Skip to content

King of Gods 1009

King Of Gods

บทที่ 1009 การต่อสู้ระหว่างราชวงศ์

ห้าวันต่อมา อาการบาดเจ็บในวิญญาณของจ้าวเฟิงและจ้าวหวางดีขึ้นมากแล้ว

จ้าวเฟิงจึงออกจากปิดด่าน เก็บจ้าวหวางเข้าไปในมนตราอากาศ จ้าวหวางในตอนนี้จำเป็นต้องใช้เวลาทุกขณะในการยกระดับพลัง

อย่างแรก วิญญาณของจ้าวหวางต้องหลอมรวมเนตรมรณะ ด้วยเหตุนี้เขาฝึกวิชาที่ทำให้สอดคล้องกับดวงตามรณะเป็นดีที่สุด ย่อมจะให้มาฝึก ‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ ไม่ได้

จ้าวหวางค้นหา ‘วิชามรณะอัสนีมืด’ เล่มหนึ่งในคลังความทรงจำออกมาอย่างรวดเร็ว นี่คือวิชาขั้นฟ้าที่จ้าวเฟิงจดจำจากในห้องเก็บตำราของคฤหาสน์ลับเทพบรรพกาล

‘วิชามรณะอัสนีมืด’ เป็นวิชาฝึกตนที่เน้นพลังอัสนีมืดเป็นหลัก และเสวียนอ้าวมรณะเป็นรอง สามารถแสดงลักษณะพิเศษของกายวิญญาณอัสนีและเนตรมรณะออกมา

มูลค่าของวิชานี้ไม่ด้อยไปกว่าวิชาชั้นยอดที่ลูกหลานสายหลักของแปดตระกูลใหญ่ฝึกเลย

ต่อจากนั้นจ้าวหวางจึงฝึก ‘วิชามรณะอัสนีมืด’ อยู่ภายในมนตราอากาศ เมื่อได้คำแนะนำจากจ้าวเฟิงเขาจึงเข้าถึงวิชาอย่างรวดเร็ว

ประสบการณ์และความเข้าใจที่จ้าวหวางได้จากการฝึกวิชานี้ จ้าวเฟิงเองก็ได้รับด้วยเช่นกัน

จ้าวเฟิงไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น ก็มีประสบการณ์การฝึกฝนวิชาต่างๆไม่หยุด เสมือนหนึ่งจ้าวเฟิงฝึกฝนด้วยตนเอง

“นายท่าน หนานเฟิงอ๋องมารอพบท่านได้สักพักแล้ว”

ปี้ชิงเยวี่ยมายังด้านนอกตำหนักของจ้าวเฟิง

“อืม!”

ในขณะที่จ้าวเฟิงฝึกฝน ‘วิชาแยกวิญญาณ’ เสร็จสิ้นลงไปแล้ว ปี้ชิงเยวี่ยจึงสื่อสารกับจ้าวเฟิงผ่านทางตราผนึกดวงใจทมิฬ

จ้าวเฟิงก็รับทราบข่าวที่น่าตกใจผ่านทางปี้ชิงเยวี่ยด้วยเช่นกัน

“ท่านอ๋อง!”

จ้าวเฟิงและปี้ชิงเยวี่ยเดินเข้าไปภายในตำหนักหลักโอ่โถงแห่งหนึ่งพร้อมกัน

จ้าวเฟิงพอจะเดาเป้าหมายในการมาเยือนครั้งนี้ของหนานเฟิงอ๋องออกเหมือนกัน

“จ้าวเฟิง ราชวงศ์ต้าเฉียนและราชวงศ์จันทราทมิฬเริ่มสู้รบกันแล้ว!”

หนานเฟิงอ๋องเอ่ยเข้าประเด็น

“น่าจะเริ่มต้นตอนการทดสอบคัดเลือกรัชทายาทกระมัง!”

