ตอนที่ 1556
ขุนเขาทะเลที่แข็งแกร่งมากที่สุด
พันธมิตรเป็นจิตวิญญาณ เวทผนึกเป็นโครงกระดูก และขุนเขาทะเลก็เป็นเลือดเนื้อ!
หลักการแห่งพันธมิตรผู้ผนึกอสูร ก็เหมือนกับหลักการของเมิ่งฮ่าว ด้วยการปฏิบัติตามหลักการเช่นนั้น ทำให้เขากลายเป็นเส้าจู่ (นายน้อย) แห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล ในตอนที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรผู้ผนึกอสูร เขาก็ถูกยอมรับในฐานะที่เป็นราชันแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเลในอนาคต
อาณาจักรขุนเขาทะเลรูปแบบแรกถูกสร้างขึ้นมาโดยจิ่วเฟิง ซึ่งถูกทิ้งไว้ให้กับพันธมิตรผู้ผนึกอสูรในฐานะที่เป็นมรดกของท่าน ตอนนี้เมิ่งฮ่าวกำลังใช้มรดกนั้นสร้างเป็นอาณาจักรขุนเขาทะเลแห่งใหม่ขึ้นมา
ใครก็ตามที่กลายเป็นราชันขุนเขาทะเล ก็จะเป็นผู้สืบทอดแห่งพันธมิตรผู้ผนึกอสูรด้วยเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นใครก็ตามที่ต้องการจะกลายเป็นราชันแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล ก็ต้องเรียนรู้และใช้เก้าเวทผนึกออกมาได้ทั้งหมด
สำหรับการอยู่เหนือสูงสุด…ก็ขึ้นกับโชควาสนาส่วนตัวของแต่ละคนแล้ว
เมิ่งฮ่าวมองไปยังขุนเขาทะเลที่ห้าเป็นเวลานาน จากนั้นก็ขยับมือขวาร่ายเวทอย่างรวดเร็ว พลังเหนือสูงสุดปะทุออกมา ทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวต้องสั่นสะท้าน เมื่อเมิ่งฮ่าวชี้นิ้วออกไป ดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยแสงอันลึกล้ำ
“ขุนเขาทะเลที่หก!”
“ในนามของข้า, เมิ่งฮ่าว ด้วยเวทผนึกรุ่นที่หก เวทเป็นตาย จงกลายเป็นขุนเขาทะเลที่หก นับจากนี้ไป…เจ้าคือขุนเขาทะเลเป็นตาย รับผิดชอบการลงทัณฑ์ที่อยู่ในอาณาจักรขุนเขาทะเล!”
“ผู้ฝึกตนในขุนเขาทะเลแห่งนี้สามารถจะฝึกฝนเวทเป็นตายของข้า และได้รับความรู้แจ้งแห่งแก่นแท้ของความเป็นและความตาย นับจากนี้ไปเวทผนึกนี้จะถูกเรียกว่าเวทผนึกที่หกแห่งขุนเขาทะเล!”
เสียงเมิ่งฮ่าวกลายเป็นกฎธรรมชาติที่มีตัวตนขึ้นมา สัญลักษณ์เวทปรากฏขึ้นด้วยความปั่นป่วนวุ่นวาย กระจายเป็นพลังแห่งชีวิตและความตายออกมา ก่อตัวเข้าด้วยกันเพื่อกลายเป็นเค้าโครงร่างของขุนเขาทะเลที่หก จากนั้นก็เริ่มดูดกลืนเศษซากปรักหักพังที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นเข้าไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งเริ่มมองเห็นขุนเขาทะเลที่หกขึ้นมา
ขณะที่มันตกลงมารวมเข้ากับขุนเขาทะเลอีกห้าแห่ง กลิ่นอายสีดำและขาวปรากฏขึ้นที่ด้านบน ตอนแรกก็มองเห็นความแตกต่างระหว่างสีดำและสีขาวได้อย่างชัดเจน แต่ขณะที่มันหมุนวนไปมาและรวมเข้าด้วยกัน ก็กลายเป็นสีเทาไป จากนั้นสีดำและสีขาวก็แยกออกจากกันอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
ราวกับว่าความแตกต่างระหว่างความเป็นและความตาย ถูกแยกออกจากกันอย่างเด่นชัดอยู่ภายในขุนเขาทะเลที่หกแห่งนี้ เป็นความเป็นและความตายที่เหมือนกับขุนเขาทะเลที่สี่ แต่ก็แตกต่างกันเป็นอย่างมากด้วยเช่นกัน
นั่นเป็นเพราะว่าความเป็นและความตายนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลงทัณฑ์ ซึ่งจะมีผลกระทบกับอาณาจักรขุนเขาทะเลทั้งปวง ใครก็ตามที่ฝึกฝนเวทนี้ก็จะต้องพบเจอกับทัณฑ์สวรรค์ นอกจากนั้นใครก็ตามที่ทำความผิด ก็จะต้องถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ การลงโทษเช่นนี้เหมือนกับเป็นใบมีดที่ยกสูงขึ้นไปจนกลายเป็นกฎธรรมชาติ ทุกสิ่งทุกอย่างจะกลายเป็นกฎธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นแทนที่จะบอกว่าขุนเขาทะเลที่หกคือศูนย์รวมของการลงทัณฑ์ ก็น่าจะถูกต้องมากกว่าถ้าจะกล่าวว่ามันคือกฎธรรมชาติ!
