Skip to content

King of Gods 1007

King Of Gods

บทที่ 1007 จัดระเบียบขั้วอำนาจ

“น่าตายนัก ทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้!”

ในขณะที่เซียนเงาทมิฬโบยบินหนีก็สบถด่า

ก่อนที่การทดสอบคัดเลือกรัชทายาทจะเริ่มขึ้น เขาถูกวังเก้านิรยส่งมาที่แถบชายทะเลเพื่อยั่วยุและคุกคามขั้วอำนาจรอบบริเวณให้บุกยึดครองหอควันสมุทร

เป้าหมายคือการใช้ยอดฝีมือขั้นเซียนของขั้วอำนาจสามดาวแห่งอื่น บีบให้จ้าวเฟิงใช้ศรสังหารเทพดอกสุดท้าย

ทันทีที่ยิงศรสังหารเทพออกมา จ้าวเฟิงมีแต่ต้องตายสถานเดียว

แต่หลังจากที่การทดสอบคัดเลือกรัชทายาทจบลง วังเก้านิรยก็เร่งส่งข่าวมาให้เซียนเงาทมิฬ

คนระดับสูงของวังเก้านิรยกลับบอกเซียนเงาทมิฬว่า จ้าวเฟิงมีความสามารถมากพอจะสังหารขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นแรกเริ่มแล้ว บวกกับมีฝูงสัตว์อสูรที่น่ากลัว ต่อให้เป็นการรบแบบหมู่ก็ไม่ต้องหวาดกลัวแม้แต่น้อย

จะต้องรู้ว่า ระหว่างเซียนด้วยกันก็มีที่แข็งแกร่งและอ่อนแอ แต่ในฐานะเป็นขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นแรกเริ่มเหมือนกัน คิดจะสังหารคนในขั้นเดียวกันยังค่อนข้างจะลำบากเอาการ

เซียนเงาทมิฬจำใจเชื่อคำแก้ตัวของพวกระดับสูงแห่งวังเก้านิรย เขาจึงหาข้ออ้างจากไปชั่วคราว ที่จริงแล้วเขาเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับตาตลอดเวลา

ไม่นึกเลยว่าเขาจะสำรวจเห็นภาพเหตุการณ์ที่น่ากลัวเช่นนี้

จ้าวเฟิงที่มีพลังขนาดนี้ บวกกับศรสังหารเทพ ลูกหลานของตระกูลจี ฝูงสัตว์อสูร ต่อให้เป็นขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นแรกเริ่มสามคนอย่างพวกเขาก็รับมือไม่ไหว

โชคดีที่วังเก้านิรยส่งข่าวมานานแล้ว ไม่เช่นนั้นเขาก็คงจะพ่ายแพ้อยู่ที่นี่

“ช่างรวดเร็วอย่างยิ่ง!”

ทางด้านหลัง เซียนเงาทมิฬสัมผัสได้ถึงจิตสังหารเย็นเยือกกับระเบิดวายุอัสนีมหาศาล

เดิมเซียนเงาทมิฬชำนาญการหลบหนี ในตอนนี้เขากลับสลัดจ้าวเฟิงไม่หลุด

“ระลอกเงาราตรีกาล!”

เซียนเงาทมิฬกลายเป็นลำแสงอ่อนสายหนึ่ง หายไปกับความว่างเปล่า ข้ามผ่านไปหลายหมื่นลี้ทันที

“ปีกอัสนีผ่านฟ้า!” จ้าวเฟิงกระตุ้นวายุอัสนีธาตุไฟ ข้ามผ่านอากาศสำเร็จอีกครั้งหนึ่ง

เซียนเงาทมิฬเป็นขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นแรกเริ่มซึ่งว่องไวที่สุดเท่าที่จ้าวเฟิงเคยเจอมา ปีกอัสนีผ่านฟ้าของจ้าวเฟิงยังไม่สามารถไล่ตามได้ในเวลาสั้นๆ

“ธนูเหนือนภา!”

