Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1558

ผนึกสวรรค์ สยบมาร สะท้านเทพ ภาค 10

มองดูทะเลกลายเป็นสวนต้นหม่อน

ตอนที่ 1558

สงบสุข

เมิ่งฮ่าวยื่นมือขวาออกไป และอาณาจักรขุนเขาทะเลอันยิ่งใหญ่ก็เริ่มหดตัวเล็กลง จนกระทั่งมีขนาดเท่าฝ่ามือ กระจายเป็นแสงอันเจิดจ้าออกมา

“จักรพรรดิอสูร!” ยากที่จะบอกได้ว่าใครเป็นคนร้องตะโกนขึ้นมาก่อน และเริ่มคุกเข่าลงไปโขกศีรษะเป็นคนแรก

แต่ในที่สุดทั่วทั้งกองกำลังผู้ฝึกตนจากชางหมางพ่ายก็คุกเข่าลงไป สั่นสะท้านไปโดยสิ้นเชิง จากการที่ได้เห็นเมิ่งฮ่าวสร้างของวิเศษเหล่านี้ขึ้นมาด้วยสองตาของตนเอง

“จักรพรรดิอสูร!!”

“จักรพรรดิอสูร!!!”

ไม่ใช่เพียงแต่พวกมันเท่านั้น ผู้ฝึกตนอาณาจักรขุนเขาทะเลต่างก็ร้องตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นกันทั้งหมด จนกระทั่งคำว่าจักรพรรดิอสูรดังก้องออกไปอย่างไม่รู้จบ

ขณะที่ผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนกราบกรานสักการะด้วยความคลั่งไคล้ เมิ่งฮ่าวก็หันหน้ามองไปยังผีเสื้อขุนเขาทะเล รวมทั้งบิดามารดาและสวี่ชิงด้วย

สายตาอันอบอุ่น จากนั้นก็ก้าวเดินตรงไปยังทิศทางนั้น

เมิ่งฮ่าวเข้าไปใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งไปอยู่บนผีเสื้อขุนเขาทะเล สิ่งแรกที่กระทำก็คือคุกเข่าโขกศีรษะให้กับบิดาและมารดา

“เตีย เหนียง ไหเอ๋อร์ (คำแทนตัวเองของเด็กๆ) กลับมาแล้ว!” เมิ่งฮ่าวกล่าว หยดน้ำตาเอ่อล้นอยู่ในดวงตา ฟางซิ่วเฟิงยืนสั่นสะท้านอยู่ที่นั่น และเมิ่งลี่ก็รีบฉุดดึงให้เมิ่งฮ่าวลุกขึ้นมา เขากำลังจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่บิดาก็คว้าจับไปที่ไหล่ และดันให้ไปอยู่ที่เบื้องหน้าสวี่ชิง เมิ่งลี่จ้องมองไปยังสามีในทันที

“เด็กผู้นี้ทุกข์ทรมานกว่าพวกเรามากนัก…” ฟางซิ่วเฟิงกล่าวขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา

สวี่ชิงยิ้มให้ เป็นรอยยิ้มที่ห่วงใยและอบอุ่น ซึ่งประกอบด้วย…อารมณ์ความรู้สึกอันลึกล้ำ

คนทั้งสองมองดูซึ่งกันและกันเป็นเวลานาน ก่อนที่เมิ่งฮ่าวจะก้าวเดินตรงไป และโอบกอดนางไว้ในอ้อมแขนอย่างแนบแน่น นางสั่นสะท้านสวมกอดกลับมา หยดน้ำตาแห่งความดีใจไหลรินอาบแก้ม

“ข้ากลับมาแล้ว…” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงแผ่วเบา โอบกอดแนบแน่นราวกับเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของตนเอง นับพันปีมาแล้วที่จิตใจเมิ่งฮ่าวต้องเร่ร่อนไปมาราวกับเป็นคนหลงทาง แต่ตอนนี้ก็สงบลงได้แล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉู่อวี้เยียนไม่สามารถจะทำให้ตนเองได้ นอกจากบิดาและมารดาแล้ว ก็มีแต่สวี่ชิงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะทำให้ตนเองรู้สึก…

