บทที่ 1003 วิชาสมบูรณ์แบบ
จีหลานรออยู่ชั้นเจ็ดของหอคอยดาราม่วงเป็นเวลานานถึงจะเข้าใจ จ้าวเฟิงไม่ได้ไปเดินๆ ดูที่ชั้นแปดเท่านั้น แต่เขาฝึกตนที่นั่นจริงๆ
ในตอนนั้นที่นางรออยู่ที่นี่ ก็ย่อมอยากจะดูว่า จ้าวเฟิงที่ฝึกตนอยู่ในชั้นเจ็ดเป็นระยะเวลาสามวันติดต่อกัน หลังจากเข้าไปที่ชั้นแปดแล้วจะทนได้นานเท่าไหร่
ตามสถานการณ์ปกติทั่วไปแล้ว จ้าวเฟิงสามารถอยู่ที่นั่นได้สามชั่วยามก็นับว่าไม่เลวแล้ว
ต้องรู้ไว้เลยว่า ผู้อาวุโสขอบเขตเทวาเร้นลับในตระกูล เมื่อเข้าไปในชั้นที่แปดด้วยสภาวะที่สมบูรณ์พร้อมยังอยู่ได้นานที่สุดแปดชั่วยามเท่านั้น และในชั้นแปดของหอคอยดาราม่วงมีจ้าวเฟิงเพียงคนเดียว
โลกที่จ้าวเฟิงอยู่ตอนนี้ รอบบริเวณเต็มไปด้วยหมอกสีม่วงหนาแน่น หนักอึ้งเหนียวหนืดราวโคลน
ในยามที่เปลี่ยนหมอกหนารอบตัวให้เป็นเขตแดนเมืองมายาของเขา จ้าวเฟิงเหมือนจะมองเห็นหน้าตาของเขตแดนเมืองมายาที่เปลี่ยนเป็นโลกมิติส่วนตัวแล้ว
ด้วยความสามารถในการพัฒนาของจ้าวเฟิง บวกกับความช่วยเหลือจากหอคอยดาราม่วง จ้าวเฟิงจึงมีแนวคิดที่ชัดเจนเรื่องโลกมิติเมืองมายาอย่างรวดเร็ว
อย่างไรเสียเดิมจ้าวเฟิงเองก็มีประสบการณ์ในการสร้างโลกมิติส่วนตัวมาก่อน
“ ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ ก็ฝึกฝนไปจนถึงขั้นที่ห้าแล้ว!”
จ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึงความเร็วในการฝึกที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งของตน
วิชานี้มีทั้งหมดสิบขั้น สามขั้นแรกเป็นพื้นฐาน ด้วยเหตุนี้จ้าวเฟิงจึงฝึกสำเร็จทั้งหมดในเวลาคืนเดียว
หลังจากนั้น ด้วยความช่วยเหลือจากหอคอยดาราม่วง จ้าวเฟิงใช้เวลาเพียงสามวันฝึกฝนก็ไปถึงขั้นที่ห้าแล้ว
อีกทั้งเมื่ออยู่ในชั้นที่แปดของหอคอยดาราม่วง ความเร็วในการฝึก ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
แน่นอนว่า ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ ที่กำลังจะสมบูรณ์นี้ก็มีประโยชน์ช่วยผลักดันพอควร อย่างไรเสีย ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ ก็เป็นวิชาต่อยอดของมัน
ในเวลาเดียวกันกับการฝึกวิชาทั้งสองแขนงด้านบน
จ้าวเฟิงยังแบ่งห้วงความคิดส่วนหนึ่งออกมา เพื่อทำความเข้าใจเนื้อหาของหนังสือตำราส่วนหนึ่งที่เซียนซิงหมัว เก็บสะสมเอาไว้ โดยเฉพาะตำราในชั้นหนังสือทางขวา เรื่องที่เกี่ยวกับวิชาดวงตามีมากมายมหาศาล มีทฤษฎีจำนวนมากที่จ้าวเฟิงยังไม่เคยเห็นมาก่อน
ตำราเหล่านี้เปิดโลกให้กับจ้าวเฟิงอย่างมากทั้งในด้านความรู้ต่างๆ และพื้นฐานทฤษฎี ในภายภาคหน้าหากจ้าวเฟิงเจอวิชามากมาย ก็จะสามารถผสานรวมวิชาได้อย่างสมบูรณ์แบบ หรือถึงกระทั่งสร้างสรรค์ขึ้นใหม่เอง
