ตอนที่ 1560
หวนรำลึกถึงอดีต
คนทั้งหมดสบตากันไปมา และจากนั้นก็เริ่มหัวเราะขึ้น
“เมื่อคิดดูแล้ว ช่างน่าสนุกนัก พวกเราทั้งสี่ไปอยู่บนภูเขาต้าชิงในตอนนั้น ข้า, เสียวหู่ และหวังโหย่วฉาย ต่างก็ถูกสวี่ซือเจี่ย (ศิษย์พี่หญิงสวี่) ลักพาตัวมา…”
เมื่อเจ้าอ้วนพูดมาถึงตอนนี้ก็หัวเราะจนน้ำตาไหล ในที่สุดก็ควบคุมตัวเองและกล่าวต่อไป
“สวี่ซือเจี่ยในตอนนั้นช่างดุร้ายนัก ตอนที่จับตัวข้ามา ท่านรู้หรือไม่ว่าเตียข้าได้จัดเตรียมงานแต่งให้ข้าไว้แล้ว น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้เข้าพิธีวิวาห์ จนกระทั่งถึงตอนนี้ข้ายังไม่รู้เลยว่านางมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร?” เจ้าอ้วนยกขวดน้ำเตาสุราขึ้นมาจ่อที่ริมฝีปากและดื่มลงไป
แก้มสวี่ชิงแดงเรื่อขึ้นเล็กน้อย จ้องมองไปยังเจ้าอ้วนด้วยท่าทางของศิษย์พี่ และกล่าวว่า “เจ้าลืมเรื่องฉี่ราดกางเกง ตอนที่ข้าจับเจ้าไปแล้ว?”
ดวงตาเจ้าอ้วนเบิกกว้างขึ้น จากนั้นก็ฝืนยิ้มออกมา และยกมือขึ้นด้วยท่าทางยอมแพ้
เมิ่งฮ่าวระเบิดเป็นเสียงหัวเราะดังก้องขึ้น และสวี่ชิงก็มีท่าทางเขินอายอยู่เล็กน้อย เมื่อนึกย้อนกลับไปยังเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนยอดเขาต้าชิงในปีนั้น ก็ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน หลายพันปีต่อมาคนกลุ่มเดียวกันนี้ กลับมานั่งดื่มสุราร่วมกันในที่แห่งนี้
นอกจากนั้นสวี่ชิงก็รู้สึกงุนงงอยู่เล็กน้อย ใครจะไปคาดคิดว่าภารกิจที่นางต้องออกไปจากสำนักเพื่อจับเด็กหนุ่มมาสี่คน จะทำให้คนทั้งสี่กลายเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงขึ้นมาทั้งหมดเช่นนี้
แน่นอนว่า ยังมีคนสุดท้ายในท่ามกลางกลุ่มคนทั้งสี่…ซึ่งนางไม่มีทางจะลืมเลือนภาพของนักศึกษาหนุ่มที่ก้มตัวลงไปจากขอบหน้าผา หันหลังให้กับท้องฟ้า ขณะที่หย่อนเส้นเถาวัลย์ลงไปให้กับคนอื่นๆ เวลาเดียวกันนั้นก็ทำให้พวกมันรู้สึกผ่อนคลายด้วยการพูดถึงเกี่ยวกับเซียน
ถ้ามีใครบางคนมาบอกว่าสุดท้ายแล้วตนเองต้องแต่งงานกับนักศึกษาหนุ่มผู้นั้น นางไม่มีทางจะเชื่ออย่างแน่นอน
ต๋งหู่มีสีหน้าแปลกๆ และกำลังจะพูดอะไรบางอย่างขึ้นมา แต่สวี่ชิงก็จ้องมองไปและกล่าวขึ้นว่า
“ต๋งหู่ ข้าจำได้ว่าในตอนนั้น แค่มอบขนมให้หนึ่งชิ้น เจ้าก็ตามข้ามาด้วยความกระตือรือร้นแล้ว”
เมื่อได้ยินดังนี้เจ้าอ้วนก็สำลักจนสุราพ่นกระจายออกจากปาก ต๋งหู่มีท่าทางกระอักกระอ่วนใจอยู่เล็กน้อย ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ออกมา และทำท่ายอมแพ้เช่นเดียวกับเจ้าอ้วน
เมื่อถึงตอนนี้แม้แต่หวังโหย่วฉายที่มีใบหน้าเคร่งขรึมก็ยังต้องดูอ่อนโยนลง ยกขวดน้ำเต้าสุราขึ้นมา หันหน้าไปยังเมิ่งฮ่าวและกล่าวว่า “เมิ่งฮ่าว เจ้ารู้หรือไม่ว่าหลายปีที่ผ่านมา ทำไมข้าถึงได้คิดว่าเจ้าเป็นพี่ชาย?”
