บทที่ 1017 สนามรบสามมณฑล
ตอนที่จ้าวเฟิงและพวกองค์ชายเก้าปรากฏกายขึ้นที่แท่นค่ายกลขนส่งอีกแห่ง ทุกคนจึงรีบขึ้นไปบนพาหนะเพลิงวายุของจ้าวเฟิง ลอยขึ้นไปบนชั้นเมฆ
คนเจ็ดคน เป็นจำนวนมากที่สุดในการบรรทุกคนของพาหนะเพลิงวายุ
“ดูเร็ว นั่นมัน…”
“พาหนะบินได้คันนี้มีมูลค่าสูงส่งเหลือเกิน!”
ตำหนักวิญญาณแห่งนี้โกลาหลกว่าตำหนักวิญญาณแห่งก่อน จ้าวเฟิงและพวกลอยขึ้นฟ้าก็ถูกจับจ้องจากสายตาจำนวนนับไม่ถ้วน เงาร่างนับสิบตามออกมาทันที
“ฮึ!” เซียนฉยงคงพลันแค่นเสียง แผ่กลิ่นอายเซียนออกมาทันที
โครม!
ร่างมนุษย์จำนวนหลายสิบด้านหลังเลือดลมปั่นป่วนทั่วร่าง ถูกกลิ่นอายที่แข็งแกร่งสะกดเอาไว้
“เซียน แย่แล้ว!”
คนจำนวนมากจึงหัวเสียจากไป
สุดท้ายยังมีคนมากมายที่ดวงตาฉายแววละโมบชัดเจน แต่เมื่อเห็นคนทั้งเจ็ดบนพาหนะก็เงียบงันไปชั่วขณะ ทำได้เพียงจากไปเช่นกัน
……
“จ้าวเฟิง พาหนะบินคันนี้ไม่เลวเลยจริงๆ!”
ตาเฒ่าอิงมีแววตาชื่นชม
สัตว์วิเศษบินได้ที่พวกเขานั่งมาตลอดทางไม่อาจจะเปรียบเทียบได้แม้แต่น้อย
ลำดับแรก สัตว์วิเศษบินได้ต้องพักผ่อน อีกทั้งหากเดินทางในระยะยาวแล้วไม่มีนักฝึกสัตว์ เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ฝันก็ยากจะจัดการ
“นี่คือพาหนะที่ปรมาจารย์ศาสตร์ซ่อมแซมแห่งมณฑลเฉินเคยเสริมความแข็งแกร่งให้!”
จีเทียนหมิงสอดขึ้น
“สหายน้อยจ้าวเฟิง มีวรยุทธ์ที่สูงส่งตามคำร่ำลือ!”
เซียนฉยงคงระบายยิ้มออกมาเล็กน้อย
เขาเป็นคนที่ราชวงศ์ส่งมาติดตามคุ้มกันองค์ชายเก้า และแน่นอนว่ายังต้องมีองครักษ์ที่ฝีมือสูงส่งจำนวนมากติดตามมาด้วย
ทว่าการจัดทัพเพื่อรับมือกับเซียนฉลามดำยังด้อยกว่าบ้าง
ครั้งนี้โชคดีที่มีจ้าวเฟิง ไม่เช่นนั้นพวกเขาทุกคนคงตายในตำหนักแห่งนั้นไปแล้ว
“จ้าวเฟิง เจ้าหาพวกเราเจอได้อย่างไร?” ตาเฒ่าอิงถามข้อสงสัยในใจ
ว่ากันตามหลักเหตุผล ขอบเขตพลังค่ายกลในตำหนักน่าจะปิดกั้นเสียง ประสาทสัมผัส และระลอกพลังด้วย…
พวกเขาถูกล้อมอยู่ที่นั่นช่วงระยะหนึ่งก็ยังไม่มีใครเข้ามาทั้งสิ้น
“สิ่งนี้!” ในมือจ้าวเฟิงปรากฏตราคำสั่งมังกรทองทรงสี่เหลี่ยมชิ้นหนึ่ง
“ตราคำสั่งสวรรค์!” ตาเฒ่าอิงและเซียนฉยงคงเข้าใจทันที
ถึงแม้ตราคำสั่งสวรรค์จะเป็นสัญลักษณ์ของสถานะในราชวงศ์ แต่ก็มีความสามารถอีกอย่างหนึ่ง คือเพิ่มพลังชะตามังกรของผู้ที่แขวนมันด้วย
ดังนั้นในตราคำสั่งสวรรค์จึงมีพลังชะตามังกรขององค์ชายเก้าไม่มากก็น้อย ในตอนนั้นองค์ชายเก้ากำลังพึ่งพาพลังชะตามังกรในการต่อสู้ ย่อมต้องสัมผัสได้ถึงตราคำสั่งสวรรค์ที่อยู่ไม่ไกล
ทว่าอีกมุมหนึ่ง คนทั้งสองก็รู้สึกตื่นตะลึงอยู่ส่วนหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าองค์ชายเก้าจะมอบตราคำสั่งสวรรค์ให้กับจ้าวเฟิง
บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุและผลลึกลับกระมัง!
“เป็นใครกันแน่ที่ไล่สังหารองค์ชายรัชทายาท!”
จักรพรรดิเกล็ดปีศาจถาม
สำหรับเขาแล้ว องค์รัชทายาทเป็นบุคคลที่มีสถานะสูงส่งที่สุดตั้งแต่ที่เขาเคยเจอมา
“จุดนี้ไม่อาจล่วงรู้ได้เลย!”
ตาเฒ่าอิงสีหน้าเคร่งเล็กน้อย
มือสังหารรับผิดชอบเพียงแค่ภารกิจที่รับมา สังหารเป้าหมายทิ้ง ไม่ใส่ใจอย่างอื่น
ด้วยเหตุนี้ถึงพวกเขาจะได้ชัย แต่ก็จะสืบหาอะไรไม่เจอจากผู้ที่รอดชีวิต
หากรอให้ถึงจุดหมายปลายทางแล้ว ถึงแม้จะรายงานเรื่องนี้ก็น่าจะหาต้นสายปลายเหตุไม่เจอ
“จ้าวเฟิง จุดหมายปลายทางพวกเราอยู่ที่ถิ่นของตระกูลเถี่ย!”
ตาเฒ่าอิงเอ่ยเตือน
นอกจากจักรพรรดิเกล็ดปีศาจแล้ว คนอื่นก็พอจะทราบเรื่องบุญคุณความแค้นระหว่างจ้าวเฟิงและตระกูลเถี่ยอยู่ไม่น้อย แต่นี่ก็คือเรื่องที่ทำอะไรไม่ได้ ตระกูลเถี่ยเป็นพื้นที่หลักที่พวกต่างเผ่าพันธุ์โจมตี และมีราชาเซียนอวี่หลิงดูแลที่นั่นอยู่ พวกเขาจำเป็นต้องไปที่นั่นก่อน
“สหายจ้าว ตระกูลเถี่ยคงจะไม่ทำอะไรเจ้า!”
องค์ชายเก้ารีบลุกขึ้น
ด้วยสถานะในตอนนี้ขององค์ชายเก้า ตระกูลเถี่ยยังไม่กล้าทำอะไรจ้าวเฟิง
……
ระหว่างทาง พลังอำนาจและยอดฝีมือหลากหลายประเภทยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนมากพวกเขาจะเข้าร่วมสนามรบแนวหน้า เพื่อสะสมผลงานการรบเอาไว้ไปแลกทรัพยากรล้ำค่าต่างๆ จึงมีพวกมือสังหารหรือยอดฝีมือที่อยากจะฝึกปรือฝีมือจำนวนมาก สิบวันต่อมา ทุกคนก็มาถึงด้านนอกตำหนักทองแดงยิ่งใหญ่หลังมโหฬาร ไอสังหารเพลิงลอยเข้ามาปะทะ
ภายในตำหนักทองแดง ทุกระยะสิบหมี่ (เมตร) จะมีกองกำลังเดินตรวจตรา
เมื่อองค์ชายเก้าสำแดงตราคำสั่งชิ้นหนึ่ง คนที่เฝ้าดูแลเมืองจึงนำกลุ่มคนเข้าไปภายในตำหนัก
จากการนำของคนทั้งสาม สุดท้ายองค์ชายเก้าและพวกจึงเข้าไปในตำหนักหลักตรงใจกลาง
“พวกเจ้าไปรอข้าด้านนอกก่อน!” องค์ชายเก้าเอ่ยกับทุกคน
นอกจากเขาและเซียนฉยงคงแล้ว คนอื่นที่เหลือไม่มีคุณสมบัติเข้าไปภายในนั้น
“ข้าจะเล่าสถานการณ์ในต้าเฉียนให้พวกเจ้าฟังก็แล้วกัน!”
ตาเฒ่าอิงเอ่ยปาก
อย่างไรเสียทุกคนก็มีเวลาว่าง ฟังสถานการณ์การรบในตอนนี้ของต้าเฉียนก็ดีเหมือนกัน
“ยามนี้ต้าเฉียนมีพื้นที่สามมณฑล แต่ละที่ถูกยึดครองไปกว่าครึ่ง นอกพื้นที่ร้อยลี้จากที่พวกเราอยู่ถูกยึดเป็นที่มั่นของต่างเผ่าพันธุ์!”