สามชั่วยามต่อมา ต่อให้จ้าวเฟิงโคจรเคล็ดวิชา ความคิดจิตใจของเขาเองก็เริ่มวุ่นวายแล้ว จ้าวเฟิงจึงเร่งโคจร ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ ที่ฝึกฝนเมื่อไม่นานมานี้ขึ้น
ประโยชน์ของ ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ ที่มีต่อดวงวิญญาณ เทียบเท่าได้กับผลที่วิชาฝึกฝนร่างกายมีต่อร่างกาย
หลังจากโคจร ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ แล้ว ดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงจึงมีชีวิตชีวามากขึ้น พลังวิญญาณก็เพิ่มขึ้นมากเช่นกัน
ผลเช่นนั้นของมันทำให้จ้าวเฟิงตกใจ
“ดูไปแล้ว เห็นทีในตอนแรกข้าจะประเมิน ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ ต่ำไป!”
จ้าวเฟิงเอ่ยพึมพำ
ดวงวิญญาณกระปรี้กระเปร่าเพิ่มขึ้นมาก ดังนั้นการกัดกร่อนของหอคอยดาราม่วงในชั้นที่แปดจึงลดลงอีก
สี่ชั่วยาม
ห้าชั่วยาม!
แต่ภายนอกหอคอยดาราม่วงเกิดเสียงวิจารณ์อึงอื้อแล้ว
“คิดไม่ถึงว่าจะอยู่ในนั้นได้ถึงห้าชั่วยาม!”
“พลังวิญญาณไปถึงขั้นเซียนในเบื้องต้น แล้วจะอยู่ในหอคอยดาราม่วงชั้นที่แปดได้นานขนาดนี้เลยหรือ? ”
“นอกเสียจากจีเติงเทียนจะได้สมบัติล้ำค่าประเภทวิญญาณมาจากในสุสานราชวงศ์? ”
ลูกหลานตระกูลจีจำนวนมากคาดเดาไปต่างๆ นานา
“จีเติงเทียน!” สีหน้าของจีเซิ่งหมิงมืดทะมึนและขุ่นเคือง
ถึงแม้ว่าเขาจะพ่ายแพ้จีเติงเทียนในการชิงตำแหน่งรายชื่อของการทดสอบคัดเลือกรัชทายาท แต่จีเซิ่งหมิงตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าเขาจะต้องอยู่เหนือจีเติงเทียนให้ได้
แต่ในตอนนี้ จีเติงเทียนอยู่ในชั้นที่แปดของหอคอยดาราม่วงถึงห้าชั่วยามแล้ว
ทำให้เขาขาดความมั่นใจไปชั่วขณะหนึ่ง
ในขณะที่ทุกคนกำลังถกเถียงกันนั้นเอง จีเติงเทียนก็เดินออกมาจากทางเข้าของหอคอยดาราม่วง
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? คนมากขนาดนี้? ”
จีเติงเทียนชะงักค้างไปเล็กน้อย แล้วจึงมองตามสายตาของคนอื่นขึ้นไปด้านบน
“ถึงชั้นที่แปดจะมีคน ก็ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกประหลาดอะไร!”
จีเติงเทียนพูดไม่ค่อยออก
ลูกศิษย์ทั้งหลายด้านนอกหอคอยดาราม่วง ยามมองเห็นจีเติงเทียนเดินออกมาจากหอคอยต่างก็อ้าปากค้าง ตัวแข็งทื่อเป็นท่อนไม้
“จีเติงเทียน เจ้าไม่ได้อยู่ที่ชั้นแปดหรอกหรือ? ทำไมเจ้าถึงออกมาแล้ว? ชั้นที่แปดยังสว่างอยู่เลย…”
จีเหลียนเอ่ยปากอย่างตื่นตะลึง ทว่าในใจของเขากำลังตะโกนก้อง เหตุใดแสงสว่างในชั้นแปดยังไม่ดับลง
“ข้ายังไม่ได้เข้าไปในชั้นแปดเลย ข้าสามารถเข้าไปชั้นที่แปดได้ก็จริงอยู่ แต่น่าจะอยู่ได้ไม่ถึงช่วงเวลาหนึ่งถ้วยชา!”