ใครก็ตามที่กลายเป็นราชันแห่งขุนเขาทะเลนี้ ก็จะสามารถควบคุมพลังแห่งการลงทัณฑ์ และถูกบังคับให้ต้องปฏิบัติตามกฎธรรมชาติ
ขณะที่ขุนเขาทะเลปรากฏขึ้น เสียงกระหึ่มก็ดังก้องออกไป อาณาจักรขุนเขาทะเลแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง ราวกับว่ามีความแข็งแกร่งและยืดหยุ่นมากขึ้น และตอนนี้ก็อยู่ในขั้นเริ่มต้นเท่านั้น
โดยไม่หยุดชะงักลงแม้แต่น้อย เมิ่งฮ่าวพูดขึ้นมาอีกครั้ง เสียงนั้นดังก้องออกไปคล้ายกับเสียงฟ้าร้องคำราม ทำให้ผู้ฝึกตนอาณาจักรขุนเขาทะเลได้ยินกันไปทั่ว เช่นเดียวกับผู้ฝึกตนแห่งชางหมางพ่าย
“ขุนเขาทะเลที่เจ็ด!”
“ในนามของข้า, เมิ่งฮ่าว ด้วยเวทผนึกรุ่นที่เจ็ด เวทผนึกกรรม จงกลายเป็นขุนเขาทะเลที่เจ็ด นับจากนี้ไป…เจ้าคือขุนเขาทะเลผนึกกรรม รับผิดชอบต่อกรรมทั้งปวงที่อยู่ในอาณาจักรขุนเขาทะเล!”
“ผู้ฝึกตนในขุนเขาทะเลแห่งนี้สามารถจะฝึกฝนเวทผนึกกรรมของข้า และได้รับความรู้แจ้งแห่งแก่นแท้ของกรรม นับจากนี้ไปเวทผนึกนี้จะถูกเรียกว่าเวทผนึกที่เจ็ดแห่งขุนเขาทะเล!”