ตาเฒ่าอิงเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
เมื่อได้ยินคำพูดของตาเฒ่าอิง ทุกคนอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นจึงทอดสายตาออกไปไกล
การรบของสองราชวงศ์ยาวนานถึงหนึ่งปีแล้ว
ถึงแม้ว่าราชวงศ์ต้าเฉียนจะพลิกสถานการณ์เสียเปรียบได้ แต่ก็ไม่ได้เปรียบมากนัก ดินแดนที่ถูกยึดไปยังไม่อาจชิงคืนได้
ดินแดนที่ถูกยึดไปมีสามมณฑล หรือก็คือดินแดนสามมณฑลนี้ที่เป็นสนามรบหลักๆ
สามมณฑลแบ่งออกเป็นมณฑลหลิง มณฑลซวงอันเป็นที่ตั้งของตระกูลหยู รวมไปถึงมณฑลหลานที่ปกครองโดยจวนหลานกง
“มณฑลหลาน จวนหลานกง?” จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างสงสัย
“ถูกต้อง จวนหลานกงเป็นขั้วอำนาจเบื้องหลังองค์ชาย!”
ตาเฒ่าอิงเคร่งขรึมลงไป
ในการทดสอบคัดเลือกรัชทายาท ซูชิงหลิงก็เป็นคนของจวนหลานกง
อีกทั้งมณฑลหลานก็เป็นขั้วอำนาจที่อ่อนแอที่สุดในสามมณฑลนี้
“เช่นนั้นพวกเราจะถูกจัดสรรไปที่ไหน?”
จีอู๋เหยี่ยถาม
“รอก่อน!” ตาเฒ่าอิงเอ่ยออกมาคำหนึ่ง
ทุกคนย่อมเข้าใจ ต้องรอองค์ชายเก้าและเซียนฉยงคงออกมาถึงจะรู้ผล
ทว่าสำหรับทุกคนแล้ว พวกตระกูลหยูยามนี้เป็นทัพเดียวกัน พลังแกร่งกล้า เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
ถึงแม้ว่ามณฑลหลานเป็นขั้วอำนาจเบื้องหลังองค์ชายเก้า แต่อำนาจของทั้งมณฑลหลานค่อนข้างจะอ่อนแอ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของต่างเผ่าพันธุ์ ไม่ช่วยอะไรองค์ชายเก้ามากนัก
ส่วนมณฑลหลิงเป็นขั้วอำนาจที่หนุนหลังองค์ชายสี่ หนำซ้ำตระกูลเถี่ยยังมีบุญคุณความแค้นฝังลึกกับจ้าวเฟิง จึงทำให้จ้าวเฟิงไม่อยากอยู่ที่มณฑลหลิง
อนึ่ง จ้าวเฟิงยังไม่รู้เลยว่าสมาชิกของหอควันสมุทรอยู่ที่มณฑลไหนกันแน่
“ที่นั่นคืออะไร?”
จีหลานทอดสายตาไปยังที่ไกลลิบ
เห็นเพียงด้านขวาของตำหนักหลักใจกลางมีแผ่นหินสีแดงยาวถึงร้อยหมี่เรียงราย เหมือนหล่อโลหิต บนแผ่นหินสลักตัวอักษรแน่นขนัด เปล่งประกายสีทองสว่าง
“นั่นคือ ‘รายชื่อผลงานการรบ’ ผลงานการรบของมณฑลหลิงในห้าพันลำดับแรกจะปรากฏขึ้นบนรายชื่อ!”
