Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1542

ตอนที่ 1542

จักรพรรดิอสูร

หลังจากที่กระทำเสร็จสิ้น เมิ่งฮ่าวก็มองลงไปยังพื้นดินตรงด้านล่างเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็เดินทางจากไป เมื่อบุปผาหุบตัวลงอีกครั้ง ทันใดนั้นภูเขาน้ำแข็งแห่งหนึ่งก็สั่นสะท้านขึ้นมา และกลายร่างเป็นยักษ์ตนหนึ่ง ขณะที่ยักษ์ตนนั้นจ้องมองไปรอบๆ ด้วยความตกตะลึง ลำแสงสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในที่ห่างไกลออกไป ซึ่งก็คือหงส์เพลิงนั่นเอง

คนทั้งสองต่างก็ประหลาดใจไปโดยสิ้นเชิง และไม่รู้ว่าเพิ่งจะเกิดอะไรขึ้น ไม่นานก่อนหน้านี้พวกมันต่างก็ตกอยู่ในความสิ้นหวัง เมื่อคิดว่าบ้านเกิดของตนเองต้องถูกทำลายล้างไป แต่จากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็หมุนย้อนกลับ ภูเขาถูกแช่แข็งไปอีกครั้ง และเปลวไฟก็พุ่งขึ้นมาอย่างร้อนแรงและเจิดจ้า แม้แต่พลังลมปราณอันอุดมสมบูรณ์ในตอนนี้ ก็เกิดขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“เกิดอะไรขึ้น…? ปิงซานเหลาจู่ (ปรมาจารย์ภูเขาน้ำแข็ง) ท่านรู้หรือไม่?” หงส์เพลิงถามขึ้น แต่เมื่อมองไปยังสีหน้าของปิงซานเหลาจู่ ก็เห็นได้ชัดว่ามันไม่รู้แต่อย่างใด

หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ ปิงซานเหลาจู่ก็กล่าวว่า “ช่างแปลกนัก จู่ๆ ทุกสรรพสิ่งก็เปลี่ยนไป…”

ความเงียบปกคลุมไปทั่วเป็นเวลาชั่วธูปไหม้หมดหนึ่งดอก จากนั้นหงส์เพลิงก็มองขึ้นไปในท้องฟ้าด้วยท่าทางลังเล

“หรือว่าจะเป็นคนผู้นั้น…กลับมา?”

“เป็นไปไม่ได้!” ปิงซานเหลาจู่กล่าวตอบในทันที ส่ายหน้าไปมา แต่จากนั้นก็รู้สึกลังเล ด้วยการที่บุปผาหุบตัวลง ก็ไม่มีใครสามารถจะผ่านเข้ามาในโลกแห่งนี้ เพื่อยุ่งเกี่ยวกับดินแดนแห่งน้ำแข็งและเปลวไฟ ถึงแม้ว่าพวกมันจะสามารถผ่านเข้ามาได้ แต่การเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ดังเช่นในตอนนี้ก็เป็นไปไม่ได้

ในที่สุดหงส์เพลิงก็มองขึ้นไปในท้องฟ้าด้วยท่าทางครุ่นคิดอีกครั้ง และจากนั้นก็หันหลังและจากไป

ยักษ์ภูเขาน้ำแข็งมองออกไปยังพื้นดินและถอนหายใจออกมา “หรือว่าจะเป็นมันจริงๆ…?”

เวลาผ่านไปอีกสองสามวัน

และในที่สุดวันที่เมิ่งฮ่าวเคยพูดกับผู้ยิ่งใหญ่แห่งชางหมางพ่ายก็มาถึง ในวันนั้นดาวชางหมางเกิดเป็นเสียงหึ่งๆ ขึ้นด้วยการกระทำต่างๆ ความปั่นป่วนวุ่นวายเช่นนั้นทำให้แม้แต่ตรงด้านนอกของดวงดาวซึ่งอยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวก็ยังมีผลกระทบด้วยเช่นกัน

ในที่สุดเงาร่างมากมายก็ปรากฏตัวขึ้น บินขึ้นมาจากดาวชางหมาง ทั้งหมดนั้นเป็นผู้ฝึกตนที่ไม่ธรรมดา เกิดเป็นระลอกคลื่นอันทรงพลังพุ่งกระจายออกไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ขณะที่ผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้บินออกมา นำกลุ่มผู้ฝึกตนออกมาจากดวงดาวเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็คือ…ตี้จิ่วจง! (สำนักที่เก้า)

พวกมันมารวมตัวกันเพื่อเตรียมต้อนรับการกลับมาของเมิ่งฮ่าว!

ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหมด และผู้ฝึกตนที่อยู่ในอาณาจักรเต๋า, อาณาจักรโบราณ และอาณาจักรเซียนทั้งปวงต่างก็ปรากฏตัวขึ้น มีจำนวนมากมายจนนับไม่ถ้วน ขยายยืดยาวออกไปทั่วทุกทิศทาง

พวกมันไม่ได้บินออกมาด้วยพลังของตนเอง แต่ยืนอยู่บนต้นไม้โบราณขนาดใหญ่ ซึ่งถูกแกะสลักเป็นรูปสัตว์อสูรอันดุร้าย

ที่ห่างไกลออกไปก็มีเงาร่างอยู่มากมายนับไม่ถ้วนด้วยเช่นกัน พวกมันไม่ใช่ผู้ฝึกตน แต่เป็นสิ่งมีชีวิตในรูปแบบที่แปลกๆ บางอย่าง

ยังมีผู้คนจากโลกต่างๆ อีกมากมายซึ่งตี้จิ่วจงได้ปราบพิชิตจากเมื่อหลายปีที่ผ่านมา เมื่อรวมเข้าด้วยกันก็ทำให้กองกำลังของตี้จิ่วจงก่อตัวเป็นกองทัพขนาดใหญ่ที่มีจำนวนมากกว่าหนึ่งหมื่นล้านคน เห็นได้ชัดว่าพวกมันบดบังไปทั่วทั้งท้องฟ้า จนแทบจะดูเหมือนว่าเป็นกองทัพที่ไร้จุดสิ้นสุด

แรงกดดันที่พวกมันกระจายออกมา ทำให้กลุ่มหมอกในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวต้องพลุ่งพล่านปั่นป่วนไปมา ราวกับว่ากลุ่มหมอกเหล่านั้นไม่อาจจะเข้ามาใกล้ผู้ฝึกตนเหล่านี้ได้ กระแสน้ำวนแห่งหนึ่งพุ่งขึ้นมาอยู่รอบๆ บริเวณนั้น หมุนวนไปมาทำให้กลิ่นอายของพวกมันยิ่งน่าตกใจมากขึ้นกว่าเดิม

ในที่สุดผู้ฝึกตนกลุ่มอื่นก็บินออกมาจากดาวชางหมาง พวกมันเป็นผู้แข็งแกร่งจากตี้ปาจง (สำนักที่แปด) ถึงแม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับตี้จิ่วจงในแง่ของจำนวน แต่พลังของพวกมันก็ทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวต้องสั่นสะเทือน

ต่อมาก็เป็นตี้ชีจง (สำนักที่เจ็ด) ตี้ลิ่วจง (สำนักที่หก) และตี้อู่จง (สำนักที่ห้า)…จนกระทั่งถึงตี้อีจง (สำนักแรก) ดาวชางหมางสั่นสะท้านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนตลอดทั้งประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาทั้งหมด

ผู้ฝึกตนเร่ร่อนที่รอบรู้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่พอจะรู้ว่ากำลังมีอะไรเกิดขึ้นบ้างเล็กน้อย ถึงแม้ว่าพวกมันจะไม่ค่อยมั่นใจในรายละเอียดก็ตาม แต่สำหรับผู้ฝึกตนส่วนใหญ่แล้ว ก็ไม่รู้ว่ากำลังมีอะไรเกิดขึ้น จนต้องหอบหายใจออกมาด้วยความตกใจและหวาดกลัว

“สวรรค์! เก้าสำนักใหญ่แห่งชางหมางพ่าย (สำนักไร้สิ้นสุด) มารวมตัวกันทั้งหมดอยู่นอกดวงดาว! กำลังเกิดอะไรขึ้น?”

