื่อง

แต่กองกำลังกลุ่มคนนอกคอกก็มีเป็นจำนวนมาก และผู้ฝึกตนอาณาจักรขุนเขาทะเลก็กำลังตกตายไปอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าความบ้าคลั่งของพวกมันจะทำให้กลุ่มคนนอกคอกเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและตื่นตระหนก แต่สุดท้ายแล้วกองกำลังของอาณาจักรขุนเขาทะเลก็มีอยู่น้อยกว่ามาก

ในที่สุดเสียงระเบิดครั้งที่สามก็ดังก้องออกมาในความว่างเปล่าที่อยู่รอบๆ ขุนเขาที่เก้า เมิ่งฮ่าวมองเห็นด้วยสองตาของตนเองว่า…ดาวตงเซิ่ง (ชัยชนะตะวันออก) กลายเป็นเถ้าธุลีไป…

“เป็นไปไม่ได้!!” จิตใจเมิ่งฮ่าวกำลังสั่นสะท้าน และดวงตาก็กลายเป็นสีแดงก่ำ เขายังคงอยู่ในท่ามกลางการต่อสู้กับผู้ฝึกตนศีรษะใหญ่และผู้ยิ่งใหญ่สตรีแปดแก่นแท้ รู้สึกว่ายากที่จะเชื่อได้ว่าสิ่งที่มองเห็นอยู่นี้กำลังเกิดขึ้นมาอย่างแท้จริง

ตรงเบื้องหน้าสายตาเมิ่งฮ่าว ดาวตงเซิ่งระเบิดขึ้น

“ขุนเขาทะเลที่เจ็ดถูกทำลายไปแล้ว ก็หมายความว่าดาวหู่เหลาได้หายไปแล้ว ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้! และดาวตงเซิ่งก็หลอมรวมเข้ากับท่านปรมาจารย์รุ่นแรก! แล้วท่านจะถูกทำลายไปได้อย่างไรกัน?”

“เป็นไปไม่ได้…” จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน มองไปยังกองกำลังกลุ่มคนนอกคอกที่กำลังต่อสู้เพื่อเปิดเป็นเส้นทางตรงไปยังดาวหนานเทียน (สวรรค์ทางใต้) ในตอนนี้เขาเริ่มมีความกระวนกระวายใจมากขึ้นกว่าเดิม

ถึงแม้ว่าจิตใจเมิ่งฮ่าวจะผูกพันอยู่กับดาวตงเซิ่ง แต่บ้านที่แท้จริงของเขาคือดาวหนานเทียน!

“น่าจะยังมีความหวังเหลืออยู่บ้าง!” เมิ่งฮ่าวมองไปรอบๆ ยังขุนเขาที่เก้าซึ่งแตกกระจายไป มองเห็นผู้ฝึกตนอาณาจักรขุนเขาทะเลนับไม่ถ้วนกำลังต่อสู้กันอย่างสิ้นหวังด้วยเดิมพันทั้งหมด มองไปยังดวงดาวที่แหลกสลายไป และจิตใจก็เจ็บปวดราวกับถูกแทงด้วยคมมีด

“มันต้องมีความหวัง…”

“ราชันจักรพรรดิสายลมยังไม่ปรากฏตัวขึ้น เช่นเดียวกับผู้สืบทอดแห่งเซียนโบราณ อาณาจักรสายลมอยู่ที่ไหน…?”

“ถ้าพวกมันยังไม่ปรากฏตัวขึ้น ก็ยังคงมีความหวังเหลืออยู่บ้าง…”

เปลวไฟแห่งสงครามลุกโชนเข้าไปใกล้ดาวหนานเทียนแล้ว!

ดาวหนานเทียนคือบ้านของเมิ่งฮ่าว และถูกครอบครองโดยตระกูลฟาง ตอนนี้ดาวตงเซิ่งหายไปแล้ว คนทั้งหมดจากตระกูลฟางกำลังพุ่งกลับไปยังทิศทางของดาวหนานเทียนอย่างบ้าคลั่ง

ขณะที่ความสามารถศักดิ์สิทธิ์นับไม่ถ้วนถูกปลดปล่อยออกมาจากกลุ่มคนนอกคอก ค่ายกลเวทดาวหนานเทียนก็ปรากฏขึ้นเพื่อปกป้องดวงดาว

