ตอนที่ 1528
เข้าไปในเขตสุสานอีกครั้ง
“หลายร้อยปีก่อนพวกเรามายังที่แห่งนี้อยู่หลายครั้ง ทำให้รู้วิธีการหลีกเลี่ยงจากหายนะที่โจมตีลงมายังดินแดนแห่งนี้ และพบเห็นสถานที่อันเหมาะสมที่จะหลบภัยพิบัตินั้นได้” เจ้าสำนักกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้วไปด้วย
“แต่พวกเราก็ไม่เคยจะผ่านดินแดนกว้างใหญ่แห่งที่แปดไปได้ มักจะติดอยู่ที่เขตชายขอบของดินแดนที่เก้าอยู่ตลอดเวลา” หลังจากที่เข้ามาในสถานที่แห่งนี้หลายครั้ง พวกมันก็ไม่เคยจะค้นพบวิธีที่จะเข้าไปในดินแดนกว้างใหญ่แห่งที่เก้าได้เลยแม้แต่น้อย
ไป๋อู้เฉินที่ยืนห่างออกไปตรงด้านข้างกล่าวว่า “ทางเข้าไปในดินแดนที่เก้าเป็นประตูบานหนึ่ง ได้แต่ต้องเปิดประตูบานนั้น ถึงจะสามารถเข้าไปได้”
เมิ่งฮ่าวพยักหน้าตอบรับ จากนั้นก็เริ่มเคลื่อนที่ตรงไป ในตอนนี้เหล่าภูตผีนับไม่ถ้วนซึ่งอาศัยอยู่ตรงเขตด้านนอกของเขตสุสานก็เริ่มพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าวด้วยความตื่นเต้น ขณะที่เขาบินตรงไป
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าสำนักและคนอื่นๆ ได้เห็นพลังของเมิ่งฮ่าวภายในเขตสุสานแห่งนี้ แต่ก็ยังคงสั่นสะท้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซียนไป๋อู้เฉิน ที่ต้องคิดย้อนกลับไปในตอนที่ตนเองพ่ายแพ้ให้กับเมิ่งฮ่าวเมื่อหลายร้อยปีก่อนอย่างช่วยไม่ได้
กลุ่มคนทั้งหมดแอบถอนหายใจ ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา เพื่อติดตามเมิ่งฮ่าวไป
เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกมันมายังที่แห่งนี้ด้วยตนเอง ก็จะต้องกระทำด้วยความรอบคอบและระมัดระวังตัวเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าจะอยู่ตรงเขตด้านนอกก็ตาม
แต่ด้วยการมีเมิ่งฮ่าวเป็นผู้นำ…เหตุการณ์กลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง ด้วยการเป็นราชันแห่งภูตผี จึงไม่มีอะไรในที่แห่งนี้จะสามารถทำร้ายคนทั้งหมดได้แม้แต่น้อย
ทุกแห่งหนที่คนทั้งหมดพุ่งผ่านไป สามารถจะรู้สึกได้ด้วยเสียงกระหึ่ม ขณะที่กลุ่มภูตผีห้อมล้อมอยู่รอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าว ด้วยแววตาที่กระตือรือร้นและเทิดทูน
ราวกับว่าแค่เมิ่งฮ่าวบอกให้พวกมันทำลายตนเองไป พวกมันก็ไม่ลังเลที่จะทำตามแม้แต่น้อย
เมิ่งฮ่าวมองไปรอบๆ ยังกลุ่มภูตผี ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยแสงแปลกๆ ย้อนกลับไปในตอนที่เข้ามายังที่แห่งนี้เป็นครั้งแรก และได้พบเห็นกลุ่มภูตผีที่แปลกๆ เหล่านี้ ความคิดก็เริ่มก่อตัวขึ้นมา แต่ในตอนนั้นถึงแม้ว่าจะสามารถควบคุมพวกมันได้ ก็รู้สึกว่าไม่ใช่ของจริง
แต่ตอนนี้ด้วยเวทผนึกรุ่นเก้าที่แทบจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว เมิ่งฮ่าวก็เริ่มคิดไปถึงความคิดเดียวกันนั้น ครั้งนี้เขาไม่ได้คิดว่ามันไม่ใช่ของจริง แต่…
มั่นใจว่าตนเองสามารถทำได้!
