Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1559

ตอนที่ 1559

พบหน้ากัน

ตอนนี้เมิ่งฮ่าวได้กลายเป็นจักรพรรดิอสูรอันยิ่งใหญ่ไปแล้ว จื่อเซียงไม่อาจจะทำอะไรได้นอกจากถอนหายใจ และฝังความขมขื่นไว้ในส่วนลึกของจิตใจเท่านั้น

“ในตอนนั้นข้าไม่ได้คว้าจับไว้ จึงต้องสูญเสียมันไป…ตลอดกาล” จื่อเซียงพึมพำกับตัวเอง จากนั้นก็ก้มศีรษะลงเพื่อน้อมคารวะเมิ่งฮ่าวและสวี่ชิง

เห็นได้ชัดว่าเมิ่งฮ่าวไม่ได้สังเกตเห็นแววตาของนาง คิดแต่เพียงว่าคนทั้งสองเป็นสหายเก่ากันเท่านั้น ไม่ยอมให้นางจัดงานเลี้ยงต้อนรับอย่างเป็น

ทางการ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องถอนหายใจออกมา เมื่อสังเกตเห็นว่านางแก่ชราลงไปมาก แต่สวี่ชิงกลับตรงกันข้าม สามารถจะรู้สึกได้ว่าจื่อเซียงกำลังคิดอะไรอยู่ หลังจากที่มองไปอย่างลึกซึ้งชั่วขณะ สวี่ชิงก็ยิ้มออกมา

ถึงแม้ว่าจื่อเซียงจะเป็นสหายเก่า แต่ก็ยังมีใครบางคนในสำนักเซียนอสูรที่มีความสำคัญต่อเมิ่งฮ่าวมากไปกว่านั้น เขาต้องไปแสดงความเคารพต่อเคอจิ่วซือซึ่งเป็นต้าเกอ (พี่ใหญ่) ของตนเอง

เมิ่งฮ่าวขึ้นไปบนภูเขาซึ่งเป็นสถานที่นั่งเข้าฌานตามลำพังของเคอจิ่วซือเพียงคนเดียว โดยที่สวี่ชิงและจื่อเซียงรอคอยอยู่ตรงเชิงเขาด้วยกัน ขณะที่เคอจิ่วซือออกมาพูดคุยกับเมิ่งฮ่าว จื่อเซียงก็เอ่ยขึ้นว่า

“ยินดีด้วย…”

สวี่ชิงมองไปยังนาง กระพริบตาไปมา และจากนั้นก็ยิ้มให้

บนยอดเขา เคอจิ่วซือยื่นขวดน้ำเต้าสุราให้กับเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็หัวเราะหึๆ เมิ่งฮ่าวมองไปยังเคอจิ่วซือและยิ้มออกมา จากนั้นก็หลับตาดื่มสุราจากขวดน้ำเต้าไปอึกใหญ่

หลังจากที่ผ่านไปชั่วขณะ ก็ลืมตาขึ้นมาและกล่าวว่า “ข้าเห็นอี้ฟู่ (บิดาบุญธรรม) ตรงด้านนอกความว่างเปล่าไร้ขอบเขต”

เคอจิ่วซือยืนอยู่ที่นั่นชั่วขณะ ก่อนที่จะตบมือลงไปบนก้อนศิลาในขณะที่กำลังนั่งลงไป เชื้อเชิญให้เมิ่งฮ่าวมานั่งที่ด้านข้าง และเมิ่งฮ่าวก็นั่งลง

“ลองบอกมา” เคอจิ่วซือกล่าว

เมิ่งฮ่าวค่อยๆ บอกเล่าเรื่องราวในช่วงที่ตนเองอยู่ตรงโลกด้านนอกความว่างเปล่าไร้ขอบเขต ซึ่งคงอยู่ในอีกช่วงเวลาหนึ่ง เคอจิ่วซือรับฟังอย่างเงียบๆ ดื่มสุราจากขวดน้ำเต้าเป็นระยะ เมื่อเมิ่งฮ่าวพูดจบ แววตาของเคอจิ่วซือก็หรี่ปรือไปเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่แล้วก็ประกอบด้วยความทรงจำจากเรื่องราวเมื่อในอดีต

“ในตอนนั้น ข้าเป็นแค่คุณชายที่เอาแต่ใจ เจ้าก็รู้ว่า…ฟู่จวิน (ท่านพ่อ) ในตอนนั้นรู้สึกผิดหวังในตัวข้ามากแค่ไหน แต่ท่านก็ยังคงจัดเตรียมทุกอย่างไว้เพื่อให้ข้ามีชีวิตอยู่ได้ต่อไป นั่นคือลักษณะนิสัยของท่าน ท่านปฏิบัติต่อเจ้าและข้าเท่าเทียมกัน เพราะว่าภายในจิตใจ เราทั้งสองต่างก็เป็นบุตรชายท่าน” เคอจิ่วซือหลับตาลงเพื่อปกปิดหยดน้ำตาที่กำลังเอ่อล้นขึ้นมา คิดไปถึงบิดาและเรื่องราวเมื่อในอดีต