จ้าวเฟิงเอ่ยทันใด

พวกต่างเผ่าพันธุ์จะต้องเริ่มบุกโจมตีแถบชายแดน ในตอนที่การทดสอบคัดเลือกรัชทายาทเริ่มขึ้นและพลังชะตามังกรอ่อนแอแน่

“ไม่ผิด!”

ครึ่งปีก่อน เรื่องการลอบสังหารที่เกิดขึ้นในวังหลวงต้าเฉียน ยอดฝีมือขั้วอำนาจจำนวนมากก็พอจะเดาสถานการณ์ออก แต่คนส่วนมากต่างคิดว่าครั้งนี้เป็นเพียงการกระทบกระทั่งระหว่างราชวงศ์ทั้งสองเท่านั้น ราชวงศ์ต้าเฉียนที่ชะตามังกรรุ่งเรืองจะไม่เป็นอะไรทั้งสิ้น กลับคิดไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้จะเปิดฉากสู้รบกันจริงๆ

แต่ทว่า ต่อให้ต้าเฉียนและจันทราทมิฬเปิดศึก หนานเฟิงอ๋องก็ไม่จำเป็นต้องมาหาจ้าวเฟิงถึงที่นี่และยังรอเขาออกจากปิดด่านอีก จุดนี้ทำให้จ้าวเฟิงเลิกคิ้วน้อยๆ

“ในช่วงแรกของการต่อสู้ ราชวงศ์ต้าเฉียนตกเป็นฝ่ายรอง!”

หนานเฟิงอ๋องรู้ว่าจ้าวเฟิงสงสัย จึงอธิบายเพิ่ม

“ดูไปแล้วพวกต่างเผ่าพันธุ์น่าจะวางแผนไว้นานแล้ว เตรียมการอย่างสมบูรณ์พร้อมนัก! ”

สีหน้าจ้าวเฟิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย

จากที่จ้าวเฟิงรู้มา ฝ่ายที่ป้องกันแถบตะวันตกเฉียงเหนือก็คือสองตระกูลทรงอำนาจอย่างตระกูลเถี่ยและตระกูลหยู

ตอนเริ่มเปิดศึก ต้าเฉียนตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ จากจุดนี้จึงพอจะมองออกว่าฟากราชวงศ์ต่างเผ่าพันธุ์แข็งแกร่งมากขนาดไหน

ในทันทีที่ราชวงศ์ต้าเฉียนอยู่ในภาวะเสียเปรียบ ก็จะขอแรงจากขั้วอำนาจสำนักต่างๆ

“ด้วยเหตุนี้ราชวงศ์ต้าเฉียนจึงถ่ายทอด ‘ตราคำสั่งเรียกรวมสำนัก’ ลงมา”

หนานเฟิงอ๋องเอ่ยอีกครั้ง

“คำสั่งเรียกรวมสำนัก เป็นกลยุทธ์สั่งรวมพลของราชวงศ์ต้าเฉียน ขั้วอำนาจและสำนักทั้งหมดภายในอาณาเขตต้าเฉียนจะต้องส่งกำลังพลไปร่วมรบที่แนวหน้า!”

น้ำเสียงของปี้ชิงเยวี่ยดังขึ้นในหัวของจ้าวเฟิง

ในเขตแดนต้าเฉียน ขั้วอำนาจมากมายจะมีชะตาราชวงศ์คุ้มครองอยู่ และราชวงศ์ต้าเฉียนเองก็มีสิทธิ์ควบคุมพวกเขาในระดับหนึ่งด้วย

จ้าวเฟิงได้ยินแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาเหมือนที่เห็น

ในวันนี้ตำแหน่งรัชทายาทถูกแต่งตั้งแล้ว ขั้วอำนาจแต่ละกลุ่มก็หนุนหลังองค์ชายแต่ละคน

