Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 837

ตอนที่ 837

ผิด? ข้าก็ยังจะทำเช่นนั้น!

ด้านล่างเท้าของแต่ละคนเป็นภูเขา ซึ่งเป็นภูเขายืนยันเต๋าของพวกมันเอง หนึ่งคน (人) หนึ่งภูเขา (山) ซึ่ง…ก็คือเซียน! (仙)

แปดคน แปดเซียน บินขึ้นไปในอากาศ

ทัณฑ์เซียนแท้ ไม่ใช่สิ่งที่จะจางหายไปได้ในที่สุด แต่มันจะยิ่งมีความเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งท้ายที่สุด มันก็จะแข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำลายผู้ฝึกตนใดๆ ก็ตามที่อยู่ในอาณาจักรวิญญาณได้ แม้แต่ผู้ฝึกตนของอาณาจักรเซียน หรืออาณาจักรโบราณ…ก็จะต้องถูกทำลายไปทั้งหมด เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับระดับพลังเช่นนี้!

ข้อสำคัญที่จะเอาชนะภัยพิบัตินี้ได้ก็คือโจมตีไปที่ประตูเซียน!

มีแต่ต้องเปิดประตูนั้นให้ได้เท่านั้น ภัยพิบัติถึงจะกระจายหายไป และเอาชนะได้สำเร็จ

แทบจะในทันทีที่ตานกุ่ยและคนอื่นๆ แปดคนเริ่มบินขึ้นไปพร้อมกับภูเขาของตนเอง กลุ่มหมอกเซียนที่อยู่ด้านบนก็พลุ่งพล่านปั่นป่วน และสายฟ้าแปดสายก็พุ่งลงมา สายฟ้าแต่ละสายมีความหนาเท่ากับแขน และเคลื่อนที่ลงมาด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ประกอบไปด้วยพลังที่สามารถจะกำจัดผู้แข็งแกร่งขั้นสูงสุดค้นหาเต๋าได้อย่างเหลือเฟือ

เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องออกมาจากตำแหน่งของผู้ฝึกตนทั้งแปด พื้นดินสั่นสะเทือนและท้องฟ้าก็ปั่นป่วน อาวุธเวทและความสามารถศักดิ์สิทธิ์ถูกใช้และปลดปล่อยออกมา ผู้ฝึกตนทั้งแปดส่งเสียงกู่ร้องและบังคับให้ตนเองพุ่งผ่านสายฟ้า ขณะที่มุ่งหน้าตรงไปยังประตูแห่งเซียนอย่างต่อเนื่อง

สายตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น ขณะที่ลอยตัวอยู่ที่นั่นในกลางอากาศ เขาสามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่า จากสายฟ้าทั้งแปดสายนั้น ของท่านอาจารย์ตานกุ่ยค่อนข้างจะแตกต่างไปจากคนอื่นๆ

สายฟ้าแต่ละสายเหล่านั้นดูเหมือนจะมีความฉลาดและเป็นตัวของตัวเอง ถึงแม้ว่าในตอนเริ่มต้นพวกมันจะดูเหมือนกัน แต่เมื่อตรวจสอบดูอย่างละเอียดก็เห็นได้ชัดว่ามันมีความแตกต่างกัน

“นั่นคือสายฟ้าหลัก ในขณะที่คนอื่นๆ ทั้งเจ็ดเป็นแค่สายฟ้ารอง!” เมิ่งฮ่าวคิด “ท่านพ่อเคยบอกว่าโชคชะตาเซียนแท้ในครั้งนี้เป็นของท่านอาจารย์ เมื่อดูจากระดับพื้นฐานฝึกตนและประสบการณ์อันมากมายของท่านพ่อแล้ว ท่านคงจะไม่พูดจาส่งเดชไปเช่นนั้นเป็นแน่”

“ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโชคชะตาเซียนแท้ในครั้งนี้ได้เลือกท่านอาจารย์ ดังนั้นสายฟ้าหลักจึงได้ค้นหาท่าน แต่คนอื่นๆ ก็ยังคงมีโอกาสที่จะมาแทนที่ท่านได้!” รังสีสังหารแวบขึ้นมาในดวงตาเมิ่งฮ่าว เขาผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชนในช่วงเวลาที่เป็นผู้ฝึกตน ทำให้มีการตัดสินใจที่รวดเร็วและมีบุคลิกที่โหดเหี้ยมดุร้ายเพิ่มมากขึ้น

เขาไม่รู้จักบุคคลทั้งเจ็ดเหล่านี้ แต่เมื่อพวกมันมาต่อสู้กับท่านอาจารย์เพื่อโชคชะตาเซียนแท้ ก็ทำให้พวกมันคือศัตรูของเมิ่งฮ่าว

เขาแค่นเสียงเย็นชา และรังสีสังหารก็สาดประกายอยู่ในดวงตา บินออกไปและเริ่มมุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางของหนึ่งในชายชรา โคจรหมุนวนปราณเซียนที่อยู่ภายในร่าง ขณะที่เตรียมตัวจะระเบิดการโจมตีออกไป

สูงขึ้นไปในกลางอากาศ ตานกุ่ยกำลังพุ่งตรงขึ้นไปยังประตูเซียน ตามติดมาด้วยผู้ฝึกตนอื่นๆ อีกเจ็ดคน

“ฮ่าวเอ๋อร์ ถอยออกไป!” ท่านตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด “อาจารย์จะต่อสู้เพื่อโชคชะตาเซียนแท้ด้วยตัวเอง ไปยืนที่ด้านล่าง!” แน่นอนว่า ท่านได้รับรู้ถึงการตัดสินใจของเมิ่งฮ่าวในตอนนี้ด้วยเช่นกัน การเข้ามายุ่งเกี่ยวกับทัณฑ์เซียนในครั้งนี้ อาจจะมีผลกระทบต่อเขาในอนาคต ดังนั้นท่านจึงได้สั่งให้เมิ่งฮ่าวถอยออกไป

เมิ่งฮ่าวหยุดชะงักนิ่ง เขาได้ยินถึงความห่วงใยและความเร่งรีบในคำพูดของอาจารย์ และไม่ต้องการจะทำให้ท่านต้องเสียสมาธิใดๆ ดังนั้นจึงได้กัดฟันแน่นและหยุดการพุ่งขึ้นไป อย่างไรก็ตาม พลังแปดในสิบส่วนของเซียนแท้ได้ระเบิดขึ้น ทันใดนั้นก็ก่อให้เกิดเป็นสายลมที่ม้วนกวาดออกไป และเจ็ดชายชราที่กำลังต่อสู้เพื่อโชคชะตาเซียนต่างก็สั่นสะท้าน

“พวกเจ้าทั้งเจ็ดฟังให้ดี!” เมิ่งฮ่าวกล่าวพร้อมกับดวงตาที่สาดประกาย “ให้ต่อสู้กับอาจารย์ของข้าอย่างใสสะอาด และข้าก็จะไม่สอดมือเข้าไป แต่ถ้าพวกเจ้าพยายามจะใช้กลอุบายใดๆ ก็อย่าได้ตำหนิข้าที่จะโจมตีไป”

“และขอบอกให้ชัดเจนในที่นี้ด้วยว่า ถ้าเจ้าได้รับโชคชะตาเซียนแท้มาจริงๆ…ข้าเคยสังหารเซียนเทียมมาแล้ว และ…ก็อยากจะลองสังหารเซียนแท้ดูบ้าง” ประโยคแรกคือการทำให้รู้สึกหวาดกลัว และประโยคที่สองก็คือการข่มขู่อย่างตรงไปตรงมา เป้าหมายของเขาคือการสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายให้เกิดขึ้นอยู่ในจิตใจของคนทั้งเจ็ด รบกวนจิตใจของพวกมันในขณะที่ทำการต่อสู้เพื่อให้กลายเป็นเซียน

ทันใดนั้น สองในกลุ่มคนทั้งเจ็ดก็พูดขึ้นมา เสียงของพวกมันเย็นชาและฟังดูน่ากลัว

“โชคชะตาเซียนกำลังตกลงมาบนดาวหนานเทียน และใครก็ตามที่เกิดในที่แห่งนี้ก็จะมีคุณสมบัติในการต่อสู้เพื่อมัน เจ้ามีสิทธิ์อะไรมากล่าวเช่นนี้!?”

