Skip to content

King of Gods 1018

King Of Gods

บทที่ 1018 ไม่อาจทำตามใจ

“นี่คือหลานสาวของข้า เถี่ยหงหลิง นางอยากเจอสหายจ้าวมาโดยตลอด วันนี้นับว่านางสมหวังแล้ว!”

เมื่อผู้เฒ่าชุดขาวพูดจบ สตรีร่างกายเย้ายวนงดงามข้างกายเขานางนั้นก็ก้าวออกมา

“ข้าน้อยเถี่ยหงหลิง คารวะคุณชายจ้าว!”

เสียงใสกังวานดุจจันทร์กลางน้ำของเถี่ยหงหลิงดังขึ้น ร่างกายค้อมลงคารวะเล็กน้อย เรือนร่างอวบอิ่มจนคล้ายจะเผยออกมา

ใบหน้างดงามของเถี่ยหงหลิงระบายยิ้มเล็กน้อย มองประเมินจ้าวเฟิง

จ้าวเฟิงขมวดคิ้วน้อยๆ มองไปที่ผู้เฒ่าชุดขาว

ท่าทางในครั้งนี้ของตระกูลเถี่ยแตกต่างจากที่ผ่านมาอย่างยิ่ง จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พูดเรื่องสายเลือดเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบ ทำให้ตอนนี้จ้าวเฟิงไม่อาจคาดเดาเจตนาที่แท้จริงของตระกูลเถี่ยได้

“หงหลิงได้ยินเรื่องของคุณชายจ้าวมานาน วันนี้ได้พบ คุณชายจ้าวท่วงท่าองอาจสง่างาม ไม่ธรรมดาจริงๆ!” น้ำเสียงเถี่ยหงหลิงไพเราะจับใจ เอ่ยขึ้นช้าๆ

ความจริงแล้ว ตระกูลเถี่ยวางแผนให้นางแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับจ้าวเฟิง

เถี่ยหงหลิงเป็นสตรีงามลำดับหนึ่งของตระกูลเถี่ย มีคนในแต่ละขั้วอำนาจของแปดตระกูลใหญ่ตามเกี้ยวพานางนับไม่ถ้วน แต่ไม่มีชายใดที่ต้องตาต้องใจนางเลย

วีรกรรมของจ้าวเฟิงในการทดสอบคัดเลือกรัชทายาท ทำให้คนระดับสูงในตระกูลเถี่ยอย่างท่านปู่ของเถี่ยหงหลิงถึงกับเป็นฝ่ายออกปากให้นางแต่งงานกับจ้าวเฟิง

ครั้งนี้เถี่ยหงหลิงย่อมมาเพื่อดูตัวสามีในอนาคตของนาง

นางเองก็อยากจะเห็นว่าบุรุษผู้ครอบครองสายเลือดเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบ มีสิ่งใดต่างจากอัจฉริยะคนอื่นของตระกูลเถี่ยบ้าง

หากว่าจ้าวเฟิงมีดีแค่เพียงสายเลือด แต่ทำอะไรอื่นไม่ได้สักอย่าง นางย่อมไม่ยินยอมแน่

แต่หลังจากเห็นท่าทางจัดการเรื่องราวต่างๆ โดยไม่ตื่นตระหนกของจ้าวเฟิง ใบหน้าหล่อเหลาอบอุ่น ดวงตาสุขุมลุ่มลึก ใจเถี่ยหงหลิงเต้นรัวเล็กน้อย

“หงหลิงยังเคยได้ยินมาว่าคุณชายจ้าวอยู่ขั้นจักรพรรดิ แต่มีกำลังรบอยู่ขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นแรกเริ่มแล้ว ไม่ทราบว่าข้าจะได้เห็นความสามารถอันล้ำเลิศของคุณชายด้วยตาตนเองหรือไม่!”

