บทที่ 1012 สหายเก่า
ในวันหนึ่ง ลำแสงเจ็ดสีสายหนึ่งลอยผ่านเหนือชั้นเมฆมณฑลอวี่
“ผู้อาวุโสจ้าว ‘วิชาดวงตาม่วงศูนย์รวม’ ที่ข้าฝึกฝนอยู่ มีบางจุดที่ไม่เข้าใจเล็กน้อย…”
จีเทียนหมิงที่มีอายุน้อยสุดถามจ้าวเฟิงอย่างเคารพ
จีเทียนหมิงต่างจากจีอู๋เหยี่ยและจีหลาน เขาเพิ่งพูดคุยกับจ้าวเฟิงเป็นครั้งแรก แต่กลับสนิทชิดเชื้อที่สุด
จีอู๋เหยี่ยเจอกับจ้าวเฟิงหลังจากที่ดวงตาเทพเจ้าเพิ่งเกิดการเปลี่ยนแปลง ในตอนนั้นจ้าวเฟิงได้ลอง ‘แยกส่วน’ เป็นครั้งแรกและเอาชนะจีอู๋เหยี่ยได้ด้วยกระบวนท่าเดียว
“เจ้าสำแดงวิชาให้ข้าดูหน่อย…”
จ้าวเฟิงไม่เคยฝึกฝนวิชาที่จีเทียนหมิงพูดถึง แต่หลายเดือนมานี้เขาอยู่ศึกษาเคล็ดวิชาและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณและดวงตาที่ตระกูลจี และด้วยความสามารถในการลอกเลียนแบบที่เก่งกาจของจ้าวเฟิง เวลาเดือนสองเดือนก็เทียบเท่าได้กับห้าหกปีของคนอื่น อีกทั้งทฤษฎีและความรู้ที่จ้าวเฟิงศึกษาอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง บวกกับบางครั้งเซียนซิงหมัวจะตอบข้อสงสัยของจ้าวเฟิงอยู่เสมอ
ในตอนนี้ก็นับได้ว่าจ้าวเฟิงเป็นอาจารย์ที่มีความสามารถลึกซึ้งในด้านดวงตาและวิญญาณ
“ปัญหาน่าจะอยู่ที่วิธีการฝึกเนตรดาราม่วงของเจ้า…”
จ้าวเฟิงวิเคราะห์วิชาระดับต่ำนี้เพิ่มเล็กน้อย ก็คาดเดาได้ถึงต้นตอของปัญหา
นอกจากช่วยตอบข้อสงสัยของคนตระกูลจีทั้งสามเป็นบางครั้งแล้ว จ้าวเฟิงก็จะปิดด่านฝึกตนตลอด
ภายในมนตราอากาศ เบื้องหน้าของจ้าวเฟิงปรากฏสมบัติล้ำค่าหลากชนิด
ทรัพยากรที่จ้าวเฟิงแลกมาจากเมืองความลับสวรรค์มีจำนวนมากพอจะช่วยเขาให้ฝึกตนจนบรรลุขอบเขตพลังขั้นเซียน
จ้าวเฟิงโคจรวิชาวายุอัสนีห้าสาย หล่อหลอมดูดซึมพลังวายุอัสนีและพลังธาตุไฟภายในนั้น
ในมิติดวงตาซ้าย ห้วงความคิดส่วนหนึ่งของจ้าวเฟิงนำพลังอัสนีเทวะหลอมรวมเข้าไปในกายวิญญาณอัสนีไม่หยุดหย่อน
พลังอัสนีเทวะในกะโหลกครึ่งเซียนจึงลดลงไปเรื่อยๆ บางครั้งจ้าวเฟิงยังเข้าไปในห้วงฝันบรรพกาลเพื่อสร้างโลกมิติส่วนตัวเมืองมายาด้วย
คนทั้งหมดนั่งพาหนะบินมาถึงหน้าตำหนักวิญญาณขนส่งอย่างรวดเร็ว
จ้าวเฟิงแสดงตัว จ่ายผลึกเริ่มต้นจำนวนหนึ่ง และใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายเดินทางไปถึงเมืองใหญ่แห่งหนึ่ง
“ผู้อาวุโสจ้าว สถานที่ต่อไปคือมณฑลเฉิน วิชาค่ายและกลไกของที่นั่นมีชื่อเสียงโด่งดังมาก!”