จีเติงเทียนส่ายศีรษะ เขายังต้องเพียรพยายามต่อไปถึงจะเป็นไปได้
เมื่อได้ยินคำตอบของจีเติงเทียนแล้ว คนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ฮือฮาอีกครั้ง
“กลายเป็นว่าไม่ใช่จีเติงเทียน เช่นนั้นแล้วเป็นใครกันที่อยู่ในชั้นที่แปด? ”
“เรื่องนี้ ข้าจำได้ว่าคนอื่นๆ ที่อยู่ในชั้นที่เจ็ดน่าจะทำเช่นนี้ไม่ได้!”
เมื่อจีเติงเทียนได้ยินคำพูดของกลุ่มคน ก็รู้สึกแปลกใจเช่นเดียวกัน
หลายวันมานี้ยังไม่มียอดฝีมือขั้นเซียนเข้าไปในหอคอยดาราม่วง อีกทั้งหอคอยดาราม่วงชั้นที่แปดกลับสว่างเจิดจ้าขึ้นมาเสียเฉยๆ
ที่สุดแล้วเป็นใครกันแน่ที่อยู่ในชั้นที่แปด!
ทุกคนตื่นตะลึงมากขึ้นกว่าเดิมอย่างอดไม่ได้
ด้านหลังลูกศิษย์จำนวนมากที่อยู่ล้อมรอบหอคอยดาราม่วง จีหลานลอบยิ้มกับตัวเอง นางจะไม่บอกคนเหล่านี้ว่าคนที่อยู่ในชั้นที่แปดก็คือจ้าวเฟิง
ด้านนอกตำหนักเซียนซิงหมัวในตอนนี้
เงาร่างคนผมม่วงที่แก่ชราสองร่างยืนอยู่ในวงนั้นด้วย
“ซิงหมัว เจ้าบอกว่าองค์ชายแปดเลือกอยู่ข้างเดียวกับองค์ชายเก้าใช่หรือไม่? ”
ผู้อาวุโสสวมครอบมวยผมสีม่วงคนหนึ่งมีท่าทีตกใจ
ไม่เพียงแต่จะตกใจที่องค์ชายเก้าสามารถชิงเอาตำแหน่งรัชทายาทมาได้ เป็นสิ่งที่เขาคาดคิดไม่ถึงจริงๆ
และเมื่อครู่นี้ เซียนซิงหมัวได้เล่าเรื่องราวสำคัญส่วนหนึ่งในการทดสอบคัดเลือกรัชทายาทให้ฟัง
“นี่ข้าจำเป็นต้องหลอกเจ้าด้วยหรืออย่างไร? ”
เซียนซิงหมัวยิ้มแย้มเล็กน้อย
“จ้าวเฟิงผู้นี้จะต้องไม่ธรรมดาแน่ ถึงขั้นเข้าไปยังหอคอยดาราม่วงชั้นที่แปดได้!”
ผู้อาวุโสเอ่ยเสียงต่ำ
ในตอนนี้เขายังสงสัยอยู่ว่าองค์ชายเก้าจะพึ่งพาจักรพรรดิเพียงคนหนึ่ง พลิกผันสถานการณ์ทั้งหมด จนสุดท้ายชิงเอาตำแหน่งรัชทายาทมาได้
“เป็นเวลาห้าช่วงยามแล้ว หรือว่าเขาจะทนไปจนถึงแปดชั่วยาม? ”
ผู้อาวุโสสวมครอบมวยผมม่วงมีความหวังอยู่เล็กน้อย
“เหอะๆ พลังวิญญาณของเขาสูงส่งกว่าเซียนทั่วไปเสียด้วยซ้ำ!”
