ตอนที่ 1531
โจมตี
เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่เหนือดินแดนกว้างใหญ่แห่งที่เก้า ติดตามมาด้วยเจ้าสำนักและคนอื่นๆ รวมทั้งทะเลแห่งภูตผีจำนวนมาก
“ดินแดนกว้างใหญ่แห่งที่เก้า!” เจ้าสำนักแหงนหน้าขึ้นและหัวเราะเป็นเสียงดังก้อง ความตื่นเต้นปรากฏขึ้นบนใบหน้าอย่างเห็นได้ชัด มันและคนอื่นๆ เฝ้ารอคอยเวลานี้มาอย่างยาวนาน สถานที่แห่งนี้คือความหวังที่จะเข้าไปสู่เหนือจุดสูงสุดของคนทั้งหมด
ไม่ใช่เจ้าสำนักเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีความรู้สึกเช่นนี้ จินหยุนซาน ซาจิ่วตง ไป๋อู้เฉิน และผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้คนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นเช่นเดียวกัน
เจ้าสำนักสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็หันหน้ามายังเมิ่งฮ่าว ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำ
“เมิ่งเต้าโหย่ว (สหายเต๋าเมิ่ง) ความเมตตาในครั้งนี้ ไม่มีวันลืมเลือนไปได้ชั่วชีวิต ถ้ามีสิ่งใด ขอให้เมิ่งเต้าโหย่วบอกมาแค่คำเดียว!”
หลังจากนั้นเจ้าสำนัก จินหยุนซาน ซาจิ่วตง และไป๋อู้เฉิน ต่างก็ประสานมือและโค้งตัวลงเช่นเดียวกัน
“ความเมตตานี้ จะไม่ลืมเลือนไปตราบชั่วชีวิต!”
“ขอขอบคุณจิ่วจุน!” (ผู้ยิ่งใหญ่อันดับเก้า)
การแสดงออกของพวกมันเต็มไปด้วยความจริงใจ ความรู้สึกอันเลวร้ายในอดีตที่ผ่านมาต่างก็หายไปจนหมดสิ้น พวกมันรู้สึกขอบคุณเมิ่งฮ่าวด้วยความจริงใจอย่างลึกล้ำ
เมื่อเทียบกับโอกาสที่จะได้เดินไปบนเส้นทางเหนือสูงสุด ความขุ่นข้องหมองใจเมื่อในอดีตก็กลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปโดยสิ้นเชิง ท้ายที่สุดแล้วผู้ฝึกตนทั้งหมดต่างก็พยายามจะเข้าไปอยู่เหนือจุดสูงสุด คนทั้งสามเหล่านี้ต่างก็อยู่ในจุดสูงสุดแห่งเก้าแก่นแท้ ดังนั้นความหวังที่ไปอยู่เหนือจุดสูงสุดก็คือความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ที่อยู่ภายในจิตใจของพวกมัน
พวกมันไม่มีทางรู้ว่าจะสามารถทำได้สำเร็จหรือไม่ แต่ตราบเท่าที่ยังคงมีความหวังอยู่เล็กน้อย ก็ต้องลองพยายามทำดู
เมิ่งฮ่าวมองเห็นความตื่นเต้นและจริงใจของพวกมัน ไร้ความต้องการต่อสู้ หรือเล่ห์เหลี่ยมใดๆ ตอนนี้เมื่อพวกมันบรรลุถึงดินแดนกว้างใหญ่แห่งที่เก้า ความหวังที่จะไปอยู่เหนือสูงสุดก็ทำให้พวกมันรู้สึกตื่นเต้นและขอบคุณอย่างลึกล้ำ
เมิ่งฮ่าวยิ้ม ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำ คารวะตอบกลับไป
“พวกเราทั้งหมดมายังที่แห่งนี้เพื่ออยู่เหนือสูงสุด ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลวก็ขึ้นกับเจตนาแห่งฟ้าดิน โชควาสนาและการเตรียมตัวของพวกเราเอง สหายเต๋าทั้งหลาย ข้าหวังว่าพวกท่านจะทำได้สำเร็จอย่างแท้จริง และหวังว่าพวกท่านจะสามารถเดินไปบนวิถีเต๋าอันยิ่งใหญ่!”
