Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1525

ตอนที่ 1525

ลาก่อนเยียนเอ๋อร์

ทุกสิ่งทุกอย่างในอดีตที่ตายไป ไม่ว่าพวกมันจะถูกแช่แข็งจนตายไปหรือจมน้ำตายไป ไม่ว่าพวกมันจะเป็นผู้ฝึกตนหรือมนุษย์ธรรมดา ไม่ว่าพวกมันจะเป็นสัตว์หรือต้นไม้ ต่างก็ฟื้นคืนชีพกลับมากันทั้งสิ้น!

แม้แต่ซากศพที่หายสาบสูญไป พวกมันก็กลับมีชีวิตขึ้นมาใหม่จากความว่างเปล่า!

อาคารบ้านเรือนที่แตกกระจายและภูเขาที่พังทลายลงไป ต่างก็ฟื้นฟูกลับคืนมาในชั่วพริบตา ดินแดนทั้งหมด…ต่างก็ย้อนกลับไปเหมือนก่อนหน้านี้!

ดังเช่นคำโบราณที่ว่าไว้ เมื่อคนผู้หนึ่งบรรลุเต๋า ทุกสรรพสิ่งที่อยู่ด้านล่างมันก็จะพุ่งขึ้นไปด้วยเช่นกัน นี่คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับเวทผนึกสวรรค์ ชีวิตได้ปรากฏขึ้นในท่ามกลางความตาย!

เสียงกระหึ่มกึกก้องดังเต็มอยู่ในทวีปแรก ขณะที่ทุกสิ่งทุกอย่างฟื้นฟูกลับคืนมา เมื่อเป็นเช่นนั้นดาวชางหมางก็สั่นสะเทือน เช่นเดียวกับดินแดนทั้งหมดที่มีอยู่ทั่วไปในท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งหลัวเทียน โลกทั้งปวง อาณาจักรทั้งหมด ฝุ่นละอองนับไม่ถ้วน ต่างก็สั่นสะท้านไปมาอยู่ในตอนนี้

ผู้ฝึกตนทั้งปวง ทุกเผ่าพันธุ์ ทุกรูปแบบชีวิต ทุกสิ่งทุกอย่างที่คงอยู่ต่างก็สั่นสะท้านด้วยความตกตะลึงและประหลาดใจ

จินหยุนซานหอบหายใจออกมา และซาจิ่วตงก็สั่นสะท้านอยู่ภายในใจ

ดวงตาไป๋อู้เฉินเบิกกว้างขึ้นด้วยความประหลาดใจ

เจ้าสำนักอ้าปากค้าง และผู้ฝึกตนเก้าแก่นแท้คนอื่นๆ ต่างก็ถูกคลื่นแห่งความตื่นตระหนกบดขยี้ลงมาในจิตใจ แต่ละคนรู้สึกราวกับว่ากำลังถูกบีบบังคับให้ต้องคุกเข่าและโขกศีรษะให้กับทวีปแรก ราวกับว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นมาในที่แห่งนั้น…แข็งแกร่งเกินกว่าความว่างเปล่าไร้ขอบเขตเอง!

ตรงสถานที่แห่งแรกซึ่งเมิ่งฮ่าวได้ครอบครองเศษชิ้นส่วนกระจกทองแดง กิ้งก่ายักษ์ซึ่งมีพลังการต่อสู้อยู่ในขั้นสูงสุดเก้าแก่นแท้ที่กำลังหลับอยู่ในตอนนี้ ทันใดนั้นก็สั่นสะท้านและมองขึ้นไปด้วยแววตาประหลาดใจที่สาดประกายขึ้นมา

ในโลกแห่งน้ำแข็งและเปลวไฟ ยักษ์ภูเขาน้ำแข็งและหงส์เพลิงรับรู้ได้ถึงความผันผวนที่กำลังม้วนตัวออกไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งหลัวเทียน และรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาในทันที

ในสำนักหนึ่งของอาณาจักรเทพ ซึ่งมีศักดิ์ฐานะที่โดดเด่นมากที่สุดในท่ามกลางสำนักอื่นๆ ทั้งปวง เป็นสำนักที่แข็งแกร่งมากที่สุด และภายในสำนักนั้นก็มีศิษย์ผู้หนึ่งนามว่าเต้าเทียน เป็นผู้ถูกเลือกคนใหม่ในสำนัก