เวลาเดียวกับที่ค่ายกลเวทเริ่มทำงานขึ้น เงาร่างจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นที่ด้านนอกดาวหนานเทียน หนึ่งในนั้นคือจักรพรรดิถัง โดยมีกองกำลังหุ่นเชิดในชุดเกราะสีดำติดตามมาอยู่ทางด้านหลัง

ยังมีฟางซิ่วเฟิง, เมิ่งลี่, ฟางอวี๋ด้วยเช่นกัน รวมทั้งกลุ่มคนตระกูลฟางอื่นๆ ทั้งหมดที่คอยเฝ้ารักษาดาวหนานเทียน ดวงตาของคนเหล่านั้นสาดประกายขึ้นด้วยความมุ่งมั่น ทั้งหมดให้คำมั่นสัญญาว่าจะมีชีวิตอยู่เพื่อดาวหนานเทียน และจะตายไปพร้อมกับมัน!

“ฟางโหม่วสาบานว่าจะคอยพิทักษ์ปกป้องดาวหนานเทียน…เป็นเวลาหนึ่งแสนปี!” เมื่อเสียงของฟางซิ่วเฟิงดังก้องออกมา สีหน้าก็เต็มไปด้วยความเคร่งขรึมและมุ่งมั่น ขณะที่กองกำลังกลุ่มคนนอกคอกพุ่งตรงเข้ามาโจมตี

เวลาเดียวกันนั้นกลุ่มคนทั้งหมดของตระกูลฟาง รวมทั้งผู้ฝึกตนอาณาจักรขุนเขาทะเลอื่นๆ จำนวนมากที่มีความผูกพันอยู่กับดาวหนานเทียนในหลากหลายรูปแบบ ต่างก็พุ่งตรงไปต่อสู้ทั้งบนดาวหนานเทียนและตรงท้องฟ้าที่ด้านบน

ดวงตาเมิ่งฮ่าวกลายเป็นสีแดงก่ำไปโดยสิ้นเชิง แผดร้องคำรามขึ้นมา หมุนตัวเพื่อทะลวงผ่านออกมาจากการต่อสู้กับผู้ยิ่งใหญ่สตรี และผู้ฝึกตนศีรษะใหญ่ มุ่งหน้าตรงไปยังดาวหนานเทียนด้วยความรวดเร็วทั้งหมดเท่าที่สามารถจะทำได้ เพื่อเข้าร่วมกับสหายและคนในครอบครัว

บิดามารดาและพี่สาวของตนเองอยู่ที่นั่น รวมทั้งสหายร่วมตระกูลทั้งหมด เจ้าอ้วน, เฉินฝาน, หวังโหย่วฉาย และซุนไห่ คนทั้งหมดต่างก็พุ่งตรงไปยังทิศทางเดียวกัน เช่นเดียวกับสวี่ชิง

นอกจากนั้นก็ยังมีตานกุ่ยและเคอจิ่วซือ!

ดาวหนานเทียนคือจุดอ่อนของเมิ่งฮ่าว สำหรับเขาแล้วมันคือสถานที่ที่สำคัญและมีความหมายมากที่สุดในอาณาจักรขุนเขาทะเลทั้งปวง!

แม้แต่ปรมาจารย์เอกะเทวะก็ยังต้องแผดร้องคำรามออกมาด้วยโทสะ ขณะที่ต่อสู้เพื่อเปิดทางตรงไปยังดาวหนานเทียน ซึ่งเป็นสถานที่ที่ตรึงแน่นอยู่ในความทรงจำของมัน

เสียงกระหึ่มขนาดใหญ่ดังก้องออกมา แต่ดาวหนานเทียนก็ไม่ได้พังทลายลงไปเหมือนกับดาวตงเซิ่ง เนื่องจากยังมีค่ายกลเวทสายโลหิตทุกชั้นฟ้าแห่งตระกูลหลี่คอยปกป้องไว้ ต่อสู้กลับไปยังกลุ่มคนนอกคอกนับไม่ถ้วน แต่ค่ายกลเวทก็เริ่มจางหายไปแล้ว

จักรพรรดิถังหัวเราะอย่างขมขื่นขณะที่โบกสะบัดมือออกไป ออกคำสั่งให้หุ่นเชิดเกราะดำนับไม่ถ้วนโจมตีไป พวกมันร่วมมือกับภูตผีพยาบาทจำนวนมากที่ลอยออกมาจากค่ายกลเวท

