Skip to content

King of Gods 1013

King Of Gods

บทที่ 1013 ค่ายกลข้ามมณฑล

จ้าวเฟิงและจักรพรรดิเกล็ดปีศาจเดินไปในตำหนักวิญญาณที่คราคร่ำไปด้วยฝูงชน

ไม่นาน คนทั้งสองไปถึงวิหารซ่อมแซมส่องสว่างเรืองรองแห่งหนึ่ง

เพิ่งเข้าไปด้านใน คนทั้งสองก็เห็นเรือรบเหล็กสีดำขนาดยักษ์ลำหนึ่ง แทบจะยึดครองพื้นที่ทั้งหมดในห้องโถงนั้นแล้ว เรือรบลำนั้นสาดซัดกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาออกมา โครงสร้างลวดลายบนนั้นคล้ายคลึงกับอารยธรรมของเผ่าพันธุ์ความลับสวรรค์อย่างยิ่งยวด

จ้าวเฟิงใช้ดวงตาซ้ายมองทะลุเรือรบเหล็กสีดำจนปรุโปร่ง

เขาพบว่า แต่ละด้านของเรือรบลำนี้ล้วนแต่แก้ไขปรับปรุงให้สมบูรณ์ในภายหลัง

“ดูแล้วจีอู๋เหยี่ยจะจัดการธุระได้ไม่เลวนัก!”

จากการสรรสร้างสิ่งของเพียงชิ้นเดียวของวิหารซ่อมแซม จ้าวเฟิงพอจะตัดสินขีดความสามารถของปรมาจารย์ศาสตร์ซ่อมแซมที่นี่ได้แล้ว

“เรือรบลำนี้ เกรงว่าจะมีเพียงแค่สำนักสามดาวระดับสูงถึงจะใช้ได้!”

จักรพรรดิเกล็ดปีศาจเอ่ยอย่างตกตะลึง

เรือรบลำนี้อยู่ในระดับสูงกว่าเรือลำที่เขาเคยใช้ไม่รู้กี่เท่า เป็นโจรสลัดมาหลายร้อยปี จักรพรรดิเกล็ดปีศาจจึงชื่นชอบเรืออย่างมาก

ถัดมา จักรพรรดิเกล็ดปีศาจและจ้าวเฟิงก็มาที่ตำหนักแห่งหนึ่ง

ภายในตำหนักคงใช้ค่ายกลที่พิเศษอย่างหนึ่ง สร้างฟ้าดินของตัวเองขึ้นมา พื้นที่เล็กจ้อยเท่านี้ หลังจากเข้ามาภายในกลับกว้างใหญ่ยิ่ง

“ผู้อาวุโสจ้าว ข้าแก้ไขปรับปรุงพาหนะบินตามความต้องการของท่านเสร็จแล้ว!”

จีอู๋เหยี่ยก้าวขึ้นมาทันที

ลูกหลานตระกูลจีอีกสองคนก็อยู่ด้วยกัน ยามนี้มีใบหน้ายินดี รุมล้อมอยู่ข้างพาหนะเพลิงวายุโฉมใหม่

จ้าวเฟิงสาวเท้าขึ้นมา พลางมองพาหนะเพลิงวายุที่ปรับแก้ใหม่แล้ว

“ตามความต้องการของท่าน พาหนะบินของเผ่าพันธุ์ความลับสวรรค์คันนี้ถูกเพิ่มความแข็งแกร่งด้านความเร็ว ยามนี้แตะถึงขั้นจักรพรรดิชั้นยอดแล้ว!”

