บทที่ 1027 เคลื่อนพลทั้งเมือง
“ที่นี่มีกลิ่นอายดวงวิญญาณหลงเหลืออยู่เล็กน้อย!”
กองลาดตระเวนรอบนอกเมืองเหมิงมาถึงที่ซ่อนตัวของจ้าวเฟิงก่อน
กองกำลังทหารจำนวนมากล้อมอยู่รอบป่าทึบแห่งนี้
ผู้นำกองกำลังเหล่านี้ จำนวนมากที่สุดอยู่ในขอบเขตพลังขั้นจักรพรรดิทั่วไป ด้วยเหตุนี้การสำรวจของประสาทสัมผัสจึงไม่อาจสังเกตได้ถึงจ้าวเฟิง
พรึ่บ! จ้าวเฟิงทะยานออกมาจากป่า แสงสายฟ้าสีทองแดงทั่วร่างเปล่งประกายแวววับ ร่างกายขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ประหนึ่งเขาอัสนีธาตุทองที่เดือดพล่าน แก่นแท้พลังสายฟ้าที่น่ากลัวกดดันไปทั่วบริเวณ
วู้ม วู้ม!
ในกำลังทหารหลายพัน ส่วนมากยังไม่พ้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดด้วยซ้ำไป จะต้านแรงกดดันจากสายฟ้าของจ้าวเฟิงในตอนนี้ได้อย่างไร
กำลังทหารต่างเผ่าพันธุ์จำนวนมากทรุดลงบนพื้นทันควัน
ต่างเผ่าพันธุ์ที่เหลือรู้สึกว่าร่างกายติดอยู่ในบ่อโคลน แม้แต่การหายใจก็ยังถูกกดดันอย่างยิ่ง
ทว่าจ้าวเฟิงก็ไม่ได้ตั้งใจจะจัดการพวกมดงานเหล่านี้ เป้าหมายของเขาเป็นผู้นำในกองลาดตระเวน
“แย่ล่ะ จักรพรรดิไร้เทียทาน ไม่ใช่สิ ปฐมเซียน…”
จักรพรรดิชั้นยอดต่างเผ่าพันธุ์ที่เป็นผู้นำตื่นตะลึงอย่างมาก
สามารถจัดการขอบเขตแก่นก่อกำเนิดและราชันปราณเทวะเกือบพันได้ด้วยตัวคนเดียว ความสามารถประเภทนี้ ปฐมเซียนทั่วไปไม่อาจทำได้
ต่างเผ่าพันธุ์ทั้งหมดโคจรวิชาต่างๆ นานาในทันที ต้านทานพลังมหาศาลและแรงกดดันจากแก่นแท้พลังของจ้าวเฟิงไว้
“รีบถอย คนต่ำกว่าขั้นจักรพรรดิลงไปถอยไปเลย!”
“มีกำลังรบขั้นปฐมเซียนเข้าใกล้เมืองเหมิง!”
ทันใดนั้นเอง สมาชิกทั้งหมดร่วมแรงกันต้านทานพลังมหาศาลและแรงกดดันจากแก่นแท้พลังของจ้าวเฟิง แล้วจึงถอยร่นไป
ต่างเผ่าพันธุ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดที่ถูกจ้าวเฟิงสังหารหรือราชันที่หมดสติ ก็ทิ้งเอาไว้ตรงนั้น
ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนั้น แม้กระทั่งชีวิตของตนเองยังไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้ ไหนเลยจะมีเวลาสนใจคนอื่น
เมี้ยว เมี้ยว!
ตอนนี้เอง เจ้าแมวขโมยน้อยออกมาจากมนตราอากาศ ตรงไปที่ร่างของต่างเผ่าพันธุ์ที่ถูกจ้าวเฟิงปลิดชีพ และเก็บเอามิติเก็บของทั้งหมดไป
“สังหาร!”
จ้าวเฟิงมีสีหน้าเยือกเย็น
ด้านหลังของกองลาดตระเวนยังมีแม่ทัพแปดคนและกำลังทหารชั้นดีห้าพัน อัจฉริยะขั้นปฐมเซียนสองคนเพิ่งเร่งตามมา พวกเขาต้องทำเวลาอย่างมาก
วูบ แซ่ด!