“ต้องมีสงครามขึ้นอย่างแน่นอน! ชางหมางพ่ายกำลังจะต่อสู้กับกองกำลังยิ่งใหญ่อื่นๆ !!”

“เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร? มักจะมีสงครามเล็กๆ เกิดขึ้นในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว แต่ชางหมางพ่ายมีขนาดใหญ่เป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้พวกมันจะทำสงครามได้อย่างไร เมื่อผู้แข็งแกร่งเก้าแก่นแท้ทั้งหมดต่างก็มุ่งเน้นไปที่ความพยายามอยู่เหนือสูงสุด…?” ไม่เพียงแต่ผู้ฝึกตนเร่ร่อนเท่านั้นที่ตกตะลึง แต่โลกอื่นๆ ที่ตกอยู่ในอิทธิพลของชางหมางพ่ายต่างก็รู้สึกประหลาดใจไปตามๆ กัน

แน่นอนว่าบางคนก็สามารถจะคาดเดาได้จากข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ที่รั่วไหลออกไปเมื่อเร็วๆ นี้

“ข้าได้ยินมาว่า ชางหมางพ่ายกำลังรวมตัวกันทั้งหมด เพื่อไปช่วยตี้จิ่วจื้อจุน (ผู้ยิ่งใหญ่อันดับเก้า) ของพวกมัน!”

“ตี้จิ่วจื้อจุนมาจากโลกที่ถูกทำลายไปโดยอาณาจักรเทพและอาณาจักรมาร มันต้องการล้างแค้น และชางหมางพ่ายก็กำลังจะไปช่วยมัน!”

“พวกมันกำลังจะไปทำสงครามกับอาณาจักรเทพและอาณาจักรมาร?

นี่…นี่ ตี้จิ่วจื้อจุนผู้นี้เกลี้ยกล่อมพวกมันให้กระทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?”

แม้ในขณะที่คนทั้งหมดกำลังหมุนคว้างด้วยความตกตะลึง ผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้ก็ปรากฏตัวขึ้นมาจากสำนักต่างๆ พวกมันบินออกมาอยู่เบื้องหน้ากองทัพขนาดใหญ่ นั่งลงขัดสมาธิเพื่อเฝ้ารอคอย

เจ้าสำนักอยู่ในท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านี้ ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดและน่ากลัว ขณะที่นั่งอยู่ตรงเบื้องหน้าตี้อีจง

จินหยุนซาน ซาจิ่วตงและเซียนไป๋อู้เฉินต่างก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน พลังของพวกมันทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวรอบๆ บริเวณนั้นต้องสั่นสะเทือนไปมา

เห็นได้ชัดว่าชางหมางพ่ายได้ทุ่มเทกำลังทั้งหมดออกมา

ช่างเป็นภาพที่น่าตกใจนัก จนทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความว่างเปล่าไร้ขอบเขตต้องสั่นสะท้าน เสียงพูดคุยกระจายออกไปทั่วทั้งใกล้และไกล เสียงหอบหายใจด้วยความตื่นตระหนกได้ยินอยู่ทั่วทุกที่

โลกนับไม่ถ้วนเลือกที่จะปิดผนึกตัวเองไว้ กระแสน้ำวนจำนวนมากมืดสลัวลงไป ไม่มีใครต้องการมาเข้าร่วมกับความขัดแย้งอันโหดร้ายนี้

เวลาผ่านไป และคนทั้งหมดก็เฝ้ารอคอยอย่างเงียบๆ ทันใดนั้นเสียงกู่ร้องอันทรงพลังก็ปกคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ขณะที่กิ้งก่ายักษ์ปรากฏตัวขึ้น มันมีขนาดใหญ่เท่ากับดินแดนกว้างใหญ่ทั้งปวง และก่อนที่จะทันได้ใกล้เข้ามา แรงกดดันอันแข็งแกร่งก็กดทับลงมา ทำให้คนทั้งหมดต้องสั่นสะท้าน เจ้าสำนักลืมตาขึ้นในทันที และยืนขึ้นมาอย่างช้าๆ

