ตอนที่ 842
แค่เข้าใจผิด…
กระแสน้ำวนในท้องฟ้าหมุนวนไปมา ทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องออกไปทั่วทุกทิศทาง เห็นได้ชัดว่าในอาณาเขตทั้งหมดของตี้จิ่วซานไห่ มีผู้คนกำลังบินเข้าไปในกระแสน้ำวนนั้น แต่ก็มีอยู่หลายคนที่ทำการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์เมื่อเข้าไปที่ด้านในแล้ว
พวกมันมีเหตุผลที่แตกต่างกัน ด้วยความที่ไม่ต้องการให้คนอื่นๆ รู้ว่าแท้จริงแล้วพวกมันคือใคร นอกจากนี้เหตุการณ์อันยิ่งใหญ่นี้ก็จะสร้างความสนใจไปทั่วทั้งตี้จิ่วซานไห่อีกด้วย
ทันทีที่เมิ่งฮ่าวผ่านเข้าไป เขาก็ส่งเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์บางส่วนเข้าไปในร่างผีโต้งในทันที พร้อมกับเสียงพร่ำบ่นร้องไห้คร่ำครวญ ผีโต้งได้ช่วยให้เมิ่งฮ่าวเปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตาให้กลายเป็นฟางมู่ ที่เคยอยู่ในสำนักจื่อยิ่นมาก่อน
เมิ่งฮ่าวตั้งใจที่จะเข้าร่วมงานนี้เพียงแค่การแข่งขันเท่านั้น เมื่อคิดว่าเขาสามารถจะโอ้อวดความสามารถตอนที่อยู่ในวิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณบนดาวหนานเทียนได้ และตอนนี้เขากำลังออกมาจากดาวดวงนั้นตามลำพัง ทำให้เขามีความสะดวกมากขึ้นในการที่จะใช้ตัวตนที่สองนี้
ยิ่งไปกว่านั้น คงไม่มีโอกาสดีไปกว่านี้อีกแล้ว ที่จะมีชื่อเสียงอยู่ภายใต้ตัวตนที่สองนี้ นอกจากการแข่งขันที่ถูกจัดขึ้นโดยสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่นี้
“แย่นักที่ร่างจริงที่สองของข้าไม่อาจจะใช้ได้ชั่วคราว เพราะวิญญาณเซียนแท้ถูกทำลายไปโดยทัณฑ์เซียน แต่นั่นก็ยังไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายมากที่สุด” เมิ่งฮ่าวคิด ดวงตาสาดประกายด้วยแสงเจิดจ้า หลังจากที่ทำการเปลี่ยนรูปลักษณ์ไป เขาก็มองออกไปยังความมืดมิดที่ปกคลุมอยู่รอบๆ ตัว แทบไม่อาจจะมองเห็นว่ามีกระแสน้ำวนกำลังหมุนไปมาอยู่รอบๆ ร่าง พร้อมกับสำแสงจางๆ ที่เกิดขึ้นเป็นระยะในตอนที่พวกมันหมุนวนอยู่ไปมา
ความรู้สึกที่กำลังโดนฉุดดึงไปเริ่มรุนแรงมากขึ้น และรับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่กำลังกดทับลงมาบนร่างได้เพิ่มความรุนแรงขึ้นอีกด้วย
หลังจากที่เวลาชั่วธูปไหม้หมดหนึ่งดอกผ่านไป แสงเจิดจ้าก็เริ่มมองเห็นได้จากที่ด้านหน้าขึ้นไปในความมืดมิด แสงนั้นเริ่มสว่างเจิดจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดก็ปกคลุมไปทั่วร่างเมิ่งฮ่าวโดยสิ้นเชิง
เมื่อสายตาเขาเริ่มมองเห็นได้ชัดเจนขึ้นอีกครั้ง เมิ่งฮ่าวก็พบว่าตนเองกำลังมองออกไปยังความว่างเปล่า ซึ่งมีการรวมตัวกันอย่างหนาแน่นกลายเป็นแท่นเวทีที่แตกต่างกันนับไม่ถ้วน บ้างก็มีความกว้างสิบจ้าง บ้างก็ร้อยจ้าง และบางแท่นเวทีก็กว้างถึงหนึ่งพันจ้าง
แต่ละแท่นเวทีมีขนาดที่แตกต่างกันออกไป แต่ในจุดศูนย์กลางของแต่ละแท่นเวทีนั้นเป็นแท่นศิลาตัวอักษร ซึ่งสามารถมองเห็นเป็นรูปแผนที่ ภายใต้แท่นศิลาตัวอักษรแต่ละแท่นเป็นเชิงเทียน เทียนนั้นไม่มีไฟติดอยู่ ทำให้แผนที่บนแท่นศิลาถูกปกคลุมด้วยความมืดมิด