ตอนนี้มันกำลังนั่งขัดสมาธิเข้าฌานอยู่ที่นั่น หลายปีมาแล้วที่จิตใจมันเต็มไปด้วยคำถามและความคิดคาดเดาต่างๆ มากมาย แต่ก็ไม่เคยจะสามารถพิสูจน์ได้ว่าความคิดเหล่านั้นถูกต้องหรือไม่ จริงๆ แล้วก็ดูเหมือนว่าความคิดเหล่านั้นแทบจะเพ้อฝันจนยากที่จะเชื่อถือได้

อย่างไรก็ตาม ขณะที่ในตอนนี้จู่ๆ อาณาจักรเทพก็สั่นสะเทือนขึ้นมา สิ่งมีชีวิตทั้งปวงในดินแดนแห่งนี้ต่างก็หยุดสิ่งที่ตนเองกำลังกระทำอยู่และมองขึ้นไป มนุษย์ธรรมดา ผู้ฝึกตน และแม้แต่สัตว์ต่างๆ ทันใดนั้นก็ดูเหมือนว่าจะไร้เรี่ยวแรงที่จะขยับตัวเคลื่อนไหว ทั่วทั้งโลกแห่งนี้แน่นิ่งไม่ไหวติงและเงียบกริบลงไปโดยสิ้นเชิง

ยกเว้นเต้าเทียนที่ยังคงสามารถขยับร่างเคลื่อนไหวได้ แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านไปทั่วร่าง ขณะที่จู่ๆ ก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคย รอยยิ้มผุดขึ้นมาบนใบหน้า และหยดน้ำตาก็เริ่มไหลลงมาอาบแก้ม ในที่สุดมันก็แหงนหน้าขึ้นและหัวเราะเป็นเสียงดังก้องออกมา

เต้าเทียนผู้นี้ แน่นอนว่าก็คือผู้ฝึกตนลำดับขั้นแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเลแรกเมื่อในอดีต!

เหตุการณ์เดียวกันนี้กำลังเกิดขึ้นอยู่ในอาณาจักรมารด้วยเช่นกัน เช่นเดียวกับในสามสิบสามสวรรค์ที่ลอยตัวอยู่เหนือผีเสื้อขุนเขาทะเล ตรงด้านนอกสามสิบสามสวรรค์ ที่กำลังนั่งคุ้มกันอยู่ที่นั่นคือวานรเต้าฟาง และจิตใจของมันก็สั่นสะท้านขึ้นมาในทันที

ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวทั้งปวงของหลัวเทียน สิ่งทั้งหมดกำลังสั่นสะเทือน และเสียงกระหึ่มคล้ายเสียงฟ้าร้องคำรามก็ได้ยินมา

เวลาเดียวกันนั้น เจตจำนงแห่งหลัวเทียนก็ดูเหมือนว่าจะทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือนขึ้นมาด้วยโทสะ มันแผดร้องคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด รวมทั้ง…ความหวาดกลัว!

มันรู้สึกหวาดกลัว เพราะว่ารับรู้ได้ถึงกลิ่นอายใหม่ที่ปรากฏขึ้นอยู่ภายในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เป็นพลังแบบใหม่ เป็นเต๋า…ที่จะมาแทนที่กฎธรรมชาติ!

เต๋านั้นถูกเรียกว่า…เต๋าผนึกสวรรค์!

เต๋าผนึกสวรรค์ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต ไม่ยอมให้ผู้ใดต่อต้านได้ ไม่ยอมให้ใครมาเปลี่ยนแปลง

มัน…สามารถจะทำให้สวรรค์ต้องลืมตาขึ้นมา และสามารถจะทำให้สวรรค์ต้องหลับตาลงไป ถ้ามันต้องการให้ดวงตาของสวรรค์หลับลงไป สวรรค์ก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธ!

สิ่งที่ข้าต้องการ สวรรค์มิอาจไม่มี! สิ่งที่ข้าไม่ต้องการ สวรรค์ก็ไม่อาจจะมี!

