Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1524

ตอนที่ 1524

เก้าชีวิตหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว

น่าเสียดายที่ไม่ว่าเสียวเป่าจะพยายามให้ความอบอุ่นแก่นางอย่างไร ก็ไม่อาจจะป้องกันไม่ให้ร่างกายนางเย็นลงไปมากขึ้นเรื่อยๆ ได้ เสียวเป่าเริ่มวิตกกังวล และจิตใจก็เริ่มเต้นรัว ในที่สุดก็กัดข้อมือ และพยายามจะหยดโลหิตลงไปในปากนาง พร้อมกับยิ้มออกมา

“ไม่เป็นไรแล้ว ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง” เสียวเป่าพึมพำ ในที่สุดก็หมดสติไป

ตอนนี้เขาอยู่ในถ้ำเพียงลำพัง คนอื่นๆ ทั้งหมดจากไปแล้ว มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่เหลืออยู่ก็คือซากศพ

หลังจากที่ผ่านไปนานสักพัก เสียวเป่าก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ยกมือขึ้นมาแตะสัมผัสไปยังภรรยา และร่างนางก็หนาวเย็นราวน้ำแข็ง เสียวเป่าเริ่มคลุ้มคลั่งขึ้นมา ใช้ฟันกัดลงไปบนข้อมืออีกข้าง ปล่อยให้โลหิตไหลลงไปในปากนาง แต่ปากน้อยๆ นั้นก็ถูกแช่แข็งจนปิดสนิทไป

“ดื่มเถอะ ดื่มโลหิตข้าลงไป และเจ้าก็จะหายดี! มันอบอุ่น…ไม่หนาว ไม่หนาว…” หยดน้ำตาไหลลงมานองหน้า ขณะที่พูดพล่ามไปมา ในที่สุดก็โอบกอดซากศพนางและร้องไห้ออกมา

เสียงร้องไห้นี้ดังก้องไปทั่วทั้งถ้ำ จนกระทั่งสายลมพุ่งขึ้นมาและกลบเสียงนี้ไป

ในที่สุดเสียวเป่าก็จมอยู่ในความรู้สึกที่โดดเดี่ยวเดียวดายไปโดยสิ้นเชิง แต่จากนั้นก็ไม่หวาดกลัวอีกต่อไปอย่างน่าประหลาดใจยิ่ง

เขาลูบไปบนใบหน้าของภรรยา รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นอย่างลึกล้ำ และกล่าวขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา “รู้หรือไม่ในวันที่พวกเราวิวาห์กัน ข้ารู้บางสิ่งที่เตียเหนียงไม่เคยรู้มาก่อน ท่านไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา แต่เป็นเซียนผู้หนึ่ง”

ดวงตาของเสียวเป่าไม่มีม่านตา แต่ก็ดูเหมือนว่าจะสาดประกายขึ้นด้วยความอบอุ่น

“ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าคนที่ช่วยข้าภายในป่านั้นคือท่าน?” เขาลูบไล้ไปบนใบหน้านาง ปัดกวาดเกล็ดน้ำแข็งที่กำลังก่อตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จากสีหน้าในตอนนี้ก็เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดย้อนไปถึงเรื่องราวเมื่อในอดีต

“ในตอนนั้นข้ามั่นใจว่าท่านคือเซียนในตำนาน แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมท่านถึงได้เลือกข้า…”

“แต่บางครั้งเมื่อท่านมองมา ข้ารู้สึกได้ว่าคนที่ท่านมองนั้นไม่ใช่ข้า…”

“คนที่ท่านชอบไม่ใช่ข้า ใช่หรือไม่? แต่เป็นซือจุนของท่าน”

“ข้าตาบอด ไม่อาจจะมองเห็นโลกที่ท่านอาศัยอยู่ แต่โลกที่คงอยู่ในจิตใจข้า คือโลกที่ไม่มีใครสามารถจะมองเห็นได้ จึงมีบางสิ่งเกี่ยวกับโลกแห่งนั้นที่ไม่มีใครรับรู้ได้…” เสียวเป่ายิ้มออกมาขณะที่พูดคุยกับภรรยา

“ข้าจะบอกกับท่าน นี่เป็นความลับที่ข้าไม่เคยพูดกับใครมาก่อน แม้แต่เตียเหนียงข้าก็ไม่รู้…”

“ข้ามองเห็นใครหลายคนอยู่ในโลกแห่งนั้น พวกมันอาศัยอยู่ในทวีปที่แตกต่างกัน และมีชีวิตที่แตกต่างไปจากข้า คนหนึ่งมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง คนหนึ่งเป็นพ่อค้า คนหนึ่งเป็นพรานป่า อีกคนทรงอำนาจอย่างน่าเหลือเชื่อ อีกคนเป็นเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพ และยังมีแม้แต่มือสังหาร…”