บนคันธนูโบราณสีเงินในมือจ้าวเฟิง ปรากฏเป็นธนูแสงวายุอัสนีสีทอง หลังเกิดเสียงดัง ‘ฟึ่บ’ ก็พุ่งผ่านไปในทะเลหมอกความว่างเปล่า

ฟุ่บ เปรี๊ยะ! ธนูแสงวายุอัสนีปรากฏขึ้นอีกครั้ง จากนั้นทะลวงผ่านทรวงอกของเซียนเงาทมิฬ

“บัดซบ เจ้าเด็กนี่!”

เซียนเงาทมิฬพลันหยุดชะงัก

ในธนูดอกนี้แฝงพลังวายุอัสนีคลั่ง หนำซ้ำพลังของอัสนีเทวะทำลายล้างยังส่งผลควบคุมอย่างมากต่อกายศักดิ์สิทธิ์ของเซียน

หลังจากปลดปล่อยการโจมตีครั้งหนึ่งแล้ว จ้าวเฟิงจึงสำแดงปีกอัสนีผ่านฟ้าอีกครั้ง และเข้าใกล้เซียนเงาทมิฬมากขึ้น

ในทะเลหมอกความว่างเปล่า พลังจิตวิญญาณรางเลือนขยับวูบแล้วหายไป

ดวงตาเทพจับเป้าหมายประทับลงเรียบร้อยแล้ว!

ในตอนที่จ้าวเฟิงประทับดวงตาเทพจับเป้าหมายลงไป เซียนเงาทมิฬที่กำลังเจ็บปวดจากธนูแสง ความรู้สึกอ่อนแรงเล็กน้อยนั้นถูกกวาดผ่านไป

ฟุ่บ วูบ!

เซียนเงาทมิฬรู้สึกได้ถึงภัยอันตรายที่คืบคลานเข้ามา ไม่สนใจอาการบาดเจ็บ กลายเป็นแสงสลัวสายหนึ่งผสานเข้าไปในอากาศ

“ดูซิว่าเจ้าจะหนีไปได้สักเท่าไหร่!”

จ้าวเฟิงลอยอยู่กลางอากาศ หลับตาสองข้างลง สัมผัสถึงตำแหน่งของเซียนเงาทมิฬเล็กน้อย แล้วพลันง้างสายธนู

ฟึ่บ! ธนูแสงสีม่วงเข้มที่แฝงการโจมตีวิญญาณทะลวงผ่านอากาศ

ฉัวะ! จ้าวเฟิงสัมผัสได้ว่าการโจมตีวิญญาณของเขาถูกเซียนเงาทมิฬ

“เป็นไปได้อย่างไร? อยู่ไกลกันขนาดนี้ ธนูเหนือนภาก็ไม่ได้เล็งเป้าหมายมาที่ข้า!”

เซียนเงาทมิฬตกตะลึง

เขาย่อมรู้เรื่องธนูเหนือนภา แต่ยามนี้จ้าวเฟิงไม่ได้ไล่ตามมาแล้ว แถมยังไม่รู้สึกว่าโดนธนูเหนือนภาเล็งเป้าหมาย แต่คิดไม่ถึงว่าธนูดอกนั้นจะปักลงบนร่างของเขา นี่มันออกจะแปลกประหลาดจริงๆ!

ในขณะที่เซียนเงาทมิฬกำลังครุ่นคิด ธนูแสงอีกสายหนึ่งพุ่งมาอีกครั้ง

เซียนเงาทมิฬรีบโบยบินหนีไป เขาบินวนเป็นเส้นโค้ง แต่ก็ยังคงโดนธนูแสงปักโดนอยู่ดี

รู้สึกไม่เหมือนโดนเล็งเป้าหมาย แต่ธนูแสงนั่นกลับไล่ตามเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย!