“ฮึ่ม! เจ้ากำลังเล่นอยู่กับไฟ เด็กน้อย! โชคชะตาเซียนคือโชควาสนาที่ใครๆ ก็สามารถจะได้มันมา! ถ้าเจ้าบังอาจสอดมือเข้ามา เจ้าก็จะต้องต่อสู้กับประตูเซียน ข้าอยากรู้นักว่าทำไมเจ้าถึงคิดว่าจะสามารถสอดมือเข้ายุ่งเกี่ยวกับโชคชะตาเซียนนี้ได้!”

เห็นได้ชัดว่าคนทั้งสองนี้ได้เข้าฌาณตามลำพังมานานมากแล้ว และไม่เคยรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่โลกภายนอกบ้าง เหตุผลเดียวที่พวกมันโผล่ออกมาก็เนื่องมาจากโชคชะตาเซียนนี้ และพวกมันก็ไม่รู้ว่าเมิ่งฮ่าวคือใคร คนอื่นๆ ในเจ็ดคนนี้ สี่คนมาจากดินแดนตะวันออก และไม่กล่าวอะไรออกมา

“ข้ามีสิทธิ์อะไร?” เมิ่งฮ่าวกล่าว โบกสะบัดชายแขนเสื้อ “เพราะว่าบิดาข้าคือผู้ที่คอยป้องกันไม่ให้บุคคลจากตี้จิ่วซานไห่ทั้งหมด เข้ามายังดาวหนานเทียนแห่งนี้ได้!”

“เพราะว่าถ้าพวกมันเข้ามาได้ พวกเจ้าก็ไม่มีโอกาสที่จะต่อสู้เพื่อโชคชะตาเซียนนี้!”

“และเพราะว่าดินแดนด้านใต้ก็คือบ้านของข้า!”

“ใครจะไปสนใจเรื่องเหล่านั้น?” หนึ่งในชายชราท่ามกลางคนทั้งเจ็ดกล่าวตอบ “โชคชะตาเซียนอยู่ที่เบื้องหน้าพวกข้าแล้ว และพวกข้าก็มีโอกาสที่จะได้รับมัน อาจารย์เจ้าเฝ้ารอคอยมาเป็นเวลานาน พวกข้าก็เช่นกัน ถึงแม้ว่าพวกข้าจะขโมยโชคชะตาเซียนไป แล้วมันจะผิดได้อย่างไร?”

ใบหน้าเมิ่งฮ่าวเคร่งเครียดขึ้น มองไปยังคนทั้งเจ็ดและกล่าวต่อ “เจ้าพูดถูก ข้ากล่าวผิดเอง แต่ถึงแม้ว่าข้าจะผิด ข้าก็ยังคงจะกระทำเช่นนั้น”

ชายชราที่เพิ่งจะพูดไม่ได้กล่าวตอบโต้ พวกมันไม่เพียงแต่จะสัมผัสได้ถึงระลอกคลื่นแห่งการต่อสู้ขนาดใหญ่ ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวที่ด้านนอกเท่านั้น พวกมันยังรู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นในคำพูดของเมิ่งฮ่าวอีกด้วยเช่นกัน

ตูม!

สายฟ้าครั้งที่สองได้ฟาดลงมา เสียงระเบิดดังก้องออกไป ขณะที่ตานกุ่ยและคนอื่นๆ ต่างก็สั่นสะท้าน และหยุดชะงักนิ่ง จากนั้นสายฟ้าครั้งที่สามก็ก่อตัวขึ้น และฟาดลงมาราวกับเป็นกระบี่บิน เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่ตานกุ่ยและคนอื่นๆ ปลดปล่อยความสามารถศักดิ์สิทธิ์และอาวุธเวทออกมา แต่ถึงกระนั้นโลหิตก็ยังได้พ่นกระจายออกมาจากปากของคนทั้งหมด