“นั่นเป็นเพราะว่าเมื่อข้ากลับบ้านไป เตียบอกว่าเจ้ามาเยี่ยมท่านแล้ว เจ้าบอกท่านว่าข้าออกไปศึกษาเล่าเรียนที่ด้านนอก…ทำให้ท่านผู้เฒ่าไม่ต้องกังวลอีกต่อไป รู้ว่าบุตรชายของตัวเองยังไม่ตายไป” หวังโหย่วฉายดื่มสุราลงไปหนึ่งคำ จากนั้นก็หันหน้าไปทางสวี่ชิง ถึงแม้ว่ามันจะตาบอด แต่ดวงตา
ในจิตใจก็ทำให้ใบหน้าสามารถจะแสดงความรู้สึกออกมาได้อย่างชัดเจน
“สวี่ซือเจี่ย ท่านไม่จำเป็นต้องพูด ข้าขอพูดเอง ในตอนนั้นข้ามองเห็นท่านบินอยู่บนท้องฟ้า จึงร้องตะโกนออกไปว่าต้องการเป็นศิษย์ท่าน ท่านจึงนำตัวข้าไป!” เมื่อพูดจบ หวังโหย่วฉายก็กระแอมไอออกมา
หลังจากที่ได้ยินความหลังของสหายทั้งสาม เมิ่งฮ่าวก็หัวเราะจนเจ็บหน้าอก เขาเพิ่งเคยได้ยินเรื่องราวเช่นนี้เป็นครั้งแรก ในอดีตที่ผ่านมาไม่เคยมีใครจะยินยอมเปิดเผยความจริงด้วยความสบายใจเช่นนี้อย่างแน่นอน
จากนั้นก็คิดย้อนกลับไปในตอนที่คนทั้งหมดร้องตะโกนขอความช่วยเหลือจากภายในถ้ำตรงหน้าผา และตนเองก็หย่อนเถาวัลย์ลงไปให้ ก็ต้องยิ้มออกมา กล่าวว่า
“พวกเจ้าน่าจะขอบคุณข้า ที่ตอนนั้นได้ช่วยเหลือพวกเจ้าไว้…”
เจ้าอ้วนหัวเราะหึๆ “ใช่แล้ว เจ้าฉลาดเป็นอย่างมาก ที่มาช่วยเหลือพวกเราจนต้องถูกจับตัวไปด้วย…ข้ายังจำได้ ตอนนั้นสวี่ซือเจี่ยเคยพูดออกมาคำหนึ่ง เหอะ เหอะ พูดถึงพรสวรรค์อะไรสักอย่าง ตั้งแต่นั้นมาข้าก็พยายามค้นหามัน รวมถึงโชควาสนาของเจ้าด้วย” เจ้าอ้วนเลียนแบบน้ำเสียงของสวี่ชิงในตอนนั้น และคนทั้งหมดก็หัวเราะขึ้นมาในทันที
“ที่มากไปกว่านั้นก็คือว่า หลังจากที่เจ้าเข้าสังกัดสำนักเอกะเทวะ ก็ใช้วิธีการฉ้อโกงบางอย่างจนกลายเป็นศิษย์สายใน ทำให้หวังเถิงเฟยต้องตกหลุมพรางโดยไม่ละอายใจ ยังได้เปิดร้านขายยาให้กับศิษย์ระดับต่ำในเขตต่อสู้ส่วนรวมอีกด้วย แต่ที่น่ารังเกียจมากที่สุดก็คือ เจ้า…เจ้ากลับจัดการสวี่ซือเจี่ยจนอยู่ในกำมืออีกด้วย!” เจ้าอ้วนพูดโพล่งขึ้นมาอย่างหน้าด้านๆ ทำให้สวี่ชิงต้องจ้องมองไปอีกครั้ง แต่ชั่วขณะต่อมานางก็เริ่มหัวเราะขึ้น หัวเราะเป็นอย่างมากจนต้องพิงไปบนร่างเมิ่งฮ่าว เป็นเสียงหัวเราะที่ดังมากที่สุดในรอบหนึ่งพันปีที่ผ่านมาของนาง
เมิ่งฮ่าวจ้องมองไปยังเหล่าสหาย และคำพูดที่เยาะเย้ยเหล่านั้น พวกมันยังคงบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง และใบหน้าสวี่ชิงก็แดงเรื่อขึ้น แต่ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม จนดูเหมือนว่าจะมีความสุขเป็นอย่างมาก
