บทที่ 1024 คลื่นใต้น้ำ
เขตแดนต่างเผ่าพันธุ์ที่อยู่ติดกับมณฑลหลาน ทิวเขาสีดำห่างไกลที่ซ่อนตัวอยู่ในม่านหมอกทึบมานานหลายปี
ไอมารปกคลุมทั่วฟ้าเหนือทิวเขาแนวนี้ กระเทือนทั่วทั้งแปดทิศ
สถานที่แห่งนี้เป็นตำหนักรบรวมของต่างเผ่าพันธุ์ที่โจมตีพื้นที่มณฑลหลาน
ภายในตำหนักหลัก บุรุษร่างกำยำผู้มีเขาขนาดยักษ์สีดำตรงกลางศีรษะ ดวงตาเบิกกว้างถมึงทึง กระดาษสีเทาแผ่นหนึ่งลอยอยู่ด้านหน้า
“เมืองมังกรจันทราถูกยึดไปแล้ว!”
เสียงทุ้มของชายเขายักษ์ดังขึ้น และในเวลาเดียวกัน รอบโถงใหญ่ปรากฏเงารูปร่างแปลกประหลาดหลายร่าง
“เมืองมังกรจันทรามีเซียนสองคนดูแลอยู่ เหตุใดถึงถูกยึดครองไปได้?”
เสียงประหลาดเอ่ยอย่างสงสัย
เมืองมังกรจันทรา เป็นที่ลึกที่สุดซึ่งตำหนักรบต่างเผ่าพันธุ์ยึดเอาไว้ได้ คนในระดับสูงของตำหนักรบเห็นความสำคัญของที่นี่อย่างมาก ด้วยเหตุนี้ถึงส่งเซียนสองคนไปดูแล
“เซียนสองคนโดนสังหารไปหมด!”
ชายเขายักษ์เอ่ยสำทับอีกประโยคหนึ่ง
“เซียนโม๋หนิว (วัวปีศาจ) นี่เป็นไปได้อย่างไร? หรือว่าในฝั่งมนุษย์ส่งกำลังรบขั้นเซียนอาวุโสออกมาแล้ว?”
เสียงชราดังกึกก้องภายในโถงใหญ่
“คิดไม่ถึงว่าจะตายหมดแล้ว เรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำ!”
ภายในโถงใหญ่มีเสียงสงสัยมากมายดังขึ้น
ถึงจะเป็นเซียนสองคนนี้ พลังแตกต่างกับเซียนเก่าแก่อยู่พอควร แต่ก็ไม่ได้สังหารง่ายดายเช่นนี้
แต่ในวันนี้ เซียนทั้งสองในเมืองมังกรจันทราตายไป มีแต่ฟากของพวกมนุษย์ให้กำลังรบขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นต้นเข้าร่วมสนามรบแล้ว
“จากข่าวคราวที่เมืองเหมิงส่งมา เหมือนว่าฝ่ายตรงข้ามไม่มียอดฝีมือในขั้นเซียน อาจจะเป็นผู้ถูกเลือกชั้นยอดของฟากต้าเฉียนกระมัง!”
เซียนโม๋หนิวเอ่ยต่อ
เมืองเหมิงเป็นเมืองของต่างเผ่าพันธุ์ที่อยู่ด้านหน้าเมืองมังกรจันทราพอดี
ในนั้นไม่เพียงแต่รวมพวกต่างเผ่าพันธุ์ที่แกร่งกล้าของเมืองเหมิง แต่ยังมีนายทหารบางส่วนที่หนีรอดมาจากเมืองมังกรจันทรา
“เหอะ ราชวงศ์ต้าเฉียนกลับไม่ใยดีในความเป็นความตายของผู้ถูกเลือกเลย!”