ย้อนกลับไปยังดาวชางหมาง บนทวีปแรก คนทั้งหมดฟื้นคืนชีพกลับมา

แต่เยียนเอ๋อร์…ยังคงนิ่งแข็ง

หลังจากที่กรีดเฉือนมีดสุดท้ายลงไป เสียวเป่าก็โบกสะบัดชายแขนเสื้อ ทั้งชิ้นไม้แกะสลักและมีดเล่มนั้นก็ลอยตรงไปยังเมิ่งฮ่าว

ในตอนนี้ดวงตาของเสียวเป่าแตกต่างออกไป ก่อนหน้านี้ไม่มีม่านตา แต่ตอนนี้ก็มีแล้ว เขามองไปรอบๆ ยังโลกแห่งนี้ และมองเห็นแสงสว่าง แน่นอนว่าเขาไม่สนใจเกี่ยวกับโลกนี้ ค่อยๆ มองลงไปยังภรรยาตัวเองอย่างช้าๆ และยิ้มออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นรูปร่างหน้าตาของนาง

นางมีหน้าตาที่น่าเกลียดเป็นอย่างยิ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น แต่สำหรับเสียวเป่าแล้วนางคือสิ่งที่งดงามมากที่สุดในท่ามกลางสิ่งใดๆ ทั้งปวง

เสียวเป่าคุกเข่าลงไป และโอบกอดนางไว้ ยิ้มด้วยความพึงพอใจ ในที่สุดก็หลับตาลง และกลิ่นอายก็หายไป

วิญญาณของเสียวเป่าลอยออกมา พร้อมกับวิญญาณของชีวิตอื่นๆ ทั้งหมด กลายเป็นลำแสงพุ่งตรงไปยังชิ้นไม้แกะสลักที่อยู่ในมือเมิ่งฮ่าว แสงเหล่านั้นพุ่งเข้าไป และจากนั้นก็สาดประกายเจิดจ้าขึ้น ตอนนี้ชิ้นไม้แกะสลักนั้นเสร็จสิ้นสมบูรณ์แบบแล้ว

ชิ้นไม้แกะสลักนั้นคือเวทรุ่นเก้าของเมิ่งฮ่าว เมื่อไหร่ที่เขาดูดซับมันเข้าไป ก็จะสามารถ…หลอมรวมเวททั้งเก้าได้!

แต่เมิ่งฮ่าวก็ไม่รู้สึกยินดี ยากที่จะบอกได้ว่าตนเองรู้สึกอย่างไร ขณะที่มองลงไปยังซากศพของเสียวเป่า ซึ่งค่อยๆ กลายเป็นจุดแสงระยิบระยับลอยขึ้นมาในอากาศ และหลอมรวมเข้าไปในร่างเมิ่งฮ่าว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเขามาตั้งแต่ต้นแล้วอย่างช้าๆ

เมิ่งฮ่าวรู้ว่าเสียวเป่าสามารถปฏิเสธไม่ยอมให้ความร่วมมือได้ เมิ่งฮ่าวคือร่างจริง และเสียวเป่าคือร่างจำแลง เป็นส่วนที่ถูกตัดออกไปจากเมิ่งฮ่าวแล้วอย่างแท้จริง

เสียวเป่าไม่ชอบการถูกควบคุม ไม่ชอบให้ใครมาเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตนเอง แต่ในที่สุดก็เลือกที่จะช่วยเมิ่งฮ่าวสร้างเวทรุ่นเก้าจนเสร็จสิ้นสมบูรณ์

แต่เมิ่งฮ่าวก็รู้ดีว่าที่เสียวเป่าทำเช่นนี้ ไม่ใช่เพื่อเขา แต่เพื่อ…เยียนเอ๋อร์

ชีวิตที่เก้าของร่างจำแลงรักเยียนเอ๋อร์มากกว่าร่างจริงของเมิ่งฮ่าวมากนัก

เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ภายในถ้ำแห่งนั้นเป็นเวลานานมากๆ ในที่สุดจุดแสงเหล่านั้นซึ่งเป็นเสียวเป่าก็หลอมรวมเข้าไปในร่างเมิ่งฮ่าวโดยสมบูรณ์ ร่องรอยของร่างจำแลงทั้งปวงถูกกวาดล้างออกไปจนหมดสิ้น ยกเว้นมีดแกะสลักและไม้แกะสลักชิ้นนั้น