สำหรับแท่นเวทีต่างๆ เหล่านั้นจะมีอยู่มากมายเท่าใด เมิ่งฮ่าวไม่สามารถจะนับได้ สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอันน่าเหลือเชื่อ ทำให้ยากที่จะส่งออกไปได้ไกลมากนัก ขณะที่เมิ่งฮ่าวมองไปยังรอบๆ บริเวณนั้น ก็เริ่มมองเห็นผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นเช่นเดียวกับเมิ่งฮ่าว พวกมันจ้องมองไปยังแท่นเวทีทั้งหมดด้วยความตกตะลึง
คนทั้งหมดมีกลิ่นอายขั้นสูงสุดค้นหาเต๋า ถึงแม้ว่าพวกมันไม่อาจจะเทียบได้กับผู้ถูกเลือกที่เขาได้พบเจอมาก่อนหน้านี้ แต่ก็ใกล้เคียงกันเป็นอย่างยิ่ง
พวกมันสวมใส่เสื้อผ้าที่แตกต่างกัน และมีรูปร่างหน้าตาที่แตกต่างกันออกไป มีทั้งบุรุษและสตรี ชราและฉกรรจ์ บางคนก็ไม่ใช่มนุษย์ แต่ดูคล้ายกับเป็นอสูร เท่าที่เมิ่งฮ่าวสามารถบอกได้ ในบริเวณใกล้เคียงนี้มีอยู่นับร้อยคน และยังมีกลุ่มคนปรากฏขึ้นในที่ห่างไกลมากออกไปเรื่อยๆ อีกด้วย
ยากที่จะบอกได้ว่าใครเป็นคนแรกที่บินออกไป แต่ในที่สุด หนึ่งในแท่นเวทีขนาดหนึ่งพันจ้างก็มีผู้ฝึกตนมาจับจอง นอกจากนี้ผู้ฝึกตนทั้งหมดที่ปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า ก็ได้พุ่งตรงไปยังแท่นเวทีด้วยความรวดเร็วสูงสุด แต่ละคนได้ไปจับจองแท่นเวทีไว้ เกิดเป็นการต่อสู้กันขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้รุนแรงมากนัก เนื่องจากไม่มีเหตุผลที่จะมาต่อสู้กันอย่างดุร้าย ในตอนที่เพิ่งจะเข้ามาในเส้นทางโบราณเพื่อการแข่งขันนี้ ไม่คุ้มค่าที่จะกระทำเช่นนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น ใครก็ตามที่ไม่ได้จับจองแท่นเวที ก็ได้ไปสร้างความสัมพันธ์กับคนที่ก้าวเท้าลงไปเป็นคนแรก และจากนั้นเชิงเทียนก็เริ่มลุกไหม้ สาดส่องไปยังแผนที่ที่อยู่บนแท่นศิลา
ด้วยเช่นนั้น จึงไม่ค่อยมีการต่อสู้กันมากนัก สามารถกล่าวได้ว่า ใครมาก่อนก็ได้ก่อน ดังนั้นใครก็ตามที่มาถึงแท่นเวทีก่อน ก็จะจากไปอย่างรวดเร็วเพื่อค้นหาแท่นเวทีอื่นต่อไป
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย แท่นเวทีขนาดหนึ่งร้อยจ้างและหนึ่งพันจ้าง ค่อนข้างจะอยู่ห่างออกไปจากเขา และที่ใกล้กับเขามากที่สุดก็คือแท่นเวทีสิบจ้าง ดังนั้นเขาจึงพุ่งตรงไปอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ขณะที่เขากำลังจะก้าวเท้าลงไป ก็มีใครบางคนที่อยู่ใกล้บริเวณนั้นก็มีความคิดเช่นเดียวกัน เป็นบุรุษที่มีรูปร่างสูงใหญ่ พร้อมกับระลอกคลื่นที่กระจายออกมาจากด้านล่างเท้าของมัน ถ้ามองดูให้ละเอียด ก็คล้ายกับเป็นภาพลวงตาของน้ำทะเลที่ประกอบด้วยมัจฉาสามตัวกำลังแหวกว่ายไปมา ทำให้บุรุษร่างสูงใหญ่ดูน่าประทับใจมากยิ่งขึ้น
มันและเมิ่งฮ่าวกำลังจะก้าวเท้าลงไปบนแท่นเวทีในเวลาเดียวกัน แต่บุรุษร่างสูงใหญ่ก็แค่นเสียงเย็นชาออกมา รังสีสังหารแวบขึ้นอยู่ในดวงตา มันร้องตวาดขึ้น
“ไสหัวไป!”