เสียงเย็นชาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารดังขึ้น
เห็นได้ชัดว่า คนระดับสูงผู้นี้คิดจะลงมือสังหารผู้ถูกเลือกของราชวงศ์ต้าเฉียนด้วยตนเอง
“ไม่ต้อง ‘มังกรวารี’ ตนหนึ่งในเผ่าพันธุ์มนุษย์มังกรวารีก็มาถึงที่นี่พอดี ให้เขาไปช่วยเมืองเหมิงแล้วกัน!”
เซียนโม๋หนิวถ่ายทอดคำสั่งลงไป
เผ่าพันธุ์มนุษย์มังกรวารีเป็นต่างเผ่าพันธุ์ที่ฉากหน้าปกครองโดยราชวงศ์จันทราทมิฬ มังกรวารีจึงเทียบเท่าได้กับองค์ชายในราชวงศ์ต้าเฉียน
“อีกทั้งคนที่มาในครั้งนี้คือมังกรวารีที่ห้า น่าจะนำบริวารที่เก่งกาจไม่น้อยมาด้วย!”
เซียนโม๋หนิวเอ่ยเสริม
ยามนี้นี้ยังเป็นช่วงเริ่มต้นสงคราม ฟากต่างเผ่าพันธุ์ยังได้ตระเตรียมอย่างอื่นพร้อมกันด้วย
ในตอนนี้ขอแค่ต่างเผ่าพันธุ์รักษาความมั่นคงไว้ รอคอยโอกาสที่เหมาะสม ก็สามารถรุกคืบโจมตีเข้าไปได้
กำลังรบในขั้นเซียนเดิมก็มีอยู่อย่างน้อยนิด เมื่อยังไม่ถึงช่วงเวลาสำคัญก็ไม่สามารถส่งกำลังรบที่แก่กล้ากว่านี้ไป เช่นนั้นมีแต่จะเร่งให้สงครามดำเนินเร็วขึ้น
ในเวลานี้ ด้านนอกตัวตำหนักเกิดเสียงดังขึ้น “ข่าวคราวจากสนามรบแนวหน้า!”
ฟู่! หมอกสีดำภายในโถงใหญ่ทะลักมา กระดาษสีเทาแผ่นหนึ่งลอยมาจากด้านนอก ตกลงไปในมือเซียนโม๋หนิว
“เซียนหมื่นปรากฏการณ์โจมตีเมืองอีกแห่งหนึ่งแล้ว…”
เซียนโม๋หนิวเอ่ยเรื่องคร่าวๆ
“ฮ่าๆ ไม่เสียทีที่เป็นเซียนหมื่นปรากฏการณ์ เรื่องมาจนถึงตอนนี้จะยังมีผลงานเช่นนี้!”
“ผู้สืบทอดมรดกแปดเนตรเทพเจ้า นี่คือเรื่องธรรมดา…”
……
เมืองมังกรจันทรา
ในช่วงก่อนนี้ กำลังทหารที่ส่งมาช่วยองค์ชายเก้าได้มาถึงแล้ว
ในกองกำลังทหารเหล่านี้ มีสมาชิกขั้วอำนาจของหอควันสมุทรและหนานเฟิงอ๋อง ยังมีกำลังเสริมเป็นยอดฝีมือชั้นยอดที่จวนหลานกงส่งมา สมาชิกของขั้วอำนาจน้อยใหญ่อื่นๆ ส่วนหนึ่งก็มาถึงสนามรบ
“มีกำลังทหารเหล่านี้แล้ว ก็ไม่ต้องหวาดกลัวเมืองเหมิงอีกต่อไป!”
องค์ชายเก้าพอใจในความสำเร็จอย่างยิ่ง
เมืองเหมิงมีเพียงเซียนผู้หนึ่งดูแล กำลังรบชั้นต่ำบวกกับทหารที่หนีจากเมืองมังกรจันทรามา แข็งแกร่งไปกว่าทหารขององค์ชายเก้าหลายส่วน แต่ขอแค่สังหารกำลังรบชั้นสูงของเมืองเหมิง สถานการณ์รบก็จบลงแล้ว
“รายงาน!”