ด้านข้างพาหนะบินมีปรมาจารย์ค่ายกลผู้หนึ่งยิ้มน้อยๆ พลางแนะนำ

แขกสองสามคนนี้อายุไม่มาก แถมยังอยู่ในขอบเขตพลังจักรพรรดิกันหมด และยังมีมรดกที่สมบูรณ์ของเผ่าพันธุ์ความลับสวรรค์ ต้องมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดาเป็นแน่

จ้าวเฟิงมองพาหนะบินอย่างละเอียด ลักษณะของมันแตกต่างกว่าแต่ก่อนมาก

อย่างแรก พื้นที่ของพาหนะบินใหญ่มากขึ้น สามารถจุคนได้มากขึ้น อีกอย่างนอกจากด้านหลังจะถูกแก้ไขให้สมบูรณ์กว่าเดิม ยังเพิ่มปีกเข้าไปสองข้าง มีส่วนช่วยเพิ่มความปราดเปรียว

“หากท่านยังมีผลึกเซียนชั้นรอง สามารถเลี่ยมฝังเข้าไปที่ปีกทั้งสองข้างสักสองชิ้น จะสามารถเพิ่มความเร็วของพาหนะให้ไปถึงขั้นเซียน!”

ปรมาจารย์ค่ายกลผู้นี้เอ่ยสำทับอีกประโยคหนึ่ง

ยามที่แก้ไขปรับปรุงพาหนะคันนี้ เขาย่อมต้องเห็นผลึกเซียนชั้นรองบนนั้น ด้วยเหตุนี้เขาจึงใช้ความชำนาญทั้งหมดที่มีเพิ่มขีดความสามารถให้กับพาหนะคันนี้

“ผลึกเซียนชั้นรอง!”

จักรพรรดิเกล็ดปีศาจสูดหายใจเข้าลึก

ผลึกเซียนชั้นรอง ถึงจะเป็นเซียนก็ตัดใจใช้ไม่ลง ใครจะกล้าใช้ผลึกเซียนบนอุปกรณ์การบิน และยังใช้ถึงสองชิ้นเสียด้วย

แต่เมื่อได้ยินคำพูดของปรมาจารย์ค่ายกลแล้ว เหมือนเดิมทีจ้าวเฟิงใช้ผลึกเซียนชั้นรองมาขับเคลื่อน ‘พาหนะเพลิงวายุ’ อย่างไรอย่างนั้น

“ความเร็วของขั้นเซียน!” จ้าวเฟิงใจเต้นอยู่บ้าง คิดไม่ถึงว่าความเร็วของพาหนะคันนี้จะเร็วได้เท่าขั้นเซียน แต่หากจะต้องใช้ผลึกเซียนชั้นรอง เขายังต้องครุ่นคิดสักหน่อย

“เพิ่มความแข็งแกร่งพาหนะมาจนถึงขั้นนี้ เป็นความสามารถขั้นสูงสุดของข้าแซ่จินแล้ว ด้วยเพราะพาหนะบินคันนี้เป็นสิ่งประดิษฐ์ของเผ่าพันธุ์ความลับสวรรค์ ราคาจึงค่อนข้างสูง น่าจะมีค่าใช้จ่ายเท่ากับมรดกอาวุธศักดิ์สิทธิ์สองชิ้น!”

อาจารย์จินแจงค่าใช้จ่ายของการปรับแก้พาหนะบิน

จักรพรรดิเกล็ดปีศาจด้านข้างสีหน้าแข็งค้าง

เขาและบรรดาสหายต้องเสี่ยงภัยอันตราย ถึงจะได้รับมรดกอาวุธศักดิ์สิทธิ์มาชิ้นหนึ่ง แต่ในวันนี้จ้าวเฟิงปรับแก้พาหนะบิน ก็มีใช้จ่ายเทียบเท่ากับมรดกอาวุธศักดิ์สิทธิ์สองชิ้น

จ้าวเฟิงผงกศีรษะ สมรรถภาพในแต่ละด้านของพาหนะเพลิงวายุคันนี้ดูจะถูกพัฒนาไปถึงขีดจำกัดแล้ว ราคาเช่นนี้ก็นับว่าสมเหตุสมผลอยู่

ในขณะที่จ้าวเฟิงเตรียมจะจ่ายค่าตอบแทน

“อาจารย์จิน รบกวนแล้ว!” น้ำเสียงทรงพลังดังสะท้อน

จากนั้น ผู้เฒ่ารูปร่างผอมแห้งผู้หนึ่งนำสมาชิกหลายคนเดินเข้ามาภายในตำหนักแห่งนี้

“สำนักคฤหาสน์เทพ!”