ทันใดนั้นสัญลักษณ์เวทก็ปรากฏขึ้น และเศษชิ้นส่วนของขุนเขาทะเลก็รวมตัวเข้าด้วยกัน ขุนเขาทะเลที่เจ็ดปรากฏขึ้น พร้อมกับพลังแห่งกรรมอันน่าประหลาดใจ พลังที่ระเบิดออกไปนั้นปกคลุมไปยังพลังจากอีกหกขุนเขาทะเลในทันที แต่ก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบกริบลง ราวกับว่าการระเบิดขึ้นของกรรมนั้นได้กลายเป็นร่างแหที่ปกคลุมไปทั่วทั้งอาณาจักรขุนเขาทะเล
เวทผนึกที่เจ็ด เวทผนึกกรรม เป็นเวทที่เมิ่งฮ่าวใช้มาโดยตลอดในช่วงการฝึกฝนตนเอง และเป็นเวทที่ลึกลับมากที่สุดด้วยเช่นกัน มีกรรมเกิดขึ้นอยู่ทั่วทุกที่ในฟ้าดินแห่งนี้ คล้ายกับเป็นวัฏจักรที่มีจุดเริ่มต้นอันเนื่องมาจากเหตุ และมีบั้นปลายที่กลายเป็นผล แน่นอนว่าทั้งสองส่วนนี้มีการเชื่อมต่อเข้าด้วยกันอยู่ตลอดเวลา
โลกทั้งหมดประกอบขึ้นด้วยกรรม ถึงแม้ว่าโดยปกติแล้วมันจะเป็นสิ่งที่ลี้ลับและมองไม่เห็น แต่ตอนนี้เมิ่งฮ่าวอยู่เหนือสูงสุดแล้ว จึงมีพลังที่จะสร้างกรรมเป็นโครงกระดูกให้กับขุนเขาทะเลที่เจ็ด ตอนนี้ผู้ฝึกตนแห่งขุนเขาทะเลที่เจ็ดจะมีความเชี่ยวชาญในเต๋าแห่งกรรมติดตัวมาตั้งแต่เกิด
ใครก็ตามที่กลายเป็นราชันแห่งขุนเขาทะเลที่เจ็ด ก็จะต้องเข้าใจเวทรุ่นเจ็ดของเมิ่งฮ่าว และสามารถจะปลดปล่อยเป็นพลังที่ฟ้าสะท้านดินสะเทือนออกมาได้
ขุนเขาทะเลทั้งเจ็ดแห่งนี้มีความแตกต่างกันออกไป แต่ก็ทรงพลังและแข็งแกร่งอย่างน่ากลัวทั้งสิ้น ผู้ฝึกตนอาณาจักรขุนเขาทะเลยังคงกราบกรานอย่างต่อเนื่อง และกลุ่มคนมากมายจากกองกำลังแห่งชางหมางพ่ายกำลังหอบหายใจออกมา
แม้แต่วิญญาณของกลุ่มคนนอกคอกที่อยู่ภายในทะเลแห่งเปลวไฟก็ยังต้องสั่นสะท้านอยู่นับไม่ถ้วน
สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้ เป็นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์ เป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อ เป็นสิ่งที่ไม่มีใครเคยพบเห็นมาก่อน
นี่คือธรรมชาติของเหนือสูงสุด
สิ่งที่ข้าต้องการ สวรรค์มิอาจจะไม่มี! สิ่งที่ข้าไม่ต้องการ สวรรค์มิอาจจะมี!
เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดชายแขนเสื้อออกไป และดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า หลังจากที่มองไปยังขุนเขาทะเลที่เจ็ดเป็นครั้งสุดท้าย ก็คิดไปถึงขุนเขาทะเลที่แปด และทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยทำมาจากเมื่อครู่นี้
“ขุนเขาทะเลที่แปด!” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้น ทันใดนั้นอาณาเขตแห่งหนึ่งในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวก็เริ่มบิดเบี้ยวไปมา
เมิ่งไว่กงรู้สึกตื่นเต้นมากที่สุด กำลังมองออกไปยังสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ซึ่งท่านไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นมาอย่างแท้จริง ท่านไม่เพียงแต่จะมองเห็นอาณาจักรขุนเขาทะเลได้อีกครั้งเท่านั้น ยังสามารถจะมองไปยัง…ขุนเขาทะเลที่แปดได้อีกครั้งด้วยเช่นกัน
ปฏิกิริยาของท่านก็เหมือนกับของตี้จ้าง ในตอนที่มองเห็นขุนเขาทะเลที่สี่ ท่านแหงนหน้าขึ้นไปและหัวเราะเป็นเสียงดังก้อง หยดน้ำตาแห่งความดีใจไหลลงมานองหน้า
“ในนามของข้า, เมิ่งฮ่าว ด้วยเวทผนึกรุ่นที่แปด เวทผนึกร่างกายจิตใจ จงกลายเป็นขุนเขาทะเลที่แปด นับจากนี้ไป…เจ้าคือขุนเขาทะเลร่างกายจิตใจ รับผิดชอบความว่างเปล่าที่อยู่ในอาณาจักรขุนเขาทะเล!”
“ผู้ฝึกตนในขุนเขาทะเลแห่งนี้สามารถจะฝึกฝนเวทผนึกร่างกายจิตใจของข้า และได้รับความรู้แจ้งแห่งแก่นแท้ของร่างกายและจิตใจ นับจากนี้ไปเวทผนึกนี้จะถูกเรียกว่าเวทผนึกที่แปดแห่งขุนเขาทะเล!”