เมิ่งฮ่าวถอนหายใจ ร่างของเยียนเอ๋อร์ก็กลายเป็นจุดแสงด้วยเช่นกัน ค่อยๆ เริ่มจางหายไปอย่างช้าๆ วิญญาณที่สมบูรณ์ของนางลอยอยู่ที่นั่นตรงหน้าเมิ่งฮ่าว

นางกำลังมองไปยังซากศพของตัวเองที่กำลังจางหายไป และตำแหน่งที่ว่างเปล่าตรงด้านข้าง ซึ่งก่อนหน้านี้ยังมีอีกคนนอนอยู่ หลังจากที่ผ่านไปชั่วขณะ นางก็หันหน้ามองมายังเมิ่งฮ่าว

“ข้าควรจะเรียกท่านว่าตี้จิ่วจื้อจุน หรือว่าซือจุน หรือว่า…เสียวเป่า?” นางถามขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา

เมิ่งฮ่าวยกมือขวาขึ้นมา ภายในนั้นมีเส้นใยวิญญาณอยู่สองเส้น หนึ่งเป็นเส้นใยที่ถูกหลอมรวมเข้ากับหานเป้ย อีกหนึ่งเส้นใยประกอบด้วยความทรงจำจากชาติที่แล้ว

สองเส้นใยวิญญาณหลอมรวมเข้าด้วยกันจนกลายเป็นหนึ่งเดียว กลายเป็นลำแสงอันงดงามลอยตรงไปยังเยียนเอ๋อร์

“นั่นคือชิ้นส่วนวิญญาณของเจ้า ถ้าดูดซับมัน วิญญาณเจ้าก็จะสมบูรณ์ และจะจดจำทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อในอดีตได้ ในที่สุดเจ้าก็จะจำได้ว่า…ข้าคือใคร”

เยียนเอ๋อร์มองไปยังแสงอันงดงามนั้นอย่างเงียบๆ รอยยิ้มอันเยือกเย็นค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า “เกิดอะไรขึ้นกับหม่านเอ๋อร์?”

“นางอยู่ในตี้จิ่วจง”

เยียนเอ๋อร์พยักหน้าและมองออกไปยังที่ห่างไกล เวลาเลื่อนผ่านไปก่อนที่นางจะพูดขึ้นมาอีกครั้ง

“ชีวิตที่เก้านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับข้า จำเป็นต้องมีความทรงจำเมื่อในอดีตไปเพื่ออะไร? ตอนนี้เมื่อคิดไปแล้ว ข้าก็มั่นใจว่าภายในความทรงจำเหล่านั้นต้องมีความโศกเศร้าเสียใจอยู่มากมาย”

“รู้แต่เพียงว่าท่านคือซือจุนของข้า และข้าก็มีชีวิตที่ดีมากแล้ว” นางหลับตาลงชั่วขณะ และเมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง สองตาก็สาดประกายเจิดจ้าและแจ่มใส ชี้นิ้วตรงไปยังแสงวิญญาณ ซึ่งประกอบด้วยความทรงจำจากชาติที่แล้วของตนเอง แสงนั้นจางหายไป

ด้วยเช่นนั้นนางจึงประสานมือและโค้งตัวลงให้กับเมิ่งฮ่าว

“ชีวิตนี้จบลงแล้ว ซือจุน ข้าจะไม่เข้าไปยุ่งกับโลกของท่านอีกต่อไป ขอบคุณสำหรับการดูแลตลอดหลายปีที่ผ่านมา” นางมองไปยังเมิ่งฮ่าวเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็หมุนตัวไป กระแสน้ำวนแห่งการเกิดใหม่ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า ขณะที่นางกำลังจะก้าวเข้าไป ก็หยุดชะงักนิ่ง