“สำนักมาร รีบออกไป!” เซียนเงาทมิฬไม่กล้ารั้งอยู่ จึงบินหนีต่อไป

แต่ธนูแสงหลายต่อหลายสายยังพุ่งแทงเขา ไร้หนทางหลบหลีก!

“บัดซบ นี่จะต้องไม่ใช่ธนูเหนือนภาแน่ หรือว่าจะเป็นธนูวิเศษโบราณ?”

เซียนเงาทมิฬร่างกายดำเมี่ยม สีหน้าจนตรอก นี่ต้องไม่ใช่ลักษณะพิเศษของธนูเหนือนภา

เขาหนีเอาชีวิตรอดไม่หยุด กลับไม่อาจสลัดธนูแสงเหล่านี้ได้สักที จนในที่สุดเซียนเงาทมิฬมาถึงค่ายกลข้ามเมืองของเมืองแห่งหนึ่ง จากนั้นข้ามผ่านไปยังอีกเมือง

“ไว้ชีวิตเขาก่อนแล้วกัน!” จ้าวเฟิงเก็บธนูเหนือนภา

ระยะทางไกลเกินไป พลานุภาพของธนูเหนือนภาที่สร้างบาดแผลให้เซียนเงาทมิฬจะลดลงไป หากสุดท้ายไม่อาจสังหารเซียนเงาทมิฬได้ สัญญาณที่แปลกประหลาดแบบนี้จะทำให้เขาเกิดสงสัย ดวงตาเทพจับเป้าหมายอาจถูกทำลายลงจากความช่วยเหลือของคนระดับสูงในวังเก้านิรย

ไม่สู้ไว้ชีวิตเขาเป็นการชั่วคราว ไม่แน่ว่าในภายหน้าอาจจะมีประโยชน์

ขอแค่ไม่ใช่ราชาแห่งเซียนยื่นมือเข้ามายุ่ง ดวงตาเทพจับเป้าหมายของจ้าวเฟิงก็ยากจะถูกสังเกตเจอ บุญคุณความแค้นระหว่างจ้าวเฟิงและวังเก้านิรย แทบถึงขั้นที่ต้องตายตกกันไปข้างแล้ว

ในตอนนี้ จ้าวเฟิงเป็นสมาชิกคนสำคัญเบื้องหลังองค์รัชทายาท ขั้วอำนาจทรงพลัง วังเก้านิรยก็ไม่อาจจะออกหน้ามายุ่ง

ไม่เช่นนั้น ก็จะกลายเป็นขั้วอำนาจเบื้องหลังที่องค์ชายสิบสามคิดจะใช้แย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท ลดทอนพลังอำนาจขององค์ชายเก้า

ถึงองค์ชายสิบสามจะเป็นลูกคนโปรดที่สุดของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์และฮองเฮา ถ้าหากทำเรื่องเช่นนี้ก็จะหลุดออ กจากตำแหน่งรัชทายาทเช่นกัน

ในตอนนี้ จ้าวเฟิงและองค์ชายเก้าลงเรือลำเดียวกันแล้ว

ถ้าหากองค์ชายเก้าเกิดเหตุไม่คาดฝัน พลาดตำแหน่งรัชทายาทไป จนถึงตอนนั้นคงเป็นเวลาที่วังเก้านิรยทุ่มเทแรงสังหารจ้าวเฟิง

พรึ่บ! จ้าวเฟิงโบกเกราะแขนในมืออยู่กับที่ เกิดเงาสีเงินทับซ้อนปรากฏขึ้นรอบกาย ก่อนพลันอ่อนแสงลงและสลายหายไป

พรึ่บ! วินาทีต่อมา จ้าวเฟิงปรากฏกายขึ้นกลางอากาศเหนือหอควันสมุทร

แซ่ด! ชายเกราะทองและขั้วอำนาจจำนวนมากของสำนักปีศาจเพลิงและหอแปดดารา ต่างก็รู้สึกถึงความหนาวเหน็บที่ซึมลึกเข้าไปในกระดูกทันใด