ด้วยเช่นนั้น มือขวาของมันก็เหวี่ยงออกตรงมายังเมิ่งฮ่าว มัจฉาเริ่มแหวกว่ายไปมาอยู่ในน้ำด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ และพลังอันเข้มข้นก็พุ่งออกไป กลายเป็นภาพลวงตาของมังกรทะเลที่พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว อ้าปากกว้างขึ้นเพื่อจะกลืนกินเขาลงไป
สีหน้าเมิ่งฮ่าวสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย แต่ระเบิดการเคลื่อนที่ออกไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่หลบเลี่ยงมังกรทะเลให้พุ่งผ่านไป จากนั้นก็ก้าวเท้าลงไปบนแท่นเวทีในช่วงหนึ่งอึดใจ ก่อนหน้าบุรุษร่างสูงใหญ่
ทันใดนั้น เทียนที่อยู่บนแท่นเวทีก็เริ่มลุกไหม้ขึ้นมา ทำให้แสงไฟกระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง สีหน้าบุรุษร่างสูงใหญ่ดูน่าเกลียดขึ้นเป็นอย่างมาก ขณะที่มันจ้องมองมายังเมิ่งฮ่าว และแค่นเสียงอย่างเย็นชาออกมา พร้อมกับพุ่งตรงไปยังแท่นเวทีอื่นที่อยู่ใกล้บริเวณนั้น
เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย และไม่สนใจบุรุษร่างสูงใหญ่โดยสิ้นเชิง ขณะที่นั่งลงไปขัดสมาธิอยู่ที่ด้านหน้าของแท่นศิลาตัวอักษรเพื่อตรวจสอบดูแผนที่ แผนที่นั้นประกอบด้วยอาณาเขตอันกว้างใหญ่ แต่เกือบเก้าในสิบส่วนถูกปกคลุมด้วยความมืดมิด มีแค่ส่วนเดียวเท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
ภายในพื้นที่ส่วนเล็กๆ ที่สามารถมองเห็นได้นั้น เขามองเห็นเส้นทางแคบๆ มากมายกระจายออกไป ตอนแรกเป็นตำแหน่งที่เขาอยู่ในตอนนี้ สถานที่สุดท้ายของเส้นทางนั้นทั้งหมดคือตำแหน่งที่อยู่ใกล้กับอาณาเขตที่มืดมิดบนแผนที่
ที่ห่างออกไปในความว่างเปล่า เทียนกำลังถูกจุดขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าจำนวนของแท่นเวทีในที่แห่งนี้ เท่ากับจำนวนของผู้คนที่มาถึง ไม่นานนักผู้ฝึกตนทั้งหมดต่างก็ได้ครอบครองแท่นเวที
น่าเสียดายที่มีผู้ฝึกตนที่โชคร้ายอยู่เพียงหยิบมือ ที่จบลงด้วยการตกตายไปในการต่อสู้
สำหรับบุรุษร่างสูงใหญ่จากก่อนหน้านี้ มันได้ครอบครองแท่นเวทีที่อยู่ทางด้านขวามือของเมิ่งฮ่าว มันมักจะมองมายังเขาเป็นระยะ ดวงตาสาดประกายด้วยรังสีสังหาร การทะเลาะวิวาทกันของคนทั้งสองเมื่อครู่นี้ ทำให้มันรู้สึกโกรธเคืองเป็นอย่างยิ่ง
เห็นได้ชัดว่า เมิ่งฮ่าวไม่ได้สังเกตเห็นมัน เขากำลังเพ่งสมาธิทำการศึกษาแผนที่อยู่
หลังจากที่เวลาชั่วธูปไหม้หมดหนึ่งดอกผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มเงียบสงบ ในที่สุดเสียงเก่าแก่โบราณก็ดังก้องออกมาจากความว่างเปล่า
“เหล่าฟูคือหลิงอวิ๋นจื่อจากอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า ในตอนนี้…ประตูเต๋าได้เปิดออกแล้ว และเส้นทางโบราณก็ทอดยาวออกไป พวกเจ้าทั้งหมดต้องเดินไปบนเส้นทางเหล่านั้น…ใช้มันยืนยันเต๋าของพวกเจ้าเอง และยืนยันโชคชะตาของพวกเจ้าด้วย!”