“ยังมีอีกคนที่เป็นเซียน และคนผู้นั้นก็มีศิษย์นามว่าเยียนเอ๋อร์ ซึ่งมีหน้าตาเหมือนกับท่าน” เสียวเป่ายิ้มน้อยๆ ออกมา

“ท่านรู้หรือไม่ว่าทำไมข้าถึงต้องแกะสลักท่อนไม้นี้? เป็นเพราะว่าคนทั้งหมดเหล่านั้น พวกมันต่างก็ยืนกรานว่าข้าต้องแกะสลักให้สำเร็จ ข้าต้องแกะสลักท่อนไม้นี้ให้สำเร็จ ข้าต้องบังคับให้สวรรค์ลืมตาขึ้นมา หรือว่าปิดตามันไป”

“การมีพลังที่จะบังคับให้มันต้องหลบตาลงไปไม่เพียงพอ สิ่งที่คนเหล่านั้นต้องการก็คือ…พลังที่จะควบคุมดวงตาของสวรรค์ทั้งปวง เพื่อบังคับให้มันลืมตาขึ้นมา ถ้าข้าต้องการให้สวรรค์หลับตาลงไป มันก็ไร้ทางเลือกนอกจากต้องทำตามเท่านั้น!” เสียวเป่าหัวเราะหึๆ ลูบคลำไปที่ใบหน้าอันเย็นเฉียบของภรรยาอีกครั้ง หันหน้าไปและกล่าวว่า “ข้าพูดถูกหรือไม่?”

ถึงแม้ว่าเสียวเป่าจะตาบอด แต่เมื่อพูดคำนี้ออกมา ก็หันหน้าตรงไปยังคนผู้หนึ่ง เป็นคนที่กำลังยืนอยู่ตรงด้านหลังของตนเอง

ซึ่งก็คือเมิ่งฮ่าว

เมิ่งฮ่าวมองลงไปยังเสียวเป่า ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้าและคมกริบ

ในตอนนี้ จิตใจของเขากำลังเต้นรัว

การเปลี่ยนแปลงที่ตนเองหวาดกลัวมากที่สุด…ได้เกิดขึ้นแล้ว

สิ่งที่เกิดขึ้นมานี้ทำให้เมิ่งฮ่าวไม่สามารถจะควบคุมชีวิตที่เก้าของร่างจำแลงตนเองได้ บางทีร่างกายของชีวิตที่เก้านี้อาจจะมีบางสิ่งที่โดดเด่น หรือบางทีอาจจะเป็นผลลัพธ์อันเนื่องมาจากการใช้เครื่องหมายผนึกทั้งแปดชิ้นที่ยังไม่สมบูรณ์ของเวทรุ่นเก้า ตอนที่อยู่ตรงด้านนอกความว่างเปล่าไร้ขอบเขตก็เป็นได้

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เมิ่งฮ่าวไม่ค่อยสนใจที่จะสอดมือเข้าไปมากนัก ในที่สุดเมื่อเขาพยายามจะกระทำการบางอย่าง ก็ต้องพบกับการต่อต้าน และตอนนี้ก็พบว่าสิ่งที่คาดไม่ถึงได้เกิดขึ้นมาแล้วโดยสิ้นเชิง

ชีวิตที่เก้านี้คือเมิ่งฮ่าว แต่ก็เห็นได้ชัดว่า ได้ก้าวหน้าขึ้นไปจนมีจิตใจที่แยกออกมาเป็นอิสระของตัวเอง แตกต่างไปจากชีวิตก่อนหน้านี้ ซึ่งเขาไม่สามารถจะควบคุมได้โดยสิ้นเชิง

ถึงแม้ว่าเสียวเป่าจะมองไม่เห็นโลกที่อยู่รอบๆ ตัว แต่ก็ดูเหมือนว่ากำลังมองตรงมายังเมิ่งฮ่าวและกล่าวว่า “ข้ารู้สึกได้ถึงเส้นใยที่เชื่อมต่อข้ากับอีกแปดคนเหล่านั้น ซึ่งปรากฏขึ้นภายในโลกของข้า และเส้นใยนั้นก็เชื่อมต่อกับคนอื่นด้วยเช่นกัน”

“คนผู้นั้นก็คือท่าน”

“ข้าคาดเดาว่า ข้าคือร่างจำแลงของท่าน และซือจุนของเยียนเอ๋อร์ก็เป็นร่างจำแลงของท่านด้วยเช่นกัน ใช่หรือไม่?”

หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ เมิ่งฮ่าวก็กล่าวว่า “ใช่แล้ว ทั้งเจ้าและชีวิตคนอื่นๆ ที่เจ้ามองเห็นต่างก็ถูกสร้างขึ้นมาด้วยเป้าหมายเดียวกัน เพื่อทำให้เวทรุ่นเก้าของข้าเสร็จสิ้นสมบูรณ์”

เสียวเป่าพยักหน้าด้วยท่าทางครุ่นคิด “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ แล้วนางเป็นอย่างไรบ้าง? นางคือศิษย์ของท่านจริงๆ?”

เมิ่งฮ่าวมองลงไปยังเยียนเอ๋อร์ ถ้าปราศจากนาง ชีวิตที่เก้านี้คงจะตายไปนานแล้ว “นางเป็นศิษย์ของร่างจำแลงข้า ในชาติที่แล้วของนาง ข้าติดค้างนาง”

ถึงตอนนี้เสียวเป่าดูแก่ชราลงไปมาก “บุตรีของข้าเป็นอย่างไร? ไม่ถูกต้อง นางเป็นบุตรีของท่านด้วยเช่นกัน”

“นางปลอดภัยดี อยู่ในตี้จิ่วจงแห่งทวีปที่เก้า” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบด้วยเสียงอ่อนโยน

“ถ้าเช่นนั้น ข้าก็ไม่มีคำพูดจะกล่าวแล้ว” หลังจากที่เสียวเป่าพูดจบก็นิ่งเงียบไป เมื่อเวลาชั่วธูปไหม้หมดหนึ่งดอกผ่านไป ก็ยกมือขึ้นหยิบชิ้นไม้แกะสลักออกมาจากเสื้อของภรรยา ลูบไปมาและถอนหายใจอย่างยาวนาน

“ข้าเกลียดความคิดที่มีคนอื่นมาควบคุมโชคชะตาของตนเองจริงๆ ถึงแม้ว่าคนผู้นั้นจะเป็นร่างจริงของข้าเอง ก็ยังคงเกลียดมัน”

“รู้หรือไม่ว่า ข้าสามารถตัดเส้นใยที่เชื่อมต่อระหว่างท่านและข้าได้ทุกเมื่อ” เสียวเป่าหยิบมีดแกะสลักขึ้นมา และในตอนนี้เองที่ดูเหมือนว่าเขามีพลังที่สามารถจะตัดกรรมได้

ถ้าเป็นเช่นนั้น ต่อให้เวทรุ่นเก้าเสร็จสิ้นสมบูรณ์ เมิ่งฮ่าวก็ไม่สามารถจะแตะต้องมันได้

เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ

เสียวเป่ามองไปยังภรรยาของตัวเอง สีหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ หลังจากที่ผ่านไปนานสักพัก ก็ขยับใบมีด ไม่ได้ตัดเส้นใย แต่เริ่มแกะสลักชิ้นไม้ต่อไป

เขาลงมือด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ราวกับว่ากำลังทุ่มพลังชีวิตทั้งหมดเข้าไปในงานของตนเอง อย่างช้าๆ ชีวิตที่แปดได้ปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง จากนั้นก็เจ็ด, หก, ห้า…จนกระทั่งถึงชีวิตแรก

ชีวิตทั้งเก้าต่างก็หลอมรวมเข้าไปในร่างๆ เดียว ทำการควบคุมมีด ทำให้เครื่องหมายผนึกชิ้นสุดท้ายของเวทรุ่นเก้าค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอย่างช้าๆ เสียงฟ้าร้องคำรามดังก้องขึ้นมาตรงด้านนอก ดูเหมือนว่ามันจะมีโทสะ และแผดร้องคำรามดังเต็มอยู่ในโลกแห่งนี้ สายลมกรีดร้องระงม และหิมะก็ทับถมลงไปบนพื้นดิน

ในตอนนี้เองที่มีดของเสียวเป่าหยุดชะงักนิ่ง ชิ้นไม้แกะสลักเสร็จสิ้นสมบูรณ์ไปแล้วเก้าสิบเก้าในหนึ่งร้อยส่วน เหลืออีกเพียงแค่มีดเดียวเท่านั้น

“เป็นเรื่องยากที่จะทำสิ่งที่ข้าไม่เคยแตะต้องสัมผัสมาก่อนให้สมบูรณ์แบบได้…” เขาพึมพำ ทันใดนั้นวิญญาณรวมทั้งภาพของชีวิตอื่นๆ ทั้งแปดก็ลอยออกไปจากถ้ำ ขณะที่เจตจำนงแห่งหลัวเทียนแผดร้องคำรามขึ้นมาตรงด้านบน พวกมันก็พุ่งสูงขึ้นไปในท้องฟ้า ไปแตะสัมผัสสวรรค์ รับรู้ได้ถึงเจตจำนงแห่งหลัวเทียน

เป็นครั้งแรกที่เจตจำนงแห่งหลัวเทียนสั่นสะท้าน เป็นครั้งแรกที่มันรู้สึกหวาดกลัว เป็นครั้งแรกที่มัน…ล่าถอยหลบหนี

นั่นคือกลิ่นอายของเสียวเป่า ในรูปแบบของชีวิตทั้งแปด และก็เป็นกลิ่นอายผนึกสวรรค์ด้วยเช่นกัน!