ยอดฝีมือไม่น้อยกำลังเตรียมตัวหาโอกาสหนี ตื่นตกใจไม่น้อยเมื่ออยู่ๆ จ้าวเฟิงปรากฏกาย

ในตอนนี้ ลูกศิษย์และสมาชิกหอควันสมุทรหลุดพ้นออกจากสถานการณ์ที่ยากลำบาก เซียนราตรีทมิฬ เฒ่าประหลาดสวี และพวกก็กำลังถูกรักษา

ปี้ชิงเยวี่ยเห็นจ้าวเฟิงกลับมาก็วางใจ

ด้านนอกและด้านในหอควันสมุทรยุ่งมือเป็นระวิง

กลางอากาศ เหลือแค่คนตระกูลจีกับขั้วอำนาจอย่างหอแปดดาราและสำนักปีศาจเพลิง

“จ้าวเฟิง เจ้าจัดการเซียนเงาทมิฬแล้วหรือ?”

ชายเกราะทองถามหยั่งเชิง

เซียนเงาทมิฬมีชื่อเสียงเรื่องการซ่อนตัวและหลบหนี จ้าวเฟิงสามารถหาเซียนเงาทมิฬเจอก็ไม่เลวมากแล้ว

แต่จ้าวเฟิงกลับมาอย่างรวดเร็วแบบนี้ จัดการปัญหาเรื่องเซียนเงาทมิฬได้หรือไม่ก็ยากจะพูด

จีหลานและคนของตระกูลจีรู้สึกประหลาดใจเช่นเดียวกัน

“สำนักปีศาจเพลิง จะเป็นกลุ่มอำนาจที่ขึ้นต่อหน่วยลอบสังหารของเซียนราตรีทมิฬ ไม่ต้องรับคำสั่งผู้ใด หากใครขัดขืนสังหารได้ทันที ต่อไปเรามาคุยกันเรื่องค่าชดเชยของหอแปดดารา!”

จ้าวเฟิงประกาศกร้าวถึงจุดจบของสำนักปีศาจเพลิงก่อน จากนั้นจึงมองไปที่ชายเกราะทอง

ลูกศิษย์กับผู้อาวุโสของสำนักปีศาจเพลิงที่อยู่ในเหตุการณ์ ถึงแม้จะไม่ยินยอมแต่ก็ทำอะไรไม่ได้

เมื่อผู้อาวุโสสูงสุดในขั้นเซียนตาย ถึงพวกเขาจะไม่เข้าร่วมกับขั้วอำนาจของจ้าวเฟิง ก็มีขั้วอำนาจอื่นมาจัดการพวกเขาอยู่ดี

“ขอบพระคุณนายท่าน!”

เซียนราตรีทมิฬส่งเสียงผ่านตราผนึกดวงใจทมิฬ

สำนักปีศาจเพลิงเดิมเป็นสำนักศาสตร์ซากศพ ในด้านการลอบสังหารจึงมีศักยภาพมากกว่าลูกศิษย์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นมาก

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ขั้วอำนาจลอบสังหารของเขาถึงจะสามารถผงาดขึ้นมาได้อย่างแท้จริง

ชายเกราะทองใจสั่นหวาดกลัว

จ้าวเฟิงไม่แยแสในคำพูดของพวกเขาแม้แต่น้อย ท่าทางแข็งกระด้าง พูดเรื่องชดใช้ค่าเสียหายหน้าตาเฉย

อีกทั้งก่อนพูดเรื่องชดใช้ความเสียหาย จ้าวเฟิงยังประกาศจุดจบของสำนักปีศาจเพลิงด้วยตนเองอีก

ชายเกราะทองรวมไปถึงสมาชิกของหอแปดดาราคร่ำครวญในใจ ถ้าหากจ้าวเฟิงเสนอเรื่องชดเชยออกมาเองก็คงจะดี

