Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 97

ตอนที่ 97

ทะลวงพลังฝึกตนในหุบเขา

ก่อนที่เมิ่งฮ่าวจะขยับตัว อสรพิษลายเขียวสลับน้ำเงินเข้ม ก็ห่างจากเขาประมาณสิบจ้าง (1 จ้าง = 10 ฟุต) ทันใดนั้น มันก็หยุดอยู่กลางอากาศ และส่งเสียงร้องแหลมเล็กออกมา ราวกับว่ามันรู้สึกได้ถึงบางสิ่งอันน่ากลัวบนร่างของเมิ่งฮ่าว มันเริ่มสั่นระรัว จากนั้นก็พุ่งถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าเข้ามาใกล้อีกแม้แต่น้อย

ทันใดนั้น หมอกสามสีก็ลอยขึ้นมาจากด้านบนศีรษะของเมิ่งฮ่าว กลายเป็นใบหน้าปีศาจ ซึ่งมีสีหน้าอันลี้ลับทั้งหัวเราะ และร้องไห้ หมุนไปรอบๆ ศีรษะของเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมา และพุ่งตรงไปยังอสรพิษตัวน้อย

อสรพิษวิญญาณ ส่งเสียงร้องอย่างน่าสังเวชออกมา เมื่อเสียงกรีดร้องนั้นกระแทกเข้าไปที่มัน ร่างของอสรพิษนั้นเริ่มเน่าเปื่อยในทันที กลายเป็นก้อนโลหิตสาดลงไปบนพื้นดิน เมื่อได้เห็นดังนี้ สีหน้าของชายชราก็เปลี่ยนไป สองผู้ฝึกตนนั้นก็อ้าปากค้าง ความประหลาดใจปรากฎขึ้นบนใบหน้าของพวกมัน

เมิ่งฮ่าวก็มองดูด้วยความประหลาดใจเช่นเดียวกัน จิตใจของเขาเต้นรัว

หมอกสามสี เป็นพิษที่อยู่ในร่างของเขา มันกำเริบขึ้นมาสองครั้งในครึ่งปีที่ผ่านมา แต่นี่เป็นครั้งแรก ที่มันได้ดำเนินการ ในรูปแบบของเวทอาคม และโผล่ออกมาจากร่างของเขา ด้วยความตั้งใจของมันเอง

เห็นได้ชัดว่าพิษนี้ มีความลี้ลับอย่างไม่น่าเชื่อ มันสามารถรับรู้ถึงพิษอื่นๆ และไม่ยอมให้พิษพวกนั้นเข้ามาใกล้ ราวกับว่าร่างกายของเมิ่งฮ่าวนี้ เป็นของมันแต่เพียงผู้เดียว

หลายเดือนที่ผ่านมา เมิ่งฮ่าวเชื่อว่าในช่วงที่มีการกำเริบขึ้น ของพิษสองชนิดก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นพิษจากสามสำนักใหญ่ ก็ได้ถูกขจัดออกไปเรียบร้อยแล้ว

ดูเหมือนว่าพิษทั้งสองชนิดนั้น ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าพิษสามสี และถูกบังคับให้หายไปจากร่างของเขา เมื่อได้เห็นการตายของอสรพิษวิญญาณนั้น ก็ทำให้เมิ่งฮ่าว ในที่สุดก็เข้าใจว่าพิษสามสี ของเทียนจีซ่างเหริน จริงๆ แล้วมีความน่ากลัวมากเพียงไร

แน่นอนว่า บุคคลทั้งสามที่เขาได้เผชิญหน้าอยู่ในตอนนี้ ไม่รับรู้เรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย พวกมันมองไปที่เมิ่งฮ่าว ความกลัวปรากฎขึ้นบนใบหน้าของพวกมัน