เถี่ยหงหลิงเห็นจ้าวเฟิงไม่พูดอะไรอยู่นาน คิดไปว่าเขาคงหลงรูปนางแล้ว จึงยิ้มด้วยความมั่นใจ นางพึงใจในสายเลือด รูปลักษณ์ภายนอก รวมถึงความสามารถของจ้าวเฟิงอย่างยิ่ง

นางย่อมอยากเห็นความสามารถของจ้าวเฟิงว่าจะเก่งกล้าเช่นในข่าวลือหรือไม่

“แม่นางหงหลิงเองก็งดงามโดดเด่น เลอโฉมล่มเมือง อายุน้อยเช่นนี้กลับมีพลังถึงขั้นปฐมเซียน ข้าน้อยมิอาจเทียบได้! ”

จ้าวเฟิงเพ่งมอง ประเมินสตรีตรงหน้าอย่างละเอียด

พลังสายเลือดของสตรีผู้นี้อาจจะเหนือกว่าเถี่ยหลิงอวิ๋นขั้นหนึ่ง แต่เหตุที่ไม่เข้าร่วมการทดสอบคัดเลือกรัชทายาท อาจเป็นเพราะว่าพ่ายแพ้ไปในศึกชิงลำดับรายชื่อในสำนักกระมัง

“ฮ่าๆ สหายน้อยจ้าวอย่าถ่อมตัวเลย หลานสาวข้าอวดดีดื้อรั้นนัก ไม่สู้สหายน้อยจ้าวแสดงสักสองสามกระบวนท่าให้นางได้เห็นเป็นบุญตา!”

ผู้เฒ่าชุดขาวหัวเราะร่วน

พลานุภาพเซียนกลุ่มหนึ่งปกคลุมจ้าวเฟิงและเถี่ยหงหลิงเข้าไปภายในทันที

พรึ่บ! ภาพเบื้องหน้าสั่นไหวเล็กน้อย สองมาอยู่ภายในมิติประหลาดแห่งหนึ่ง กลิ่นอายร้อนระอุพลันโถมเข้ามา

ในครรลองสายตาเห็นธารหินหนืดร้อน รอบตัวเป็นกลุ่มภูเขาไฟทอดตัวยาวไม่มีสิ้นสุด ภูเขาไฟลูกหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนักกำลังพ่นหินหนืดร้อนสีแดงฉานออกมา

จ้าวเฟิงตื่นตะลึงไปเล็กน้อย โลกมิติส่วนตัวแห่งนี้สมจริงที่สุดตั้งแต่จ้าวเฟิงเคยเห็นมา ทุกอย่างภายในมิติให้ความรู้สึกที่สมจริงกว่าและจับต้องได้ทั้งสิ้น

จ้าวเฟิงกวาดตามอง พลันรู้สึกได้ว่ามิติแห่งนี้มีธาตุทั้งสามคือ ไฟ น้ำ และดิน

“ผู้อาวุโส ไม่ใช่ว่าจะให้ข้าน้อยและหลานสาวของท่านสู้กันในที่แห่งนี้หรอกกระมัง!”

จ้าวเฟิงเหนื่อยหน่ายเล็กน้อย ผู้เฒ่าชุดขาวไม่ถามความเห็นของเขาแม้แต่น้อย ก็ส่งเข้ามาในโลกมิติส่วนตัวแห่งนี้ของตน

ในเวลานี้จึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับจ้าวเฟิงอีกต่อไป

“หงหลิงกับคุณชายจ้าวพบกันเป็นครั้งแรก ทำเช่นนี้จะทำลายความรู้สึกมากไป เพียงประมือกันสามกระบวนท่าเป็นอย่างไร?”

เถี่ยหงหลิงเปิดปากเอ่ยก่อน

เดิมทีนางสนใจในเพลิงโลหิตที่สมบูรณ์แบบอย่างมากอยู่แล้ว หนำซ้ำท่าทีของจ้าวเฟิงในตอนนี้ก็ค่อนข้างสมดังที่นางหมายมาดเอาไว้ นี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างหาได้ยาก

สามกระบวนท่าก็มากพอจะเห็นความสามารถที่แท้จริงของจ้าวเฟิง

“สามกระบวนท่าเท่านั้น สหายน้อยจ้าวอย่าอิดออดอีกเลย!”

ผู้เฒ่าชุดขาวเอ่ยซ้ำด้วยน้ำเสียงแกมบังคับเล็กน้อย

อันที่จริง เหตุที่บีบคั้นให้จ้าวเฟิงแสดงฝีมือครั้งนี้ ก็เพื่อให้เหล่าคนระดับสูงของตระกูลเถี่ยได้เห็นความสามารถของจ้าวเฟิงด้วยตาของตนเอง

ทำเช่นนี้ถึงจะตัดสินได้ว่าการแต่งงานระหว่างเถี่ยหงหลิงและจ้าวเฟิงคุ้มค่าหรือไม่

จ้าวเฟิงต่อต้านตระกูลเถี่ยยิ่งนัก คิดจะให้เขาเข้าร่วมตระกูลเถี่ยนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย พวกเขาจึงทำได้เพียงเลือกตัวเลือกดีที่สุดเท่าที่มี โดยให้จ้าวเฟิงทิ้ง ‘เมล็ดพันธุ์’ เอาไว้ให้กับตระกูลเถี่ย แต่สตรีทั่วไป จ้าวเฟิงคงไม่สนใจแน่

“ได้ สามกระบวนท่า!”