จ้าวเฟิงโบยบินผ่านอากาศโดยวิชาปีกอัสนีโบยบิน หายตัวไปมาไร้วี่แวว ต่างเผ่าพันธุ์ทั้งหมดที่นั่นไม่อาจจะสัมผัสได้ถึงร่องรอยใดๆ ของจ้าวเฟิง
ผัวะ!
จักรพรรดิทั่วไปผู้หนึ่งร่างกายแหลกละเอียด ศีรษะและมิติเก็บของถูกจ้าวเฟิงเก็บไป
เปรี๊ยะ!
อีกฟากหนึ่ง คมมีดวายุอัสนีสายหนึ่งตรงไปตัดศีรษะของราชันในระดับสุดยอดคน
ส่วนพวกต่างเผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอคนอื่นซึ่งเข้าไปใกล้จ้าวเฟิง จะถูกแก่นแท้พลังบีบอัดจนตาย ไม่ต้องให้จ้าวเฟิงลงมือแม้แต่น้อย
ส่วนเจ้าแมวขโมยน้อยอยู่แต่ด้านล่าง คอยเก็บสินสงครามที่จ้าวเฟิงหลงลืมไว้
โครม…
ตอนที่จ้าวเฟิงสังหารผู้นำลำดับที่หกได้ มีเสียงเกรี้ยวกราดดังมา
“เจ้ามนุษย์สารเลว ช่างหาญกล้าเทียมฟ้าเหลือเกิน มาถึงที่นี่ตัวคนเดียว!”
แม่ทัพสองดาวผู้หนึ่งตามมา
ราชันทั่วไปและขอบเขตแก่นก่อกำเนิดทั้งหมดในกองกำลังด้านหลังเขาถอยหนีไปนานแล้ว ที่เหลืออยู่อย่างน้อยที่สุดก็อยู่ในขั้นราชันระดับสุดยอด
“เหอะ!” จ้าวเฟิงแค่นเสียงเย็นออกมา แค่แม่ทัพสองดาวคนหนึ่ง เขาไม่เห็นอยู่ในสายตาด้วยซ้ำไป
ฟิ้ว! ร่างจ้าวเฟิงหายไปอีกครั้ง วินาทีต่อมาก็ตรงเข้าไปในกองลาดตระเวน ปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าจักรพรรดิชั้นยอดที่เป็นผู้นำคนนั้น
จักรพรรดิต่างเผ่าพันธุ์ผู้นี้ตื่นตระหนกอย่างมาก พลันปลดปล่อยโลกมิติส่วนตัวและการป้องกันจำนวนมากออกมา
ผัวะ! จ้าวเฟิงทำลายโลกมิติส่วนตัวของเขาจนแหลกละเอียดด้วยฝ่ามือเดียว ร่างจักรพรรดิต่างเผ่าพันธุ์ผู้นี้ก็แหลกไปด้วยเช่นกัน
“ไม่ใช่สิ กำลังรบขั้นเซียน!”
แม่ทัพสองดาวที่เตรียมจะบุกออกมาชะงักฝีเท้าทันที
สามารถสังหารจักรพรรดิชั้นยอดได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ กระทั่งมิติส่วนตัวก็ยังทำลายได้โดยตรง ถึงจะเป็นปฐมเซียนก็ไม่น่าทำได้
แต่ในเวลานี้เอง พวกต่างเผ่าพันธุ์ขั้นแม่ทัพเจ็ดคนและราชันขั้นสุดยอดจำนวนหลายร้อยก็เดินทางมาถึง
“ขวางมันเอาไว้!” แม่ทัพสองดาวผู้หนึ่งรีบตะโกน
โครม ตูม! ต่างเผ่าพันธุ์ในขั้นแม่ทัพแปดคนและราชันขั้นสุดยอดขึ้นไปหลายร้อยคนบุกเข้าโจมตีทันที
มีเพียงขั้นราชันขึ้นไปเท่านั้น ถึงแน่ใจได้ว่าจะไม่โดนมนุษย์ตรงหน้านี้สังหารไปอย่างรวดเร็ว ส่วนต่างเผ่าพันธุ์ที่กลับไปก่อนก็จะแจ้งเรื่องนี้กับเบื้องบนของเมืองเหมิง เชื่อว่าเซียนอั้นโหยวที่ดูแลเมืองเหมิงอยู่จะต้องออกมาจัดการด้วยตนเองแน่
“ตั้งค่ายกล!”