จินหยุนซานสูดหายใจเข้าลึกๆ โบกสะบัดชายแขนเสื้อ จากนั้นก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ดังก้องคล้ายเสียงฟ้าร้องคำราม
“ดี ช่างหัวเจตนาแห่งฟ้าดินและโชควาสนามันเถอะ! จะสำเร็จหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการเตรียมตัวของพวกเราเองเท่านั้น! เมิ่งเต้าโหย่ว ถ้าข้าอยู่เหนือสูงสุด ก็จะช่วยท่านล้างแค้นอาณาจักรเทพและอาณาจักรมารเอง! อันที่จริง ถึงข้าจะไม่อยู่เหนือสูงสุด ก็จะช่วยอยู่ดี!”
เจ้าสำนักหัวเราะเป็นเสียงดัง จากนั้นก็สะท้อนคำพูดของจินหยุนซานว่า
“นับเหล่าฟูด้วยหนึ่งคน!”
“เมิ่งเต้าโหย่ว พวกเราเป็นสหายกันมาหลายร้อยปีแล้ว ดังนั้น…ซาโหม่วก็จะช่วยท่านด้วย!” ซาจิ่วตงกล่าว
“ตอนที่ก้าวเข้ามาในดินแดนกว้างใหญ่แห่งนี้ ความขัดแย้งระหว่างพวกเราเมื่อในอดีตก็จางหายไปคล้ายหมอกควัน เมิ่งเต้าโหย่ว (สหายเต๋าเมิ่ง) เสี่ยวหนีว์จื่อ (หญิงสาวผู้น้อย – คำแทนตัวเองด้วยความถ่อมตัวของผู้หญิงจีนโบราณ) ก็จะช่วยท่านด้วยเช่นกัน ขอบคุณท่านที่ช่วยให้ข้ามีโอกาสได้กลับบ้าน” ไป๋อู้เฉินกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
ผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้คนอื่นๆ ทั้งหมด ต่างก็หัวเราะและให้คำมั่นสัญญาเช่นเดียวกัน
เมิ่งฮ่าวรู้สึกตื้นตันใจ หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ ก็ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำให้กับคนทั้งหมดอีกครั้ง
“เมิ่งเต้าโหย่ว พวกเรามุ่งหน้าไปยังแท่นบูชาเหนือสูงสุดด้วยกันเถอะ!”
เจ้าสำนักกล่าวขึ้น หัวเราะออกมา บินขึ้นไปในอากาศ ติดตามมาด้วยผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ ที่เหลือ
แต่เมิ่งฮ่าวก็ส่ายหน้า กล่าวว่า
“ขอเชิญสหายเต๋าทั้งหลายล่วงหน้าไปก่อน ก่อนที่จะไปยังแท่นบูชาเหนือสูงสุด เมิ่งโหม่วจำเป็นต้องไปแสดงความเคารพใครบางคนในที่แห่งนี้ก่อน” เมิ่งฮ่าวไม่ได้ปกปิดจุดประสงค์ที่แท้จริงของตนเอง หลังจากที่พูดจบ คนอื่นๆ ก็มองกลับมาด้วยแววตาที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ถึงแม้ว่าเมิ่งฮ่าวจะไม่เคยอธิบายว่าตนเองสามารถควบคุมทะเลแห่งภูตผีได้อย่างไร แต่พวกมันก็ได้ข้อสรุปมานานแล้ว ดังนั้นจึงเข้าใจได้ในทันที
พวกมันไม่ได้ทำอะไรที่จะกล่าวโน้มน้าวเขาเป็นอย่างอื่น หลังจากที่กล่าวคำอำลา กลุ่มคนเหล่านั้นก็พุ่งตรงไปยังจุดศูนย์กลางของดินแดนกว้างใหญ่แห่งที่เก้า…ซึ่งเป็นที่ตั้งของแท่นบูชาเหนือสูงสุด