ด้านนอกตำหนักขององค์ชายเก้า ผู้ส่งข่าวคนหนึ่งรีบร้อนเข้าไปภายใน
องค์ชายเก้ารับรายงานลับมา สีหน้าเคร่งขรึมลงไปบ้าง
“ฝ่าบาท เป็นอะไรไป?” ตาเฒ่าอิงสอบถามในทันที
“เมืองเหมิงมีกำลังเสริม เป็น ‘มังกรวารี’ ต่างเผ่าพันธุ์!”
องค์ชายเก้าเอ่ย
“นี่เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว ต่อให้ ‘มังกรวารี’ ไม่มา ก็คงจะส่งทหารคนอื่นมาด้วย!”
ตาเฒ่าอิงเอ่ยขึ้น
พวกเขาทำลายเมืองมังกรจันทรา สังหารเซียนสองคน จะต้องดึงดูดความสนใจของต่างเผ่าพันธุ์แน่ แต่ทว่า มังกรวารีของเผ่าพันธุ์มนุษย์มังกรวารี น่าจะรับมือง่ายกว่าเซียนเก่าแก่อยู่ส่วนหนึ่ง
“เมืองเหมิงนั้น พวกเราคงจะโจมตีไม่ได้เป็นการชั่วคราว จะต้องวางแผนในระยะยาว!”
องค์ชายเก้าเงียบไป
อย่างน้อยต้องรอให้หน่วยสอดแนมสืบมา มังกรวารีแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์มังกรวารีจะทำให้พลังทั้งหมดเมืองเหมิงเพิ่มขึ้นไปถึงระดับไหน ถึงจะสามารถตัดสินใจได้
ในตอนนี้ จ้าวเฟิงกำลังเดินไปที่ ‘ตลาดแลกเปลี่ยนค้าขาย’ ในเมืองมังกรจันทรา
ตลาดแลกเปลี่ยนค้าขายแห่งนี้เป็นที่ที่กำลังทหารซึ่งพักอาศัยในเมืองตั้งขึ้นมาด้วยตนเอง
สงครามของราชวงศ์ทั้งสอง ไม่ว่าจะแม่ทัพหรือกำลังทหาร สามารถยึดสินสงครามมูลค่าสูงอย่างยิ่งจากตัวต่างเผ่าพันธุ์ที่พวกเขาสังหาร แต่ทรัพย์สินที่ยึดมาได้เหล่านี้ ส่วนมากไม่มีประโยชน์อะไร
ตอนเริ่มต้นมีเพียงกลุ่มเล็กๆ ค้าขายกันไปมา แลกเปลี่ยนของจำเป็น ต่อมาก็ขยายใหญ่ไม่หยุด จนกลายมาเป็นตลาดแลกเปลี่ยนค้าขายแห่งหนึ่ง
จ้าวเฟิงสังหารเซียนสองคน ยังมีแม่ทัพขั้นจักรพรรดิอีกมากมาย จึงเก็บเกี่ยวได้จำนวนมาก
ทรัพยากรเหล่านี้ย่อมด้อยกว่าทรัพยากรในมนตราอากาศของจ้าวเฟิงมากนัก
แต่ในตอนนี้จ้าวเฟิงกำลังสร้างขั้วอำนาจ ทรัพยากรที่ขาดแคลนไป เมื่อเก็บสะสมไปในระยะยาวก็จะเป็นทรัพยากรจำนวนมาก ทว่าก่อนหน้านี้ จ้าวเฟิงสามารถใช้สินสงครามกลุ่มนี้แลกเปลี่ยนเอาสิ่งของหรือทรัพยากรที่เขาต้องการส่วนหนึ่งมาจากตลาดแลกเปลี่ยนค้าขาย
จ้าวเฟิงฝึกฝน ‘กายสายฟ้าปฐพีทอง’ และ ‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ ทรัพยากรที่ต้องการมีจำนวนมากเกินไป อีกทั้งธาตุไม่เป็นหนึ่งและค่อนข้างสับสนวุ่นวาย
อนึ่ง การฝึกฝน ‘วิชาแยกวิญญาณ’ ขั้นที่หนึ่งในระยะแรก จะส่งผลให้พลังวิญญาณของ
จ้าวเฟิงลดลงไป จากการสะสมทรัพยากรจำนวนมหาศาล ถึงแม้ว่าตอนนี้พลังวิญญาณจะฟื้นฟูไปพอควรแล้ว แต่ทรัพยากรฝึกฝนประเภทวิญญาณใกล้หมดลงเต็มที
“สหายจ้าวเฟิง เจ้าต้องการอะไร ข้าจะลดให้เจ้า!”