จักรพรรดิเกล็ดปีศาจมองจักรพรรดิชุดขาวผู้นั้น ยังมีสมาชิกคนอื่นที่เหลือ ในใจเต็มไปด้วยเพลิงแห่งความเคียดแค้น

“นี่มัน…ผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักคฤหาสน์เทพ!”

อาจารย์จินอึ้งไปทันใด

ผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักคฤหาสน์เทพพาผู้อาวุโสและผู้คุมกฎจำนวนมากบุกเข้ามาที่นี่ คงจะมาหาเรื่องกันเสียแล้ว

เมื่อเขาเห็นสีหน้าในขณะนั้นของจักรพรรดิเกล็ดปีศาจ ก็คาดเดาได้ว่าแขกสองสามคนนี้ของเขาอาจจะล่วงเกินคนของสำนักคฤหาสน์เทพ

อาจารย์จินถอนใจโอดครวญ เดินไปเตรียมจะกล่าวเตือนสำนักคฤหาสน์เทพ

ถึงแม้ว่าฝ่ายตรงข้ามขอบเขตพลังจะแตะขั้นปฐมเซียน เป็นผู้อาวุโสสูงสุดของสำนัก แต่ที่นี่คือตำหนักวิญญาณ มีจวนเจ้าเมืองคอยหนุนหลัง อาจารย์จินจึงไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย ทว่าเขายังไม่ได้เปิดปาก คำพูดของผู้อาวุโสสูงสุดสำนักคฤหาสน์เทพกลับทำให้เขาชะงักอยู่กับที่

“สหายน้อยจ้าวเฟิง ข้าผู้เฒ่าขออภัยสหายผู้นี้ของเจ้ามา ณ ที่นี้ด้วย!”

ผู้เฒ่าผอมแห้งประสานหมัดเข้าหากัน ทำความเคารพไปทางจักรพรรดิเกล็ดปีศาจ

“พวกเจ้ายังไม่คุกเข่าอีกหรือ!”

ผู้เฒ่าร่างผอมตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว

ตุบ! ทันใดนั้นเอง จักรพรรดิหลายคนคุกเข่าลงบนพื้นทันที

“ท่านก็คือผู้มีอำนาจสูงสุดของคฤหาสน์เทพ!”

จ้าวเฟิงสาวเท้าไป สีหน้าเย็นชาเล็กน้อย มองไปที่จักรพรรดิจำนวนมากและปฐมเซียนผู้นี้

“จ้าวเฟิง!” สีหน้าอาจารย์จินตื่นตะลึง

เขาว่าแล้วเชียว ลักษณะท่าทางของเด็กหนุ่มผมทองและดวงตาทองผู้นี้ดูคุ้นเคยเช่นนี้

คิดไม่ถึงว่าจะเป็นจ้าวเฟิงที่ช่วยให้องค์ชายเก้าได้ตำแหน่งรัชทายาทในการทดสอบคัดเลือกรัชทายาท

“สหายน้อยจ้าวเฟิงโปรดอภัย พวกข้ามีตาแต่หามีแววไม่ ในครั้งนี้ข้าพาพวกเขามาขอขมาสหายท่าน โปรดจัดการตามที่เห็นสมควรเถิด!”