เมิ่งฮ่าวดื่มสุราลงไปคำใหญ่ จากนั้นก็มองออกไปยังที่ห่างไกล รู้สึกราวกับว่าสามารถจะมองเห็นบิดาบุญธรรมของตนเอง ก่อนหน้านี้เขาพยายามจะฟื้นคืนชีพท่านขึ้นมา แต่ถึงแม้ว่าจะมีพลังเหนือสูงสุด ก็ยังคงเป็นเรื่องยากที่จะชุบชีวิตวิญญาณของใครบางคนที่ตายไปเมื่อหลายปีนานมาแล้ว

เมิ่งฮ่าวและเคอจิ่วซือร่ำดื่มสุราร่วมกันบนยอดเขาเป็นเวลาเจ็ดวัน ในที่สุดก็ถึงเวลาที่เมิ่งฮ่าวและสวี่ชิงต้องจากไปแล้ว เคอจิ่วซือยืนอยู่ที่นั่นมองดูคนทั้งสองจากไป จากนั้นก็ดื่มลงไปอีกอึกใหญ่

ผู้ยิ่งใหญ่คนสุดท้ายในผีเสื้อขุนเขาทะเลก็คือผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิด ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ยิ่งใหญ่อี้กู่แห่งสามสิบสามสวรรค์ เมิ่งฮ่าวมองเห็นมันได้จากที่ห่างไกลออกไป มันกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง แน่นิ่งไม่ไหวติงไปโดยสิ้นเชิง

ภารกิจของมันก็คือคอยปกป้องโลกแห่งผีเสื้อขุนเขาทะเล เป็นภารกิจที่เมิ่งฮ่าวทิ้งไว้ในจิตใจมันตอนที่เขาจากไปเมื่อหลายปีก่อน

เมิ่งฮ่าวเดินไปหามัน ยืนอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน ก่อนที่จะพูดขึ้นมาอย่างช้าๆ ว่า

“เจ้าได้สติกลับคืนมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”

ผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิดสั่นสะท้าน จากนั้นก็มองมาอย่างช้าๆ หลังจากที่ผ่านไปนานสักพัก ก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งราวกับว่าไม่เคยได้พูดมานานมากแล้ว

“ห้าร้อยปีก่อน…”

มันเป็นหุ่นเชิดที่จิตใจถูกลบล้างไปแล้ว แต่เมื่อห้าร้อยปีก่อน ก็เริ่มจดจำเรื่องราวต่างๆ ได้ นับจากวันนั้นเป็นต้นมา ถึงแม้ว่าจะยังคงเป็นหุ่นเชิด แต่ก็ตระหนักว่าตนเองเป็นใคร อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่อาจจะจากอาณาจักรขุนเขาทะเลไปได้ มันมองเห็นผู้ฝึกตนขุนเขาทะเลมากมายให้ความเคารพตนเอง เป็นความเคารพจากใจจริง ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่หุ่นเชิดเท่านั้น

มันได้เห็นผู้ฝึกตนมากมายถือกำเนิดและเติบโตขึ้นมาในโลกแห่งผีเสื้อ ทำให้เต็มไปด้วยความรู้สึกที่แปลกๆ และในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะไม่กลับไปยังสามสิบสามสวรรค์ และเลือกที่จะไม่ทรยศต่อผู้ฝึกตนขุนเขาทะเลด้วยเช่นกัน และยังได้พยายามลืมความทรงจำที่ฟื้นคืนกลับมานั้นอีกด้วย

“ตอนนี้เจ้าเป็นอิสระแล้ว” เมิ่งฮ่าวกล่าว ตบไปยังอี้กู่เพื่อปลดปล่อยพันธนาการที่ผูกมัดมันไว้ จากนั้นก็จากไปพร้อมกับสวี่ชิง

ผู้ยิ่งใหญ่อี้กู่สั่นสะท้าน หลังจากที่ผ่านไปชั่วขณะ ก็ลุกขึ้นมายืน แววตาเต็มไปด้วยความงุนงง แต่จากนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว เหลือแต่เพียงความแข็งทื่อ นั่งกลับลงไปเพื่อคอยเป็นยามรักษาการณ์อีกครั้ง

ที่ห่างไกลออกไป สวี่ชิงลังเลชั่วขณะก่อนที่จะถามว่า

“มัน…?”