จีเทียนหมิงบอกจ้าวเฟิง
ทันทีที่จ้าวเฟิงได้ยิน ก็เข้าใจในความหมายของจีเทียนหมิง
ถึงแม้ว่าพาหนะบินของจ้าวเฟิงจะสะดวกอย่างยิ่ง แต่ยังด้อยเรื่องความเร็ว สามารถเชิญปรมาจารย์ค่ายกลที่มณฑลเฉินมาช่วยเพิ่มสมรรถภาพให้มันได้
“ก็ดีเหมือนกัน!”
จ้าวเฟิงเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของจีเทียนหมิง
พาหนะเพลิงวายุมีประโยชน์ต่อจ้าวเฟิงน้อยกว่าที่ผ่านมามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความเร็ว
จากทิศใต้เดินทางไปยังทิศเหนือของดินแดนทวีปเป็นระยะทางยาวไกลยิ่ง ถึงจะใช้ความเร็วขั้นราชันระดับสุดยอดของพาหนะเพลิงวายุก็ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่
หลายสิบวันต่อมา
พาหนะเพลิงวายุเข้าไปภายในเขตชายแดนมณฑลเฉิน
“ใกล้จะถึงตำหนักวิญญาณแล้ว!”
จีเทียนหมิงที่ควบคุมพาหนะเพลิงวายุเอ่ย
คนอื่นๆ ที่เข้าฌานฝึกตนต่างลืมตาขึ้น
สิบแปดมณฑลของราชวงศ์ต้าเฉียน ในแต่ละมณฑลแบ่งออกเป็นหลายเมือง และบริเวณที่รุ่งเรืองที่สุดก็คือตำหนักวิญญาณขนาดใหญ่แต่ละแห่ง
เมื่อมาถึงบริเวณตำหนักวิญญาณแล้ว จะมองเห็นยอดฝีมือจำนวนมากเข้าออก รวมไปถึงสัตว์อสูรวิเศษบินได้ขนาดยักษ์ หรือถึงขั้นมีอุปกรณ์ที่บินได้ดังเช่นจ้าวเฟิง
สวบ! เงาสีดำสายหนึ่งบินสวนพาหนะเพลิงวายุของจ้าวเฟิงไป
ในเวลาเดียวกัน มีเงาคนสองสายไล่ตามมาด้านหลัง
“จักรพรรดิเกล็ดปีศาจ รอดูซิว่าเจ้าจะหนีไปไหนได้ !”
“ยังไม่ยอมแพ้อีก!”
เงาสีขาวและดำสองร่างพุ่งมาจากด้านหลัง คนทั้งสองต่างอยู่ในขอบเขตพลังขั้นจักรพรรดิ กลิ่นอายของร่างสีดำเขย่าขวัญจนกลุ่มคนใกล้เคียงต้องรีบร้อนหนีไป
สำหรับเรื่องเช่นนี้ ทุกคนคุ้นเคยจนชินชา
ภายในตำหนักวิญญาณไม่อนุญาตให้ทะเลาะวิวาทกัน ด้วยเหตุนี้จึงมีคนมากมายหลายประเภทในที่แห่งนี้ ไม่ขาดคนชั่วร้ายเลวทรามมากมายที่หลบหนีการตามล่า
เดิมทีจ้าวเฟิงไม่เห็นเรื่องนี้อยู่ในสายตา แต่เสียงตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวของชายวัยกลางคนชุดขาวก็เรียกสติของจ้าวเฟิง
จ้าวเฟิงกวาดห้วงความคิดผ่านไป แววตากระตุกเล็กน้อย
“หยุด!” เสียงของจ้าวเฟิงดังขึ้นฉับพลัน
พรึ่บ! พลังมหาศาลที่ไร้ขอบเขตลอยลงจากบนฟ้า ปกคลุมคนทั้งสามเอาไว้
ทันใดนั้นเอง สามคนที่ไล่ตามกันมาเชื่องช้าลง จักรพรรดิเกล็ดปีศาจที่อยู่ด้านหน้าสุดเคลื่อนไหวเนิบช้าราวตกลงไปในบ่อโคลน
“ท่านเป็นใคร? เหตุใดจึงยื่นมือเข้ามาสอดของเรื่องส่วนตัวของสำนักคฤหาสน์เทพข้า!”
จักรพรรดิชุดดำสีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย มองมาที่จ้าวเฟิง
เขาแน่ใจว่าตนเองไม่เคยเจอจ้าวเฟิงมาก่อน จากที่เขาดู พลังของจ้าวเฟิงน่าจะเป็นจักรพรรดิชั้นยอดเทียบเท่ากับเขา
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
จักรพรรดิเกล็ดปีศาจสีหน้าดุร้าย มองเด็กหนุ่มผมทองที่จู่ๆ ก็ยื่นมือเข้ามายุ่ง
เขาไม่รู้จักจ้าวเฟิง แต่ตอนนี้จ้าวเฟิงเข้ามาขวาง จักรพรรดิเกล็ดปีศาจไม่สนว่าฝ่ายตรงข้ามจะทำอะไร ขอแค่ให้เขามีโอกาสรอดชีวิตเท่านั้นพอ
ลูกหลานสามคนของตระกูลจีอึ้งเล็กน้อย พวกเองคิดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงจะสนใจเรื่องพวกนี้ด้วย
“ปล่อยเขาเสีย!”
จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงเรียบ
เขาเองก็นึกไม่ถึงว่าจะมาเจอคนคุ้นเคยจากชางไห่ที่นี่
จักรพรรดิเกล็ดปีศาจผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นราชาเกล็ดปีศาจแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์โจรสลัดสิบแปดยอดในตอนนั้น
ตอนที่จ้าวเฟิงโดนจักรพรรดิแห่งความตายไล่ล่าสังหาร หนีไปขอความช่วยเหลือที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์โจรสลัดสิบแปดยอด ขณะนั้นราชาเกล็ดปีศาจเสนอตัวพร้อมกับจักรพรรดิเหมันต์จันทราและราชาฉลามยักษ์ ให้ความช่วยเหลือจ้าวเฟิงกำราบจักรพรรดิแห่งความตาย
น้ำใจในครั้งนั้น จ้าวเฟิงยังไม่ได้ทดแทน
“นี่…” จักรพรรดิเกล็ดปีศาจตกใจ
เขาคิดไม่ถึงว่าจักรพรรดิวัยเยาว์ที่สอดมือเข้ายุ่งครั้งนี้จะมาช่วยเหลือเขา
ทว่าตั้งแต่มาถึงดินแดนทวีป จักรพรรดิเกล็ดปีศาจเหมือนจะไม่ได้ผูกสัมพันธ์กับบุคคลประเภทนี้เอาไว้
ชายวัยกลางคนชุดขาวมีสีหน้าหนักอึ้ง
ไม่นึกเลยว่าจักรพรรดิเกล็ดปีศาจจะโชคดีขนาดนี้ กลับมาเจอคนคุ้นเคยเสียได้ หนำซ้ำเขาพอจำคนหนุ่มผมทองผู้นี้ได้รางๆ
“เจ้าชักจะยุ่งมากเกินไปแล้วกระมัง!”
จักรพรรดิชุดดำแค่นเสียงด้วยความเกรี้ยวกราด
เขาย่อมมองความไม่ธรรมดาของจ้าวเฟิงออก อายุน้อยเพียงเท่านี้ก็มีความสามารถเช่นนี้ได้
แต่รอบตัวมีคนจำนวนมากจ้องมองอยู่ หากเขาปล่อยจักรพรรดิเกล็ดปีศาจไปเช่นนี้ สำนักก็เสียหน้าแย่ไม่ใช่หรือ
ถึงแม้สำนักคฤหาสน์เทพจะเป็นเพียงสำนักสองดาวระดับสุดยอด แต่ผู้อาวุโสสูงสุดในสำนักก็จะทะลวงผ่านขั้นเซียนภายในร้อยปีนี้แล้ว
“ไปกับข้า!”
จ้าวเฟิงไม่สนใจจักรพรรดิทั้งสอง เอ่ยปากกับจักรพรรดิเกล็ดปีศาจ
“ขอบคุณคุณชายท่านนี้ด้วย!”
จักรพรรดิเกล็ดปีศาจอึ้งอยู่บ้าง ถึงแม้เรื่องนี้ออกจะแปลกประหลาด แต่ตอนนี้เขาไม่มีวิธีอื่นแล้ว อีกอย่าง จักรพรรดิเกล็ดปีศาจรู้สึกได้ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้านี้ไม่มีเจตนาชั่วร้าย ส่วนอีกสามคนบนพาหนะบินก็เป็นอัจฉริยะชั้นยอดทั้งสิ้น
จักรพรรดิเกล็ดปีศาจบินมาหาจ้าวเฟิงทันที
จักรพรรดิสองคนจากสำนักคฤหาสน์เทพ แววตาตึงเครียดเกินจะเปรียบ
“รนหาที่ตาย!”
จักรพรรดิชุดดำลงมือทันที ปราณที่แท้จริงมหาศาลในฟ้าดินรอบด้านกระเพื่อมขึ้น
เขามองเห็นถึงความไม่ธรรมดาของจ้าวเฟิงและคนตระกูลจีสองสามคน จึงไม่บุ่มบ่ามทำอะไรพวกเขา แต่กลับแกว่งหมัดสองข้าง พุ่งไปหาจักรพรรดิเกล็ดปีศาจ
ฟ้าดินมืดสลัวในฉับพลัน แสงสีดำสนิทหลายเส้นส่องประกายในหมัดของจักรพรรดิชุดดำ
“ไม่ฟังคำเตือนงั้นสินะ!”