จ้าวเฟิงผงกศีรษะ

วินาทีต่อมา จ้าวเฟิงจึงปลดปล่อยวิชาปีกอัสนีโบยบิน และโคจรกายศักดิ์สิทธิ์อัสนีทอง พุ่งไปทางเถี่ยหงหลิง พลันส่งหมัดหนึ่งออกไป

ในเมื่อแค่สามกระบวนท่า เช่นนั้นจ้าวเฟิงก็จะชิงลงมือก่อน ให้สามกระบวนท่าจบลงโดยเร็ว

จ้าวเฟิงรู้ดี ผู้เฒ่าชุดขาวคิดจะบีบให้จ้าวเฟิงใช้พลังที่แท้จริง

เขาย่อมไม่กล้าดูแคลนความสามารถของเถี่ยหงหลิง

แต่เขาเองก็ไม่อาจใช้วิชาสายเลือดดวงตา มิเช่นนั้นจะทำให้ผู้เฒ่าชุดขาวและคนของตระกูลเถี่ยที่ซุ่มดูอยู่ไม่พอใจ แล้วเรื่องราวจะยุ่งยากมากขึ้น

เพียงแค่ผ่านด่านนี้ไปให้ได้ พรุ่งนี้จ้าวเฟิงติดตามองค์ชายเก้าไปที่มณฑลหลาน ก็สามารถหนีจากตระกูลเถี่ยได้แล้ว

ในภายหน้าจ้าวเฟิงก็พยายามไม่มาที่มณฑลหลิง นอกเสียจากจะถึงวันหนึ่งที่พลังและอำนาจของจ้าวเฟิงทำให้ตระกูลเถี่ยไม่กล้าทำอะไรเขาอีก

โครม!

แก่นแท้พลังสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลานุภาพพร้อมพลังวายุอัสนีธาตุไฟ ระเบิดออกมาจากหมัดของจ้าวเฟิง

วูบ! ในมือเถี่ยหงหลิงปรากฏดาบโค้งสีโลหิตสองเล่ม ต้านรับหมัดสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเฟิงเอาไว้

“คุณชายจ้าวใจร้อนเหลือเกิน!”

เสียงเย้ายวนใจของเถี่ยหงหลิงดังขึ้นที่ริมหูของจ้าวเฟิง

การรับมือกับเรื่องนี้โดยรีบร้อนให้การต่อสู้จบลงของจ้าวเฟิง เถี่ยหงหลิงไม่พอใจอยู่เล็กน้อย

‘เป็นพลังที่แข็งแกร่งเหลือเกิน!’ จ้าวเฟิงชื่นชมในใจ

เขาเองย่อมรู้ดี คนตระกูลเถี่ยต่างฝึกวิชาฝึกฝนร่างกายเพื่อให้เอื้อกับสายเลือดเพลิงมารโลหิต เพียงแต่พลังของเถี่ยหงหลิงแข็งแกร่งกว่าเถี่ยหลิงอวิ๋นในการทดสอบคัดเลือกรัชทายาทครั้งนั้นมาก

บึ้ม! สายเลือดในร่างเถี่ยหงหลิงระเบิดออกทันที เรือนผมสีแดงพลิ้วไหว ผิวพรรณขาวนวลพลันถูกย้อมด้วยชั้นสีแดงวาววับ เหมือนผลงานศิลปะที่วิจิตรยิ่ง

ตูม!

จ้าวเฟิงถูกโจมตีจนถอยร่นไปกลายลี้ แก่นแท้กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เกิดความรู้สึกราวกับโดนเผาผลาญ

เถี่ยหงหลิงในตอนนี้ลอยตัวกลางอากาศ ทั่วร่างล้อมรอบด้วยสีแดงฉาน ประหนึ่งเทพธิดาเพลิงผู้สูงส่งน่าเกรงขาม

เปรี้ยง!