ตาเฒ่าอิงอธิบาย
รายชื่อผลงานการรบ ย่อมมีไว้เพื่อปลุกใจทหารต้าเฉียน ให้องอาจห้าวหาญ และเพื่อสำแดงถึงเกียรติยศและพลังด้วยเช่นกัน
อีกทั้งผลงานการรบเหล่านี้ไม่มีทางลดลงเพราะแลกเปลี่ยนทรัพยากร
เมื่อได้ยินว่าสงครามจบลงแล้ว ยอดฝีมือที่อยู่ในร้อยลำดับต้นของรายชื่อผลงานการรบจะได้รับรางวัลพิเศษ
จ้าวเฟิงกวาดตามองรายชื่อผลงานการรบ พอจะพบเห็นรายชื่อที่รู้จักอยู่หลายชื่อ เซวียนหยวนเหวิน เถี่ยหลิงอวิ๋น เซียนวั่นเหลย
เซวียนหยวนเหวินและเถี่ยหลิงอวิ๋นอยู่ประมาณลำดับร้อย เซียนวั่นเหลยอยู่ในห้าสิบลำดับแรก
แน่นอน จ้าวเฟิงค้นพบว่าในรายชื่อผลงานการรบนี้ไม่เคยปรากฏขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูงมาก่อน ไม่ต้องพูดถึงราชาแห่งเซียน ส่วนสาเหตุก็ไม่อาจจะรู้ได้
“พวกเจ้าอย่าดูแคลนผลงานการรบนี้ ในตอนนี้ต้าเฉียนรีบพลิกสถานการณ์เสียเปรียบ สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งของล้ำค่าซึ่งอยู่เหนือกว่าที่พวกเจ้าคาดคิด!”
ตาเฒ่าอิงรู้ว่าพวกคนที่ติดตามจ้าวเฟิงต้องเข้าร่วมสนามรบและสังหารศัตรู จึงยั่วยวนใจพวกเขาสักหน่อย
ในตอนนี้ องค์ชายเก้าและเซียนฉยงคงออกมาจากตำหนักทองแดง
“ออกเดินทางพรุ่งนี้!” องค์ชายเก้าเอ่ย
เมื่อตาเฒ่าอิงและจ้าวเฟิงได้ยินคำพูดขององค์ชายเก้า จึงพอจะเดาจุดหมายปลายทางได้ น่าจะเป็นมณฑลหลาน ถ้าหากองค์ชายเก้าไปเจอราชาเซียนอวี่หลิงโดยตรง ก็พอมีความเป็นไปได้ที่จะถูกส่งไปที่
มณฑลซวง ซึ่งเป็นสนามรบที่เหมาะสมกับองค์ชายเก้าที่สุด
เห็นได้ชัดว่าคนที่องค์ชายเก้าเจอน่าจะเป็นคนในระดับสูงของตระกูลเถี่ย
ตระกูลเถี่ยที่เป็นขั้วอำนาจเบื้องหลังองค์ชายสี่ เพื่อจะขัดขวางไม่ให้องค์ชายเก้ามี ผลงานการรบ ย่อมจัดแจงส่งอีกฝ่ายไปที่มณฑลหลาน นอกจากนี้ มณฑลหลานและมณฑลซวงอยู่ข้างมณฑลหลิงสองฟาก หากเป็นเช่นนี้จะแบ่งพลังทั้งหมดขององค์ชายเก้าออกไป
อย่างไรเสีย เรื่องที่องค์ชายแปดยืนหนุนหลังองค์รัชทายาท ได้แพร่กระจายไปในกลุ่มคนระดับสูงของขั้วอำนาจนานแล้ว
“ตามข้าไปเถอะ!”
ทุกคนติดตามเซียนฉยงคงไปถึงตำหนักด้านข้างที่ไม่มีคนอยู่แห่งหนึ่ง
ทว่าจ้าวเฟิงเพิ่งจะเข้าไปในตำหนัก เบื้องหลังก็มีคนผู้หนึ่งมาถึง
“คารวะองค์รัชทายาท!”
ผู้มาเยือนทำความเคารพต่อองค์ชายเก้าก่อน
“จ้าวเฟิง ผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลเถี่ย เชิญ!”
ต่อมาคนผู้นั้นเอ่ยกับจ้าวเฟิง
จ้าวเฟิงอดจะเลื่อมใสไม่ได้ การลงมือของตระกูลเถี่ยรวดเร็วอย่างมาก
กลัวก็แต่ตอนที่เขาเพิ่งตามองค์ชายเก้ามาถึงที่นี่ ข่าวคราวก็ไปถึงคนระดับสูงของตระกูลเถี่ยแล้ว
แต่มณฑลหลิงเป็นที่มั่นของตระกูลเถี่ย หากจ้าวเฟิงไม่ไป เห็นได้ชัดว่าจะทำให้เหตุการณ์เลวร้ายมากขึ้น
“จ้าวเฟิง ข้าจะตามไปกับเจ้า!” องค์ชายเก้าเอ่ยขึ้นทันที
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าตระกูลเถี่ยจะวุ่นวายกับจ้าวเฟิงไม่เลิก พวกเขาเพิ่งมาถึงที่นี่ ตระกูลเถี่ยก็เริ่มลงมือเสียแล้ว และในครั้งนี้เป็นผู้กุมอำนาจสูงสุดที่เหนือกว่าใครในตระกูลเถี่ยด้วย
“ไม่ต้องหรอก”
จ้าวเฟิงปฏิเสธความหวังดีขององค์ชายเก้า
“เชิญ!”