จ้าวเฟิงมีสีหน้าเยือกเย็น พลังวิญญาณกลุ่มหนึ่งเกาะกลุ่มกันเป็นหนามผลึกสีม่วงเข้ม พุ่งเข้าไปในสมองของจักรพรรดิชุดดำ ตราอัสนีเทวะบนนั้นเปล่งประกายทันที
“อ๊าก…” ในชั้นวิญญาณเกิดเสียงกรีดร้องโหยหวน
ฉับพลันนั้น ยอดฝีมือจำนวนมากโดยรอบต่างรู้สึกได้ว่ามีกลิ่นอายของวิญญาณดั้งเดิมจักรพรรดิร่วงหล่นลงมา
ศพของจักรพรรดิชุดดำตกลงบนพื้น
เฮือก! เหล่ายอดฝีมือที่เห็นเหตุการณ์ แต่ละคนสูดลมหายใจเย็น
จักรพรรดิชุดขาวผู้นั้นรู้สึกเพียงแค่ว่าไอหนาวเหน็บจากใต้ฝ่าเท้าแผ่ซ่านไปทั่วร่าง ตัวสั่นเพราะความหนาวเย็น
จักรพรรดิชุดดำกลับโดนสังหารอย่างรวดเร็วเช่นนี้ด้วยเงื้อมมือของจ้าวเฟิง!
จักรพรรดิเกล็ดปีศาจที่อยู่ข้างๆ มองไปที่จ้าวเฟิงขณะสั่นสะท้าน รู้สึกว่าเด็กหนุ่มผู้นี้น่ากลัวมากขึ้น แต่ทันใดนั้นเอง จักรพรรดิเกล็ดปีศาจพลันระลึกถึงเด็กหนุ่มอีกคนที่คล้ายคลึงกับเด็กหนุ่มผมทองผู้นี้อย่างยิ่ง
“จงให้คนที่มีอำนาจสูงสุดของสำนักคฤหาสน์เทพเดินทางมาขอโทษภายในเวลาสิบวัน!”
จ้าวเฟิงมองจักรพรรดิชุดขาว เอ่ยเสียงเย็นชา
เดิมที หากจักรพรรดิทั้งสองรู้จักอ่านสถานการณ์ เรื่องนี้คงจะปล่อยผ่านไปได้ เพียงแค่สำนักสองดาวระดับสุดยอด จ้าวเฟิงไม่แยแสแม้แต่น้อย
เขาไล่สังหารคนผู้นี้เป็นเพราะเห็นอาการบาดเจ็บสาหัสของจักรพรรดิเกล็ดปีศาจ มีบาดแผลไม่น้อยที่เป็นบาดแผลเก่าเกิดขึ้นนานแล้ว ไม่ต้องคิดก็มองออกว่าถูกไล่ล่าสังหารมานาน
เขาทำเช่นนี้ก็เพื่อระบายโทสะให้กับจักรพรรดิเกล็ดปีศาจ
ต่อจากนั้น จักรพรรดิชุดขาวก็รีบร้อนเร้นกายหนีด้วยความหวาดกลัว
ทั่วร่างของจักรพรรดิเกล็ดปีศาจสั่นน้อยๆ มองไปที่จ้าวเฟิงอย่างคาดไม่ถึง
“จักรพรรดิเกล็ดปีศาจ ไม่เจอกันนานหลายปี คิดไม่ถึงเลยว่าท่านจะมาที่ดินแดนทวีป!”
จ้าวเฟิงมองจักรพรรดิเกล็ดปีศาจ
“เจ้าคือ…จ้าวเฟิง?”
เมื่อจักรพรรดิเกล็ดปีศาจได้ยินเช่นนี้ จึงหวนนึกถึงชางไห่ และคิดเชื่อมเข้ากับวิธีการลงมือและรูปลักษณ์ภายนอกของเด็กหนุ่มเบื้องหน้า
จักรพรรดิเกล็ดปีศาจในตอนนั้นยังเป็นเพียงราชันระดับสุดยอด เพราะว่ามาที่ดินแดนทวีป เขาถึงทะลวงเป็นจักรพรรดิได้ในเวลาไม่กี่ปี
จักรพรรดิเกล็ดปีศาจเดินทางเข้าไปในตำหนักวิญญาณกับจ้าวเฟิง
“จีอู๋เหยี่ย ภารกิจในการปรับปรุงพาหนะเพลิงวายุ คงต้องมอบให้เจ้าจัดการแล้ว…”
จ้าวเฟิงมอบเรื่องนี้ให้กับคนที่มีสติปัญญาและเป็นพี่ใหญ่ที่สุดในสามคนอย่างจีอู๋เหยี่ยจัดการ
จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพาหนะเพลิงวายุต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน คนตระกูลจีทั้งสามคนปลีกตัวไป แล้วเข้าไปจับจ่ายทรัพยากรและสิ่งของที่จำเป็นภายในตำหนักวิญญาณ
“จ้าวเฟิง ครั้งนี้ต้องขอบคุณเจ้าแล้ว!”