ท่ามกลางภูตผีเหล่านั้นมีทั้งบุรุษและสตรี ชราและเยาว์วัย ทั้งหมดนี้คือผู้ฝึกตนตระกูลหลี่ที่ยอมสังเวยชีวิตของตนเองเมื่อหลายปีก่อนหน้าโน้น ตอนที่ยังมีชีวิตพวกมันได้รับมอบภารกิจให้ต่อสู้เพื่อปกป้องอาณาจักรขุนเขาทะเล และพวกมันก็จะทำเช่นเดียวกันนี้ในตอนที่ตายไปแล้ว

ดาวหนานเทียนกำลังสั่นสะเทือน สถานที่ทั้งหมดได้กลายเป็นสนามรบอย่างน่าตกใจไปแล้ว

เมิ่งฮ่าวต้องการกลับไปยังดาวหนานเทียน แต่ก็มีใครบางคนไม่ยินยอม!

“เจ้าคิดว่าจะมาหรือไปได้ตามใจชอบ?” ผู้ยิ่งใหญ่สตรีกล่าว ดวงตาแวบประกายรังสีสังหารออกมา เมิ่งฮ่าวต่อสู้กับนางมาโดยตลอดจนกระทั่งถึงตอนนี้ ทำให้นางตกอยู่ในจุดวิกฤตอันร้ายแรงมานับไม่ถ้วน ถึงแม้จะรู้ดีว่าในตอนนี้เขาคือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุด แต่นางก็ยังต้องการที่จะมองเห็นเขาตกตายไป

เมื่อนึกย้อนไปถึงสิ่งที่เสวียนฟางจื้อจุนเคยกล่าวไว้ก่อนตาย ความต้องการสังหารเมิ่งฮ่าวของผู้ยิ่งใหญ่สตรีก็มีแต่จะเพิ่มมากขึ้น ในทันทีที่นางตระหนักว่าเขาต้องการจากไป ความต้องการที่จะหยุดเขาไว้ก็ระเบิดออกมา

“เจ้าไม่อาจจะไปที่ไหนได้! ข้าจะบังคับให้เจ้ามองดูทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าใส่ใจ…ถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง!” แม้ในขณะที่ผู้ยิ่งใหญ่สตรีเริ่มไล่ตามเมิ่งฮ่าวไป ผู้ฝึกตนศีรษะใหญ่กำลังรู้สึกลังเล ถึงแม้ว่ามันจะปฏิบัติตามแผนการเพื่อมาต่อสู้ในสงครามครั้งนี้ แต่ก็ไม่ได้พูดออกมาถึงสิ่งที่เป็นความรู้สึกที่แท้จริงในจิตใจของตนเอง

มันถอนหายใจ แต่หลังจากที่ผ่านไปชั่วขณะ ก็ตัดสินใจร่วมมือด้วย ใช้ความรวดเร็วอันน่าเหลือเชื่อของมัน พุ่งไล่ตามเมิ่งฮ่าวไปเพื่อขัดขวางเขาไว้

ในตอนนี้เองที่เสียงกระหึ่งก็ดังก้องออกมาจากดาวหนานเทียน เมิ่งฮ่าวมองเห็นบิดาและมารดาถูกห้อมล้อมโดยกลุ่มคนนอกคอก กำลังกระอักโลหิตออกมา มองเห็นเจ้าอ้วน, หวังโหย่วฉาย และสหายคนอื่นๆ ทั้งหมดไปถึงที่เกิดเหตุ มองเห็นสวี่ชิงกำลังหัวเราะอย่างขมขื่น มองเห็นปรมาจารย์เอกะเทวะกู่ร้องออกมาด้วยโทสะ และมองเห็นเปลวไฟปรุงยาที่อยู่ภายในร่างของท่านอาจารย์ตานกุ่ยแวบขึ้นมา ราวกับว่าจะระเบิดตนเองไป

เมิ่งฮ่าวรู้สึกหวาดกลัวและจิตใจกำลังถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ สีหน้าอันดุร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้า ขณะที่ส่งเสียงแผดร้องคำรามออกไปจนฟ้าดินต้องมืดสลัวเลือนลางลง “ไสหัวไป!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!