เซียนซิงหมัวเอ่ยพลางยิ้ม
เขาเคยพูดคุยสัมผัสกับจ้าวเฟิงมาหลายครั้ง จึงมีความเข้าใจในตัวของจ้าวเฟิงไม่น้อย
“ความหมายของเจ้าคือเขาอาจจะอยู่ในนั้นได้เกินแปดชั่วยามงั้นหรือ? ”
ผู้อาวุโสต้องตกใจอีกครั้ง
“พนันกันก็ได้ ข้าพนันว่าเขาจะอยู่ในนั้นสิบชั่วยาม พนันกับตำราวิชาดวงตาที่เจ้าได้มาเมื่อคราวก่อน!”
เซียนซิงหมัวกลอกดวงตา น้ำเสียงเจ้าเล่ห์
“ได้ แต่ถ้าเจ้าเป็นฝ่ายแพ้ ข้าต้องการของที่เจ้าได้มาจากจ้าวเฟิง!”
ผู้อาวุโสสวมครอบมวยผมสีม่วงม่วงลังเลอยู่ครู่หนึ่งถึงจะตอบตกลง
เข้าไปในหอคอยดาราม่วงครั้งแรก มีเพียงขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นต้น ถึงมีความเป็นไปได้ว่าจะอยู่ในชั้นที่แปดได้มากกว่าสิบชั่วยาม แต่จากผู้อาวุโสผู้นี้ล่วงรู้มา ก่อนหน้านี้จ้าวเฟิงอยู่ในชั้นที่เจ็ดสามวัน ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่กล้าจะวางเดิมพันนี้
อีกทั้ง จ้าวเฟิงสามารถเข้าไปในชั้นวางหนังสือทางขวาของเซียนซิงหมัวได้ แปลว่าจะต้องให้สิ่งของที่เซียนซิงหมัวถูกใจแน่นอน
“หากว่าเขาอยู่ได้นานกว่านั้นหรือไม่ก็ขึ้นไปชั้นที่เก้าเล่า? ”
เซียนซิงหมัวนึกถึงอะไรบางอย่างออกจึงเอ่ยพลางหัวเราะเสียงดัง
“ฮ่า ฮ่า ซิงหมัว เจ้าชราไปแล้วจริงๆ ถ้าหากว่าเขาเข้าไปในชั้นที่เก้าได้ละก็ ข้าจะยกอำนาจทุกอย่างในตระกูลจีให้เจ้าไปเลย!”
ผู้อาวุโสสวมครอบมวยผมม่วงอดจะหัวเราะไม่ได้
จะต้องรู้ว่า มาตรฐานที่ต่ำที่สุดในชั้นที่เก้าคือราชาแห่งเซียน แต่ในระยะเวลากว่าหมื่นปีนี้ ไม่มีคนของตระกูลจีเข้าไปในชั้นที่เก้าได้เลย ขนาดผู้อาวุโสยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าชั้นที่เก้ามีหน้าตาเป็นอย่างไร
“ได้ ท่านเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลจี จะต้องรักษาคำพูด!”
ในหอคอยดาราม่วง จ้าวเฟิงอยู่ในชั้นที่แปดเป็นเวลาหกชั่วยามแล้ว
สตินึกคิดวิญญาณของเขาเริ่มสับสนวุ่นวายอีกครั้ง
ต่อให้โคจร ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ และ ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ ก็ไม่มีประโยชน์อะไร
“หอคอยดาราม่วงไม่ส่งผลช่วยอะไรมากนักกับการฝึกฝน ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’!”
จ้าวเฟิงถอนหายใจเล็กน้อย
แต่ในตอนนี้ ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ ของจ้าวเฟิงเหลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้นก็จะไปถึงสภาวะสมบูรณ์ ถึงแม้ว่าจะยังขาดอีกเพียงก้าวเดียว แต่กลับเป็นก้าวเดียวที่ยากเย็นที่สุด
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็คงจะต้องใช้วิธีพิเศษแล้ว!”