สงบสุข

ผู้ฝึกตนอื่นๆ แห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล ติดตามเมิ่งฮ่าวกลับเข้าไปในโลกของผีเสื้อขุนเขาทะเล ตรงด้านบนขึ้นไป ไม่มีสามสิบสามสวรรค์อีกต่อไป มีแต่ทะเลแห่งเปลวไฟเท่านั้น กำลังลุกไหม้อย่างต่อเนื่อง เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องของวิญญาณแห่งกลุ่มคนนอกคอก

สำหรับกองกำลังจากชางหมางพ่าย พวกมันตั้งกระโจมพักแรมอยู่ตรงด้านนอก คอยทำตัวเป็นผู้คุ้มกัน ถ้าไม่มีคำสั่งจากเมิ่งฮ่าว พวกมันก็จะไม่จากไป และไม่ได้ติดตามเข้าไปในผีเสื้อขุนเขาทะเลด้วยเช่นกัน

ทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวในตอนนี้เงียบสงบ

เป็นความสงบสุข และความยินดีมากที่สุดของเมิ่งฮ่าวในรอบหนึ่งพันปีที่ผ่านมา ในที่สุดเขาก็สามารถใช้เวลาร่วมกับบิดามารดาและสวี่ชิง คนทั้งหมดกลับไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งผีเสื้อขุนเขาทะเล ซึ่งสวี่ชิงได้บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในตอนที่เมิ่งฮ่าวหายตัวไป และเขาก็มีความสุขกับช่วงเวลานี้เป็นอย่างมาก

เขาไม่บังคับให้ผู้ฝึกตนขุนเขาทะเล และชางหมางพ่ายไล่ตามอาณาจักรเทพและอาณาจักรมารไป เขารู้ว่ากองกำลังอันแข็งแกร่งทั้งสองนั้นจะต้องมาหาตนเองอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงตัดสินใจที่จะเฝ้ารอคอยการมาถึงของพวกมัน

เขาอาศัยอยู่บนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ไม่รับแขกใดๆ ทั้งสิ้น เลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายเพื่อมองดูดวงอาทิตย์ขึ้นและตกอย่างมีความสุข บิดามารดาก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างยิ่งที่เห็นเมิ่งฮ่าวเป็นเช่นนี้

สำหรับผู้ฝึกตนแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเลต่างๆ พวกมันใช้เวลาในการเตรียมตัวอพยพเคลื่อนย้าย นอกจากนี้เมิ่งฮ่าวก็ได้สร้างบ้านใหม่ให้กับคนทั้งหมดแล้ว

ไม่เพียงแต่ผู้ฝึกตนเท่านั้นที่จะต้องเคลื่อนย้ายออกไป มนุษย์ธรรมดาก็เช่นเดียวกัน รวมทั้งสิ่งมีชีวิตในรูปแบบอื่นๆ และมรดกต่างๆ ก็จำเป็นต้องเตรียมการเพื่อที่จะผ่านเข้าไปในอาณาจักรขุนเขาทะเลแห่งใหม่ด้วยเช่นกัน

หลังจากผ่านไปสองสามวัน เมิ่งฮ่าวก็นำสวี่ชิงท่องเที่ยวไปในผีเสื้อขุนเขาทะเล สถานที่แห่งแรกที่คนทั้งสองไปก็คือเยี่ยมเยือนเมิ่งไว่กง และกลุ่มคนที่เหลือของตระกูลเมิ่ง

เนื่องจากเมิ่งไว่กง ทำให้ตระกูลเมิ่งมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันไปทั่วภายในโลกแห่งผีเสื้อขุนเขาทะเล คนทั้งหมดพร้อมทั้งตระกูลฟาง ต่างก็มีศักดิ์ฐานะสูงส่งมากที่สุดในโลกแห่งนี้