“มันชดใช้ความผิดไปแล้ว ในตอนนั้นข้าประเมินมันต่ำเกินไป มันเป็นคนฉลาดผู้หนึ่ง” เมิ่งฮ่าวบีบไปที่มือสวี่ชิง และจากนั้นก็ยิ้มออกมา

โลกแห่งผีเสื้อขุนเขาทะเลเต็มไปด้วยเสียงคึกคักวุ่นวาย ขณะที่คนทั้งหมดเตรียมตัวอพยพเคลื่อนย้าย เมิ่งฮ่าวและสวี่ชิงปรากฏตัวขึ้นตรงสถานที่อีกแห่งหนึ่ง หลังจากที่ไปเยี่ยมเยือนกลุ่มคนที่คนทั้งสองรู้จักแล้ว

สวี่ชิงมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง ตราบเท่าที่เมิ่งฮ่าวยังอยู่กับตนเอง โลกทั้งหมดก็กลายเป็นสถานที่อันอบอุ่น นางไม่เรียกร้องต่อเขามากนัก นอกจากนั้นนางก็มีนิสัยส่วนตัวที่เรียบง่ายอยู่แล้ว

คนทั้งสองไปเยี่ยมเยือนสหายและมีความสุขกับการท่องเที่ยว ราวกับว่าไม่เคยรู้สึกเหน็ดเหนื่อยต่อการได้พูดจากับคนอื่นๆ ราวกับว่ามักจะมีสถานที่อีกมากมายที่ต้องการจะไปเยี่ยมเยือน

เมื่อสวี่ชิงมองไปยังเมิ่งฮ่าว ก็เต็มไปด้วยความหลงใหลอย่างลึกล้ำและอบอุ่น ซึ่งจะคงอยู่ต่อไปตราบชั่วชีวิต และตราบชั่วนิรันดร์

“ทนไม่ได้แล้ว ข้าทนไม่ไหวแล้ว!” เจ้าอ้วนกล่าวขึ้น ถอนหายใจออกมา หลังจากที่เมิ่งฮ่าวและสวี่ชิงมาถึงตระกูลของมัน มันก็มองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าสงสารเป็นอย่างยิ่ง

“เมิ่งฮ่าวอา เจ้ามีพื้นฐานฝึกตนที่สูงส่งเช่นนี้แล้ว ยังจะมีภรรยาแค่คนเดียวอีก? นั่นไม่ถูกต้อง! มันไม่มีเหตุผล เจ้าดูข้าสิ ข้ามีภรรยาหลายพันคนอีกครั้งแล้ว และมีบุตรธิดาอีกมากมายด้วยเช่นกัน…” ทันใดนั้นก็ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเริ่มหนาวเย็นลงไปในทันที เจ้าอ้วนสั่นสะท้าน และมองออกไป ก็พบว่าสวี่ชิงกำลังจ้องมองมาด้วยดวงตาที่หรี่เล็กลง จึงตระหนักได้ว่านางคือต้นเหตุของความหนาวเย็นนี้ มันจึงต้องกระแอมไอออกมาอยู่หลายครั้ง

เมิ่งฮ่าวยิ้มและมองไปรอบๆ ยังลูกหลานทั้งหมดของเจ้าอ้วน ในที่สุดคนทั้งสองก็พูดจาเกี่ยวกับเรื่องราวเมื่อในอดีต จากนั้นหวังโหย่วฉายก็มาถึง พร้อมกับไหสุราที่แบกอยู่บนไหล่ นั่งลงไปที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว สวี่ชิง และเจ้าอ้วน กล่าวขึ้นว่า

“ต๋งหู่กำลังมา อีกสักพักก็น่าจะมาถึงแล้ว”

“เรื่องระหว่างเจ้าและมันเรียบร้อยแล้ว?” เมิ่งฮ่าวถามขึ้น

ความขัดแย้งระหว่างหวังโหย่วฉายและต๋งหู่รุนแรงเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็เป็นเรื่องระหว่างคนทั้งสอง และเมิ่งฮ่าวก็ไม่ต้องการจะรับรู้ในรายละเอียดมากนัก

ตอนแรกหวังโหย่วฉายไม่ยอมตอบ แต่หลังจากที่ผ่านไปนานสักพัก ก็ถอนหายใจและกล่าวว่า “ทั้งหมดนั้นกลายเป็นอดีตไปแล้ว…”

ในตอนนี้มันดูแก่ชราเป็นอย่างมาก ทันใดนั้นลำแสงอันเจิดจ้าก็ปรากฏขึ้นตรงด้านบนท้องฟ้า ภายในนั้นเป็นบุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่ง ซึ่งก็คือต๋งหู่

สีหน้ามันเต็มไปด้วยความรู้สึกอันซับซ้อน ขณะที่เดินมานั่งอยู่ที่ด้านข้างเจ้าอ้วนอย่างเงียบๆ เมื่อมองไปยังเมิ่งฮ่าว ก็ยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกโศกเศร้าเสียใจอยู่ลึกๆ ข้างใน

เจ้าอ้วนรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ค่อนข้างจะตรึงเครียด มองไปรอบๆ และกล่าวขึ้นมาในทันที “ยังจำภูเขาต้าชิงได้หรือไม่?”

หวังโหย่วฉายพยักหน้าตอบรับ และดวงตาของต๋งหู่ก็แวบประกายขึ้นด้วยความทรงจำ เมิ่งฮ่าวคิดย้อนกลับไปยังเรื่องราวทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นเมื่อในอดีต สวี่ชิงก็เช่นเดียวกันพร้อมกับยิ้มออกมา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!