นั่นย่อมต้องรวมถึงสนามรบในแนวหน้าเช่นกัน ตัวอย่างเช่นขั้วอำนาจขององค์ชายสี่อย่างตระกูลเถี่ย หรือว่าขั้วอำนาจขององค์ชายแปดอย่างตระกูลหยู

แต่ขั้วอำนาจเบื้องหลังองค์ชายเก้าเดิมก็อ่อนแออยู่แล้ว หลังจากถึงสนามรบคงโดดเดี่ยวไร้กำลังเสริม จะต้องโดนพรรคพวกอื่นหมายหัวเป็นแน่

การรบของราชวงศ์ สำหรับองค์ชายเก้าแล้วนับว่าเป็นเรื่องโชคร้ายอย่างที่สุด

“เมื่อขั้วอำนาจสำนักอื่นไปถึงสนามรบแล้วจะแบ่งหน้าที่อย่างไร?”

จ้าวเฟิงถาม

“โดยมากแล้วจะอยู่ในการควบคุมของราชาเซียนอวี่หลิงผู้บัญชาการแห่งราชวงศ์ แต่เรื่องเล็กน้อยเหล่านี้เขามักจะมอบให้ผู้ใต้อาณัติเป็นคนจัดการ ข้ามาครั้งนี้ก็เป็นเพราะเรื่องนี้นี่แหละ!”

หนานเฟิงอ๋องเองก็เป็นขั้วอำนาจที่หนุนหลังองค์ชายเก้า ย่อมต้องทนดูองค์ชายคนอื่นอาศัยเรื่องนี้ลงมือทำร้ายองค์ชายเก้าไม่ได้

หนานเฟิงอ๋องเป็นสมาชิกในราชวงศ์เช่นกัน ตัวเขายังพอมีเส้นสายกับคนในราชวงศ์อยู่บ้าง

“ข้ายังพอมีเส้นสายอยู่ทางนั้นบ้าง พอถึงตอนนั้นให้สมาชิกในขั้วอำนาจของเจ้าไปพร้อมกับองครักษ์ของข้า!”

หนานเฟิงอ๋องอีก

ในฐานะที่เป็นผู้ปกครองดินแดนเกาะใหญ่แห่งหนึ่ง หนานเฟิงอ๋องก็ต้องส่งกำลังพลไปที่สนามรบด้วย

“เช่นนั้นต้องฝากท่านอ๋องด้วย!” จ้าวเฟิงยิ้มกล่าว

มีการรับรองจากหนานเฟิงอ๋อง อย่างน้อยสมาชิกหอควันสมุทรที่ส่งไปจะไม่ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก

“ข้าจะพยายามติดต่อขั้วอำนาจอื่นขององค์ชายเก้าให้มารวมตัวกัน!”

หนานเฟิงอ๋องสีหน้าเคร่งเครียด

ถ้าหากองค์ชายเก้าสามารถขึ้นเป็นจักรพรรดิได้อย่างราบรื่น อำนาจของเขาผู้เป็นอาก็จะเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน จะไม่เป็นเพียงแค่ผู้ปกครองดินแดนเกาะใหญ่อีกแล้ว

หนำซ้ำนี่ก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยจ้าวเฟิงคลี่คลายอันตราย เขารู้เรื่องบุญคุณความแค้นระหว่างจ้าวเฟิงและวังเก้านิรยดี

“แบบนี้ดีที่สุดแล้ว!” จ้าวเฟิงผงกศีรษะ

ไม่อาจปล่อยให้ขั้วอำนาจที่หนุนหลังองค์ชายเก้าถูกลดทอนกำลังจนอ่อนแอเกินไป

ถ้าหากขั้วอำนาจเบื้องหลังองค์ชายเก้าถูกทำลายไปจนหมด ลำพังตัวเขาเพียงคนเดียว ถึงจะไม่ได้ทำสิ่งใดผิด แต่จะขึ้นนั่งตำแหน่งจักรพรรดิอย่างราบรื่นได้อย่างไรกัน?