จ้าวเฟิงตัดสินใจอย่างแน่วแน่
เขาเอาหญ้าประหลาดล้ำค่าจำนวนมากที่ชะล้างดวงวิญญาณจากในมนตราอากาศออกมา และกินมันเข้าไป
จิตสำนึกของจ้าวเฟิงกระจ่างแจ้ง และกลับคืนสู่สภาวะปกติ
ในเวลาพร้อมกันนั้นเอง จ้าวเฟิงก็ได้โคจร ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ อย่างเต็มที่
หนึ่งห้วงความคิดแบ่งเป็นหกพัน…เจ็ดพัน…แปดพัน…
เก้าพัน!
จ้าวเฟิงแบ่งห้วงความคิดของตนเองทั้งหมดออก แล้วต่างแยกย้ายกันทำหน้าที่
พร้อมกันนั้น จ้าวเฟิงก็ฝึกฝน ‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ และดูดซึมเอาพลังอัสนีเทวะในกะโหลกครึ่งเซียน หล่อหลอมกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ ฝึกฝนกลยุทธ์วิชาต่างๆ วิชาดวงตา และยังอ่านตำราจำนวนหลายพันเล่มในความทรงจำ…
จ้าวเฟิงไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน แบ่งห้วงความคิดออกเป็นจำนวนมากที่สุด แถมยังใช้มันทั้งหมดด้วย!
ในวินาทีนี้ จ้าวเฟิงรู้สึกเหมือนว่าสมองของเขากำลังจะระเบิดออก
ดีที่สมบัติล้ำค่าทางวิญญาณที่ใช้ไปเมื่อครู่ ทำให้เกิดพลังวิญญาณที่แปลกประหลาดออกมาไม่หยุด ฟากหนึ่งก็ป้องกันการรบกวนของหมอกสีม่วง และในเวลาเดียวกันยังหล่อเลี้ยงวิญญาณของจ้าวเฟิงด้วย
หากสิ้นเปลืองต่อไปเช่นนี้ ฤทธิ์ยาของสมบัติล้ำค่าทางวิญญาณที่จ้าวเฟิงกินไปก็จะถูกดูดซึมจนหมด
ในเวลาหกชั่วยาม
สมบัติล้ำค่าวิญญาณที่จ้าวเฟิงใช้ไป ผลลัพธ์ของยาดังกล่าวถูกดูดซึมไปหมดจดแล้ว ภาพรอบตัวของจ้าวเฟิงก็เริ่มบิดเบี้ยวเปลี่ยนแปลงไป
แต่ในวินาทีนั้นเอง ความคิดจิตวิญญาณของจ้าวเฟิงเกิดระลอกวิญญาณที่สงบนิ่ง อาการไม่สบายในวิญญญาณของเขาหายไปจนหมด
ในวินาทีนั้น โลกรอบตัวจ้าวเฟิงกลับมาเป็นดังเดิมอีกครั้ง
‘ ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ สมบูรณ์แล้ว พลังวิญญาณก็เข้าใกล้ขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นต้นไปทุกที!’
จ้าวเฟิงยินดีในใจอย่างยิ่ง
คิดไม่ถึงว่า ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ ที่ได้มาจากท่านอาจารย์ตวนมู่ชิงในตอนนั้น จะสามารถช่วยให้จ้าวเฟิงฝึกฝนพลังวิญญาณมาจนถึงระดับนี้ ในอีกด้านหนึ่ง นี่ก็ได้พิสูจน์ระดับขั้นของ ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ ด้วย
หลังจากที่ ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ สมบูรณ์แล้ว จ้าวเฟิงก็จะสามารถใช้ห้วงความคิดจำนวนมากฝึก ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ เขารู้สึกว่าความเร็วในการฝึกวิชานี้เพิ่มขึ้นไปส่วนหนึ่งอีกครั้ง
พัฒนาการในพลังวิญญาณของจ้าวเฟิง ทำให้เขาสามารถต้านทานหอคอยดาราม่วงชั้นแปดได้มากยิ่งขึ้น
ถ้าหากว่าเป็นเช่นนี้ต่อไป ระยะเวลาที่จ้าวเฟิงอยู่ในชั้นนี้ก็จะยาวนานมากขึ้น
ด้านนอกของหอคอยดาราม่วงเกิดเสียงดังอื้ออึง
“แปดชั่วยามแล้ว ชั้นที่แปดก็ยังสว่างอยู่เลย!”