“แม่ทัพจ้าวเฟิง ที่นี่ข้ามีทุกอย่าง ขอแค่เจ้าเอ่ยมา ทั้งหมดก็เจรจากันได้!”
เมื่อเห็นจ้าวเฟิงมาถึงตลาดแลกเปลี่ยนค้าขาย เจ้าของร้านค้าจำนวนมากเปิดปากเอ่ยทันที
บนสนามรบ จ้าวเฟิงสังหารเซียนสองคน จักรพรรดิหลายสิบคน ย่อมต้องสะสมผลการรบไว้มากมาย หนำซ้ำนี่ก็เป็นโอกาสชั้นยอดที่จะผูกมิตรกับจ้าวเฟิง แล้วจะไม่ให้ยินดีได้อย่างไร
จนในที่สุด จ้าวเฟิงสามารถแลกเปลี่ยนทรัพยากรที่ตนเองต้องการมาได้อย่างง่ายดายยิ่ง หลังจากแลกเปลี่ยนทรัพยากรแล้ว จ้าวเฟิงมาถึงที่มั่นของกองกำลังทหาร
ที่นี่มีเรือนพักอาศัยที่เรียบง่ายเรียงราย จ้าวเฟิงเดินเข้าไปในเรือนพักแห่งหนึ่ง
“ผู้อาวุโสสูงสุด!”
วินาทีที่จ้าวเฟิงเข้ามา คนจำนวนมากที่อยู่ภายในนั้นร้องยินดีเซ็งแซ่
ราชันในระดับสุดยอดเดินขึ้นมาด้านหน้า
“ทรัพยากรเหล่านี้ พวกเจ้าแบ่งกันเอง!”
จ้าวเฟิงส่งแหวนเก็บของวงหนึ่งให้แก่ราชันที่เป็นผู้นำ
“ขอบพระคุณ ผู้อาวุโสสูงสุด!”
ผู้เฒ่าผู้นี้รีบคุกเข่าคารวะ สมาชิกจำนวนมากของหอควันสมุทรปลาบปลื้มจนน้ำตาไหล
วีรกรรมของผู้อาวุโสสูงสุดในสนามรบ ทำให้พวกเขาได้รับการดูแลอย่างดีเยี่ยมที่นี่ ในตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดก็ไม่ลืมพวกเขา มอบทรัพยากรในการฝึกฝนให้ด้วยตนเอง
“รอให้ศึกครั้งหน้าจบลงเสียก่อน คิดจะกลับไปหอควันสมุทรก็ยังได้ อีกอย่างจงบอกเจ้าหอด้วย ให้ส่งสมาชิกที่มีศักยภาพคนอื่นๆ มาอีก!”
จ้าวเฟิงส่งกระแสจิตให้ผู้เฒ่าซึ่งเป็นผู้นำโดยเฉพาะ
สนามรบเป็นสถานที่ที่ดีในการฝึกฝน ตอนนี้จ้าวเฟิงอยู่ที่นี่ ย่อมต้องใช้สนามรบเพื่อฝึกฝนลูกศิษย์ผู้มีศักยภาพในขั้วอำนาจ
อนึ่ง ผลงานการรบที่สมาชิกจำนวนมากสะสม ก็ใช้แลกทรัพยากรที่เข้ากันได้ด้วย ส่งผลให้ทั้งกลุ่มอำนาจยิ่งใหญ่ขึ้น
“รับทราบ!” ผู้อาวุโสคนนี้เอ่ยอย่างเคารพ
ต่อมาจ้าวเฟิงออกจากที่นี่ กลับมาถึงที่พักอาศัยของตนเอง และเริ่มฝึกตน
หลังจากโคจร ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ แล้ว จ้าวเฟิงใช้หนึ่งจิตใจหนึ่งทำหลายเรื่อง
“ ‘วิชาแยกวิญญาณ’ ขั้นที่สองใกล้จะบรรลุได้แล้ว!”
จ้าวเฟิงคิดคำนวณในใจ
อนุมาน ‘วิชาแยกวิญญาณ’ ขั้นที่สองออกมาได้รวดเร็วเช่นนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะความช่วยเหลือจากเซียนซิงหมัว
แต่ถึง ‘วิชาแยกวิญญาณ’ ขั้นที่สองจะแสดงออกมาแล้ว จ้าวเฟิงก็ไม่รีบร้อนฝึกฝน
ลำดับแรก อย่างไรเสียขั้นที่สองเขากับเซียนซิงหมัวก็ร่วมกันสรุปออกมา จ้าวเฟิงต้องคิดไตร่ตรองสุดความสามารถ เพื่อลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น อีกอย่าง พลังวิญญาณในตอนนี้ของจ้าวเฟิงเพิ่งจะฟื้นฟู หากฝึกฝนไปจนถึงขั้นที่สอง จะเป็นการถดถอยลงไปอีกไม่ใช่หรือ
ยิ่งกว่านั้นจ้าวเฟิงก็ไม่รีบร้อนให้วิญญาณแบ่งร่าง
“ในตอนนี้จ้าวหวางอยู่ที่สำนักวิญญาณทมิฬ ได้เป็นยอดฝีมือในหมู่ลูกศิษย์สายใน ฝึกฝนไปถึงขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงช่วงกลาง”
จ้าวเฟิงผงกศีรษะ
เขาเองก็มีเจตนากดพัฒนาการในการฝึกตนของจ้าวหวางไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงความสงสัยของคนอื่น ไม่เช่นนั้น ด้วยพรสวรรค์ของจ้าวหวาง บวกกับทรัพยากรที่จ้าวเฟิงมอบให้และเนตรมรณะ ยามนี้น่าจะเลื่อนขึ้นเป็นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงช่วงสุดยอดแล้ว
อีกฟากหนึ่ง เจ้าแมวขโมยตัวน้อยใช้ทรัพยากรมหาศาลที่จ้าวเฟิงมอบให้ เอาแต่อยู่ในมนตราอากาศ ออกมาด้านนอกน้อยครั้งนัก
“พลังของเจ้าแมวขโมยก็เปลี่ยนแปลงไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว!”
จ้าวเฟิงพึมพำกับตัวเอง
พลังของเจ้าแมวขโมยน้อยก็เติบโตไปพร้อมกับจ้าวเฟิงเสมอ
ความต่างระหว่างจักรพรรดิและเซียนมีมากเกินไป หากเจ้าแมวขโมยไม่เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพลัง และไม่สามารถตามจ้าวเฟิงทัน ก็จะไม่สามารถเก็บเกี่ยวอะไรเล็กๆ น้อยๆ ได้
ฟู่!
ภายในมนตราอากาศ ทรัพยากรฝึกฝนส่วนหนึ่งย้ายมายังเบื้องหน้าของจ้าวเฟิง
“หญ้าโลหิตอัสนีมืด ไผ่วิญญาณวายุ ผลไม้เพลิงมรกตเก้าฟ้า !”
จ้าวเฟิงโคจร ‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ ดูดซึมพลังของธาตุในทรัพยากรโอสถล้ำค่า พลางขจัดสิ่งแปลกปลอมภายในนั้น
สามวันผ่านไป ในแก่นผลึกของจ้าวเฟิงทะลักปราณที่แท้จริงวายุอัสนีธาตุไฟที่พิสุทธิ์มากขึ้น ภายในเปล่งลายอัสนีออกมาเป็นบางครั้ง
“วายุอัสนีธาตุไฟระดับสูง!”
จ้าวเฟิงเปิดดวงตาทั้งสองขึ้น
ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว วายุอัสนีธาตุไฟของเขาเสถียรอยู่ที่ระดับต่ำ วันนี้จู่ๆ ก็ทะลวงออกมาในคราเดียว
“ขั้นที่แปดคือวายุอัสนีธาตุไฟ เช่นนั้นแล้วขั้นที่เก้าก็จะเป็นวายุอัสนีธาตุดิน…”
จ้าวเฟิงเริ่มวางแผนการฝึกฝนวายุอัสนีธาตุดินแล้ว
อีกฟากหนึ่ง ด้านข้างเมืองขององค์ชายเก้า ณ มณฑลมณฑลหลาน เป็นฐานที่มั่นขององค์ชายสิบสาม
องค์ชายสิบสามอาศัยกำลังรบขั้นเซียนผู้หนึ่งและสมาชิกชั้นเลิศหลายคนที่เขานำมาด้วย สุดท้ายจึงสามารถยึดเมืองแห่งนี้มาได้ แต่เมื่อเขารู้ว่าองค์ชายเก้ายึดครองเมืองมังกรจันทราไปก่อนนี้นานแล้ว ความปลื้มปีติบนใบหน้าก็สลายไปอย่างรวดเร็ว
องค์ชายเก้าไม่ได้พึ่งพากำลังรบขั้นเซียน แต่ยึดเมืองแห่งหนึ่งมาได้ ชื่อเสียงย่อมมากกว่าเขา
“ต่างเผ่าพันธุ์ที่เมืองมังกรจันทราเป็นพวกโง่เง่าจริงๆ!”
องค์ชายสิบสามสบถด่า
“องค์ชายสิบสาม องค์ชายเก้าก็แค่พึ่งพาจ้าวเฟิง บวกกับเมืองมังกรจันทราประมาทเลินเล่อ ถึงสามารถยึดเมืองมาได้!”
ซีเผิงแห่งวังเก้านิรยข้างกายองค์ชายสิบสามเอ่ยปาก
ซีเผิงเป็นปฐมเซียนมีฝีมือซึ่งติดตามองค์ชายสิบสาม เคยเข้าร่วมการทดสอบคัดเลือกรัชทายาท หลังจากผ่านการทดสอบคัดเลือกรัชทายาทมาแล้ว พลังของเขาก็มีพัฒนาการขึ้นมาก อีกไม่นานเท่าไหร่จะลองทะลวงขั้นเซียน
“จ้าวเฟิงคนนี้เป็นตัวปัญหา!”
เมื่อองค์ชายสิบสามมองเห็นชื่อของจ้าวเฟิง ในใจก็พลันลุกโหมด้วยไฟโทสะที่ไม่มอดดับ
“ถูกต้อง เหตุผลหลักก็เป็นเพราะจ้าวเฟิง ถ้าหากจ้าวเฟิงไม่อาจอยู่ที่สนามรบต่อ…เหอะๆ!”
ซีเผิงแห่งวังเก้านิรยหัวเราะเจ้าเล่ห์
“ซีเผิง เจ้ามีวิธีงั้นหรือ?” องค์ชายสิบสามยิ้มอย่างตื่นเต้นยินดี
“จ้าวเฟิงยั่วโทสะพวกเราวังเก้านิรย จะมีจุดจบที่ดีได้อย่างไร หนานกงเชิ่งก็ด้วยเช่นกัน!”