คนของตระกูลเถี่ยคนนี้พาจ้าวเฟิงบินไปที่ไกลออกไป
จากการนำทางของคนผู้นี้ จ้าวเฟิงมาถึงตำหนักด้านในของตำหนักหลักที่ใจกลาง หลังจากมาถึงที่นี่แล้ว ลูกศิษย์ตระกูลเถี่ยคนนี้จึงถอยไป
“เข้ามาสิ!”
เสียงชราดังออกมาจากภายในตำหนัก
จ้าวเฟิงใจเต้นกระตุก น้ำเสียงนี้เรียบเฉยธรรมดา แต่กลับทำให้ทั่วร่างจ้าวเฟิงระอุขึ้น โลหิตสั่นไหว เห็นได้ว่าเจ้าของน้ำเสียงต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
จากนั้น จ้าวเฟิงจึงย่างเท้าเข้าไปในตำหนักทองแดงขนาดใหญ่แห่งนี้
ภายในตำหนักมีเงาคนสองร่าง
หนึ่งในนั้นสวมชุดขาว เรือนผมสีแดง กลิ่นอายสงบ ร่างเหมือนไม่ใช่มนุษย์
แต่เงาคนอีกร่างทำให้ดวงตาของจ้าวเฟิงเป็นประกาย
สตรีร่างสูงโปร่งในชุดแดงนางนั้น เรือนร่างแบบบางเย้ายวน บนวงหน้านวลเนียนมีดวงตาที่ชวนให้คนลุ่มหลง ยามนี้แย้มยิ้มพลางมองจ้าวเฟิงอย่างประเมิน
“นั่งก่อนเถอะ!” ผู้เฒ่าชุดขาวเอ่ยพลางยิ้มน้อยๆ
“ไม่รู้ว่าท่านผู้อาวุโสเรียกหาข้ามีเรื่องอันใดกัน?”
จ้าวเฟิงรู้สึกได้ว่าสถานการณ์ต่างจากที่เขาคิดเอาไว้มาก ถึงแม้ว่าเขายังรู้สึกถึงกลิ่นอายที่แกร่งกล้าจำนวนมากที่ซ่อนอยู่ภายในตำหนัก
“สำหรับการกระทำของคนตระกูลเถี่ยที่ผ่านมา หวังว่าสหายน้อยจ้าวจะไม่ถือสา!”
หลังจากผู้เฒ่าชุดขาวนั่งลง ก็เอ่ยเป็นอย่างแรก
“มิได้ ผู้อาวุโสตระกูลเถี่ยก็ไม่ได้ทำอะไรกับผู้เยาว์!”
จ้าวเฟิงสีหน้าเรียบเฉย
หลังจากผู้เฒ่าชุดขาวได้ยินจึงหัวเราะร่วน
“สหายน้อยจ้าวเข้าใจอะไรตระกูลเถี่ยผิดหรือไม่?”
ผู้เฒ่าชุดขาวเอ่ยตอบเนิบๆ
ความหมายที่แฝงในคำพูดนั้น ย่อมเป็นการสอบถามจ้าวเฟิงถึงสาเหตุที่เขาไม่เข้าร่วมกับตระกูลเถี่ย
ท่าทางของผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลเถี่ยคนนี้ทำให้จ้าวเฟิงรู้สึกไม่คุ้นเคยอยู่บ้าง อย่างไรเสียที่ผ่านมาคนของตระกูลเถี่ยก็แข็งกระด้างต่อเขาอย่างมาก
“มิได้ ตระกูลเถี่ยเฝ้าระวังพวกต่างเผ่าพันธุ์แถบตะวันตกเฉียงเหนือ ข้าน้อยนับถือท่านเหลือเกิน!”
จ้าวเฟิงกล่าวเอาใจ
“ฮ่าๆ ผลงานของสหายน้อยจ้าวในการทดสอบคัดเลือกรัชทายาท ทำให้คนรุ่นเยาว์ของตระกูลเถี่ยเลื่อมใสอย่างมาก!”
ผู้เฒ่าชุดขาวยิ้มน้อยๆ
“นี่คือหลานสาวของข้า เถี่ยหงหลิง นางอยากเจอสหายจ้าวมาโดยตลอด วันนี้นับว่านางสมหวังแล้ว!”
เมื่อผู้เฒ่าชุดขาวพูดจบ สตรีเรือนร่างเย้ายวนงดงามข้างกายเขาก็ก้าวออกมา