กลิ่นอายนั้นคือผลลัพธ์ของเครื่องหมายผนึกที่สมบูรณ์แบบทั้งเก้าชิ้น หลังจากที่หลอมรวมเข้าด้วยกัน ก็จะก่อตัวเป็น…เวทผนึกสวรรค์ที่แท้จริง!

ในทันทีที่มันปรากฏขึ้น ก็กระจายออกเต็มไปทั่วทั้งแผ่นฟ้าและผืนดิน ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งหลัวเทียน เจตจำนงแห่งหลัวเทียนที่คงอยู่ทั่วทุกที่กำลังสั่นสะท้านอยู่ในตอนนี้ และความหวาดกลัวที่มันรู้สึกได้ก็ยังคงก่อตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เสียงฟ้าร้องดังก้องขึ้น และกลุ่มเมฆก็พลุ่งพล่านปั่นป่วน ราวกับว่าเจตจำนงแห่งหลัวเทียนกำลังถูกบีบบังคับให้ต้องหลบหนีไปอย่างแท้จริง!

มันถูกผลักดันให้ออกไปจากทวีปแรก ถูกผลักดันให้ออกไปจากดินแดนแห่งนี้ เวทผนึกสวรรค์อาจจะดูเหมือนว่าอ่อนแอในตอนแรก แต่จริงๆ แล้วก็แตกต่างไปจากระดับเวทผนึกอื่นๆ โดยสิ้นเชิง อันที่จริง…มันอยู่ในระดับที่สูงเกินกว่าเจตจำนงแห่งหลัวเทียน เป็นพลังที่ทำให้แม้แต่เจตจำนงก็ยังต้องตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง!

นี่คือเวทรุ่นเก้าของเมิ่งฮ่าว เวทผนึกสวรรค์!

“ข้ารู้สึกถึงมันได้” เสียวเป่ากล่าวขึ้น พร้อมกับยิ้มออกมา และชีวิตอื่นๆ ทั้งหมดต่างก็ยิ้มออกมาด้วยเช่นกัน จากนั้นพวกมันก็หลอมรวมเข้าด้วยกัน กลายเป็นลำแสงพุ่งกลับลงไปยังพื้นดินที่ด้านล่าง ย้อนกลับเข้าไปในถ้ำ เข้าไปในร่างของเสียวเป่า จากนั้นก็ถือมีดขึ้นมา ทำการกรีดเฉือนลงไปยังชิ้นไม้แกะสลักเป็นครั้งสุดท้าย

ตูม! คมมีดกรีดเฉือนลงไป และชิ้นไม้ที่ถูกแกะสลักก็เสร็จสิ้นสมบูรณ์!

เครื่องหมายผนึกทั้งเก้าชิ้นแห่งเวทรุ่นเก้า เวทผนึกสวรรค์ในตอนนี้…เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว ทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งหลัวเทียนเริ่มสั่นสะท้านไปมา ลมพายุพุ่งขึ้นมาโดยมีดาวชางหมางเป็นจุดศูนย์กลาง กระจายออกไปเป็นวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ ปกคลุมไปทั่วทุกสรรพสิ่ง

ในตอนนั้นเองที่เกราะป้องกันซึ่งอยู่รอบๆ ทวีปแรกเริ่มมีรอยแตกร้าวกระจายออกไป ชั่วขณะต่อมาก็ระเบิดขึ้น ทำให้เกิดเป็นระลอกคลื่นพุ่งออกไปทั่วทุกทิศทาง!

หิมะทั้งหมดในทวีปแรกหลอมละลายไปในทันที กลายเป็นกลุ่มหมอกที่พุ่งสูงขึ้นไปในอากาศ จากนั้นก็ถูกสายลมพัดพาให้จางหายไป!

พื้นดินฟื้นฟูกลับคืนมา พื้นที่ราบปรากฏให้เห็นขึ้นอีกครั้ง ภูเขาตั้งตระหง่านสูงเด่น เมืองมากมายปรากฏขึ้นมาใหม่ แม้แต่ตี้อีจงก็สามารถมองเห็นได้อีกครั้ง

เวลาเดียวกันนั้น พลังอย่างที่ยากจะอธิบายได้ก็กระจายเต็มไปทั่วทั้งดินแดนแห่งนี้ ทำให้ต้นหญ้างอกเงยขึ้นมาบนพื้นที่ราบ ต้นไม้ที่แห้งเหี่ยวในผืนป่าเริ่มเติบโตขึ้นอีกครั้ง และภูเขาทั้งปวงต่างก็เริ่มเต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version