“เส้นทางเหล่านั้นมีแสงสว่างที่เพียงพอ แต่ก็เต็มไปด้วยอันตราย ใครก็ตามที่เดินทางไปต้องกระทำด้วยความระมัดระวังตัวอย่างสูงสุด!”
“ในตอนนี้ ถ้าพวกเจ้าหันหลังกลับ ก็ยังมีโอกาสที่จะล่าถอยจากไปได้ แต่เมื่อไหร่ที่ก้าวตรงไปข้างหน้า…เมื่อพวกเจ้ามองกลับไป ก็จะไม่เห็นชายฝั่งที่ปลอดภัยอีกแล้ว” เสียงนั้นดังก้องออกมาทั่วทุกแท่นเวที เต็มไปทั่วทั้งบริเวณเหล่านั้น ผู้เข้าแข่งขั้นขั้นสูงสุดค้นหาเต๋าทั้งหมดต่างก็ได้ยินเสียงนั้นกันทุกคน
เมื่อเมิ่งฮ่าวได้ยินคำกล่าวของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า เขาก็มองขึ้นไป ทันใดนั้นก็ทำให้ต้องนึกไปถึงฝานตงเอ๋อร์ และเกิดความรู้สึกหวาดหวั่นอยู่เล็กน้อย เขาเตือนตัวเองว่าได้ทำการเปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตาไปแล้ว แต่ก็ยังอดที่จะกังวลใจขึ้นเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้ เขาหยิบเอาขนนกสีดำของนกแก้วออกมาอย่างรวดเร็ว และวางมันลงไปบนเสื้อที่ด้านหน้าอย่างเรียบง่าย
“ตอนนี้พวกเจ้าอาจจะเดินทางเข้าไปตามเส้นทางเหล่านั้น นี่คือการแข่งขัน และใครก็ตามที่มีพรสวรรค์ไม่เหมาะสม ก็จะถูกกำจัดออกไปก่อน เหลือไว้แต่ผู้เข้าร่วมที่เหมาะสมมากที่สุดเท่านั้น”
“นอกจากนี้ พวกเจ้าจะไม่ได้เดินทางไปตามเส้นทางได้อย่างง่ายดาย ทุกๆ ด่านของเส้นทางเหล่านั้น พวกเจ้าจะถูกทดสอบ”
“การทดสอบนี้จะขึ้นกับความสามารถของพวกเจ้า ข้าได้จัดเตรียมด่านไว้ตามจำนวนที่แน่นอน ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเจ้ากระทำอยู่ในที่แห่งนี้ จะถูกคนที่อยู่ด้านนอกมองเห็นได้ ดังนั้นพวกเจ้าจึงไม่ต้องกลัวว่า ข้าจะมีการตัดสินที่ไม่ยุติธรรม”
“และตอนนี้ ด่านแรกได้เริ่มขึ้นแล้ว เป็นด่านของการต่อสู้!”