ผู้ฝึกตนซึ่งสูญเสียอสรพิษวิญญาณผู้นั้น พุ่งถอยไปด้านหลังด้วยความเร็วสูงสุด พ่นโลหิตออกมาจากปาก มันมองไปที่เมิ่งฮ่าวด้วยความรู้สึกหวาดกลัวอย่างน่าประหลาดใจ

“ที่แท้ สหายเต๋าก็ฝึกพลังพิษด้วยเช่นกัน…” ชายชราบนหลังคางคก ซึ่งอยู่ระดับเก้า ขั้นรวบรวมลมปราณกล่าว มันยืนขึ้น และคารวะเมิ่งฮ่าวด้วยความนับถือ

“เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ได้โปรดอยู่ที่นี่ตามความพอใจ แต่, มีบางอย่างแปลกๆ เกิดขึ้นในหุบเขานี้ มันมีพลังลมปราณอันเข้มข้น และทุกๆ วัน ที่ดวงจันทร์เต็มดวง จะมีหมอกพุ่งออกมา และกระจายเต็มไปทั่วทั้งหุบเขา” ดวงตาของมันส่องประกายขณะที่พูด

“ขอบคุณสำหรับคำเตือน” เมิ่งฮ่าวกล่าว ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ร่างกายขยับเข้าไปในถ้ำ ก้อนหินขนาดใหญ่ที่เขาตัดออกมา ก็ตกลงไปที่ปากถ้ำ ผนึกถ้ำให้ปิดไป

ด้านนอก, ทุกสิ่งทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ ดวงตาของเฒ่าคางคกสาดประกาย ขณะที่มันมองไปที่บุรุษสองคนนั้น พวกมันทั้งหมดเงียบไปสักพัก จากนั้นก็ตบไปที่สัตว์วิญญาณของตัวเอง และบินออกไปยังหุบเขาอีกแห่งหนึ่ง ที่นั่น, มีผู้ฝึกตนอีกสี่คนรวมตัวกันอยู่

พวกมันทั้งหมด อยู่ที่ระดับแปดขั้นรวบรวมลมปราณ และสวมใส่ชุดยาวที่ถักทอเป็นลายสีเขียว และสีน้ำเงิน นั่งอยู่บนก้อนหินสีดำขนาดใหญ่ ซึ่งมีแสงสลัวกระพริบเป็นจังหวะ เมื่อแสงส่องสว่างขึ้นมา ก้อนหินนั้นก็ดูเหมือนว่า จะค่อนข้างโปร่งใส ด้านในของมันมองเห็นเป็นกระดูกของปักษาสองหัว

เมื่อเฒ่าคางคก และสองบุรุษนั้นมาถึง บุรุษทั้งสี่ก็ลืมตาขึ้น

“คนภายนอกนั้น เป็นผู้ฝึกตนที่ใช้พิษ” บุรุษผู้สูญเสียอสรพิษวิญญาณกล่าว เสียงของมันเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ความอาฆาตแค้นกระจายออกมาจากดวงตาของมัน “ข้าไม่แน่ใจว่า มันได้เห็นมากน้อยแค่ไหน แต่มันไม่ยอมจากไป”

“นี่เป็นเรื่องยุ่งยาก…” หนึ่งในสี่บุรุษที่นั่งขัดสมาธิกล่าวพร้อมขมวดคิ้ว มันเป็นบุรุษวัยกลางคน ใบหน้าซีดขาว “พลังฝึกตนของมันอยู่ที่ระดับใด?”