เวลาผ่านไป คนทั้งหมดพูดจาหัวเราะและดื่มร่วมกัน
นึกย้อนกลับไปยังช่วงเวลาเก่าๆ เมื่อในอดีต ในที่สุดสวี่ชิงก็รู้สึกมึนเมาอยู่เล็กน้อย ภายใต้การโน้มน้าวของเจ้าอ้วน หวังโหย่วฉาย และต๋งหู่ ทำให้สวี่ชิงต้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวพร้อมกับขนตาที่สั่นไหวระรัว
เมิ่งฮ่าวกระแอมไอ จากนั้นก็ยอมแพ้ให้กับแรงกดดันนี้ โอบกอดนางไว้ บรรจงจุมพิตนางด้วยความหลงใหล
ต๋งหู่หัวเราะเป็นเสียงดังก้อง และหวังโหย่วฉายที่ปกติแล้วเป็นคนเงียบขรึม ก็ต้องหัวเราะหึๆ
ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เจ้าอ้วนตบไปที่ต้นขาตัวเอง พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งว่า “น่าเสียดายที่ศิษย์พี่เฉินไม่อยู่ด้วย…”
เมิ่งฮ่าวชะงักนิ่งไปชั่วขณะ แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา ตัดสินใจที่จะไม่อธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ กับเฉินฝาน ปล่อยให้จิตใจของเหล่าสหายมีแต่ความทรงจำดีๆ ต่อไป
คนทั้งหมดพูดคุยหัวเราะกันตลอดทั้งคืน ราวกับว่าแรงกดดันที่เคยกดทับลงมานับพันปีค่อยๆ จางหายไปอย่างช้าๆ ในยามดึกสงัดของราตรีนั้น เจ้าอ้วนก่อกองไฟขึ้นมา จากนั้นด้วยความตกตะลึงของเหล่าภรรยาและบุตรหลานของเจ้าอ้วน คนทั้งหมดเริ่มเต้นรำและขับร้องเป็นบทเพลงกันขึ้นมา
เมิ่งฮ่าวไม่ได้ปล่อยตัวปล่อยใจเช่นนี้มานานมากแล้ว บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับตั๋วสัญญา เกี่ยวกับดาวหนานเทียน และเรื่องราวต่างๆ ทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นในตอนที่ยังเยาว์วัย
จนกระทั่งรุ่งอรุณมาเยือน คนทั้งหมดก็เมามายกันถ้วนหน้า
เจ้าอ้วนโอบกอดไปที่ขาของเมิ่งฮ่าว และร้องไห้ออกมา เมื่อพูดถึงภรรยาที่ตายไปทั้งหมดของตัวเอง บอกว่าคิดถึงเมิ่งฮ่าวและบิดามารดาที่ตายไปนานแล้วมากแค่ไหน และในที่สุดมันก็แสดงความยินดีกับเมิ่งฮ่าว ที่สามารถมาอยู่ร่วมกับศิษย์พี่หญิงสวี่ได้อีกครั้ง
ต๋งหู่และหวังโหย่วฉายนั่งมองหน้ากันอย่างเคร่งขรึม ผลัดต่อยกันไปมา หมัดแล้วหมัดเล่ากระแทกลงไป จนกระทั่งร้องไห้ออกมาด้วยกันทั้งคู่ ต่างก็โอบกอดซึ่งกันและกัน
“โหย่วฉายเกอ (พี่โหย่วฉาย) ตอนนั้น…ข้าผิดไปแล้ว…” ต๋งหู่พูดไปร้องไห้ไปด้วย