“ท่านสัญญาว่าจะบอกเล่าเรื่องราวที่เหลือของฉู่อวี้เยียนให้ข้าฟัง แต่ข้าก็รู้คำตอบแล้ว” นางยิ้มและสูดลมหายใจเข้าลึกๆ นางได้ข้อสรุปมานานแล้วว่าตนเองคือเรื่องราวครึ่งที่เหลือของฉู่อวี้เยียน เห็นได้ชัดว่าในที่สุดนางก็เลือกที่จะปลดแอกจากภาระทั้งมวลของตนเอง นางไม่ได้โกหกในสิ่งที่เพิ่งจะกล่าวออกมา นางมีความพึงพอใจ มีท่าทางปล่อยวางและสบายใจ โบกมือให้กับเมิ่งฮ่าว และจากนั้นก็เดินเข้าไปในวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่

การใช้ชีวิตร่วมกับคนรักตราบชั่วนิรันดร์ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นสำหรับนาง แค่มีความสุขในแต่ละชาติก็เพียงพอแล้ว

เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ในถ้ำอย่างเงียบๆ ด้วยแววตาที่ค่อนข้างจะว่างเปล่า เวทรุ่นเก้าเสร็จสิ้นสมบูรณ์ แต่ก็ไม่รู้สึกยินดีแม้แต่น้อย กลับเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจอยู่ลึกๆ ข้างใน

หลังจากที่ผ่านไปนานสักพัก เขาก็ส่ายหน้าและฝังความรู้สึกไว้ในส่วนลึก เดินออกไปจากถ้ำ และรู้สึกได้ถึงสายลมอันอ่อนโยนโชยมาปะทะใบหน้า ทำให้เส้นผมและเสื้อผ้าสะบัดพลิ้วไปมา ราวกับว่าจะนำพาความทรงจำอันเลวร้ายไปพร้อมกับมัน

ความมุ่งมั่นปรากฏขึ้นบนใบหน้า และดวงตาก็เริ่มสาดประกายขึ้น การฝึกตนมานานนับพันปี และประสบการณ์ทั้งหมดที่เคยพบเจอมา ได้สร้างให้เขากลายเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม

ใบหน้าของเมิ่งฮ่าวดูอ่อนเยาว์ แต่ถ้ามองดูให้ละเอียด ก็จะเห็นบางสิ่งอยู่ในนั้น ซึ่งสามารถจะเห็นได้จากคนที่คงอยู่มานานหลายปี ผ่านพบเรื่องราวมาอย่างมากมายแล้วเท่านั้น ตรงหางตาของเมิ่งฮ่าวยังมีริ้วรอยเหี่ยวย่นอยู่อย่างเลือนรางอีกด้วย เขาไม่ทำอะไรเพื่อปกปิดการเปลี่ยนแปลงนี้แต่อย่างใด

“ถึงเวลาที่ต้องกลับไปแล้ว…” เมิ่งฮ่าวคิด

มองขึ้นไปยังท้องฟ้าสีเขียวและกลุ่มเมฆสีขาว ที่ห่างไกลออกไปเป็นลำแสงสีแดงสายหนึ่งที่กำลังพุ่งตรงมา ซึ่งก็คืออ๋าวเฉี่ยน มาหยุดอยู่ตรงหน้าและมองขึ้นมาอย่างเงียบๆ

เมิ่งอ่าวลูบไล้ไปที่ขนของอ๋าวเฉี่ยน และแสงในดวงตาก็เริ่มคมกล้ามากขึ้นกว่าเดิม

“หลังจากที่ดูดซับเวทรุ่นเก้าและมั่นใจว่าสำเร็จสมบูรณ์แล้ว ข้าก็จะหลอมรวมเวททั้งเก้า และดับตะเกียงสัมฤทธิ์ และข้าก็จะอยู่เหนือจุดสูงสุด หลังจากนั้น…พวกเราก็จะกลับบ้านด้วยกัน!” ถึงแม้ว่าเสียงพูดเหล่านี้จะไม่ดังมากนัก แต่ก็ราวกับว่าได้หลอมรวมเข้ากับฟ้าดิน และกระจายออกไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

ย้อนกลับไปในโลกของผีเสื้อขุนเขาทะเล ทันใดนั้นเสียงอันเลือนรางก็ได้ยินมา

“ข้ากำลังจะกลับไป!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version