สมาชิกของตระกูลที่เมิ่งฮ่าวสั่งสอนและแนะนำเป็นการส่วนตัว ตอนอยู่ในขุนเขาทะเลที่แปดได้กลายเป็นเสาหลักของตระกูลไปแล้วในตอนนี้

เมื่อตระกูลพบว่าเมิ่งฮ่าวและสวี่ชิงกำลังมาเยี่ยม ก็ทำให้เกิดเป็นความปั่นป่วนวุ่นวายขึ้นมา งานเลี้ยงอันยิ่งใหญ่ถูกจัดเตรียมขึ้น และทั่วทั้งตระกูลก็ได้เตรียมต้อนรับเมิ่งฮ่าวอย่างเป็นทางการ

 

แทบจะในทันทีที่สามารถจะมองเห็นเมิ่งฮ่าวได้จากเส้นขอบฟ้า สมาชิกทั้งปวงของตระกูลก็โค้งตัวลง และร้องตะโกนขึ้นโดยพร้อมเพรียงกันจนแทบจะคล้ายกับเสียงฟ้าร้องคำราม

“พวกเราขอน้อมต้อนรับจักรพรรดิอสูรและราชินีอสูร!” ขณะที่เสียงของพวกมันดังก้องออกมา เมิ่งไว่กงก็ยืนอยู่ที่นั่นในกลุ่มฝูงชน ยิ้มด้วยความเบิกบานใจ เมิ่งฮ่าวรีบตรงไปพร้อมกับสวี่ชิง ไม่สนใจศักดิ์ฐานะที่เป็นจักรพรรดิอสูรของตนเองแม้แต่น้อย รีบคุกเข่าโขกศีรษะลงไปโดยไม่ลังเล

“ไว่กง (ท่านตา)…” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อม สวี่ชิงก็คุกเข่าลงไปโขกศีรษะด้วยจิตใจที่สั่นสะท้านเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ใช่เป็นเพราะว่าคนทั้งหมดกำลังก้มศีรษะกับให้ตนเอง แต่เป็นเพราะว่าพวกมันกำลังเรียกนางว่าราชินีอสูร และเป็นครั้งแรกที่นางมาคุกเข่าโขกศีรษะพร้อมกับเมิ่งฮ่าวให้กับญาติคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่บิดามารดาของเขา

นางคล้ายกับเป็นเจ้าสาวเยาว์วัย ที่กำลังคารวะให้กับญาติทางฝั่งสามีด้วยความวิตกกังวลเป็นครั้งแรก

เมิ่งไว่กงหัวเราะเป็นเสียงดังก้อง และรีบพยุงร่างคนทั้งสองให้ลุกขึ้นมายืนอย่างรวดเร็ว หลังจากที่มองดูสวี่ชิง ก็คว้าจับไปที่ไหล่ของเมิ่งฮ่าว

“ดูแลเด็กหญิงนางนี้ให้ดี นางเฝ้ารอคอยเจ้ามานับพันปีแล้ว!” ท่านกล่าวขึ้นอย่างเงียบๆ เมิ่งฮ่าวพยักหน้าและโอบกอดไปรอบเอวสวี่ชิง จนนางเริ่มหน้าแดงขึ้นมา

เมิ่งฮ่าวและสวี่ชิงพักอยู่ในตระกูลเมิ่งเป็นเวลาหลายวัน หลังจากนั้นก็กล่าวคำอำลาจากไป ในตอนนั้นดูเหมือนว่าเมิ่งไว่กงต้องการจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่สุดท้ายแล้วก็หยุดชะงักไป เมื่อเมิ่งฮ่าวเห็นเช่นนี้ก็ถอนหายใจออกมากล่าวว่า