แต่ที่สำคัญก็คือจ้าวเฟิงไม่ได้เสนอเงื่อนไข พวกเขาไม่รู้ว่าควรชดเชยขนาดไหน น้อยไปก็เกรงว่าจะทำให้จ้าวเฟิงไม่พอใจ มากไปพวกเขาก็จะเสียเปรียบ

“ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับหอควันสมุทรครั้งนี้ ให้หอแปดดาราของข้ารับผิดชอบทั้งหมด นอกจากนั้น หอแปดดาราจะต้องมอบทรัพยากรจำนวนหนึ่งให้กับหอควันสมุทร รวมถึงทรัพยากรคนด้วย!”

ชายเกราะทองเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง และเปิดปากในที่สุด

“อีกอย่าง เข้าร่วมกับอิทธิพลองค์ชายเก้าเสีย!”

เมื่อจ้าวเฟิงฟังจบจึงเปิดปากเอ่ยด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ ไร้ความลังเล

ชายเกราะทองรวมไปถึงเหล่าผู้อาวุโสของหอแปดดาราสีหน้าหนักอึ้งเล็กน้อย

ถ้าหากองค์ชายเก้ามีอำนาจและพลังเหมือนกันกับองค์ชายสี่ ไม่ต้องให้จ้าวเฟิงบอก ชายเกราะทองก็ย่อมเข้าร่วมด้วยตนเอง

แต่ที่สำคัญคือ ตัวของ ‘รัชทายาท’ ไม่ทรงอำนาจมากพอ และองค์ชายสี่ องค์ชายสิบสาม องค์ชายเจ็ดที่มีพลังแข็งแกร่งยิ่งคงจะไม่นั่งรอความตายอยู่เฉยๆ แน่

องค์ชายเก้าสามารถสืบทอดตำแหน่งรัชทายาทต่อไปได้ แต่โอกาสขึ้นครองราชย์ได้มีน้อยอย่างยิ่ง

“ได้!”

ตอนนี้ ที่นี่เหลือเพียงแค่คนของหอแปดดารา หนีก็หนีไม่รอด สู้ไปก็ไม่ชนะ ไม่ตอบตกลงแล้วจะทำอย่างไรได้

ชายเกราะทองและผู้อาวุโสหอแปดดาราต่างรู้สึกขุ่นเคือง

“พวกเจ้าไปได้แล้ว!” จ้าวเฟิงเอ่ยตรงไปตรงมา

ทุกคนในตระกูลจีสูดหายใจลึก จ้าวเฟิงจัดการสำนักสามดาวแห่งหนึ่งเช่นนี้ และบีบบังคับให้สำนักสามดาวอีกแห่งเข้าร่วมขั้วอำนาจเบื้องหลังองค์ชายเก้า

หลังจากที่จัดการเรื่องเหล่านี้แล้ว จ้าวเฟิงจึงนำคนอื่นๆ ในตระกูลจีเข้าไปในหอควันสมุทร

จ้าวเฟิงมองเจตนาของเซียนซิงหมัวออก แต่ไม่รู้เลยว่าเป็นเจตนาขององค์ชายเก้าด้วยหรือไม่

ทว่า ตระกูลจีอยู่เบื้องหลังองค์ชายเก้าได้ก็โชคดีอย่างยิ่งยวดแล้ว ความแข็งแกร่งโดยรวมขององค์รัชทายาทไปแตะอีกขั้นหนึ่งในที่สุด

สามวันต่อมา หอควันสมุทรจัดการเรียบร้อย ฟื้นฟูกลับเข้าสู่สภาวะปกติ หอแปดดาราเองก็ให้คนส่งทรัพยากรที่ตกลงเอาไว้มาด้วย

จ้าวเฟิงพัฒนาขั้วอำนาจยิ่งใหญ่แห่งนี้ เขาพึ่งพาเพียงสิ่งที่ได้มาจากสุสานราชวงศ์และมิติเทพลวงตาทั้งหมดก็ยังคงไม่พอ

“เดี๋ยวอีกสักหลายวัน ข้าค่อยแวะไปทำเยี่ยมเยียนผู้อาวุโสซิงหมัวแล้วกัน!”