เขาจะนำเหล่าภูตผีในเขตสุสานทั้งหมดนี้ไปด้วยในฐานะที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ด้วยพวกมันและตี้จิ่วจง ทำให้เมิ่งฮ่าวมีกองกำลังขนาดใหญ่ ที่สามารถจะนำกลับไปทำลายสามสิบสามสวรรค์ได้!
แน่นอนว่าเขาไม่ได้ประเมินอาณาจักรเทพและอาณาจักรมารต่ำจนเกินไปนัก ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่เหนือสูงสุด ก็จะไม่มีทางประเมินศัตรูของตนเองต่ำจนเกินไป เขาเคยพิจารณาเกี่ยวกับธรรมชาติที่แท้จริงของศัตรูทั้งสองเหล่านั้น แต่ยังคงต้องการจะเตรียมตัวเพื่อเผชิญหน้ากับพวกมันอย่างสมบูรณ์พร้อม
เมิ่งฮ่าวยังตระหนักด้วยอีกว่าถ้าตนเองดูดซับเวทรุ่นเก้าและอยู่เหนือสูงสุดได้สำเร็จ เมื่อไหร่ที่ออกไปจากเขตสุสานแห่งนี้ เจตจำนงแห่งหลัวเทียนก็จะบ้าคลั่งจนถึงระดับที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบประกายขึ้นด้วยความเย็นชา ขณะที่บินต่อไป กลุ่มภูตผีห้อมล้อมอยู่รอบๆ ตัว มุ่งหน้าตรงไปยังดินแดนกว้างใหญ่แห่งแรก เมื่อคนทั้งหมดบรรลุถึงสะพาน เมิ่งฮ่าวก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อย บินข้ามไปโดยไม่หยุดชะงักลง พร้อมกับทะแลแห่งภูตผีที่ห้อมล้อมอยู่รอบตัว
เจ้าสำนักและคนอื่นๆ ที่ด้านหลัง มองเห็นความแตกต่างจากการเดินทางเข้ามาของตนเองเมื่อหลายร้อยปีก่อน และได้แต่ฝืนยิ้มออกมา จากการเดินทางเข้ามาของพวกมันหลังจากครั้งแรกที่มากับเมิ่งฮ่าวแล้ว ก็มักจะถูกบังคับให้ต้องต่อสู้กับสะพานแห่งนี้ด้วยความระมัดระวังตัวเป็นอย่างยิ่ง
แต่ตอนนี้เมิ่งฮ่าวก็แค่บุกข้ามไป ทำให้พวกมันต้องรู้สึกอิจฉาขึ้นมาเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้
“ราวกับว่าสถานที่แห่งนี้เป็นบ้านของมัน…” จินหยุนซานพึมพำขณะที่พุ่งตามไป
แม้ในขณะที่เมิ่งฮ่าวบินข้ามสะพานไป และกำลังจะเหยียบย่างลงไปบนดินแดนกว้างใหญ่แห่งแรก เสียงแผดร้องคำรามก็ดังก้องขึ้นมาจากด้านล่างสะพาน ราวกับสิ่งมีชีวิตอันดุร้ายจากด้านล่างกำลังจะพุ่งทะยานขึ้นมา และปิดกั้นเส้นทางของคนทั้งหมดไว้
ถ้าตรวจสอบดูให้ละเอียดก็จะพบว่ามันคือพยัคฆ์ขนาดใหญ่ ที่มีความยาวถึงหนึ่งร้อยจ้าง และมีสีดำสนิทซึ่งดูเหมือนว่าจะหลอมรวมเข้ากับความว่างเปล่ารอบๆ บริเวณนั้นได้อย่างกลมกลืน เมื่อครั้งก่อนที่เมิ่งฮ่าวมายังที่แห่งนี้ และตกลงไปในหุบเหวใต้สะพาน ไม่เคยพบเห็นพยัคฆ์เช่นนี้มาก่อน
เมิ่งฮ่าวมองลงไป และสายตาก็สบประสานกัน จากนั้นพยัคฆ์ก็สั่นสะท้าน เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้หวาดกลัวต่อเหล่าภูตผี แต่สายตาของเมิ่งฮ่าวทำให้จิตใจมันต้องสั่นสะท้าน จนต้องถอยไปทางด้านหลัง พร้อมกับหางที่ไปจุกอยู่ระหว่างขา และจากนั้นก็หายตัวไป
เมิ่งฮ่าวละสายตากลับมา และก้าวเดินตรงไปยังดินแดนกว้างใหญ่แห่งแรก ในอดีตที่ผ่านมาพยัคฆ์ตัวนั้นทำให้กับเจ้าสำนักและคนอื่นๆ ต้องปวดศีรษะเป็นอย่างมาก เมื่อได้เห็นมันหลบหนีจากไปเช่นนี้ก็ทำให้คนทั้งหมดต้องฝืนยิ้มออกมาอีกครั้ง
มันคือพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ และวิธีการที่สามารถจะหลอมรวมเข้ากับความว่างเปล่ารอบๆ ตัว ทำให้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์และวิชาเวททั้งปวง ยิ่งมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น มันคือการโจมตีอันโหดร้าย เมื่อมีโทสะก็สามารถจะปลดปล่อยพายุแห่งวิญญาณพยาบาทอันดุร้ายอย่างน่าเหลือเชื่อออกมา ตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมานี้ เจ้าสำนักและคนอื่นๆ ถูกบังคับให้ต้องใช้ความพยายามอย่างมากมาย เพื่อที่จะผ่านสะพานแห่งนี้ไป
แต่ตอนนี้…
“สถานที่แห่งนี้ก็เหมือนกับบ้านมันอย่างแท้จริง…” เจ้าสำนักครุ่นคิด แอบถอนหายใจออกมา แต่ในครั้งนี้ก็เต็มไปด้วยความหวังด้วยเช่นกันว่า จะสามารถเข้าไปยังดินแดนกว้างใหญ่แห่งที่เก้าได้จริงๆ
อันที่จริงมันมีความรู้สึกว่าถ้าเมิ่งฮ่าวไม่อาจจะเข้าไปในดินแดนกว้างใหญ่แห่งที่เก้าได้ ก็ไม่มีใครจะสามารถเข้าไปได้อีกแล้ว
หลังจากที่ก้าวเท้ากลับเข้ามาในดินแดนกว้างใหญ่แห่งแรก เมิ่งฮ่าวก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ นี่คือครั้งที่สามของตนเองในที่แห่งนี้ ครั้งแรกที่เข้ามาก็ถูกโจมตีตั้งแต่เริ่มต้น และครั้งที่สองเป็นตอนที่ตนเองมาค้นหาเศษชิ้นส่วนของกระจกทองแดง
“นี่คือครั้งที่สามของข้า และบางทีอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายด้วยเช่นกัน เมื่อข้าจากไป ก็จะอยู่เหนือสูงสุด!” แสงแปลกๆ ปรากฏขึ้นในดวงตาเมิ่งฮ่าว ขยับร่างเคลื่อนไหว พุ่งตรงไปด้วยความรวดเร็วสูงสุด แหงนหน้าขึ้นและส่งเสียงกู่ร้องอย่างยาวนานออกมา ขณะที่พุ่งผ่านดินแดนกว้างใหญ่แห่งแรกไป เหล่าภูตผีทั้งหมดในที่แห่งนั้นสั่นสะท้านและเริ่มลอยขึ้นมา
“นั่นคือองค์จักรพรรดิ…”
“กลิ่นอายของจักรพรรดิ…ครั้งที่สาม!”
“องค์จักรพรรดิกำลังเรียกพวกเรา…”
เหล่าภูตผีนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในทั่วทุกทิศทาง แผ่นฟ้าสั่นสะท้าน ผืนดินสั่นสะเทือน ขณะที่พวกมันหมุนวนไปมาอยู่รอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าว
เจ้าสำนักและคนอื่นๆ ต่างก็มองเห็นสิ่งเดียวกันนี้ที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และได้เตรียมใจไว้แล้ว แต่ก็ยังคงสั่นสะท้านและรู้สึกอิจฉาขึ้นมาเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้
ขณะที่เหล่าภูตผีมารวมตัวกันอยู่รอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าวมากขึ้นเรื่อยๆ เขาก็เร่งความเร็วขึ้น ใครก็ตามที่สามารถจะมองเห็นเหล่าภูตผี ก็จะเห็นว่าคล้ายกับเป็นทะเลที่ไร้จุดสิ้นสุดอยู่รอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าว
เมื่อเทียบกับทะเลอันกว้างใหญ่แล้ว ผู้ฝึกตนต่างก็ไร้ความหมายเล็กกระจ้อยร่อยเป็นอย่างยิ่ง สำหรับเมิ่งฮ่าว จริงๆ แล้วเขาไม่จำเป็นต้องบินไปด้วยพลังของตัวเอง แค่ยืนอยู่ที่นั่นขณะที่ทะเลอันเจิดจ้านำพาเขาไปด้วย
ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือน เมื่อทะเลแห่งภูตผีไม่สนใจเส้นทางระหว่างดินแดนกว้างใหญ่แห่งแรกและแห่งที่สองโดยสิ้นเชิง ไม่มีการหยุดชะงักลงแม้แต่น้อย และชั่วขณะต่อมา เมิ่งฮ่าวก็ไปอยู่บนดินแดนกว้างใหญ่แห่งที่สอง
เหล่าภูตผีในที่แห่งนั้นต่างก็สั่นสะท้านเช่นเดียวกัน และเริ่มพุ่งตรงมา เข้าร่วมกับทะเลอันไร้ขอบเขต
ท้องฟ้ามืดสลัวลงไป ทุกสรรพสิ่งในโลกแห่งนี้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดชายแขนเสื้อออกไป และกลุ่มภูตผีก็พุ่งตรงไปยังดินแดนกว้างใหญ่แห่งที่สามด้วยความรวดเร็วอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้
เจ้าสำนักและคนอื่นๆ อ้าปากค้าง ถึงแม้ว่าพวกมันจะมองไม่เห็นเหล่าภูตผี แต่ก็รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นอย่างน่าเหลือเชื่อ และคนทั้งหมดต่างก็เริ่มสงสัยในเรื่องเดียวกัน
“ถ้าเหตุการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้…จะมีเหล่าภูตผีมากมายเท่าใดมารวมตัวกัน เมื่อพวกเราบรรลุถึงดินแดนกว้างใหญ่แห่งที่แปด?” คนทั้งหมดต่างก็สบตากันไปมาด้วยแววตาที่ตื่นตระหนก
เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้นในแผ่นฟ้าและผืนดิน ขณะที่ทะเลอันไร้ขอบเขตของเหล่าภูตผีม้วนกวาดเมิ่งฮ่าวให้พุ่งตรงไปยังดินแดนกว้างใหญ่แห่งที่สี่
ทางเข้าไปยังดินแดนกว้างใหญ่แห่งที่สี่เป็นหุบเหวขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยดวงตาอันดุร้ายนับไม่ถ้วน ซึ่งดูเหมือนว่าตั้งใจจะกลืนกินสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่ผ่านเข้ามา
นอกเหนือจากดวงตาเหล่านั้นก็เป็นเงาร่างขนาดใหญ่ที่สวมใส่ผ้าเนื้อหยาบ ซึ่งมีร่างกายที่ปกคลุมไปด้วยเนื้อที่เน่าเปื่อย ดูคล้ายกับยักษ์ที่มีผิวหนังเป็นซากศพจำนวนมากมาเย็บติดเข้าด้วยกัน
เมื่อเมิ่งฮ่าวเข้าไปใกล้พร้อมกับทะเลแห่งภูตผี เหล่ายักษ์ก็แผดร้องคำรามและบินตรงมา เหล่าดวงตาก็เริ่มสาดประกายขึ้นด้วยแสงสีแดง และพุ่งออกมาจากหุบเหวด้วยเช่นกันเพื่อปิดกั้นปากทางเข้าไว้
แต่เมื่อพวกมันมองเห็นเมิ่งฮ่าวและทะเลแห่งภูตผี ยักษ์ก็อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง และสีหน้าอันดุร้ายก็จางหายไป ถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัว แผดร้องออกไป ล่าถอยกลับเข้าไปในหุบเหวด้วยความรวดเร็ว
สำหรับดวงตาเหล่านั้น ดูเหมือนว่าพวกมันจะยิ่งสั่นสะท้านและหวาดกลัวมากไปกว่าเหล่ายักษ์ และเริ่มถอยไปทางด้านหลังในทันที
ในชั่วพริบตาทะเลแห่งภูตผีก็พุ่งผ่านหุบเหว เข้าไปในดินแดนกว้างใหญ่แห่งที่สี่
เมิ่งฮ่าวไม่ได้มองไปยังหุบเหวแม้แต่น้อย สำหรับเจ้าสำนักและคนอื่นๆ ต่างก็ฝืนยิ้มออกมา พร้อมกับคิดไปถึงความพยายามที่ตนเองต้องใช้ออกมา เพื่อข้ามผ่านสิ่งกีดขวางเหล่านี้ไปเมื่อในอดีต เงาร่างเดียวกันนี้ที่ดูน่ากลัวเมื่อในอดีต กลับหลบหนีจากไปด้วยความหวาดกลัวในครั้งนี้