เรือนกายสีฟ้าทองของจ้าวเฟิงพลันระเบิดเพลิงออกมากลุ่มหนึ่ง อาบย้อมร่างเขาจนแดงฉาน ปีกแสงอัสนีโลหิตคู่นั้นประหนึ่งปีกนกไฟที่ไม่มีวันมอดไหม้

กลิ่นอายน่ากลัวที่เผาผลาญรุนแรงกลายเป็นกลุ่มไฟพุ่งกวาดออกไปรอบกาย

ใต้พื้นหินหนืดสั่นครืน

โครม ตูม!

ภูเขาไฟที่หลับใหลจำนวนนับไม่ถ้วนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว พ่นหินหินหนืดร้อนๆ ออกมาจนย้อมโลกมิติแห่งนั้นด้วยเพลิงอันร้อนระอุ เดือดพล่านสว่างเจิดจ้า

“สมบูรณ์แบบ เพลิงมารโลหิต?”

เถี่ยหงหลิงมองจ้าวเฟิงอย่างประเมิน หัวใจสั่นไหวเล็กน้อย

พลังสายเลือดของจ้าวเฟิง ทำให้นางเกิดความรู้สึกอยากจะติดตามอยู่ข้างกาย

“คุณชายจ้าว ครั้งนี้ข้าจะเป็นคนบุกบ้าง!”

เถี่ยหงหลิงพลันตะโกน ควงดาบโค้งสีเลือดในมือ

“จันทรามารโลหิต!”

เถี่ยหงหลิงสำแดงท่าร่างระดับสูง เข้าใกล้จ้าวเฟิงในพริบตา ดาบโค้งในมือวาดจันทร์เสี้ยวสีแดงสายหนึ่ง พุ่งมาฟาดฟันจ้าวเฟิงขณะลุกไหม้ร้อนแรง

ในวินาทีนั้น พลิงร้อนรอบกายเหมือนถูกดูดซึมไปเพิ่มพลังให้กับคมดาบนี้

แววตาจ้าวเฟิงสั่นไหวน้อยๆ เพลิงทั่วร่างเพิ่มขึ้นมาอีกส่วน เกราะวายุอัสนีที่หลอมรวมวายุอัสนีธาตุไฟเข้าไปปรากฏขึ้นบนกายของจ้าวเฟิง

เวลาเดียวกันด้านหลังจ้าวเฟิง เพลิงโลหิตกลุ่มหนึ่งลุกไหม้ขึ้น บิดเบี้ยวเป็นลวดลายพิเศษ

ใต้ดิน กลางอากาศ หรือจะพลังอัคคีร้อนแรงก็ค่อยๆ ร่วมเข้าจุดศูนย์กลาง ทำให้พลังสายเลือดของเขาเพิ่มขึ้นมากอย่างรวดเร็ว

“เป็นพลังดูดซึมธาตุไฟที่แข็งแกร่งนัก!”

แววตาเถี่ยหงหลิงเป็นประกาย การดูดซึมพลังธาตุไฟของสายเลือดจ้าวเฟิงแข็งแกร่งกว่านางมากนัก

บึ้ม! คลื่นเพลิงสีแดงฉานระเบิดออก

ฟุ่บ! ในวินาทีต่อมา ใจกลางของระเบิดปรากฏร่างโลหิตของคนผู้หนึ่งขึ้น

โครม! ร่างที่เปล่งแสงสว่างเจิดจ้าของจ้าวเฟิงทิ้งร่องรอยบุปผาเพลิงดอกหนึ่งเอาไว้ ร่างกายสว่างวาบแล้วหายไป ก่อนมาปรากฏข้างกายเถี่ยหงหลิง

“นี่คือ มารโลหิตโจมตี!”

เถี่ยหงหลิงมองสภาพในตอนนี้ของจ้าวเฟิง พลังเพลิงโลหิตเผาไหม้อย่างบ้าคลั่งทั่วร่าง จนเกิดเสียงปะทุเผาผลาญอยู่ตลอดเวลา

เคล็ดวิชาในการกระตุ้นเพลิงมารโลหิตแบบนี้ก็คือ ‘มารโลหิตโจมตี’

โครม! มารโลหิตโจมตีและปีกอัสนีผ่านฟ้าสอดประสานกัน สายเลือดมารโลหิตของจ้าวเฟิงระเบิดกระบวนท่าโจมตีที่แข็งกล้า พุ่งตรงไปยังเถี่ยหงหลิง!