แต่พวกมันก็ยังคงมุ่งหน้าต่อไปยังประตูเซียน ในตอนที่สายฟ้าครั้งที่หกฟาดลงมา คนทั้งหมดก็ไปอยู่ที่นั่นแทบจะไปถึงในเวลาเดียวกัน และเริ่มโจมตีไปยังประตูเซียนโดยพร้อมเพรียงกัน

เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องออกไป ถึงแม้ว่าตานกุ่ยและคนอื่นๆ จะปลดปล่อยพลังพื้นฐานฝึกตนออกมาอย่างเต็มกำลัง แต่ก็ไม่อาจจะทำให้ประตูขยับเขยื้อนได้เลยแม้แต่น้อย ไม่มีแม้แต่รอยเปิดออก ทำให้จิตใจของคนทั้งแปดเริ่มเต้นรัว

ที่ด้านล่างลงไป ใบหน้าเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยความวิตกกังวล

คลื่นสายฟ้าปะทุออกมามากขึ้น ท้องฟ้าพลุ่งพล่านปั่นป่วนขณะที่คลื่นลูกที่เก้าตกลงมา สายฟ้าเหล่านี้มีความหนาเท่ากับถังน้ำ และมองเห็นเป็นภาพลวงตาของมังกรวารีอยู่ด้านใน ทันทีที่พวกมันปรากฏขึ้น สีสันมากมายก็แวบขึ้นมา แรงกดดันขนาดใหญ่กดทับลงมา มังกรวารีที่พุ่งตรงมายังตานกุ่ยนั้นมีเขาที่ยาวมาก เห็นได้ชัดว่าแตกต่างไปจากมังกรวารีของอีกเจ็ดคนที่เหลือ

เสียงระเบิดดังก้องออกไป ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนอากาศแตกกระจายออกไป ตานกุ่ยกระอักโลหิตออกมา และอาวุธเวทที่ท่านเพิ่งจะใช้ไปก็แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ ท่านสั่นสะท้านถอยไปทางด้านหลังสองสามก้าว สำหรับอีกเจ็ดคน พวกมันก็กระอักโลหิตออกมาด้วยเช่นกัน แต่ก็ดูเหมือนว่าพวกมันจะได้รับบาดเจ็บน้อยกว่าตานกุ่ย พวกมันกัดฟันแน่น และโจมตีไปที่ประตูเซียนต่อไป

แต่ประตูก็ยังคงไม่ขยับเปิดออกแม้แต่น้อย!

ในตอนนี้เองที่ตานกุ่ยเงยหน้าขึ้นและกู่ร้องออกมา ปราณเซียนหมุนวนอยู่รอบๆ ร่าง แทบจะราวกับว่าท่านได้กลายเป็นเปลวไฟ ที่ด้านล่างท่าน รูปปั้นของจื่อตงเจินเหรินก็ปกคลุมไปด้วยเปลวไฟเช่นเดียวกัน และดวงตาของรูปปั้นก็สาดประกายด้วยแสงอันเจิดจ้าขึ้นมา

แทบจะราวกับว่ารูปปั้นกำลังลุกเป็นไฟขึ้น สำหรับตานกุ่ย ท่านยืนอยู่บนศีรษะของรูปปั้น ขยับร่ายเวทด้วยสองมือ จากนั้นก็ชี้ออกไปยังประตูเซียน ทันใดนั้นรูปปั้นก็สั่นสะท้าน และนำตานกุ่ยไปพร้อมกับมัน บินฝ่าสายฟ้าไปปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าของประตูเซียน จากนั้นรูปปั้นก็กำมือเป็นหมัดต่อยออกไปยังประตู

ตานกุ่ยก็กำมือเป็นหมัดต่อยออกไปเช่นเดียวกัน

นี่คือการรวมพลังกันของสองชาติภพ พลังทั้งหมดได้รวมตัวกันเป็นการโจมตีไปในครั้งเดียว!