“พวกเจ้าสามารถทำอย่างไรก็ได้ ให้สามารถดับเทียนให้มากที่สุดในช่วงเวลาธูปไหม้หมดไปหนึ่งดอก! ใครก็ตามที่เปลวเทียนดับลง ก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อ ใครก็ตามที่ถูกสังหารไปก็จะถือว่าเทียนของมันได้ดับลงไปด้วยเช่นกัน!” ทันทีที่ทุกคนได้ยินคำพูดของหลิงอวิ๋นจื่อ ผู้ฝึกตนขั้นค้นหาเต๋าทั้งหมดของตี้จิ่วซานไห่ที่มาเข้าร่วมการแข่งขัน ต่างก็รู้สึกว่าจิตใจกำลังสั่นสะท้าน และรังสีสังหารของพวกมันก็ระเบิดขึ้น
คนทั้งหมดต่างก็คิดว่าผู้เข้าร่วมการแข่งขันทุกคนจะได้เข้าไปในเส้นทางโบราณ และใครที่มีความรวดเร็วมากที่สุดในท่ามกลางพวกมัน ที่ได้ไปถึงจุดสิ้นสุดก็สามารถจะได้ไปต่อ พวกมันไม่เคยคาดคิดว่าการแข่งขันจริงๆ แล้ว จะเริ่มขึ้นเช่นนี้
ด่านแรกคือการป้องกันไม่ให้เปลวเทียนดับลง และในเวลาเดียวกันนั้นก็ต้องไปดับเปลวเทียนของคนอื่นๆ อีกด้วย
ในชั่วพริบตา ผู้คนก็เริ่มส่งร่างจำแลงพุ่งตรงไปยังแท่นเวทีอื่นๆ ทันใดนั้นการต่อสู้อย่างดุร้ายก็เริ่มต้นขึ้น ความสามารถศักดิ์สิทธิ์และวิชาเวท ทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือน ทั่วทั้งบริเวณนั้นตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย เสียงแผดร้องดังเต็มอยู่ในหูของคนในที่แห่งนั้น เพียงไม่นานเสียงแผดร้องก่อนตายก็ดังก้องออกมา
ขณะที่ดวงตาเมิ่งฮ่าวเริ่มสาดประกายด้วยความเย็นชา บุรุษร่างสูงใหญ่ที่อยู่ทางด้านขวามือของเขา ก็มองมาด้วยสายตาที่อาฆาตและหัวเราะอย่างดุร้ายออกมา มันโบกสะบัดมือขวาขึ้น ทันใดนั้นหลัวผาน (เข็มทิศจีน) ก็ลอยออกมา จากนั้นก็กลายเป็นเวทป้องกันที่ส่องแสงระยิบระยับ กระจายออกไปปกคลุมเชิงเทียนของมัน และมันก็บินตรงมายังเมิ่งฮ่าว
“ข้าเคยสังหารผู้แข็งแกร่งขั้นสูงสุดค้นหาเต๋ามาแล้วหลายคน เมื่อเจ้าบังอาจมาแข่งกับข้า เจ้าก็จะเป็นคนแรกที่ข้าจะสังหารไปในการแข่งขันครั้งนี้!” บุรุษร่างสูงใหญ่กล่าว ภาพลวงตาของน้ำทะเลที่ด้านล่างเท้าของมันเริ่มขยายขนาดขึ้น ขณะที่มันก้าวเท้าลงมาบนแท่นเวทีของเมิ่งฮ่าว มันขยับมือร่ายเวทอย่างรวดเร็ว ทำให้มังกรทะเลแผดร้องคำรามตรงไปยังเมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าวกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ด้านข้างของเชิงเทียน เมื่อเขามองขึ้นไปใบหน้าก็ยังคงสงบนิ่ง ไม่มีแม้แต่แสงอันเย็นชาจะมองเห็นได้จากในแววตา เขามองไปยังบุรุษร่างสูงใหญ่อย่างเรียบเฉย จากนั้นก็โบกสะบัดมือฝ่าอากาศออกไปในท่าคว้าจับ อย่างน่าตกใจยิ่ง เวทปลิดดาวถูกปลดปล่อยออกมา
สิ่งแรกที่เขาคว้าจับไปเป็นมังกรทะเล ซึ่งไม่อาจจะต่อสู้กลับมาได้แม้แต่น้อย ขณะที่มันกำลังดิ้นรนไปมาอยู่นั้น เมิ่งฮ่าวก็แค่กำมือลงไปอย่างเรียบง่าย และมังกรทะเลก็แตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในทันที ดวงตาของบุรุษร่างสูงใหญ่เบิกกว้าง มันตระหนักดีว่ามังกรทะเลนี้ได้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยพลังทั้งหมดของมันแปดในสิบส่วน กล่าวกันโดยทั่วไปแล้ว มีผู้แข็งแกร่งขั้นสูงสุดค้นหาเต๋าอยู่น้อยมาก ในทะเลที่เก้าที่จะสามารถหลบหนีไปจากมังกรทะเลนี้ได้
อย่างไรก็ตามมันเพิ่งจะได้เห็น ขณะที่คู่ต่อสู้ของมันแค่โบกสะบัดมือมาอย่างเรียบง่าย ก็สามารถบดขยี้มังกรทะเลไปเป็นชิ้นๆ ได้อย่างง่ายดาย ทันใดนั้นหนังศีรษะของบุรุษร่างสูงใหญ่ก็เริ่มด้านชา และมันก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
“แย่แล้ว! อย่าบอกข้านะว่านี่คือหนึ่งในพวกอมนุษย์จากสำนักหรือตระกูลต่างๆ เหล่านั้น? เป็นไปไม่ได้! ข้าเคยเห็นคนเหล่านั้นทั้งหมดมาแล้วจากที่ห่างไกล แต่ก็ไม่เคยเห็นคนผู้นี้มาก่อน!”