“จุดสูงสุดของระดับเก้า ขั้นรวบรวมลมปราณ!” เฒ่าคางคกกล่าวเสียงเรียบเย็น มันไม่ได้พูดผิด ถึงแม้ว่า เมิ่งฮ่าวจะบรรลุถึงระดับสิบสาม ขั้นรวบรวมลมปราณ แต่เมื่อเป็นเช่นนั้น เขาก็ถูกตัดขาดจากสวรรค์และปฐพี ดังนั้น เขาจึงมักจะคงอยู่ที่จุดสูงสุดของระดับเก้า

“พลังฝึกตนของมันลึกล้ำประณีตมาก แต่ถ้าพวกเราโจมตีไปพร้อมกัน มันต้องตายอย่างแน่นอน” ผู้ฝึกตนที่สูญเสียอสรพิษวิญญาณกล่าว

“ถ้าพวกเรายอมให้มันอยู่ที่นี่ มันก็จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มันอาจจะไม่สงสัยในตอนนี้ แต่จันทราจะเต็มดวงครั้งหน้า ในอีกครึ่งเดือนนี้ เมื่อถึงเวลาที่จะดึงเชือกสีแดง มันก็จะต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างแน่นอน มันเป็นผู้ฝึกตนที่ใช้พิษ มันจะไม่สนใจได้อย่างไร? ข้าขอบอกว่า พวกเราไปโจมตี และกำจัดมันด้วยกันเถอะ”

บางคนดูเหมือนว่าจะลังเล เนื่องจากเมิ่งฮ่าวอยู่ที่จุดสูงสุดของระดับเก้า ในตอนนี้ มีเพียงเฒ่าคางคก ที่แข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับเขาได้ ที่เหลือไม่มีใครแข็งแกร่งพอแม้แต่คนเดียว

ถ้าพวกมันทั้งหมดโจมตีพร้อมกัน พวกมันอาจจะชนะ แต่บางคนในพวกมันก็อาจจะต้องตายไป ด้วยความลังเล พวกมันมองไปที่เฒ่าคางคก

“พวกเราไม่จำเป็นต้องทำอันใดทั้งสิ้น ข้าบอกมันว่าจะมีสิ่งแปลกๆ เกิดขึ้น ในหุบเขา ในวันที่จันทร์เต็มดวง มีแนวโน้มว่า มันอาจจะไปดูด้วยตาตัวเอง พวกเราไม่จำเป็นต้องโจมตี พิษที่มาพร้อมกับเชือกสีแดงนั้น ก็จะสังหารมันเอง ถ้ามันไม่ออกมา…ก็ดี, พิษนั้นปกคลุมไปทั่วทั้งหุบเขา ไม่ว่าอย่างไร มันก็ต้องตาย! ภูเขาวิญญาณของบรรพบุรุษพวกเราทั้งสามหมู่บ้าน ไม่อาจให้คนภายนอกมาเฝ้ามองได้ ใครก็ตามที่ทำเช่นนั้น…มันต้องตาย”

ดวงตาของมันแข็งกระด้างขณะที่พูด บุคคลทั้งหกพยักหน้าเห็นด้วย

ขณะเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิในถ้ำแห่งเซียน ความเข้มข้นของพลังลมปราณรอบๆ ตัว ทำให้พลังการฝึกตนของเขากระเพื่อมขึ้นลง ขณะที่กำลังสูดลมหายใจเข้าออก แกนทะเลลมปราณอันไร้ขอบเขตของเขา ดูเหมือนว่ากำลังจะรวมตัวเข้าด้วยกัน

เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เงยหน้าขึ้น มองไปที่ก้อนหินใหญ่ ที่เขาใช้ปิดผนึกถ้ำแห่งเซียนนี้ ดวงตาสาดประกาย และกระบี่บินสองเล่มก็ปรากฎขึ้น ลอยอยู่ด้านข้าง เขายกมือขวาขึ้น และโบกไปในอากาศ ยันต์อาคมก็ปรากฎขึ้น ลอยอยู่เบื้องหน้า เขาส่งมันไปแขวนอยู่บนหินใหญ่ก้อนนั้น

ยันต์อาคมนี้ ได้มาจากหวังเถิงเฟย เขาไม่แน่ใจว่า มันจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน และไม่เคยใช้มัน แต่เมื่อคิดว่าเขาได้มันมาจากหวังเถิงเฟย มันคงไม่ใช่สิ่งของธรรมดาเป็นแน่