และจากนั้นขุนเขาทะเลที่แปดก็ปรากฏขึ้นโดยสมบูรณ์!
แสงอันไร้ขอบเขตพุ่งขึ้นไป ตามมาด้วยภาพทับซ้อนนับไม่ถ้วน ทันใดนั้นความว่างเปล่าที่อยู่รอบๆ ขุนเขาทะเลที่แปด จู่ๆ ก็แน่นิ่งไม่ไหวติงไปโดยสิ้นเชิง
นี่คือเวทรุ่นแปดของเมิ่งฮ่าว ซึ่งเป็นเวทผนึกอสูรที่เคยเรียนรู้มาเป็นอันดับแรก คอยติดตามเป็นเพื่อนตนเองมาตลอดทั้งชีวิต และถูกใช้ในการต่อสู้มามากมายหลายครั้ง มักจะทำให้เมิ่งฮ่าวได้เปรียบจนน่าตกใจ ทำให้เขาสามารถจะพลิกสถานการณ์ในการต่อสู้ได้
ในแง่ของประโยชน์การใช้งานแล้ว ก็ไม่ได้น้อยไปกว่าเวทผนึกกรรมแต่อย่างใด
เมิ่งฮ่าวมีความผูกพันกับเวทรุ่นแปดนี้เป็นอย่างยิ่ง เช่นเดียวกับที่รู้สึกผูกพันต่อขุนเขาทะเลที่แปด ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของตระกูลมารดาตนเอง และเป็นสถานที่ที่มารดาเรียกว่าบ้าน รวมทั้งเป็นสถานที่ที่เมิ่งไว่กงเป็นราชันขุนเขาทะเลอีกด้วย
จึงรู้สึกถูกใจเป็นอย่างยิ่งที่เวทรุ่นแปดได้กลายเป็นโครงกระดูกให้กับขุนเขาทะเลที่แปดแห่งใหม่นี้
ด้วยเวทผนึกร่างกายจิตใจ ผู้ฝึกตนจากขุนเขาทะเลที่แปดสามารถจะควบคุมแก่นแท้แห่งความว่างเปล่า นอกจากนั้นก็สามารถจะจัดการความว่างเปล่าในรูปแบบต่างๆ ซึ่งยากจะพบเห็นในอาณาจักรขุนเขาทะเลทั้งปวง
เนื่องจากความสามารถในการควบคุมพลังเช่นนั้นได้ ทำให้พวกมันต้องรับผิดชอบต่อการปกป้องอาณาจักรขุนเขาทะเล มันคือเต๋าแห่งความว่างเปล่า ซึ่งเป็นสิ่งที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขต
ใครก็ตามที่เป็นราชันแห่งขุนเขาทะเลที่แปด ก็จะมีศักดิ์ฐานะที่สูงส่งเป็นอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่จะมีศักดิ์ศรีเทียบเท่ากับราชันขุนเขาทะเลอื่นๆ ทั้งหมดเท่านั้น ด้วยการควบคุมพลังแห่งความว่างเปล่าได้ ทำให้ไม่จำเป็นต้องใส่ใจต่อสิ่งอื่นๆ ทั้งหมด
ผู้ฝึกตนแห่งขุนเขาทะเลที่แปดกำลังพลุ่งพล่านขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น เลียนแบบเมิ่งไว่กงด้วยการร้องตะโกนออกไปจนสุดเสียง
ตอนนี้อาณาจักรขุนเขาทะเลเสร็จสิ้นสมบูรณ์ไปแล้วเก้าในสิบส่วน ขุนเขาทะเลที่แปดลอยสูงขึ้นไป กระจายเป็นแสงอันเจิดจ้าออกมา ขุนเขาทะเลทั้งปวงแตกต่างกันออกไป ในฐานะที่เป็นผู้ฝึกตนจากขุนเขาทะเลแต่ละแห่ง เมื่อต้องมาเปรียบเทียบกันเอง ก็เป็นเรื่องยากที่จะตัดสินได้ว่าใครเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุด
นั่นเป็นเพราะว่าพวกมันต่างก็มีความแข็งแกร่ง ต่างก็เป็นส่วนสำคัญของอาณาจักรขุนเขาทะเลทั้งปวง