“ไว่กง การล้างแค้นยังไม่เสร็จสิ้น อาณาจักรเทพและอาณาจักรมารจะมาถึงในไม่ช้า หลังจากนั้นความแค้นนี้ก็คงจะสิ้นสุดลง”

ต่อมาเมิ่งฮ่าวก็นำสวี่ชิงไปเยี่ยมเยือนสำนักของตี้จ้าง ซึ่งอยู่ในนรกโลกันตร์ ทันทีที่เมิ่งฮ่าวไปถึง ผู้ฝึกตนทั้งหมดในที่แห่งนั้นก็ตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย

แน่นอนว่าตี้จ้างก็คืออาจารย์ของสวี่ชิง ดังนั้นสำนักนี้ก็เหมือนกับเป็นบ้านเดิมของเจ้าสาว เมื่อนางมองเห็นสามีเดินไปพร้อมกับอาจารย์ จิตใจก็เปี่ยมล้นไปด้วยความยินดี

“พวกมันจะมาถึงเมื่อไหร่? เยาจุนต้าเหริน (ผู้ยิ่งใหญ่จักรพรรดิอสูร) อย่าได้ดูแคลนฝ่ายตรงข้ามจนเกินไปนัก” ตี้จ้างถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด เห็นได้ชัดว่ากำลังพูดถึงอาณาจักรเทพและอาณาจักรมาร

“ใกล้แล้ว แต่ข้าก็ได้คาดเดาเกี่ยวกับสองอาณาจักรนี้ไว้แล้ว คงจะต้องเห็นด้วยสองตาของตนเองถึงจะมั่นใจได้ว่าถูกต้องหรือไม่?”

ตี้จ้างพยักหน้า และจากนั้นก็มองกลับไปยังสวี่ชิง ด้วยสายตาที่อบอุ่น และหันกลับไปมองยังเมิ่งฮ่าวอีกครั้ง หัวเราะออกมาเบาๆ ถึงแม้ว่าจะไม่พูดจาใดๆ แต่ก็เห็นได้ชัดจากสีหน้าว่า ปรารถนาให้คนทั้งสองมีความสุข

คนทั้งสองพักอยู่กับตี้จ้างไม่นานนัก ในที่สุดก็จากไปเพื่อเยี่ยมเยือนเคอจิ่วซือในสำนักเซียนอสูร และมีการต้อนรับเช่นเดียวกับสถานที่อื่นๆ ซึ่งคนทั้งสองไปเยี่ยมเยือน จื่อเซียงก็อยู่ที่นั่นด้วย เมื่อ

นางมองเห็นเมิ่งฮ่าวและสวี่ชิง ก็ต้องถอนหายใจด้วยความรู้สึกอันซับซ้อนออกมา

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางเสียใจต่อเรื่องราวเมื่อในอดีต

นางรู้สึกเสียใจในตอนที่พบกับเมิ่งฮ่าวเป็นครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อนหน้าโน้น ที่ตนเองไม่ได้ทำอะไรเพื่อช่วยสานต่อความรู้สึกดีๆ ที่เกิดขึ้นมา ย้อนกลับไปในตอนนั้นนางได้อุทิศตัวเองให้กับการฟื้นฟูสำนักเซียนอสูรโดยสิ้นเชิง ไม่ยอมปล่อยให้ความสัมพันธ์ระหว่างตนเองและเมิ่งฮ่าวพัฒนาขึ้นมาได้

ดังนั้นนางจึงตัดสินใจที่จะแยกจากเขาไป และตัดการติดต่อที่มีทั้งหมดไป

หลายปีต่อมา นางมักจะมีความรู้สึกอันซับซ้อนขึ้น เมื่อไหร่ก็ตามที่มองเห็นเมิ่งฮ่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นเขาต่อสู้เพื่อปกป้องผีเสื้อขุนเขาทะเลด้วยสองตาของตัวเอง ทำให้จิตใจนางต้องสั่นสะท้านด้วยความรู้สึกอันลึกล้ำ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!