เมิ่งฮ่าวมองพวกมันจากไป จากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึกๆ เส้นทางเหนือสูงสุดของตนเองแตกต่างไปจากกลุ่มคนเหล่านั้น ถึงแม้ว่าหลัวเทียนจะต้องพยายามขัดขวางพวกมันด้วยเช่นกัน แต่ความแตกต่างของจุดเหนือสูงสุดระหว่างเมิ่งฮ่าวและกลุ่มคนเหล่านั้นก็เหมือนกับบ่อน้ำและมหาสมุทร
ดังนั้นเมิ่งฮ่าวจึงจำเป็นต้องระมัดระวังตัวเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าจะไม่รู้สึกได้ถึงเจตจำนงแห่งหลัวเทียนในดินแดนกว้างใหญ่แห่งที่เก้านี้ เขาก็ต้องเตรียมตัวสำหรับความเป็นไปได้ทั้งหมด ด้วยเช่นนั้นจึงตัดสินใจที่จะไปแสดงความคารวะต่อบุคคลที่เคยพูดออกมาหนึ่งคำ เพื่อขัดขวางเจตจำนงแห่งหลัวเทียนที่สอดมือเข้ามา ตอนที่ตนเองอยู่ในดินแดนกว้างใหญ่แห่งแรก
“ชางหมางเหลาจู่ (ปรมาจารย์ไร้สิ้นสุด)…” เมิ่งฮ่าวพึมพำ ด้วยเช่นนั้นก็ขยับร่างเคลื่อนไหว มุ่งหน้าตรงไปยังส่วนที่อยู่ห่างไกลมากที่สุดของดินแดนกว้างใหญ่แห่งที่เก้า ซึ่งเป็นที่ตั้งของบัลลังก์ขนาดใหญ่
ในแต่ละวันที่ล่วงเลยผ่าน บัลลังก์แห่งนั้นก็ยิ่งมีขนาดใหญ่และมองเห็นได้ชัดมากขึ้น ภายในจิตใจเมิ่งฮ่าว คลื่นแห่งความตื่นเต้นกำลังบดขยี้ลงมามากขึ้นด้วยเช่นกัน จนถึงจุดที่ทะเลแห่งภูตผีไม่กล้าที่จะพุ่งตามมาได้อีก และตอนนี้กำลังเฝ้ารอคอยอยู่ในที่ห่างไกลออกไปทางด้านหลัง หมอบกราบลงไปยังบุคคลที่นั่งอยู่บนบัลลังก์
เห็นได้ชัดว่า คนผู้นั้นยังสูงส่งมากไปกว่าเมิ่งฮ่าว ในฐานะที่เป็น…จักรพรรดิที่แท้จริงของดินแดนแห่งนี้
ตะเกียงสัมฤทธิ์ภายในร่างเมิ่งฮ่าวกำลังสาดประกายขึ้นด้วยแสงเจิดจ้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้ดูคล้ายกับว่าเมิ่งฮ่าวถูกสร้างขึ้นมาจากแสง
ขณะที่เข้าไปใกล้บัลลังก์นั้นมากขึ้น ก็เห็นได้ชัดว่ามันถูกสร้างขึ้นมาจากแผ่นหินอ่อนสีเขียวขนาดใหญ่ จนดูคล้ายกับเป็นภูเขา พุ่งสูงขึ้นมาจากดินแดนกว้างใหญ่แห่งที่เก้า สำหรับเงาร่างที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ ก็คล้ายกับเป็นรูปปั้นยักษ์
ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่บุคคลที่มีเลือดเนื้อ แต่ก็ดูคล้ายคลึงอย่างน่าเหลือเชื่อ แม้แต่การมองมาจากที่ห่างไกล ก็สามารถจะมองเห็นสีหน้าของมันได้ ซึ่งเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจและความรู้สึกสูญเสีย
ลึกลงไปในดวงตาเป็นแสงแห่งการหวนรำลึก ราวกับว่ามันกำลังมองออกไปยังดินแดนในเขตสุสานแห่งนี้ทั้งหมด และคิดไปถึงความทรงจำจากเมื่อในอดีตที่ยังคงหลงเหลืออยู่เท่านั้น
ดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่โดดเดี่ยวเดียวดายเป็นอย่างยิ่ง ความรู้สึกนี้แทรกซึมเข้าไปในจิตใจเมิ่งฮ่าวขณะที่ใกล้เข้าไป
เมิ่งฮ่าวไปหยุดอยู่ที่เบื้องหน้ารูปปั้นประมาณหนึ่งพันจ้าง มองขึ้นไปสังเกตดูอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะในที่สุดก็ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำ
กระจกทองแดงลอยออกมาด้วยความตั้งใจของมันเอง และนกแก้วก็ปรากฏขึ้นมาจากด้านใน มองไปยังรูปปั้นเงียบๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คิดไปถึงเรื่องราวเมื่อในอดีตขณะที่บินไปรอบๆ รูปปั้นเป็นวงกลมชั่วขณะ แววตาเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจอย่างเห็นได้ชัด
เมิ่งฮ่าวมองขึ้นไป ตะเกียงสัมฤทธิ์ภายในร่างกำลังลุกโชนขึ้นด้วยความเจิดจ้ามากกว่าเดิม ทำให้เมิ่งฮ่าวดูคล้ายกับเป็นดวงตะวันอันเจิดจ้า
ทันใดนั้นสายตาของรูปปั้นก็ดูเหมือนว่าแทนที่จะมองออกไปยังที่ห่างไกล ก็ราวกับว่ากำลังมองมายังเมิ่งฮ่าวอยู่ในตอนนี้ ความโศกเศร้าในดวงตาถูกแทนที่ด้วยความเมตตาอ่อนโยน
บางทีอาจจะด้วยจินตนาการของเมิ่งฮ่าวเอง ทำให้ต้องก้มศีรษะลงไปอีกครั้ง และเริ่มพูดขึ้นมาด้วยเสียงแผ่วเบา
“ผู้เยาว์ขอคารวะ ชางหมางเหลาจู่!”
“ด้วยความช่วยเหลือจากตะเกียงสัมฤทธิ์ของเหล่าจู่ในวันนั้น ความเมตตานี้จะไม่มีวันลืมเลือนไปได้”
“รวมทั้งกระจกทองแดงที่เป็นเพื่อนข้ามาตลอดชีวิต”
“ผู้เยาว์มายังที่แห่งนี้เพื่อก้าวไปสู่เหนือสูงสุด ขอให้เหลาจู่ช่วยเป็นผู้พิทักษ์เต๋าให้กับผู้เยาว์ด้วย…”
เมื่อผ่านไปนานสักพัก ก็มองกลับขึ้นไปยังรูปปั้น หลังจากที่จ้องมองไปด้วยความลึกซึ้งอยู่ชั่วขณะ ดวงตาก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
ในตอนนี้เองที่ภายในจิตใจเมิ่งฮ่าวไร้ความลังเลแม้แต่น้อย เขาจะไม่ไปยังแท่นบูชาเหนือสูงสุด
แท่นบูชานั้นอาจจะมีประโยชน์ต่อเจ้าสำนักและคนอื่นๆ แต่เมิ่งฮ่าวก็รับรู้ได้ถึงความแตกต่างเกี่ยวกับเรื่องนี้มานานแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องใช้แท่นบูชาเหนือสูงสุด เขาต้องการดินแดนกว้างใหญ่แห่งที่เก้านี้ ซึ่งเป็นสถานที่ที่หลัวเทียนไม่อาจจะสอดมือเข้ามาได้ หรืออย่างน้อยที่สุดก็คงจะยุ่งยากเป็นอย่างยิ่งที่จะทำเช่นนั้นได้
เมิ่งฮ่าวสูดหายใจเข้าลึกๆ และนั่งลงขัดสมาธิ คาดไม่ถึงว่าจะเลือกสถานที่แห่งนี้ ตรงเบื้องหน้าของรูปปั้นและบัลลังก์ พยายามที่จะบรรลุถึงความยิ่งใหญ่มากที่สุดของอาณาจักร, เหนือสูงสุด!