ขุนเขาทะเลแรกควบคุมจุดเริ่มต้นและสิ้นสุด รวมทั้งเป็นต้นกำเนิดของทุกสรรพสิ่ง ขุนเขาทะเลที่สองควบคุมสิ่งที่เป็นความจริงและความเท็จ รวมทั้งสามารถจะสะสางเจตนาอันชั่วร้ายที่อยู่จิตใจของผู้ฝึกตนทั้งปวงได้ ขุนเขาทะเลที่สามมีพลังแห่งอดีตและปัจจุบัน รวมทั้งความสามารถในการจัดการห้วงกาลเวลา โดยที่แทบจะไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงขุนเขาทะเลที่สี่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของนรกโลกันตร์และวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ ที่สำคัญมากที่สุดก็คือขุนเขาทะเลที่ห้า ซึ่งเป็นแกนกลางของอาณาจักรทั้งหมด เป็นสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับธาตุทั้งห้าซึ่งมีความสำคัญมากที่สุด เป็นพื้นฐานของการฝึกตนทั้งปวง
ขุนเขาทะเลที่หกควบคุมชีวิตและความตาย มีหน้าที่ลงทัณฑ์ไปทั่วทั้งอาณาจักร จากนั้นก็เป็นขุนเขาทะเลที่เจ็ด ซึ่งเต๋าแห่งกรรมถูกกำหนดให้กลายเป็นกฎธรรมชาติทั้งปวง
ยังมีขุนเขาทะเลที่แปดอีกด้วย แต่…มังกรไร้หัวก็ไม่ใช่มังกร และอาณาจักรขุนเขาทะเลก็เป็นเช่นเดียวกัน
อาณาจักรขุนเขาทะเลต้องการ…ขุนเขาทะเลแห่งหนึ่งที่แข็งแกร่งมากกว่าแห่งอื่นๆ ทั้งหมด จำเป็นต้องมีสัญลักษณ์ ผู้นำ ที่มีพลังสูงสุดในท่ามกลางขุนเขาทะเลอื่นๆ ซึ่งไม่หวั่นไหวต่อเส้นทางที่แท้จริง
ถ้าขุนเขาหรือทะเลใดๆ ต้องการทรยศอาณาจักร ก็จะเป็นการบังคับให้มันต้องปลดปล่อยพลังออกมา เพื่อทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลับมาสมดุลเหมือนเดิม
นั่นคือพลังที่ไม่อาจจะส่งมอบให้กับใครคนใดคนหนึ่ง แต่จะถูกวางอยู่ที่…ขุนเขาทะเลที่เก้า
ย้อนกลับไปในตอนที่ขุนเขาทะเลตกอยู่ในห้วงสงคราม ขุนเขาทะเลที่เก้ายืนหยัดต่อต้านอยู่ท้ายสุด เป็นปราการป้องกันด่านสุดท้าย ซึ่งเป็นสถานที่ที่กลายเป็นผีเสื้อขุนเขาทะเลด้วยเช่นกัน และตอนนี้บิดามารดาเมิ่งฮ่าวก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่กลายเป็นปีกทั้งสองข้างของมัน
เหตุการณ์ที่วิกฤตและสำคัญมากที่สุดในสงครามเมื่อสองพันปีก่อน ได้เกิดขึ้นในที่แห่งนั้น!
ถ้าเหตุผลนั้นไม่อาจจะทำให้ขุนเขาทะเลที่เก้าสมควรที่จะกลายเป็นสถานที่ที่แข็งแกร่งมากที่สุด ก็ยังมีอีกสองเหตุผลที่มีความสำคัญไปมากกว่านั้น
มันคือสถานที่ที่เมิ่งฮ่าวถือกำเนิดขึ้นมา และเป็นสถานที่ที่เขาถือว่าเป็นบ้านของบรรพชนตนเองด้วยเช่นกัน!
ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวสั่นสะเทือน และสายฟ้าก็บดขยี้ลงมา ทุกสรรพสิ่งบิดเบี้ยวไปมา ขณะที่สีสันแวบขึ้นไปทั่วทุกที่ ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และเลื่อนสายตาจ้องมองไปยังจุดที่ว่างเปล่าซึ่งอยู่ด้านหลังขุนเขาทะเลที่แปด
“ขุนเขาทะเลที่เก้า…คือบ้านเกิดข้า…” เมิ่งฮ่าวเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา