บทที่ 1023 ผลงานการรบ
“ขุนพล!”
“ท่านซุ่นอิ่ง!”
เมื่อเซียนซุ่นอิ่งผู้เป็นขุนพลของเมืองมังกรจันทราล้มตาย
จิตใจทหารต่างเผ่าพันธุ์สับสนวุ่นวาย การพ่ายแพ้แบบนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนตั้งแต่เริ่มสู้รบกันจนถึงตอนนี้
“ดี!” องค์ชายเก้าที่อยู่ด้านหลังจ้าวเฟิงไม่ไกลร้องตะโกน
ถึงแม้เขาเองก็ค้นพบว่าเซียนต่างเผ่าพันธุ์สองคนนี้ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากนัก
เซียนขวงลี่อ่อนแอที่สุด ส่วนเซียนซุ่นอิ่งก็แข็งแกร่งกว่าชายสวมหน้ากากที่โจมตีเขาในตำหนักขนส่งพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นเซียนทั่วไป องค์ชายเก้าจึงไม่กังวลแม้แต่น้อย
ถ้าหากเซียนทั้งสองคนนี้มีพลังที่แข็งแกร่งเช่นเซียนฉลามดำ ถึงจะมีความช่วยเหลือของจ้าวเฟิง องค์ชายเก้าก็พ่ายแพ้ราบคาบ
อย่างไรเสีย อายุขัยของเซียนก็ยืนยาวหลายหมื่นปี เซียนที่มีอายุเกินหมื่นปีเหล่านั้นย่อมแข็งแกร่งกว่าเซียนที่เพิ่งทะลวงขั้นไม่นาน
“พลังสายเลือดดวงตาแข็งแกร่งอย่างยิ่ง!”
เถี่ยหงหลิงยังไม่ทันได้เข้าร่วมรบ เซียนซุ่นอิ่งก็ถูกสังหารจ้าวเฟิง
แต่เถี่ยหงหลิงมองจุดสำคัญออก พลังดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงเหนือกว่าเซียนทั่วไป วิชาดวงตาวิญญาณของเขาก็สูงส่งเกินคาดเดา
ยกตัวอย่างเช่น เถี่ยหงหลิง นางชำนาญการโจมตีชั้นกายเนื้อ
ถึงนางจะทำลายร่างกายของเซียนขวงลี่ แต่นางก็ไม่อาจโจมตีสังหารวิญญาณ และอาจทำให้เขาหนีไป นอกเสียจากว่านางจะเอาไพ่ตายที่ส่งผลต่อดวงวิญญาณมาใช้
ในตอนสำคัญที่จ้าวเฟิงไล่ล่าสังหารเซียนสองคน เขาสำแดงวิชาดวงตาที่โจมตีวิญญาณ ถึงสามารถสังหารเซียนอย่างง่ายดายเพียงนี้
“ไม่ได้ จ้าวเฟิงโจมตีสังหารเซียนสองคน มีผลงานการรบจำนวนสี่หมื่นแล้ว!”
เถี่ยหงหลิงคิดถึงบางอย่างได้ในฉับพลัน หน้าเปลี่ยนสี ไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง
หากรู้เช่นนี้แต่แรก นางไม่น่าเปรียบเทียบผลงานการรบกับจ้าวเฟิงเลย
ทว่าถึงจะแพ้ นางก็ไม่อาจปล่อยให้ผลงานการรบของตนเองแตกต่างกับจ้าวเฟิงมากไป
ฟุ่บ!
เถี่ยหงหลิงเข้าร่วมสนามรบด้านล่างอย่างรวดเร็ว พลางโคจรสายเลือดเพลิงมารโลหิต สังหารต่างเผ่าพันธุ์อย่างกำเริบเสิบสาน ระบายความหงุดหงิดในใจออกมา
“ฆ่า สังหารต่างเผ่าพันธุ์ให้ได้!”
กำลังพลมนุษย์ฮึกเหิมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ไม่รู้นานเท่าไหร่แล้วที่พวกเขาไม่ได้สังหารศัตรูอย่างชื่นมื่นเช่นนี้
อีกทั้งศึกครั้งนี้ เซียนต่างเผ่าพันธุ์สองคนล้มตายไป นี่เป็นผลการรบที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน!
“แม่ทัพจ้าวเฟิงแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”
“กำลังรบของเขาเหมาะสมกับตำแหน่งแม่ทัพอย่างยิ่ง!”
แม่ทัพส่วนหนึ่งเหงื่อตก ในฐานะที่เป็นคนในขั้นแม่ทัพ ระยะห่างระหว่างพวกเขาและจ้าวเฟิงต่างกันมากไป
ส่วนจ้าวเฟิง หลังจากที่สังหารเซียนสองคนแล้ว จึงเปลี่ยนลงไปที่สนามรบด้านล่าง
“จักรพรรดิหนึ่งคนมีคะแนนสะสมหนึ่งพัน ปฐมเซียนหกพัน…”
แววตาของจ้าวเฟิงจับจ้องแม่ทัพต่างเผ่าพันธุ์ที่กำลังหนี ถึงแมลงวันจะตัวเล็กเท่าใด ก็ยังเป็นเนื้ออยู่ดี!
ดวงตาเทพจับเป้าหมาย!
จ้าวเฟิงตีตราใส่แม่ทัพทั้งหมดที่เขาสัมผัสได้
“ธนูเหนือนภา!”
ธนูเก่าแก่สีเงินในมือของจ้าวเฟิงปรากฏธนูแสงวายุอัสนีสีทอง หลังเสียงดัง ‘ฟุ่บ’ ก็แหวกอากาศไป
ในวินาทีต่อมา แม่ทัพผู้หนึ่งที่กำลังหนี ทรวงอกถูกปักทะลุด้วยธนูแสงวายุอัสนีสีทอง
ด้วยปราณที่แท้จริงวายุอัสนีธาตุไฟของจ้าวเฟิงในตอนนี้ บวกกับระดับขั้นของตัวธนูเหนือนภา คนต่ำกว่าขั้นปฐมเซียนลงไปแทบถูกสังหารในวินาทีเดียว ยอดฝีมือต่างเผ่าพันธุ์จำนวนน้อยนิดนักที่จะมีชีวิตรอด
ฟุ่บ! แม่ทัพสองดาวของต่างเผ่าพันธุ์คนหนึ่งถูกจ้าวเฟิงยิงสังหาร
วิธีการเก็บเกี่ยวเช่นนี้ทั้งง่ายดายและสะดวกสบายอีกด้วย
ฟุ่บ! ลำแสงธนูสายหนึ่งถูกยิงออกไป จักรพรรดิที่กำลังหนีเอาชีวิตรอดผู้หนึ่งถูกธนูทะลุร่างตายไป
จ้าวเฟิงยืนอยู่กับที่ ใช้พลังติดตามวิญญาณและการเล็งเป้าหมายของธนูเหนือนภา ยิงสังหารจักรพรรดิส่วนหนึ่งได้อย่างสบายๆ
กระทั่งแม่ทัพต่างเผ่าพันธุ์ที่กำลังถูกพวกมนุษย์ไล่สังหาร ก็ถูกจ้าวเฟิงปลิดชีพในฉับพลัน
แม่ทัพจำนวนไม่มาก เมื่อเห็นจ้าวเฟิงเก็บผลงานการรบได้สบายๆ เช่นนี้ ในใจก็พลันอิจฉาริษยา
“จ้าวเฟิง เจ้า…”
เถี่ยหงหลิงหงุดหงิดอย่างมาก แม่ทัพต่างเผ่าพันธุ์ผู้หนึ่งที่เพิ่งถูกนางไล่ล่า จู่ๆ ก็ถูกธนูแสงสายหนึ่งเก็บไปอย่างรวดเร็ว
ฟุ่บ!
ในเวลานั้น เสียงดังกล่าวเป็นดั่งธนูเก็บเกี่ยวชีวิต ทุกครั้งที่ดังขึ้นจะช่วงชิงชีวิตจักรพรรดิต่างเผ่าพันธุ์คนหนึ่งไป
กองกำลังทหารต่างเผ่าพันธุ์แตกฮือไปหมด หนีเอาตัวรอดอย่างไม่คิดชีวิต จ้าวเฟิงกลายเป็นฝันร้ายของพวกเขาไปแล้ว
ถึงพวกเขาจะหนีไปให้ไกลเท่าไหร่ จ้าวเฟิงก็ยังอยู่ที่เดิม แล้วยังสามารถสังหารจักรพรรดิที่เขาตีตราเอาไว้ได้อยู่ดี
ทหารต่างเผ่าพันธุ์ทั่วไปพวกนั้นรู้สึกว่าโชคดีอยู่ไม่น้อย พลังของตนเองไม่สูงส่งเท่าไหร่นัก จึงไม่เตะตามนุษย์ที่น่ากลัวคนนั้น
อีกอย่าง การกระทำเช่นนี้ของจ้าวเฟิงย่อมช่วงชิงเอาผลงานการรบของแม่ทัพมนุษย์มากมาย
สำหรับจ้าวเฟิงแล้ว การสังหารแม่ทัพต่างเผ่าพันธุ์เหล่านี้ง่ายดายอย่างยิ่ง แต่แม่ทัพฝ่ายมนุษย์ หากคิดจะไล่ล่าต่างเผ่าพันธุ์ในระดับเดียวกันที่กำลังหนีสุดชีวิตก็ยากเย็นอย่างยิ่ง
“จ้าวเฟิงคนนี้ ไม่เหลืออะไรให้ข้าเลย…”
แม่ทัพผู้หนึ่งเกรี้ยวกราดอย่างมาก
จ้าวเฟิงสังหารเซียนต่างเผ่าพันธุ์สองคน ทำให้พวกเขาพลิกสถานการณ์เลวร้ายได้ จึงกลายเป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจที่สุดในหมู่ทหาร เป็นดั่งผู้ช่วยชีวิตอย่างนั้น
แต่การกระทำในวันนี้ของจ้าวเฟิง ทำให้เขากลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการทำลายล้างในสายตาของ
แม่ทัพจำนวนมาก
“สหายจ้าว เกรงว่าผลงานการรบของเจ้าคงเลื่อนไปอยู่ในสองพันลำดับแรกของ ‘รายชื่อผลงานการรบมณฑลหลาน’ แล้ว ให้พวกแม่ทัพที่เหลือมีอะไรให้เก็บเกี่ยวด้วยเถอะ!”
องค์ชายเก้าเข้ามาโน้มน้าว
จะต้องรู้ว่า รายชื่อผลงานการรบเริ่มคิดคำนวณตั้งแต่ศึกเริ่มขึ้น สมาชิกในห้าพันลำดับแรกของทุกมณฑล แทบจะเป็นยอดฝีมืออัจฉริยะที่เข้าร่วมรบมากว่าครึ่งปีแล้วทั้งสิ้น แต่จ้าวเฟิงออกรบเป็นครั้งแรกก็สามารถไปถึงสองพันลำดับของรายชื่อผลงานการรบมณฑลหลาน ช่างน่ากลัวเสียนี่กระไร
แน่นอน สาเหตุหลักๆ เป็นเพราะจ้าวเฟิงสังหารเซียนไปสองคน
จ้าวเฟิงรู้สึกเหนื่อยหน่ายเล็กน้อย จะสังหารต่างเผ่าพันธุ์ก็ยังถูกขัดขวาง
หนำซ้ำในความคิดจ้าวเฟิง อยากจะได้ผลการรบที่ดี มีแต่ต้องถือโอกาสเก็บสะสมจากสงครามก่อนเนิ่นๆ
ยิ่งสงครามยืดเยื้อ อัจฉริยะชั้นเลิศและเซียนอาวุโสที่แข็งแกร่งของสองราชวงศ์ก็จะค่อยๆปรากฏขึ้นในสนามรบ
จนถึงตอนนั้น ถึงจะเป็นจ้าวเฟิง หากอยากสังหารเซียนเพื่อแลกเอาผลการรบมาก็ไม่ง่ายดายอย่างนั้น
เขาสังหารเซียนขวงลี่ได้ก็เป็นเพราะลงมือสังหารโดยฉับพลัน บวกกับฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ป้องกันตัวแม้แต่น้อย
อีกทั้งการสังหารเซียนซุ่นอิ่ง ส่วนหนึ่งคือพึ่งพลังของจ้าวเฟิง อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะความเร็วและความปราดเปรียวของอีกฝ่ายถูกจ้าวเฟิงและดวงตาเทพเจ้าควบคุมเอาไว้
หลังจากไล่ล่ามาตลอดทาง เหล่าทหารตามองค์ชายเก้า รุกไปจนถึงเมืองมังกรจันทรา และยึดครองพื้นที่ทั้งหมด
ทหารบุกเข้าเมืองมังกรจันทรา แม่ทัพจำนวนมากลอยอยู่เหนือเมือง ภาคภูมิใจไม่น้อย
“คิดไม่ถึงว่าพวกเราจะยึดครองเมืองมังกรจันทรามาได้แล้ว!”
“ฮ่าๆ พวกต่างเผ่าพันธุ์รนหาที่ตายเสียแล้ว!”
“เป็นเพราะการนำทัพที่ปราดเปรื่องขององค์ชายรัชทายาท แล้วยังได้สหายน้อยจ้าวเฟิงลงมืออย่างแกร่งกล้าด้วย!”
แม่ทัพมากมายปลื้มปีติ รุมล้อมอยู่รอบตัวองค์ชายเก้าและจ้าวเฟิง
หลังจากยึดครองเมืองมังกรจันทรา องค์ชายเก้าจึงรีบรายงานผลงานการรบ ของทุกคนและสถานการณ์ศึกแก่ตำหนักรบมณฑลหลาน
“จ้าวเฟิง เหตุใดเจ้าจึงจงใจกดพลังตอนที่ประลองกับข้า!”
แววตาเถี่ยหงหลิงดุดัน ใบหน้างดงามทำให้ชายมากมายแถวนั้นเคลิบเคลิ้มหลงใหล
จากที่เถี่ยหงหลิงดู สาเหตุที่จ้าวเฟิงทำเช่นนี้มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น ในตอนนั้นจ้าวเฟิงตกหลุมรักนางแล้วดังนั้นจึงออมมือให้กับนาง จนกดพลังตนเองเอาไว้ นี่เรียกได้ว่าเป็นการทะนุถนอมบุปผางาม
ทว่าเถี่ยหงหลิงก็ยังอยากให้จ้าวเฟิงพูดออกมาเองอยู่ดี
“เพิ่งทะลวงขั้นมา!”
จ้าวเฟิงไม่พูดมาก ตอบตรงไปตรงมา
“เจ้า…” เถี่ยหงหลิงใบหน้าแดงเรื่อ เกรี้ยวกราดเล็กน้อย นางคิดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงจะตอบเช่นนี้
“สหายน้อยจ้าวเฟิงช่างมีพรสวรรค์โดดเด่นจริงๆ!”
“ความเร็วในการฝึกตนเช่นนี้ คนรุ่นเยาว์ในต้าเฉียนคงทำได้เพียงแหงนศีรษะมอง!”
แม่ทัพส่วนหนึ่งรีบยิ้มเอ่ย
ถึงแม้ว่าการแย่งผลงานการรบของจ้าวเฟิงจะทำให้พวกเขาไม่สบอารมณ์นัก
แต่พลังของจ้าวเฟิงในที่นี่เป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพ เป็นกำลังรบขั้นเซียนเพียงคนเดียว อีกทั้งศักยภาพในอนาคตตของจ้าวเฟิงก็เกินจะคาดคิดได้ ทุกคนพยายามไล่ตามก็ยังไม่ทัน
องค์ชายเก้าและตาเฒ่าอิงยืนอยู่ด้านข้างด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
พวกเขารู้เรื่องราวระหว่างจ้าวเฟิงและเถี่ยหงหลิงเป็นอย่างดี ทั้งสองก็สามารถยืนยันได้ จ้าวเฟิงเพิ่งจะทะลวงขั้นมาจริงๆ
หลังจากยึดครองเมืองมังกรจันทราได้แล้ว องค์ชายเก้าจึงมอบสิ่งของในเมืองมังกรจันทราเป็นบำเหน็จรางวัลแก่นายทหารทั้งสาม
จากผลงานในศึกครั้งนี้ จ้าวเฟิง ตาเฒ่าอิง และเถี่ยหงหลิงกลายเป็นแม่ทัพสามดาวอย่างไม่ต้องสงสัย
ในกองทัพ จ้าวเฟิงกลายเป็นบุคคลที่เป็นรองก็แต่ขุนพลอย่างองค์ชายเก้า
ยามนี้ ขั้วอำนาจกองทัพขององค์ชายเก้าย่อมพำนักอยู่ภายในเมืองมังกรจันทรา
หลังจากสงครามสิ้นสุดลง จ้าวเฟิงจึงปิดด่านอีกครั้ง
ใช้ ‘ฝ่ามือสายฟ้าทลายนภา’ เป็นครั้งแรก จ้าวเฟิงก็พอใจเป็นอย่างมาก หนำซ้ำยังได้ประสบการณ์มากมาย
อย่างไรเสีย จ้าวเฟิงก็ฝึกวิชาฝ่ามือในโลกมิติส่วนตัวโดยกดดันพลังและระดับพลังในระดับหนึ่งก่อนตลอด จึงย่อมไม่อาจรับรู้สำนึกรู้และแก่นแท้ในวิชาฝ่ามือ
แต่ตอนนี้ต่างกันออกไป ทุกครั้งที่จ้าวเฟิงทำความเข้าใจทุกอย่างที่เรียนรู้มา หลังจากสะสมความสงสัยไว้ระดับหนึ่ง ก็จะออกจากเมืองมังกรจันทราไปยังสถานที่เวิ้งว้างว่างเปล่า แล้วทุ่มเทพลังฝึกฝน ‘ฝ่ามือสายฟ้าทลายนภา’
พื้นที่ครึ่งหนึ่งของมณฑลทั้งสามกลายเป็นเขตสงคราม นอกเหนือจากกำลังทหารสองราชวงศ์ ก็แทบไม่เห็นเงาของคนที่เหลือ
ตู้ม แซ่ด!
จ้าวเฟิงหลับตาและผลักหมัดออกไป เงาฝ่ามือสีแดงทองสายนี้ สายฟ้าบนนั้นดุจเส้นลายมือ พลังอัสนีและแก่นแท้พลังสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์สอดประสานเข้าหากันอย่างสมบูรณ์แบบ
โครม! ยอดเขาที่ไกลออกไปถูกจ้าวเฟิงทำลายราบเป็นหน้ากลอง
จากนั้นจ้าวเฟิงก็เริ่มฝึกฝน ‘ขอบเขตแก่นแท้อัสนี’
การฝึกฝน ‘ขอบเขตแก่นแท้อัสนี’ ครั้งแรก หลังจากล้มเหลวอยู่หลายครั้ง จ้าวเฟิงก็สามารถปลดปล่อยออกมาได้
ครืน! รัศมีหลายสิบลี้ตกอยู่ท่ามกลางการปะทะระหว่างสายฟ้าและแก่นแท้พลังที่น่าพรั่นพรึง โดยมีกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเฟิงเป็นใจกลาง
ศัตรูที่อยู่ในพื้นที่นี้ จะต้องแบกรับการรบกวนจากสายฟ้าและการกดดันจากแก่นแท้พลังของกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก
ในวันนี้ จ้าวเฟิงเพิ่งจะฝึกฝน ‘ขอบเขตแก่นแท้อัสนี’ เกรงว่าอาณาเขตนี้จะมีอิทธิพลต่อจักรพรรดิทั่วไปส่วนหนึ่งเท่านั้น
“วันนี้พอเท่านี้แล้วกัน!”
จ้าวเฟิงหลอมรวมขอบเขตแก่นแท้อัสนี เข้าไปในกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นเร่งรุดเดินทางกลับไปที่เมืองมังกรจันทรา
สิบกว่าวันจากนั้น รายงานศึกองค์ชายเก้าก็มาถึงตำหนักรบมณฑลหลาน ก่อให้เกิดกระแสขึ้นส่วนหนึ่ง
คนระดับสูงไม่น้อยคิดว่าองค์ชายเก้าครบทั้งบุ๋นและบู๊ พึ่งพาเพียงกองทหารที่ไม่มีกำลังรบเซียนแต่ยึดครองเมืองมังกรจันทราได้ นับว่ายอดเยี่ยมอย่างมาก
ยังมีคนระดับสูงส่วนหนึ่งที่ไม่คิดอย่างนั้น
ทุกคนต่างก็รู้ พวกองค์ชายไปที่สนามรบก็เพื่อสร้างผลงานการรบ องค์รัชทายาทก็เป็นเช่นนั้น
ด้วยเหตุนั้น พรรคพวกที่อยู่เบื้องหลังพวกองค์ชายล้วนแต่จะส่งยอดฝีมือส่วนหนึ่งไปช่วยสร้างผลงาน
ยกตัวอย่างเช่นองค์ชายสี่ องค์ชายสิบสาม องค์ชายเจ็ด และองค์ชายแปดที่ไปยังสนามรบ ผลการรบของพวกเขาก็ยอดเยี่ยมมากกันเกือบหมด
ถึงแม้ว่ากองทัพองค์ชายเก้าไม่มีกำลังรบในขั้นเซียน แต่อัจฉริยะราชวงศ์ต้าเฉียนมารวมตัวกัน ยกตัวอย่างเช่นพวกเถี่ยหลิงอวิ๋น หนานกงเซิ่ง เซวียนหยวนเหวิน อัจฉริยะในขั้นปฐมเซียนจำนวนมากต่างก็มีกำลังรบในขั้นเซียน
วิ้ง! และในวันหนึ่ง บนรายชื่อผลงานการรบมณฑลหลาน จู่ๆ ก็ปรากฏชื่อของจ้าวเฟิงในลำดับที่หนึ่งพันเก้าร้อยแปดสิบสอง