เสียงระเบิดดังก้องออกมาจากรูปปั้นของจื่อตงเจินเหริน จนแทบจะดูเหมือนว่ากำลังออกมาจากหลายหมื่นปีเมื่อในอดีต เดินทางข้ามกาลเวลามาปรากฏขึ้นในที่แห่งนี้ ร่วมมือกับพลังของชีวิตที่สองของท่าน สร้างเป็นพลังที่ยากจะอธิบายออกมาได้

“เซียน!” ตานกุ่ยร้องตะโกน เกิดเป็นเสียงดังก้องออกไปทั่วทุกทิศทาง ผู้ฝึกตนอีกเจ็ดคนตกตะลึงเมื่อเห็นหมัดนั้น…กระแทกตรงไปยังพื้นผิวของประตูเซียนขนาดใหญ่มหึมานั้น

เสียงกระแทกดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่ประตูเซียน…ในที่สุดก็ขยับเขยื้อน! การรวมพลังกันโจมตีไปของตานกุ่ยและรูปปั้นของจื่อตงเจินเหริน ทำให้ประตูเปิดออกเล็กน้อย!

ในทันทีที่การเปิดออกเล็กน้อยนั้นปรากฏขึ้น ตานกุ่ยก็กระอักโลหิตออกมากองโต ด้านล่างท่าน รูปปั้นสั่นสะท้านแทบจะราวกับว่ามันอาจจะแตกกระจายไปเป็นเสี่ยงๆ ได้ทุกเมื่อ แต่…ในตอนนั้นเองปราณเซียนที่อยู่ภายในร่างตานกุ่ยจู่ๆ ก็เริ่มมีความเข้มข้นมากขึ้น

ทัณฑ์สายฟ้าฟาดลงมาอีกครั้ง สำหรับผู้ฝึกตนอีกเจ็ดคน สายฟ้าแต่ละสายได้ฟาดลงไปที่พวกมันแต่ละคน ในทางกลับกันสายฟ้าที่ฟาดลงมายังตานกุ่ยกลับมีถึงสามสาย เมื่อได้เห็นเช่นนี้ก็ทำให้สีหน้าของคนทั้งเจ็ดต้องเปลี่ยนไป จิตใจพวกมันสั่นสะท้าน

“พวกเราต้องไม่ปล่อยให้มันโจมตีต่อไป! พวกเราต้องสังหารมัน!”

“มันเปิดประตูออกได้เล็กน้อยแล้ว! ถ้ามันยังทำต่อไป โชคชะตาเซียนจะต้องเป็นของมัน!”

“หยุดมัน! สังหารมัน! หนทางเดียวสำหรับพวกเราที่จะต่อสู้เพื่อโชคชะตาเซียนต่อไปได้ มันต้องตาย!”

ก่อนหน้านี้การข่มขู่ของเมิ่งฮ่าวค่อนข้างจะมีผล แต่ตอนนี้เมื่อมองเห็นโชควาสนาอยู่ที่เบื้องหน้าได้อย่างชัดเจน และคนทั้งหมดก็มีโอกาสที่จะได้รับมัน แล้วคนทั้งเจ็ดจะกระทำอย่างสมเหตุสมผลต่อไปได้อย่างไร?

รังสีสังหารแวบขึ้นมาในดวงตา พวกมันได้ซ่อนตัวฝึกตนอยู่ทุกวัน เป็นผู้ยิ่งใหญ่ในรุ่นของพวกมัน ทำให้เกิดเป็นความมุ่งมั่นแวบขึ้นมาในดวงตา มีอยู่สามคนได้พุ่งตรงไปยังตานกุ่ยในทันที

“มันมีกลิ่นอายของโชคชะตาเซียนอยู่บนร่าง! ถ้าสังหารมันได้ โชคชะตานั้นก็จะหลุดไปจากร่างมัน!”