เหนือสูงสุดเป็นที่รู้จักกันดีในนามว่าพื้นฐานเต๋าด้วยเช่นกัน เป็นสิ่งที่ผู้แข็งแกร่งทรงพลังนับไม่ถ้วนโหยหาแม้แต่ในความฝันของพวกมัน แต่ผู้คนที่ทำได้สำเร็จมีอยู่น้อยมาก จากสมัยโบราณเป็นต้นมาจวบจนกระทั่งถึงตอนนี้ ภายในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งหลัวเทียน มีแค่สามคนเท่านั้นที่เคยทำได้สำเร็จอย่างแท้จริง
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น นั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ หลังจากที่ผ่านไปชั่วขณะก็ยกมือขวาขึ้นมา และชิ้นไม้แกะสลักก็ปรากฏขึ้น ซึ่งก็คือเวทรุ่นเก้านั่นเอง!
เมิ่งฮ่าวมองออกไปยังรูปปั้นที่อยู่เบื้องหน้า และลืมดวงตาเต๋าขึ้นมา ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์อันทรงพลังออกไป สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ม้วนกวาดออกไปทั่วรูปปั้น ลอยขึ้นไปในอากาศอยู่ตรงหน้าเมิ่งฮ่าว และจากนั้นก็เริ่มกระจัดกระจายหายไป!
เมิ่งฮ่าวทุ่มเทสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดให้ไหลเข้าไปในชิ้นไม้แกะสลัก ตัดการเชื่อมต่อกับโลกภายนอกทั้งปวง ปิดกั้นสัมผัสของตนเองขณะที่เพ่งสมาธิไปยังชิ้นไม้แกะสลักโดยสิ้นเชิง
กลิ่นอายอันน่าตกใจเริ่มพุ่งขึ้นมาอย่างช้าๆ ดินแดนกว้างใหญ่แห่งที่เก้าเริ่มสั่นสะเทือน เวลาเดียวกันนั้นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งหลัวเทียน ตรงด้านนอกเขตสุสานก็เต็มไปด้วยระลอกคลื่น ขณะที่เสียงแผดร้องคำรามด้วยโทสะดังก้องออกมา
ต่อมาระลอกคลื่นเหล่านั้นก็มารวมตัวกันในความว่างเปล่าตรงด้านนอกเขตสุสาน ถ้ามีใครบางคนกำลังยืนอยู่ตรงด้านนอกสังเกตมองมา ก็สามารถจะมองเห็นเค้าโครงร่างของบุคคลขนาดใหญ่ผู้หนึ่งกำลังยืนอยู่ที่นั่น
ดินแดนทั้งปวงกำลังสั่นสะเทือน เมื่อเจตจำนงที่ทำให้โลกทั้งหมดต้องสั่นสะท้านยืดขยายออกไป
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น เจ้าสำนักและคนอื่นๆ กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่นบูชาของดินแดนกว้างใหญ่แห่งที่เก้า ด้วยความพยายามที่จะก้าวเข้าไปอยู่เหนือสูงสุด
ในอดีตที่ผ่านมาพวกมันถูกโจมตีอยู่ภายในเขตสุสาน ทำให้ตระหนักว่าการค้นหาความรู้แจ้งเพียงลำพังจะได้ผลลัพธ์ที่ด้อยกว่าการมาค้นหาร่วมกัน
ดังนั้นสิ่งที่ดีมากที่สุดในตอนนี้ก็คือรวมพลังกันเพื่อค้นหาความรู้แจ้ง จิตใจพวกมันเชื่อมต่อกัน ทำให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น มีความรู้แจ้งเพิ่มมากขึ้น ได้ผลลัพธ์ที่เหนือกว่าการกระทำตามลำพังเพียงคนเดียว
ในช่วงเวลาเดียวกับที่เมิ่งฮ่าวเริ่มทำการดูดซับเวทรุ่นเก้า เจ้าสำนักและคนอื่นๆ ต่างก็รวมพลังและสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้าด้วยกัน ทำให้กระแสปราณที่มองไม่เห็นพุ่งขึ้นไปในอากาศ