บุคคลในขั้นแม่ทัพทั้งแปดคนเคลื่อนย้ายตำแหน่ง และผลักตราประทับฝ่ามือประหลาดหลายสายออกมา จากนั้นค่ายกลป้องกันสีฟ้าก็ปรากฏขึ้น
เมื่อต่างเผ่าพันธุ์ทั้งหมดหลบอยู่ในค่ายกล จึงตรงดิ่งไปโจมตีจ้าวเฟิง
“มาพร้อมกันให้หมด!” จ้าวเฟิงสีหน้าเรียบเฉย
พรึ่บ! ปีกอัสนีสีชาดด้านหลังจ้าวเฟิงสยายออก ปราณที่แท้จริงอัสนีวายุธาตุไฟมหาศาลทะลักออกมา
โครม แซ่ด!
จ้าวเฟิงกลายร่างเป็นเส้นแสงอัสนีสีชาด พุ่งไปหาทหารต่างเผ่าพันธุ์
หากไม่ฝึกฝนเคล็ดวิชาฝึกร่างอย่าง ‘กายสายฟ้าปฐพีทอง’ จ้าวเฟิงย่อมไม่อาจเสี่ยงอันตรายเช่นนี้ อีกทั้งในตอนนี้ กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเฟิงไปแตะขั้นที่หกแล้ว การโจมตีของคนต่ำกว่าขั้นเซียนแทบไม่มีผล!
ครืน!
สายลม สายฟ้า สายน้ำและเพลิง เคล็ดวิชานับไม่ถ้วนโจมตีใส่จ้าวเฟิงดั่งคลื่นถาโถม
แต่การโจมตีหลากหลายนี้ยังไม่ทันแตะร่างจ้าวเฟิง ก็ถูกแก่นแท้พลังสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ที่น่ากลัวกระแทกทำลาย การโจมตีส่วนน้อยที่กระทบกาย กระทั่งบาดแผลเล็กน้อยก็ไม่ปรากฏ
“ไม่ได้การ คนผู้นี้ฝึกฝนเคล็ดวิชาฝึกร่างกายที่สูงส่งลึกล้ำ การโจมตีของเราไม่สามารถทำร้ายมันได้แม้แต่นิด!”
แม่ทัพสองดาวที่หลบอยู่ภายในค่ายกลป้องกันร้องเสียงหลง
“ทำลาย!”
จ้าวเฟิงพุ่งเข้าปะทะค่ายกลป้องกันสีฟ้าเข้าอย่างจัง วายุอัสนีธาตุไฟหลอมรวมแก่นแท้พลังสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ หนึ่งฝ่ามือโจมตีไปทันที
โครม เปรี๊ยะ ตูม!
ค่ายกลป้องกันที่จักรพรรดิชั้นยอดทั้งแปดอยู่แตกกระจาย พลังกายที่อยู่เหนือทุกสรรพสิ่งพลันพุ่งไปหาทหารต่างเผ่าพันธุ์
ยอดฝีมือทั้งหมดที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังค่ายกลพากันกระอักเลือดล้มลง บนใบหน้าของพวกต่างเผ่าพันธุ์เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกหวาดกลัว
“เจ้ามนุษย์ คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า!”
กลางอากาศปรากฏแสงปีกสีดำสายหนึ่ง ผู้คือมาเยือนคือผู้ถูกเลือกของเผ่ามนุษย์เหยี่ยวนั่นเอง
เปรี๊ยะ! สตรีมนุษย์เหยี่ยวลงมือทันใด แสงปีกสีดำสนิทพุ่งลงโจมตี
เงากรงเล็บขนาดใหญ่สีดำสองข้างแผ่กลิ่นอายแหลมคมที่ทะลวงผ่านทุกสิ่ง เหมือนเป็นกระบี่คมชั้นเลิศ
“เหอะ!” จ้าวเฟิงไม่ถอยให้ฝ่ามือที่ตรงดิ่งมา ระเบิดแก่นแท้กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ออกมาสุดแรง
โครม ผัวะ! แสงปีกดำถูกโจมตีจนถอยร่นไปหลายลี้ แต่จ้าวเฟิงกลับยืนนิ่งไม่ขยับ มั่นคงดุจหินผา
“มนุษย์ผู้นี้มีกำลังรบแข็งแกร่งนัก!”