ตู้ม! เห็นเพียงร่างสีแดงร่างหนึ่งถูกโจมตีจนตกลงไปใต้ธารหินหนืดด้านล่าง

โครม! เถี่ยหงหลิงพุ่งทะยานออกมาอย่างกะทันหัน อาภรณ์ของนางเสียหายไปมากกว่าครึ่ง กายผลึกที่สมบูรณ์โปร่งแสงสุกสกาวเผยออกมาภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งขาเรียวยาวที่มากพอจะทำให้ชายใดก็ตามต้องคลั่ง

“หงหลิง ยั้งมือ!” ผู้เฒ่าชุดขาวเอ่ยทันใดจากที่ไกลๆ

พลังเจตจำนงในโลกมิติปะทะลงบนร่างของเถี่ยหงหลิง พลังสายเลือดของนางถูกกดข่มลงไปทันที

“ต้องขอบพระคุณคุณชายจ้าวที่ชี้แนะ พลังของคุณชายจ้าวทำให้หงหลิงนับถืออย่างยิ่ง!”

จากการขัดขวางของท่านปู่ เถี่ยหงหลิงสงบจิตสงบใจลงไปแล้ว ระบายยิ้มออกมาเล็กน้อย

ความเร็วที่ระเบิดออกมาในฉับพลันของจ้าวเฟิง ทำให้เถี่ยหงหลิงมีปฏิกิริยาโต้กลับไม่ทัน จึงเสียเปรียบไป แต่เถี่ยหงหลิงไม่คิดว่าจ้าวเฟิงจะเอาชนะนางได้

ทว่าพลังของจ้าวเฟิงตอนนี้ผ่านมาตรฐานสามีในใจนางแล้ว

“พลังของสหายน้อยจ้าวทำให้ผู้ชราได้เปิดโลกแล้ว!”

ผู้เฒ่าชุดขาวหัวเราะร่วน

แต่เดิมได้ยินมาว่าจ้าวเฟิงได้ลอบเรียนมารโลหิตโจมตีขณะสู้กับเถี่ยหลิงอวิ๋น พวกเขายังแทบไม่อยากจะเชื่อ

ในวันนี้ได้เห็นด้วยตาตัวเอง ผู้เฒ่าชุดขาวจึงเชื่ออย่างสนิทใจ ตื่นเต้นอย่างยิ่ง

สามารถเรียนเคล็ดวิชาของฝ่ายตรงข้ามจากการประมือเพียงครั้งเดียว พลังดวงตาประเภทนี้ไม่ด้อยไปกว่าเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบ

อีกทั้งเมื่อครู่ผู้เฒ่าชุดขาวเพิ่งสังเกตเห็น ความสามารถในการควบคุมสายเลือดเพลิงมารโลหิตของจ้าวเฟิงค่อนข้างจะชำนาญ ยังมีเงาเคล็ดวิชาส่วนหนึ่งที่ตระกูลเถี่ยเก็บซ่อนไว้ ดูแล้วน่าจะศึกษาตอนประมือกับเถี่ยหลิงอวิ๋น

อีกอย่าง ถึงแม้ว่าจ้าวเฟิงจะได้เปรียบจากเถี่ยหงหลิง แต่หากจ้าวเฟิงใช้สายเลือดดวงตาที่แข็งแกร่งของเขา สถานการณ์จะแตกต่างออกไป

วูบ! โลกรอบตัวค่อยๆ พร่าเลือน ทั้งสามคนกลับคืนสู่ภายในตำหนักเมื่อครู่

กลิ่นอายมากมายซุกซ่อนอยู่ภายในตำหนักตื่นตระหนกนัก สื่อสารกันไปมา

“มิได้ แม่นางหงหลิงได้ออมมือให้ข้าน้อย เนื่องด้วยจากเห็นว่าขอบเขตพลังของข้าน้อยอยู่ในขั้นจักรพรรดิ!”

จ้าวเฟิงไม่กล้าหลงใหลไปกับคำชมของผู้เฒ่าชุดขาว

“เมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็วางใจ!” ผู้เฒ่าชุดขาวหัวเราะร่วน

ใจจ้าวเฟิงเต้นระรัว ‘ตุบ ตุบ’ ประโยคนี้ของผู้เฒ่าชุดขาวทำให้เขารู้สึกประหลาดใจไม่น้อย

“ผู้เฒ่าวางแผนจะให้หงหลิงฝึกฝีมือในสนามรบ วันนี้คงต้องมอบนางให้แก่สหายน้อยจ้าวแล้ว!”

ผู้เฒ่าชุดขาวเอ่ยพลางหัวเราะหึๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!