สวี่ชิงจับแขนเมิ่งฮ่าวไว้จนแน่น ด้วยความวิตกว่าถ้าปล่อยมือไป
เขาก็จะหายตัวไป ใบหน้าเป็นสีแดงเรื่อ และดวงตาก็ดูเลือนลางอยู่เล็กน้อย ขณะที่จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวราวกับว่าเขาเป็นของวิเศษของตนเอง
ทันใดนั้นก็หัวเราะขึ้นมาอย่างโง่งมกล่าวว่า “ข้าชอบท่าน เมิ่งฮ่าว…”
เมิ่งฮ่าวลูบไปที่หลังนางอย่างอ่อนโยน จนกระทั่งดวงตานางปิดลง และหลับใหลอยู่ในอ้อมแขน จากนั้นก็มองไปยังเหล่าสหายและยิ้มออกมา
เป็นไปไม่ได้ที่ผู้ฝึกตนจะเมามาย ยกเว้นว่าพวกมันต้องการจะทำเช่นนั้น แต่ในช่วงเวลาที่พวกมันต้องการจะผ่อนคลายอย่างแท้จริง ไม่ว่าคนผู้นั้นจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน ก็ยังคงเป็นมนุษย์ผู้หนึ่ง…
หลังจากผ่านไปไม่กี่วัน ต๋งหู่ก็จากไป เช่นเดียวกับหวังโหย่วฉาย เจ้าอ้วนส่งคนทั้งสองจากไป ต่อจากนั้นเมิ่งฮ่าวและสวี่ชิงก็จากไปด้วยเช่นกัน ขณะที่คนทั้งสองเดินทางไปทั่วทั้งแผ่นดิน ก็คล้ายกับเป็นคู่เทพเซียนที่เหมาะสมกันอย่างมาก จุดหมายปลายทางต่อไปของคนทั้งสองก็คือหลี่หลิงเอ๋อร์
กระทั่งดวงตานางปิดลง และหลับใหลอยู่ในอ้อมแขน จากนั้นก็มองไปยังเหล่าสหายและยิ้มออกมา
เป็นไปไม่ได้ที่ผู้ฝึกตนจะเมามาย ยกเว้นว่าพวกมันต้องการจะทำเช่นนั้น แต่ในช่วงเวลาที่พวกมันต้องการจะผ่อนคลายอย่างแท้จริง ไม่ว่าคนผู้นั้นจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน ก็ยังคงเป็นมนุษย์ผู้หนึ่ง…
หลังจากผ่านไปไม่กี่วัน ต๋งหู่ก็จากไป เช่นเดียวกับหวังโหย่วฉาย เจ้าอ้วนส่งคนทั้งสองจากไป ต่อจากนั้นเมิ่งฮ่าวและสวี่ชิงก็จากไปด้วยเช่นกัน ขณะที่คนทั้งสองเดินทางไปทั่วทั้งแผ่นดิน ก็คล้ายกับเป็นคู่เทพเซียนที่เหมาะสมกันอย่างมาก จุดหมายปลายทางต่อไปของคนทั้งสองก็คือหลี่หลิงเอ๋อร์
หลี่หลิงเอ๋อร์ เป็นทายาทผู้สืบทอดของไห่เมิ่งจื้อจุน ให้การต้อนรับเมิ่งฮ่าวอย่างเป็นทางการ ใบหน้านางไร้ซึ่งสีหน้าแปลกๆ ใดๆ มีแต่รอยยิ้มที่อบอุ่นเท่านั้น แต่ขณะที่มองดูเขาจากไป ก็อดที่จะคิดไปถึง…คำสัญญาวิวาห์ของคนทั้งสองเมื่อในอดีตอย่างช่วยไม่ได้
“ขอให้พวกท่าน…มีความสุขไปทุกชาติภพ ตราบชั่วกาลนาน” หลี่หลิงเอ๋อร์ก้มศีรษะลงให้กับท้องฟ้า ส่งความปรารถนาดีไปยังเงาร่างของเมิ่งฮ่าวและสวี่ชิงที่ค่อยๆ หลายลับตาไปยังที่ห่างไกล