จ้าวเฟิงและจีหลานขอตัวลา

จ้าวเฟิงยังตรวจคลังของสะสมของเซียนซิงหมัวไม่หมด แถมยังต้องสืบเรื่องเนตรสังสารวัฎ และหอคอยดาราม่วงก็เป็นสถานที่ชั้นยอดในการฝึกตนอีกด้วย

จ้าวเฟิงจะต้องไปที่ตระกูลจีอีกครั้ง

แต่ก่อนหน้านั้น จ้าวเฟิงต้องรั้งอยู่ที่ฐานที่มั่นของตนเอง จัดการทุกสิ่งให้เรียบร้อยก่อน

ในมนตราอากาศ

ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนกินวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวน จึงดำดิ่งลงเข้าสู่ห้วงนิทรา

วานรทองสะท้านฟ้ามีสัญญาณว่าจะทะลวงผ่านขั้นจากการดูแลของเจ้าแมวขโมยน้อย

เมื่อการทดสอบคัดเลือกรัชทายาทจบลง จ้าวเฟิงกลับมา จึงปรากฏพลังชะตามังกรที่ไร้รูปร่างหมุนวนรอบหอควันสมุทร

จ้าวเฟิงตรวจตราหอควันสมุทร สำนักศักดิ์สิทธิ์วั่น รวมไปถึงกลุ่มลอบสังหารของเซียนราตรีทมิฬ แล้วจึงกลับมาที่หอควันสมุทรเพื่อเริ่มปิดด่านฝึกตน

จุดประสงค์หลักในการปิดด่านย่อมอยู่ที่การฝึกฝน ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ และการวิเคราะห์ทำความเข้าใจ ‘วิชาแยกวิญญาณ’

หนึ่งเดือนต่อมา กายวิญญาณอัสนีของจ้าวเฟิง พื้นสีม่วงหม่นมีประกายแสงอ่อนเล็กน้อย เหมือนร่างสิ่งมีชีวิตที่มีจิตใจ แถมยังหลุดพ้นออกจากอาณาเขตกายวิญญาณด้วย

ความผิดปกติแบบนี้เกิดจากหลายสาเหตุ

ก่อนอื่น เมื่อกายวิญญาณของจ้าวเฟิงหลอมรวมเข้ากับดวงตาเทพเจ้า ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจล่วงรู้ได้

ต่อมา การเปลี่ยนแปลงของเนตรเทพเจ้าเมื่อครั้งก่อน ทะเลวิญญาณสีม่วงและตราอัสนีเทวะรวมเข้ากับวิญญาณ จนเกิดเป็นกายวิญญาณอัสนี

สุดท้ายคือโอกาสและสมบัติล้ำค่าในศาสตร์วิญญาณจำนวนมาก บวกกับในที่สุด ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ ก็ขึ้นไปชั้นที่แปดได้!

“เริ่มฝึก ‘วิชาแยกวิญญาณ’ ชั้นแรกได้แล้ว!”

จ้าวเฟิงใจเต้นน้อยๆ

กายวิญญาณของเขาในตอนนี้มีคุณสมบัติเทียบเท่ากับที่เขียนเอาไว้ใน ‘วิชาแยกวิญญาณ’ ถึงขั้นอยู่เหนือไปกว่านั้นแล้ว

ถึงแม้ว่า ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ ยังไม่สมบูรณ์ แต่ความปราดเปรียวของวิญญาณจ้าวเฟิงอยู่เหนือกว่า ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ ชั้นที่แปดที่บรรยายเอาไว้

“ทันทีที่แบ่งวิญญาณสำเร็จ เนตรมรณะก็จะสามารถฝังลงไปในกายวิญญาณที่แยกออกมา!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version