ในวันนี้ จ้าวเฟิงลงเรือลำเดียวกันกับองค์ชายเก้า

หากองค์ชายเก้าพ่ายแพ้ ขั้วอำนาจของจ้าวเฟิงก็ไม่อาจจะรับมือกับวังเก้านิรย

อีกทั้งหากขั้วอำนาจอื่นอย่างหอควันสมุทรและตระกูลสือถูกตัดกำลัง โอกาสที่องค์ชายเก้าจะขึ้นครองราชย์ย่อมลดลงตามไปด้วย

“ปี้ชิงเยวี่ย รีบรวบรวมกำลังคน!” จ้าวเฟิงถ่ายทอดคำสั่งลงไปทันที

เตรียมตัวไว้กว่าย่อมได้เปรียบ

“ฝั่งองค์ชายเก้า ตอนนี้คงไม่มีเรื่องอะไรกระมัง?” จ้าวเฟิงถาม

“วางใจเถอะ หลังจากที่ผ่านเรื่องคราวก่อนมาแล้ว การป้องกันของวังหลวงในตอนนี้ แม้แต่แมลงวันสักตัวยังบินเข้าไปไม่ได้!”

หนานเฟิงอ๋องยิ้มเอ่ย

“แต่ว่าไปแล้ว จ้าวเฟิง ขั้วอำนาจของเจ้าไม่เลวเลยจริงๆ!”

หนานเฟิงอ๋องเอ่ยชม

เขาย่อมได้รับข่าวเรื่องสำนักปีศาจเพลิงและหอแปดดารา

ขั้วอำนาจของจ้าวเฟิงเพิ่มขนาดไปอีกขั้น และมีพัฒนาการที่ดีในแต่ละด้าน ระดับโดยรวมอยู่เหนือสำนักสามดาวทั่วไปแล้ว ขนาดแต่เพียงทรัพยากรและยอดฝีมือขั้นยอดก็เท่านั้น

แต่กับหอควันสมุทรที่กำลังพัฒนา เมื่อได้รับ ‘ตราคำสั่งเรียกรวมสำนัก’ ก็เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีนัก

“นอกจากนี้ ผู้ที่วางแผนชักใยสำนักปีศาจเพลิงและหอแปดดาราก็คือวังเก้านิรย!”

หนานเฟิงอ๋องเคยสืบพบว่า อันที่จริงแล้วสำนักปีศาจเพลิงและวังเก้านิรยมีความสัมพันธ์แนบแน่นกัน

หนานเฟิงอ๋องก็กังวลใจแทนจ้าวเฟิงอย่างยิ่ง มีปัญหากับวังเก้านิรยที่เป็นขั้วอำนาจใหญ่ศาสตร์มารเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะมีการทดสอบคัดเลือกรัชทายาท เกรงว่าจ้าวเฟิงคงจะโดนวังเก้านิรยไล่ล่าสังหารไปนานแล้ว

แต่เขาเองก็นับถือจ้าวเฟิงที่สามารถต่อต้านวังเก้านิรยมาจนถึงตอนนี้ หนำซ้ำยังพาขั้วอำนาจของตนก้าวมาถึงจุดนี้ได้

“จุดนี้ข้ารู้ดี!” แววตาจ้าวเฟิงฉายแววเย็นชา

หนึ่งวันต่อมา

ปฐมเซียนผู้หนึ่งของหอควันสมุทรพาสมาชิกจำนวนมากติดตามหนานเฟิงอ๋อง เดินทางออกจากดินแดนเกาะหมอกจันทร์

จ้าวเฟิงจึงปิดด่านอีกครั้ง

ภายในมนตราอากาศ จ้าวเฟิงและจ้าวหวางนั่งขัดสมาธิประจันหน้า

“เริ่มหลอมรวมเนตรมรณะได้!”

ระลอกแสงสีทองในดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงหมุนวน เนตรมรณะที่อยู่ในสภาวะวิญญาณปรากฏขึ้นกลางอากาศ

เพราะขอบเขตพลังของเนตรมรณะสูงส่งเกินไป ดังนั้นจึงต้องให้จ้าวเฟิงหลอมรวมด้วยตนเอง

ใบหน้าจ้าวเฟิงกระตุกน้อยๆ พลังวิญญาณที่แกร่งกล้าล้อมรอบเนตรมรณะเอาไว้ และหลอมเข้าไปบริเวณตาขวาของวิญญาณจ้าวหวาง

ในเนตรมรณะเกิดการสั่นสะท้านหวาดกลัว

“เหอะ!” พลังวิญญาณจ้าวเฟิงปะทะเข้าไปในฉับพลัน

การหลอมรวมเมื่อคราวก่อนล้มเหลวเพราะดวงตาเทพเจ้าที่ผันแปร ทำให้เนตรมรณะหวาดกลัวกายวิญญาณของจ้าวเฟิง แต่จากการกดดันของพลังที่แข็งแกร่งของจ้าวเฟิง มันจึงยอมในที่สุด

“หลอมรวม!”

ภายในวิญญาณของจ้าวเฟิงทะลักพลังวิญญาณอันรุนแรงออกมา พลันเปลี่ยนเป็นเพลิงทมิฬกลุ่มหนึ่งตามเคล็ดใน ‘วิชาดวงตาฝึกวิญญาณ’

วิ้ง! เพลิงวิญญาณสีม่วงเทากลุ่มหนึ่งเผาผลาญตรงตำแหน่งดวงตาขวาของจ้าวหวาง

วิญญาณจ้าวหวางคำรามเสียงต่ำในลำคอ

แซ่ด ขั้นตอนหลอมรวมผ่านไปราบรื่นอย่างยิ่ง เห็นเพียงรอบเนตรมรณะเปลี่ยนสีไปไม่หยุด ก่อนที่จะเริ่มสอดประสานเข้ากับวิญญาณของจ้าวหวาง จนสุดท้ายแล้ว กระทั่งตราอัสนีเทวะก็ยังสามารถลอยล่องอยู่ในพื้นที่รอบเนตรมรณะ

ในขณะที่สีวิญญาณรอบเนตรมรณะกลมกลืนเข้ากับกายวิญญาณของจ้าวหวางมากพอควร จ้าวเฟิงก็หยุดให้ความช่วยเหลือ

ถัดจากนั้น จ้าวหวางแค่ต้องโคจรวิชาใน ‘วิชาดวงตาฝึกวิญญาณ’ เพื่อทำให้วิญญาณของตนเองค่อยๆ หลอมรวมเข้ากับเนตรมรณะ

ยามเนตรมรณะหลอมรวมเข้ากับวิญญาณของจ้าวหวางจนสนิทแนบแน่น

จ้าวหวางก็เตรียมใช้พลังของเนตรมรณะ

ในตอนนี้ จ้าวเฟิงออกมาจากมนตราอากาศ หลังจากที่สั่งการบางเรื่องแล้วก็เดินทางออกจากหอควันสมุทร

จ้าวเฟิงเดินทางไปที่จวนอ๋องโหวผ่านทางสัญลักษณ์มนตราอากาศที่ทิ้งเอาไว้

ตอนนี้หนานเฟิงอ๋องไม่อยู่ จ้าวเฟิงตรงไปยังทวีปไห่หลีที่อยู่ใกล้ที่สุด

เมื่อจ้าวเฟิงมาถึงทวีปไห่หลี เขาได้ใช้มนตราอากาศทิ้งสัญลักษณ์มิติเอาไว้ด้วยเช่นกัน

ในวันหนึ่ง ณ ป่าไม้บริเวณรอบนอกตระกูลจี

พรึ่บ! เงาสีเงินทับซ้อนในอากาศ ภายในเงาดังกล่าวปรากฏร่างคนผมทองพร้อมด้วยระลอกมิติ

ตอนจ้าวเฟิงออกจากตระกูลจีได้ทิ้งสัญลักษณ์มิติเอาไว้ที่นี่

ดวงตาสองข้างของจ้าวเฟิงกระตุกในทันทีที่มาถึงตระกูลจี

“เนตรมรณะหลอมรวมสมบูรณ์แล้วงั้นหรือ?”