“นี่เป็นไปไม่ได้ หรือว่าหอคอยดาราม่วงจะเกิดเสียหายอะไรกระมัง”
“อาจจะเป็นไปได้นะ ปกติแล้วชั้นที่แปดจะไม่มีคน หอคอยดาราม่วงคงเกิดเหตุขัดข้องจริงๆ!”
คนที่โลกภายนอกไม่มีใครเชื่ออีกแล้ว จะมีใครกันที่หลังจากพลังวิญญาณแตะขั้นเซียนแล้วจะสามารถอยู่ในชั้นที่แปดได้นานขนาดนี้
“จีเติงเทียน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเป็นผู้ใดกัน? ”
จีเซิ่งหมิงเอ่ยถามอย่างสงสัย
จีเติงเทียนหวนคิด ในตอนที่เขาเข้าไปยังชั้นที่แปด หลายคนในนั้นเขาก็รู้จักหมด และในตอนที่จากมาก็ยังเป็นคนเหล่านั้นอยู่ดี
“ไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก คนอื่นๆ ในชั้นที่เจ็ดน่าจะไม่มีใครสามารถผ่านเข้าไปในชั้นที่แปดได้!”
จีเติงเทียนเอ่ยด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“นี่เป็นไปไม่ได้กระมัง!”
กระทั่งจีหลานก็เกินจะเชื่อแล้ว จ้าวเฟิงคงไม่เป็นอะไรไปข้างในนั้นกระมัง คนปกติจะยังอยู่ในชั้นที่แปดได้อย่างไรกัน
เสียงโครมครามในละแวกใกล้เคียงกับหอคอยดาราม่วง ย่อมสร้างความตื่นตระหนกให้กับคนในตระกูล เซียนก็มีอยู่น้อยนิด แต่พวกเขาก็ไม่ได้เข้าไปสอดส่องภายใน แต่เลือกรอดูเรื่องประหลาดใจนี้อยู่ด้านนอก
เมื่อฟ้าเริ่มสว่าง
เป็นเวลาสิบชั่วยามแล้ว หอคอยดาราม่วงชั้นที่แปดก็ยังคงเปล่งแสงเรืองรองอยู่!
ในหอคอยดาราม่วง จ้าวเฟิงเปิดดวงตาออก
ถึงเขาจะฝึก ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ จนสมบูรณ์ แต่ก็ไม่มีทางที่เขาจะอยู่ในชั้นที่แปดได้นานขนาดนี้ โชคดีที่พลังอัสนีเทวะในกายวิญญาณอัสนี สามารถกำจัดหมอกสีม่วงที่แทรกซึมเข้าไปในวิญญาณของจ้าวเฟิงได้ แต่ก็ยังไม่ใช่แผนการที่ใช้ได้ในระยะยาว เพราะอัตราการสิ้นเปลืองพลังอัสนีเทวะมากกว่าความเร็วในการฟื้นฟูพลัง
ในวันนี้ ตราประทับอัสนีเทวะในวิญญาณของจ้าวเฟิงก็เหลือเพียงห้าส่วนเท่านั้น
“ยังพอจะทนได้อีกช่วงเวลาหนึ่ง!”
สิทธิ์ผ่านทางในดาราม่วงมีเพียงแค่หนึ่งครั้ง จ้าวเฟิงไม่อยากสิ้นเปลืองโอกาสอันดีนี้ไปง่ายๆ
‘ไม่รู้ว่าชั้นที่เก้าจะเป็นอย่างไร!’ จ้าวเฟิงอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้
หากใช้ไพ่ตายทั้งหมดที่มีบวกกับพลังอัสนีเทวะ บางทีจ้าวเฟิงอาจจะสามารถเข้าไปในชั้นที่เก้าได้ แต่หากล้มเหลว แม้แต่ชั้นที่แปดจ้าวเฟิงก็จะอยู่ต่อไม่ไหว
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จ้าวเฟิงจึงตัดสินใจ
“ขอข้าดูหอคอยดาราม่วงชั้นที่เก้าหน่อยเถอะ!”