จินหยุนซานและคนอื่นๆ มองไปด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย และจิตใจที่สั่นสะท้าน เมื่อตระหนักว่าที่กำลังยืนอยู่บนศีรษะของกิ้งก่ายักษ์ก็คือ…เมิ่งฮ่าว

กิ้งก่ายักษ์ทำให้คนทั้งหมดเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างรุนแรง และคนที่กำลังยืนอยู่บนศีรษะของมัน ก็ทำให้จิตใจพวกมันต้องเต็มไปด้วยความเกรงกลัวจากความรู้สึกของเหนือสูงสุด

เมื่อกิ้งก่ายักษ์เข้ามาใกล้ เสียงแผดร้องคำรามก็ดังก้องออกมาจากด้านหลังมัน ขณะที่ปลวกขนาดใหญ่ปรากฏตัวขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีขนาดที่เล็กกว่ากิ้งก่า แต่กลิ่นอายที่กระจายออกมาจากร่างมันก็น่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด

ต่อจากปลวกยักษ์ก็เป็นศีรษะขนาดใหญ่ ลอยมาพร้อมกับสีหน้าอันดุร้าย ดูคล้ายกับเป็นศีรษะของชายชรา ดูน่าเกรงขามโดยที่ไม่ต้องมีโทสะ กระจายเป็นระลอกคลื่นของขั้นสูงสุดเก้าแก่นแท้อันน่ากลัวออกมา

“เสินอี้เหลาจู่!” (ปรมาจารย์กิ้งก่าเทพ)

“ไป๋เซียนอี่เซิ่ง!!” (เซียนขาวปลวกศักดิ์สิทธิ์)

“ยังมีเหยีนกู่หลูจู๋!!” (ชนเผ่ากระโหลกโบราณ)

เจ้าสำนักและคนอื่นๆ ต่างก็สั่นสะท้านไปโดยสิ้นเชิง แต่ละคนเคยได้ยินเรื่องของสิ่งมีชีวิตทั้งสาม และรู้ว่าพวกมันบรรลุถึงขั้นสูงสุดเก้าแก่นแท้มานานมากแล้ว

ในตอนนี้เองที่ผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้จากตี้จิ่วจงต้องสูดหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำให้กับเมิ่งฮ่าว

“ขอคารวะจักรพรรดิอสูร!”

ขณะที่ท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวสั่นสะเทือน เจ้าสำนัก จินหยุนซาน ซาจิ่วตง และเซียนไป๋อู้เฉิน รวมทั้งผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้คนอื่นๆ ต่างก็ประสานมือและโค้งตัวลง

“ขอคารวะจักรพรรดิอสูร!” จากนั้นศิษย์ทั้งหมดจากสำนักต่างๆ ก็ประสานมือและโค้งตัวลง เสียงของพวกมันทำให้ฟ้าสะท้านดินสะเทือน

เสียงเหล่านั้นดังก้องออกไป จนผลักดันให้เกิดเป็นพลังขับไล่พุ่งขึ้นมา ซึ่งก็คือปฏิกิริยาจากเจตจำนงแห่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้

เมิ่งฮ่าวมองออกไปยังภาพที่เห็นนี้อย่างเงียบๆ ผ่านไปชั่วขณะ ในที่สุดความเงียบก็ปกคลุมไปทั่ว เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดชายแขนเสื้อออกไปในทันที ทำให้พลังการฝึกตนปะทุออกไป ทันใดนั้นก็พุ่งผ่านระดับเก้าแก่นแท้ และกระจายเป็นความผันผวนแห่งพื้นฐานเต๋าออกมา

ในอาณาจักรพื้นฐานเต๋า ตัวมันเองกลายเป็นแก่นแท้ เพื่อมาแทนที่กฎธรรมชาติ แรงกดดันที่กระจายออกมาจากคนผู้หนึ่ง สามารถจะทำให้จิตใจของสิ่งมีชีวิตทั้งปวงต้องหมุนคว้าง และเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

แต่เหตุการณ์ก็ยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ หลังจากที่ปลดปล่อยพลังการฝึกตนออกไป เมิ่งฮ่าวก็ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปจนคล้ายกับเป็นลมพายุที่ม้วนกวาดไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

“เหนือสูงสุด! นั่นคือ…กลิ่นอายแห่งเหนือสูงสุด!!”