จ้าวเฟิงเข้ามาภายในมนตราอากาศ โคจรดวงตาเทพเจ้าตรวจตราจ้าวหวาง

“หลอมรวมไปหมดแล้วจริงๆ!” ความเร็วในการหลอมรวมเนตรมรณะอยู่เหนือความคาดหมายของจ้าวเฟิงไปมาก แต่จ้าวหวางกลับไม่สามารถสำแดงเนตรมรณะได้

ด้วยพลังวิญญาณในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงของเขา จะกระตุ้นเนตรมรณะที่อยู่ในขั้นปฐมเซียนได้อย่างไรกัน!

กลัวก็แต่วิชาดวงตามรณะใดๆ ก็สามารถทำลายวิญญาณของเขาให้สูญสลายไปได้

แต่ทว่า อยู่ในกายวิญญาณอัสนีที่แข็งแกร่งเช่นนี้ พลังของจ้าวหวางเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น

ใช้เวลาไม่นานนักก็คงจะสามารถไปแตะขั้นจักรพรรดิ ปฐมเซียน ไล่ตามจ้าวเฟิงไป

นอกจากนี้ ในตอนนี้จ้าวหวางยังได้รับผลที่มากับเนตรมรณะด้วย

ยกตัวอย่างเช่นความกว้างไกลของทัศนวิสัย กลิ่นอายมรณะ ความลึกซึ้งในเสวียนอ้าวมรณะ เป็นต้น

เหมือนกับตอนที่จ้าวเฟิงหลอมรวมดวงตาเทพเจ้าในตอนแรกๆ แล้วได้รับความสามารถจำพวกปฏิกิริยาตอบสนอง พลังมองทะลุสิ่งต่างๆ และประสาทสัมผัสตาที่ดีเยี่ยม…

นี่คือความสามารถที่มรดกดวงตาในสภาวะวิญญาณเหล่านั้นถ่ายทอดให้กับชั้นกายเนื้อ

ได้ครอบครองเนตรมรณะ

ปัญหาเกี่ยวกับทรัพยากรจำพวกมรณะและความเข้าใจในเสวียนอ้าวมรณะของจ้าวหวางก็คลี่คลายลงทั้งหมด ความเร็วในการฝึก ‘วิชามรณะอัสนีมืด’ ย่อมเร็วตามไปด้วย

ในเวลาเดียวกัน จ้าวเฟิงก็สังเกตเห็นว่าในเนตรมรณะมีมิติมรณะแห่งหนึ่งผ่านทางจ้าวหวาง เพียงแต่ตอนนี้จ้าวหวางยังไม่สามารถเปิดใช้มิตินี้ได้

จ้าวเฟิงยังคงจดจำวันที่ต้องเผชิญกับคำสั่งล่าสังหารได้ จักรพรรดิแห่งความตายใช้มิติมรณะเรียกวิญญาณอาฆาตขั้นจักรพรรดิสามตัวในศึกที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์โจรสลัดสิบแปดยอด

นั่นก็คือหนึ่งในพลานุภาพของมิติมรณะ

“มิสู้เจ้าไปที่แผ่นดินใหญ่ เข้าร่วมสำนักศาสตร์ซากศพ ดังเช่นขั้วอำนาจที่ขึ้นต่อวังเก้านิรย!”

จ้าวเฟิงคิดบางอย่างได้ พลันเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!