จักรพรรดิเกล็ดปีศาจมีสีหน้ายินดี เอ่ยขอบคุณจ้าวเฟิง
“เหตุใดเจ้าถึงโดนพวกเขาไล่ล่าสังหาร?” จ้าวเฟิงถาม
“ตอนที่มาถึงดินแดนทวีป พวกเราเจอสุสานเซียนแห่งหนึ่งโดยบังเอิญ…”
จักรพรรดิเกล็ดปีศาจทอดถอนใจ เอ่ยออกมาช้าๆ
ในความจริง พวกที่ตามจักรพรรดิเกล็ดปีศาจมายังมีหัวหน้าเรือโจรสลัดลำอื่นๆ ด้วย
พวกเขาเจอสุสานเซียนแห่งนี้โดยบังเอิญ ขณะที่ช่วงชิงมรดกก็สังหารลูกศิษย์คนหนึ่งของสำนักคฤหาสน์เทพไป ท้ายที่สุด มรดกในที่นั้นถูกจักรพรรดิเกล็ดปีศาจและสำนักคฤหาสน์เทพเก็บไปส่วนหนึ่ง
ดังนั้น สำนักคฤหาสน์เทพจึงไล่ล่าสังหารพวกของจักรพรรดิเกล็ดปีศาจ จนในวันนี้เหลือเพียงจักรพรรดิเกล็ดปีศาจแค่คนเดียว
“สำนักคฤหาสน์เทพนี่!” จ้าวเฟิงมีสีหน้ามืดทะมึน
เดิมเขาคิดว่าจักรพรรดิเกล็ดปีศาจอาจจะทำเรื่องเลวร้ายอะไรถึงโดนไล่ล่าสังหารเช่นนี้ แต่เขาก็ยังเลือกจะช่วยจักรพรรดิเกล็ดปีศาจก่อนแล้วค่อยว่ากัน อย่างไรเสียก็ติดหนี้บุญคุณเขาอยู่
“จ้าวเฟิง คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะประสบความสำเร็จในดินแดนทวีปเช่นนี้!”
จักรพรรดิเกล็ดปีศาจมีสีหน้าปลื้มปีติ ในแววตามีประกายนับถือ
ตอนรู้เรื่องของจ้าวเฟิงในการทดสอบคัดเลือกรัชทายาทที่แผ่นดินใหญ่ เขาคิดมาเสมอว่าจ้าวเฟิงคนนี้คงจะแค่ชื่อแซ่ซ้ำกับจ้าวเฟิงคนที่พวกเขารู้จักเท่านั้น
ไม่ผิดคาดเลย ไม่ว่าจ้าวเฟิงจะไปที่ไหนก็ไม่สามารถปกปิดพรสวรรค์ของเขาได้
จากนั้นจ้าวเฟิงจึงสาธยายเรื่องที่เขาเปลี่ยนร่างถือกำเนิดใหม่อีกครั้ง
จักรพรรดิเกล็ดปีศาจมาถึงดินแดนทวีป ไม่ได้พึ่งพิงขั้วอำนาจใด ด้วยเหตุนี้จึงไม่รู้เรื่องที่จ้าวเฟิงเปลี่ยนร่าง ทว่าคนที่นิสัยเหมือนจักรพรรดิเกล็ดปีศาจไม่เหมาะจะเข้าร่วมสำนักจริงๆ
แต่ยามที่จักรพรรดิเกล็ดปีศาจล่วงรู้เรื่องจ้าวเฟิงจะไปสนามรบแนวหน้า กลับแสดงท่าทีกระตือรือร้นอยากร่วมเดินทางด้วย
จ้าวเฟิงย่อมไม่ปฏิเสธในจุดนี้
ห้าวันต่อมา จ้าวเฟิงได้รับเสียงจากจีอู๋เหยี่ย การแก้ไขปรับปรุงพาหนะเพลิงวายุสำเร็จเรียบร้อยแล้ว
“เตรียมออกเดินทางได้!”