สีหน้ามันสลดลง รีบร้องตะโกนออกมาเป็นเสียงดังขึ้นในทันที “เข้าใจผิดแล้ว! สหายเต๋า นี่เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด…”
ขณะที่มันพูด ก็หลบหนีจากไปอย่างรวดเร็ว แต่เวทปลิดดาวของเมิ่งฮ่าวก็กดทับลงไปยังร่างมันและคว้าจับมันไว้ สีหน้าของบุรุษร่างสูงใหญ่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่สีหน้าของเมิ่งฮ่าวไร้ความรู้สึกขณะที่เขากำมือแน่นขึ้นเบาๆ
ตูม!
ก่อนที่บุรุษร่างสูงใหญ่จะทันได้แผดร้องเป็นเสียงน่ากลัวออกมา ร่างกายมันก็ถูกบดขยี้จนกลายเป็นชิ้นๆ ถูกทำลายไปทั้งร่างกายและวิญญาณ เมื่อมันตายไป เปลวไฟของมันก็ดับลงไปในทันที
หลังจากที่โจมตีไปอย่างน่ากลัว เมิ่งฮ่าวก็ชี้นิ้วตรงไปยังหลัวผานที่ปกคลุมอยู่รอบๆ เชิงเทียนของบุรุษร่างสูงใหญ่ หลัวผานสั่นสะท้านไปมา และกำลังจะลอยตรงมายังเมิ่งฮ่าว แต่ลำแสงสีดำก็ลอยตรงมายังหลัวผานนั้น ลำแสงเปลี่ยนเป็นบุรุษเยาว์วัยในชุดสีดำ คว้ามือไปหยิบฉวยหลัวผานไว้
อย่างไรก็ตาม แทบจะในทันทีที่มือของมันแตะสัมผัสไปที่หลัวผาน เมิ่งฮ่าวก็แค่นเสียงอย่างเย็นชาออกมา เมื่อเสียงนั้นผ่านเข้าไปในหูของบุรุษหนุ่มผู้นั้น มันก็เริ่มสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง และมองไปยังเมิ่งฮ่าวโดยไม่รู้ตัวในทันที เมื่อสายตาของคนทั้งสองสบประสานกัน จิตใจมันก็เต็มไปด้วยเสียงกระหึ่มกึกก้อง
สำหรับมันแล้วการจ้องมองมาของเมิ่งฮ่าว ทำให้รู้สึกราวกับมีกระบี่อันแหลมคมสองเล่ม กำลังทิ่มแทงเข้ามาในดวงตาของมัน และกรีดเฉือนจิตใจมันให้ขาดกระจายออกเป็นชิ้นๆ แทงเข้าไปในสมองและลึกลงไปในจิตวิญญาณของมัน
สีหน้าของบุรุษหนุ่มสลดลง และมันก็กระอักโลหิตออกมากองโต ใบหน้าซีดขาว มันหยุดความพยายามทั้งหมดที่จะคว้าจับไปที่หลัวผานนั้น
“สหายเต๋า โปรดอภัยให้ข้าด้วย!!” มันร้องขึ้นมาด้วยเสียงแหลมเล็กอย่างเร่งรีบ