ขณะที่คนทั้งสามเข้ามาใกล้ตานกุ่ย สายฟ้าสามสายก็ฟาดลงมาเช่นเดียวกัน โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก และใบหน้าพวกมันก็ซีดขาว ดูเหมือนว่าแทบจะพังทลายลงไปได้ทุกเมื่อ

จากตำแหน่งที่ด้านล่างลงมา เมิ่งฮ่าวมองขึ้นไปด้วยดวงตาที่แดงก่ำ พลังแปดในสิบส่วนของเซียนแท้ระเบิดออก ภาพแห่งธรรมปรากฏขึ้น พลังของเขาพุ่งทะยานขึ้นไป ร่างเขาแวบขึ้นไปอยู่ที่เบื้องหน้าของตานกุ่ย และต่อยหมัดออกไปยังผู้ฝึกตนทั้งสามที่ใกล้เข้ามา

“อย่าได้บังคับให้ข้าต้องสังหารพวกเจ้า!” เขากล่าวเป็นเสียงดังก้องออกไปราวกับเสียงฟ้าร้อง เป็นเสียงที่มีพลังของเซียนแท้อยู่ถึงแปดส่วน ทำให้กลายเป็นพลังโจมตีทำลายล้างที่กระแทกลงไปยังชายชราทั้งสาม ทันใดนั้นสีหน้าพวกมันก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก และโลหิตก็พ่นกระจายออกมาจากปาก หนึ่งในพวกมัน แม้แต่แขนก็ยังระเบิดออกกลายเป็นกลุ่มหมอกของโลหิต เสียงแผดร้องอย่างน่ากลัวดังก้องออกมา และแสงอันโหดเหี้ยมก็ปรากฏขึ้นในแววตาของชายชรา ดวงตามันเริ่มมีโลหิตสีดำไหลออกมา และสองลำแสงสีดำก็พุ่งออกมาจากดวงตา ดูเหมือนจะเป็นสองลำแสงที่สามารถจะแปดเปื้อนทุกสิ่งทุกอย่างได้ ขณะที่พุ่งตรงไปยังตานกุ่ย

“เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!” เมิ่งฮ่าวร้องตะโกนขึ้น ร่างกลายเป็นสิ่งที่คล้ายกับเป็นลมพายุ ขณะที่พุ่งฝ่าอากาศไปเป็นเสียงแหลมเล็กและต่อยออกไปอีกหนึ่งหมัด

หมัดนี้ทำให้ท้องฟ้าสั่นสะท้านพื้นดินสั่นสะเทือน ชายชราที่ไร้แขนหลบไปที่ด้านข้างได้อย่างเชื่องช้า ไม่มีแม้แต่เวลาที่จะหยิบเอาอาวุธเวท ที่มันเตรียมไว้เพื่อช่วยให้เอาชนะทัณฑ์เซียนออกมาได้ สุดท้ายมันก็เป็นแค่ขั้นสูงสุดค้นหาเต๋า ถึงแม้ว่ามันจะมาเข้าร่วมการเอาชนะทัณฑ์เซียนนี้ แต่มันก็ยังไม่ได้กลายเป็นเซียนที่แท้จริง

“เจ้าบังอาจสอดมือเข้ามาในโชคชะตาเซียนนี้!” มันแผดร้องออกมาขณะที่ตกตายไป “เจ้าต้องถูกกำจัดไป!” จากนั้นก็ระเบิดออก ถูกทำลายไปจนหมดสิ้นทั้งร่างกายและวิญญาณ

เมิ่งฮ่าวแค่นเสียงอย่างเย็นชาและหมุนตัวไป ในทันใดนั้นกลุ่มหมอกที่ด้านบนก็พลุ่งพล่านปั่นป่วน และเสียงที่คล้ายกับเป็นเสียงแผดร้องด้วยโทสะก็ได้ยินมา ขณะที่สายฟ้าที่ฟาดลงมานั้น เห็นได้ชัดว่าแตกต่างไปจากสายฟ้าอื่นๆ ทั้งหมด สายฟ้านี้เป็นสีแดงเข้ม และฉีกกระชากอากาศให้ขาดออกเป็นช่อง ขณะที่มันพุ่งลงมายังเมิ่งฮ่าว

นี่คือการลงโทษ!

เป็นการลงโทษที่บังอาจสอดมือเข้ามาในทัณฑ์เซียน!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version