“คาดไม่ถึงว่าตี้จิ่วจื้อจุน…จะอยู่เหนือสูงสุดจริงๆ!!”

“ตำนานเคยกล่าวไว้ว่าผู้ที่อยู่เหนือสูงสุดในท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความว่างเปล่าไร้ขอบเขตนี้มีอยู่แค่สามคนเท่านั้น ชางหมางเหลาจู่ (ปรมาจารย์ไร้สิ้นสุด) คือหนึ่งในกลุ่มคนทั้งสาม แต่ตอนนี้ก็มีอยู่สี่คนแล้ว!!” จวบจนกระทั่งก่อนหน้านี้ ก็มีแต่ผู้ฝึกตนเก้าแก่นแท้เท่านั้นที่ตระหนักถึงระดับเหนือสูงสุดของเมิ่งฮ่าว แต่ตอนนี้เขาไม่ได้พยายามจะปกปิดระดับพื้นฐานฝึกตนของตัวเองไว้ ทำให้ผู้ยิ่งใหญ่เจ็ดแก่นแท้และแปดแก่นแท้ต่างก็ตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง

จักรพรรดิเต๋า ราชันเต๋า และผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าคนอื่นๆ ต่างก็จ้องมองไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้างกันทั้งหมด

ดวงตาของผู้ฝึกตนอาณาจักรโบราณสาดประกายขึ้นด้วยความคลั่งไคล้ และเริ่มร้องตะโกนออกมาอย่างสุดกำลัง แม้แต่ศิษย์ที่ไม่ได้มาจากตี้จิ่วจงก็เต็มไปด้วยความหลงใหลเช่นเดียวกัน

แน่นอนว่าตี้จิ่วจงคือสำนักของเมิ่งฮ่าว และพวกมันก็สั่นสะท้านไปโดยสิ้นเชิง เสียงร้องตะโกนของพวกมันทำให้สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน และผู้ฝึกตนจากโลกที่ถูกปราบพิชิตมานานหลายร้อยปีต่างก็ยอมรับความพ่ายแพ้ไปโดยสิ้นเชิง

“จักรพรรดิอสูร!”

“จักรพรรดิอสูร!!”

“จักรพรรดิอสูร!!!”

เสียงตะโกนและแผดร้องคำรามนับไม่ถ้วน เริ่มดังก้องออกมาจากตี้จิ่วจงไปจนถึงตี้อีจง คนทั้งหมด สิ่งมีชีวิตทั้งปวงต่างก็คุกเข่าลงไปโขกศีรษะ!

แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้ก็ยังต้องกระทำเช่นเดียวกัน ความคลั่งไคล้ของกลุ่มฝูงชนพลุ่งพล่านขึ้นมา ปลวกยักษ์และศีรษะขนาดใหญ่มองมาด้วยสีหน้าเคารพและจงรักภักดี กิ้งก่าชราสั่นสะท้านไปทั้งร่าง

สำหรับคนทั้งหมดและทุกสิ่งทุกอย่างในที่แห่งนี้ เมิ่งฮ่าวคือผู้ที่ได้รับความเคารพอย่างสูงสุด

สวรรค์ทั้งปวงและปฐพีทั้งหลายต่างก็คงอยู่เพื่อเขา!

เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่น พลังพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว หลังจากที่ผ่านไปนานสักพักก็พูดขึ้นมา และคำพูดเหล่านั้นก็คล้ายกับเป็นกฎธรรมชาติที่ทำให้สวรรค์ต้องสั่นสะท้าน

“ขอบคุณมากท่านทั้งหลาย ตอนนี้ข้าอยากจะขอความช่วยเหลือจากพวกท่าน โปรดติดตามข้า…กลับไปบ้าน ซึ่งเป็นโลกที่ถูกผนึกโดยสามสิบสามสวรรค์, ผีเสื้อขุนเขาทะเล!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version