“ดูเหมือนว่า คนกลุ่มนี้มีความลับซ่อนอยู่ พวกมันไม่ต้องการให้คนภายนอกรู้ความลับนี้ ถ้าพวกมันไม่มายุ่งกับข้า, ข้าก็จะไม่ยุ่งกับพวกมัน แต่ถ้าพวกมันมารบกวนการฝึกตนของข้า…”

ดวงตาของเมิ่งฮ่าวแข็งกระด้าง ใบหน้าของเขานิ่งเรียบ ขณะที่ดึงกระดองเต่าของซ่างกวนซิว ออกมาจากถุงสมบัติ ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับพื้นฐานสมบูรณ์จารึกไว้ เขามองไปที่มัน, ขมวดคิ้ว

“การที่จะปรุงเม็ดยาพื้นฐานสมบูรณ์, ข้าจำเป็นต้องมีเตาปรุงยา” เมิ่งฮ่าวพึมพำกับตัวเอง

“ข้าได้มันมาจากซ่างกวนซิว แต่จำเป็นต้องมีทักษะในการผสมตัวยาด้วย ถ้าไม่มีทักษะนั้น โอกาสที่จะผิดพลาดก็จะมากขึ้น สมุนไพรพวกนี้มีค่ามากเป็นอย่างยิ่ง ถึงข้าจะทำพลาด ข้าก็สามารถลอกเลียนแบบเพิ่มได้ แต่ต้องใช้หินลมปราณมากเกินไป”

เขาไม่มีทักษะในการผสมตัวยา ซึ่งค่อนข้างน่าผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง

หลังจากเวลาผ่านไป เมิ่งฮ่าวก็หยิบเอาสมุนไพรชนิดต่างๆ ที่ใช้ในการปรุงเม็ดยารองออกมา ซึ่งเป็นเพียงบางส่วน ของส่วนผสมรายการต่างๆ จากนั้นก็ดึงกระจกทองแดงออกมา และเริ่มลอกเลียนแบบ สมุนไพรบางส่วนนั้น

หนึ่งชั่วยามผ่านไป เขาได้ใช้หินลมปราณไปจำนวนมากมาย ถึงแม้ว่าเขาจะมีภูเขาหินลมปราณก็ตามที แต่ถ้าเขายังคงทำเช่นนี้ เขาก็คงจะสิ้นเนื้อประดาตัวได้ในไม่ช้า

“นี่เป็นเพียงแค่เม็ดยารอง…การปรุงเม็ดยาพื้นฐานสมบูรณ์ มีสองขั้นตอนหลัก ขั้นตอนแรกคือการปรุงเม็ดยารองที่แตกต่างกันเจ็ดเม็ด แต่ละเม็ดก็มีหน้าที่แตกต่างกัน ขั้นตอนที่สองก็คือ นำเม็ดยาทั้งเจ็ดนั้นมาผสมรวมกัน เพื่อจะปรุงเป็นเม็ดยาพื้นฐานสมบูรณ์ ถ้าข้าทำพลาดแม้แต่เม็ดเดียว มันก็จะไม่มีทางสำเร็จ! จากเม็ดยารองทั้งเจ็ดนั้น ซ่างกวนซิวได้ปรุงไปแล้วสอง ตอนนี้ก็เหลืออีกห้าเม็ด…ข้าไม่เคยปรุงยามาก่อน จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าข้าพยายามนับสิบครั้งเพื่อที่จะสำเร็จให้ได้? ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าก็คงมีหินลมปราณไม่พอเป็นแน่ ซึ่งก็จะกระทบกับการบรรลุขั้นพื้นฐานลมปราณของข้า การผสมตัวยา…ถ้าข้าสามารถฝึกฝนทักษะการผสมตัวยาให้เพียงพอ ข้าก็จะหมดปัญหานี้”

เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว เขาเคยศึกษาการผสมตัวยาขั้นพื้นฐานจากเมืองเทียนเหอ แต่โชคร้าย การพยายามศึกษาวิธีการผสมตัวยาด้วยตัวเองนี้ มันไม่ง่ายนัก และต้องใช้เวลานานในการเรียนรู้

ยิ่งไปกว่านั้น บางวิธีก็พิเศษไม่ธรรมดา อาจารย์ปรุงยามากมาย มีวิธีการปรุงที่เป็นความลับ ซึ่งไม่มีทางบอกต่อคนภายนอก บางวิธีก็มักจะเป็นความลับของสำนัก

“วิธีที่ดีที่สุด คือ ปรุงเม็ดยาพื้นฐานสมบูรณ์ก่อน จากนั้นก็สร้างพื้นฐานลมปราณ ด้วยวิธีนี้ ก็ไม่ต้องรีบในการปรุงเม็ดยา ซึ่งซ่างกวนซิวเลือกใช้วิธีนี้ แต่…” ดวงตาของเขาส่องประกาย

“วิธีนี้ดูเหมือนจะเหมาะสม แต่ถ้าข้าไม่บรรลุขั้นพื้นฐานลมปราณ ข้าก็จะต้องเผชิญกับอันตรายมากมาย ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมซ่างกวนซิวถึงจบลงด้วยความตาย มิเช่นนั้น ข้าก็ไม่มีทางจะสังหารมันได้ ดังนั้น วิธีนี้…ไม่อาจใช้!” เขาเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นดวงตาก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

“ไม่ต้องคำนึงถึงสิ่งใด ข้าต้องบรรลุขั้นพื้นฐานลมปราณก่อน ถ้าข้าสามารถปรุงเม็ดยาพื้นฐานสมบูรณ์ได้ทีหลัง มันก็คงไม่สายไป เม็ดยาพื้นฐานสมบูรณ์ สามารถซ่อมแซมรอยร้าว ในเสาแห่งเต๋า ซึ่งถูกลิขิตมาจากสวรรค์ ดังนั้น…พื้นฐานไร้ตำหนิก็ไม่เลว!”

เมิ่งฮ่าวกัดฟันแน่น ถึงแม้เขาต้องการจะปรุงเม็ดยาพื้นฐานสมบูรณ์ แต่มันก็ไม่เหมาะที่จะทำในตอนนี้

“ข้าจะเข้าไปยังดินแดนด้านใต้ได้ ต้องบรรลุขั้นพื้นฐานลมปราณก่อนเท่านั้น จากนั้นค่อยหาทางขจัดพิษในร่าง ด้วยการเป็นผู้ฝึกตนขั้นรวบรวมลมปราณ มันไม่มีทางที่จะเป็นไปได้”

เมื่อได้ตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว เขาก็ไม่ยอมเสียเวลาคิดอีกต่อไป เอากระดองเต่า และต้นสมุนไพรเก็บใส่ถุงสมบัติ จากนั้นก็หยิบเม็ดยาพื้นฐานลมปราณออกมา และเริ่มคัดลอกมัน

เขาอยู่ในวงจรอันยิ่งใหญ่ ขั้นรวบรวมลมปราณ และรู้สึกเชื่อมั่นในความสามารถ ที่จะทะลวงผ่านไปถึงขั้นพื้นฐานลมปราณ อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัย เขาตัดสินใจที่จะใช้พลังของเม็ดยาพื้นฐานลมปราณ

มองลงไปยังเม็ดยาพื้นฐานลมปราณห้าเม็ดตรงหน้า เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ตบไปที่ถุงสมบัติ ธงเล็กๆ ก็ลอยออกมา สายฟ้าแลบไปมารอบๆ มัน ขณะที่มันลอยผ่านอากาศออกไป เมิ่งฮ่าวขยับมือสร้างรูปแบบเวทอาคม และธงผืนนั้นก็ปักลงไปบนพื้น