ผู้เฒ่าร่างผอมค้อมตัวลง

จากลักษณะของจ้าวเฟิงในความทรงจำของจักรพรรดิชุดขาว ก็พอจะทำให้คนในสำนักรู้สถานะของจ้าวเฟิง

ลำดับแรก จ้าวเฟิงเป็นผู้อาวุโสสูงสุดแห่งหอควันสมุทรอันเป็นสำนักสามดาว ว่ากันว่า สำนักศักดิ์สิทธิ์วั่น สำนักปีศาจเพลิง และหอแปดดารา ล้วนแต่เป็นขั้วอำนาจสามดาวในสังกัดหอควันสมุทร สำนักคฤหาสน์เทพที่เป็นเพียงสำนักสองดาวระดับสุดยอด เมื่ออยู่ต่อหน้าสำนักเหล่านี้ย่อมไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง

อีกอย่าง หลังจากการทดสอบคัดเลือกรัชทายาทจบลงไปแล้ว ข้อมูลและข่าวลือจำนวนมากบอกกันว่าจ้าวเฟิงมีความสามารถระดับสังหารเซียนได้แล้ว ด้วยสิ่งเหล่านี้ ผู้เฒ่าร่างผอมจึงทำได้เพียงถ่ายทอดคำสั่งลงไป ให้นำสมาชิกทั้งหมดที่เคยไล่ล่าสังหารจักรพรรดิเกล็ดปีศาจมา

แต่เขาเชื่อมั่นว่าจ้าวเฟิงคงจะไม่ใจดำอำมหิต จนลงมือสังหารพวกเขาทุกคน อย่างไรเสียที่นี่ก็เป็นอาณาเขตของตำหนักวิญญาณ

“จักรพรรดิเกล็ดปีศาจ ไว้ชีวิตด้วย! ”

“พวกเราเองก็ถูกผลประโยชน์บังตา ถึงทำผิดพลาดครั้งใหญ่เช่นนี้! ”

สมาชิกสำนักคฤหาสน์เทพต่างคุกเข่าลงบนพื้น อ้อนวอนร้องขอชีวิตกับจักรพรรดิเกล็ดปีศาจ

จักรพรรดิเกล็ดปีศาจมองจักรพรรดิที่คุกเข่าบนพื้นพวกนี้

เขายังจำสีหน้าหยิ่งผยองและแววตาจองหองของคนเหล่านี้ได้ แต่ในวันนี้พวกเขากลับคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าตน

จักรพรรดิเกล็ดปีศาจหวนนึกถึงโจรสลัดที่มาถึงแผ่นดินใหญ่พร้อมกับเขาในตอนแรก ในใจก็ทะลักจิตสังหาร

“จักรพรรดิเกล็ดปีศาจ พวกเรายินยอมมอบมรดกที่ได้มาในคราวก่อนให้ อีกอย่าง ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงพาหนะคันนี้สหายน้อยจ้าว พวกเราสำนักคฤหาสน์เทพจะออกให้เอง!”

ผู้เฒ่าร่างผอมเห็นจักรพรรดิเกล็ดปีศาจหน้าไม่เปลี่ยนสี ในแววตาเหมือนปรากฎจิตสังหาร จึงรีบเอ่ย

มรดกเซียนชุดนั้น พวกเขาและจักรพรรดิเกล็ดปีศาจได้กันคนละครึ่ง ในวันนี้พวกเขามอบมรดกส่วนที่ได้มาทั้งหมดให้

“หากว่ายินดี นับจากวันนี้ไป พวกเจ้าสำนักคฤหาสน์เทพก็มาเป็นขั้วอำนาจในสังกัดหอควันสมุทรของข้า!”

จ้าวเฟิงสาวเท้าไปด้านหน้า ตบบ่าจักรพรรดิเกล็ดปีศาจ แล้วจึงเปิดปากเอ่ย

ยามนี้จ้าวเฟิงเป็นขั้วอำนาจเบื้องหลังองค์ชายเก้า หากสังหารคนในตำหนักวิญญาณจะเสื่อมเสียถึงองค์ชายเก้า

“พะ…พวกเราสำนักคฤหาสน์เทพยิมยอมเป็นขั้วอำนาจสังกัดของหอควันสมุทร!”

ผู้เฒ่าร่างผอมลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกัดฟันตอบตกลง

“พวกเราออกเดินทางเถิด จ้าวเฟิง!”

จักรพรรดิเกล็ดปีศาจไม่พูดอะไร หมุนตัวไปทันใด

จ้าวเฟิงไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตเขา แต่ยังให้คนพวกนี้มาคุกเข่าขอขมาต่อหน้า สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคาดหวังมาก่อน

ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะจ้าวเฟิงทั้งสิ้น เขาไม่อาจเพิ่มความยุ่งยากให้กับจ้าวเฟิงอีก

“ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงพาหนะบิน ต้องลำบากพวกเจ้าแล้ว!”

จ้าวเฟิงรับพาหนะเพลิงวายุโฉมใหม่ไป ก่อนจะพาลูกหลานตระกูลจีสามคนและจักรพรรดิเกล็ดปีศาจออกเดินทาง

“ผู้อาวุโสสูงสุด เหตุใดท่านจึงตอบตกลงข้อเรียกร้องนี้ของจ้าวเฟิง?”

หลังจากที่พวกจ้าวเฟิงจากไปแล้ว จักรพรรดิชุดขาวผู้นั้นชันกายลุกขึ้นทันที

“ใช่แล้ว ผู้อาวุโสสูงสุด ในตำหนักวิญญาณ จ้าวเฟิงก็ไม่กล้าสังหารพวกเราหรอก!”

จักรพรรดิอีกคนหนึ่งเอ่ยด้วยสีหน้าดูแคลน

“ไม่สังหาร แต่ถ้าเขาทำให้พวกเจ้าพิการล่ะ?”

น้ำเสียงผู้เฒ่าร่างผอมเกรี้ยวกราด เอ่ยต่อไปว่า “หอควันสมุทรเป็นถึงขั้วอำนาจเบื้องหลังองค์รัชทายาท ในช่วงหลังมานี้เติบโตอย่างรวดเร็ว หากองค์รัชทายาทได้ขึ้นครองราชย์ เช่นนั้นสำนักคฤหาสน์เทพเราก็ยินดีจะเป็นขั้วอำนาจในสังกัดของหอควันสมุทร!”

“เหอะ เรื่องของวังเก้านิรยและหอควันสมุทร พวกเจ้าต่างรู้ดี หากวังเก้านิรยจัดการจ้าวเฟิงและหอควันสมุทร พวกเราย่อมเป็นอิสระไปด้วย!”

ผู้เฒ่าร่างผอมแค่นเสียงเย็น แล้วมองไปที่กลุ่มคนผู้โง่งมเหล่านี้ พร้อมกล่าวต่อ

เมื่อได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสสูงสุด จักรพรรดิคนอื่นที่เหลือแววตาเป็นประกาย

“ผู้อาวุโสสูงสุดช่างพิจารณาได้รอบคอบอย่างยิ่ง!”

จักรพรรดิชุดขาวผู้นั้นเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

“อาจารย์จิน ค่าปรับแก้พาหนะบินของจ้าวเฟิงมีมูลค่าเท่าไหร่?”

ผู้เฒ่าผอมแห้งถาม

“ราคาเป็นมรดกอาวุธศักดิ์สิทธิ์สองชิ้น!”

อาจารย์จินเอ่ย

“อะไรนะ!” ผู้เฒ่าร่างผอมเกือบจะกระอักเลือดออกมา

แต่สถานแลกเปลี่ยนค้าขายของตำหนักวิญญาณ ย่อมไม่คดโกงเอาเปรียบ และอาจารย์จินยังเป็นปรมาจารย์ค่ายกลที่มีชื่อเสียงอย่างมากของวิหารซ่อมแซม

“เจ้าเด็กนี่ซ่อมแซมปรับปรุงพาหนะบินคันหนึ่ง ยังสิ้นเปลืองสมบัติมากมายเช่นนี้!”

สุดท้าย ผู้เฒ่าร่างผอมและจักรพรรดิหลายคนก็มอบค่าใช้จ่ายให้ไป

เปรี๊ยะ!

จ้าวเฟิงและพวกนั่งบนพาหนะเพลิงวายุคันใหม่เอี่ยม ไอเพลิงเจ็ดสีรุนแรงลากยาวเป็นสาย เดินทางออกจากตำหนักวิญญาณไป

“รวดเร็วเหลือเกิน!” จีเทียนหมิงเอ่ยอย่างตกใจ

พาหนะเพลิงวายุคันนี้บรรทุกพวกเขาห้าคนเดินทางไกล แต่กลับรวดเร็วยิ่งกว่าจักรพรรดิชั้นยอด รวดเร็วกว่าที่ผ่านมากว่าสองเท่าตัว หากเป็นเช่นนี้ ระยะเวลาในการเดินทางก็จะลดลงไปมาก

“บางทีอาจเจอองค์ชายเก้ากับตาเฒ่าอิงในระหว่าทางก็เป็นได้!”

จ้าวเฟิงเอ่ยยิ้มๆ

องค์ชายเก้าและตาเฒ่าอิงน่าจะออกเดินทางก่อนจ้าวเฟิงหนึ่งถึงสองเดือน

ด้วยความเร็วในตอนนี้ของจ้าวเฟิงและพวก ไม่แน่ว่าอาจจะเจอองค์ชายเก้าและพวกก่อนไปถึงสนามรบ ด้วยเพราะมีจุดหมายปลายทางที่เดียวกัน เส้นทางจึงคล้ายคลึงกันอยู่แล้ว

หนึ่งเดือนต่อมา กลุ่มคนก็มาถึงมณฑลเฉียนอันเป็นใจกลางของราชวงศ์ต้าเฉียน

“ผู้อาวุโสจ้าว ได้ยินมาว่าตำหนักวิญญาณในเมืองหลวงของมณฑลเฉียนสร้างค่ายกลข้ามมณฑลแล้ว!”

จีเทียนหมิงเปิดปากเอ่ย

“หืม? ค่ายกลข้ามมณฑล?” จ้าวเฟิงสนใจในตัวค่ายกลนี้อยู่หลายส่วน

ค่ายกลจิตข้ามมณฑล เป็นค่ายกลขนส่งระดับสูงที่ข้ามเมืองใหญ่ๆ หลายสิบเมืองในคราเดียว มณฑลเฉียนอันเป็นตำแหน่งที่ตั้งของเมืองหลวง น่าจะเป็นมณฑลใหญ่แห่งแรกที่สร้างค่ายกลข้ามมณฑล

การขนส่งข้ามมณฑลในครั้งเดียวนั้น สามารถประหยัดเวลาเดินทางอย่างน้อยๆ หนึ่งเดือน

จากนั้น จ้าวเฟิงและพวกก็เดินทางมาถึงใจกลางตำหนักวิญญาณของเมืองหลวง

ค่ายกลข้ามมณฑลตั้งอยู่ที่ใจกลางของตำหนักวิญญาณ เฝ้าโดยขั้วอำนาจสามดาวที่ได้รับคำสั่งจากราชวงศ์

“ดูแล้วพวกเราไม่น่าจะมีสิทธิ์ใช้ค่ายกลข้ามมณฑล!”

จีอู๋เหยี่ยทอดสายตาออกไปไกล

ตำหนักโอ่อ่าที่ลอยอยู่กลางอากาศหลังนั้น รอบบริเวณรายล้อมไปด้วยองครักษ์เกราะดำ ทุกคนอยู่ในขอบเขตพลังครึ่งก้าวสู่ราชัน หลายคนในนั้นมีกลิ่นอายที่แข็งแกร่ง

“ลองดูก่อน!” จ้าวเฟิงโบยบินขึ้น คนอื่นที่เหลือจึงทำได้เพียงตามขึ้นไป

“จงแสดงสถานะออกมา ที่นี่คือค่ายกลข้ามมณฑล นอกเหนือจากสำนักสามดาวระดับสุดยอดและราชวงศ์แล้ว ผู้อื่นห้ามเข้าใกล้!”

องครักษ์เกราะดำกลุ่มหนึ่งรีบเอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นจ้าวเฟิงและพวก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!