โดยไม่ต้องใช้พลังฝึกตนของเมิ่งฮ่าวช่วย ธงผืนนั้นก็ดูดพลังลมปราณบางส่วน ที่กระจายอยู่รอบๆ บริเวณนั้นเข้าไป และกลายเป็นสายหมอก ปกคลุมไปทั่วทั้งถ้ำแห่งเซียนนั้น กระจายออกไปสิบจ้างในทุกทิศทาง ล้อมรอบเมิ่งฮ่าวไว้ภายใน

“หลังจากที่กลืนเม็ดยาพื้นฐานลมปราณ ร่างของข้าก็จะนิ่งแข็ง ไม่สามารถขยับตัวได้” เขามองไปที่สายหมอกที่ถูกสร้างโดยธงผืนน้อย “ด้วยธวัชสายฟ้านี้ ข้าก็ถูกปกป้องไว้ ไม่มีใครสามารถมารบกวนข้าได้ เมื่อดูจากระดับฝึกตนของข้าในตอนนี้ ข้าจะกลายเป็นอัมพาตในไม่ช้า”

ด้วยของวิเศษที่เขาได้มาจากปรมาจารย์เอกะเทวะ หยกผนึกอสูร เป็นสิ่งของที่ลี้ลับมากที่สุด แต่สิ่งที่เขาชอบมากที่สุด นอกจากภูเขาหินลมปราณแล้ว ก็เป็นธงน้อยผืนนี้ สำหรับเครื่องรางนำโชค เขายังคงไม่สามารถบอกอะไรเกี่ยวกับมันได้ เขาคงต้องศึกษามันให้มากกว่านี้ หลังจากที่บรรลุขั้นพื้นฐานลมปราณ

สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาหยิบเม็ดยาใส่เข้าไปในปากหนึ่งเม็ด มันละลายไปในทันที และพลังลมปราณอันไร้ขอบเขตก็สั่นสะเทือนไปทั่วร่าง จนตัวสั่นสะท้าน มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขากลืนเม็ดยาพื้นฐานลมปราณ แต่ทุกครั้งที่กลืนมันลงไป ก็รู้สึกราวกับว่า เขาเป็นเรือลำน้อย ที่ลอยอยู่ท่ามกลางคลื่นยักษ์ที่สาดซัดกระหน่ำมา เสียงกระหึ่มกึกก้องเต็มอยู่ในศีรษะ เขาโคจรพลังลมปราณต่อไป

พลังลมปราณอันไร้ขอบเขต ไหลเวียนไปทั่วร่างของเมิ่งฮ่าว ไหลเข้าไปในแกนทะเลลมปราณ ทำให้มันส่งเสียงดังกระหึ่ม และพลุ่งพล่านปั่นป่วนไปมา ทันใดนั้น แกนอสูรภายในร่างก็ดูเหมือนว่า กำลังจะกลายเป็นเสาแห่งเต๋า

เมื่อเสาแห่งเต๋าปรากฎขึ้น เมิ่งฮ่าวก็จะทะลวงผ่านจาก ขั้นรวบรวมลมปราณ และก้าวข้ามไปสู่การฝึกตนที่แท้จริง…พื้นฐานลมปราณ

เมื่อไหร่ที่อยู่ในขั้นพื้นฐานลมปราณ เขาก็จะไม่กลับไปเป็นมนุษย์ธรรมดาอีกต่อไป เขาจะเดินไปบนวิถีทางแห่งการฝึกตนอย่างแท้จริง และจะไม่เป็นส่วนหนึ่งของโลกมนุษย์อีกต่อไป การตกกลับไป เป็นการบ่งชี้ว่า เขาไม่สมควรที่จะอยู่ในโลกแห่งการฝึกตนนี้!

เขาจะเป็นนาวาที่ล่องทวนสายนที

ซึ่งสามารถสรุปด้วยวลี “มุ่งหน้าต่อไป, มิเช่นนั้นก็ตกอยู่ด้านหลัง”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version