สีหน้าของสตรีมนุษย์เหยี่ยวเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ขาสองข้างของนางยังไร้ความรู้สึก
เผ่าพันธุ์มนุษย์เหยี่ยวชำนาญการสังหารถึงตายในคราเดียว พลังโจมตีที่ระเบิดออกแข็งแกร่งอย่างยิ่ง แต่คิดไม่ถึงว่าจะทำร้ายมนุษย์ฝ่ายตรงข้ามผู้นี้ไม่ได้แม้แต่น้อย
นางไม่เคยเสียเปรียบคนให้ในระดับเดียวกันเช่นนี้มาก่อน!
“พวกเราลงมือพร้อมกัน!”
ในตอนนี้เอง มีเสียงเย้ายวนใจอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น สตรีเผ่าพันธุ์มนุษย์งูปรากฏกายขึ้นกลางอากาศ
สตรีเผ่าพันธุ์มนุษย์งูทอดสายตามองจ้าวเฟิง สีหน้าเคร่งขรึม จากที่สตรีมนุษย์เหยี่ยวประมือกับจ้าวเฟิงเมื่อครู่ นางก็พอจะรู้ถึงพลังอันน่ากลัวของจ้าวเฟิงได้เลาๆ
“เหอะๆ พวกเจ้าใช้คนมากรังแกคนน้อยอยู่หรือ!”
ฟิ้ว แซ่ด! ปีกด้านหลังจ้าวเฟิงทอประกายเจิดจ้า ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นไปถึงอีกระดับขั้นหนึ่ง
จ้าวเฟิงตรงดิ่งไปยังแม่ทัพที่เตรียมจะหนีไปด้านหน้า ไม่ไยดีอัจฉริยะต่างเผ่าพันธุ์ขั้นปฐมเซียนทั้งสองแม้แต่น้อย
บึ้ม! แม่ทัพหนึ่งดาวคนหนึ่งถูกจ้าวเฟิงสังหารทันใด
“เจ้ามนุษย์ชั่ว คู่ต่อสู้ของเจ้าคือพวกข้า!”
อัจฉริยะขั้นปฐมเซียนทั้งสองเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด
พวกนางคาดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงจะไม่สนใจพวกนางแม้แต่น้อย เอาแต่สังหารแม่ทัพเหล่านั้นเพียงอย่างเดียว
ในฐานะที่เป็นอัจฉริยะชั้นยอดของราชวงศ์จันทราทมิฬ พวกนางไม่อาจให้อภัยการกระทำของจ้าวเฟิงได้
เปรี๊ยะ! ทั้งสองลงมือทันที ไล่ตามจ้าวเฟิงไป
“บ้าเอ๊ย เจ้ามนุษย์ผู้นี้มีจุดประสงค์อะไรกันแน่?”
สตรีเผ่าพันธุ์มนุษย์เหยี่ยวมีสีหน้าเคียดแค้น แต่ทำอะไรไม่ได้
ถึงแม้พวกนางจะชำนาญในเรื่องความเร็ว กลับไล่ตามฝีเท้าของจ้าวเฟิงไม่ทันแม้แต่น้อย ทำได้เพียงมองเขาสังหารต่างเผ่าพันธุ์ที่เหลือ
“คิดไม่ถึงเลย เผ่าพันธุ์มนุษย์มีผู้ถูกเลือกเช่นนี้ด้วย!”
สตรีมนุษย์งูรู้สึกไร้เรี่ยวแรงอย่างยิ่ง
ก่อนที่จะมาถึงสนามรบ นางมีความเชื่อมั่นเต็มเปี่ยม เตรียมจะแสดงความสามารถทั้งหมดและขัดเกลาฝีมือ แต่ไม่นึกเลยว่าศัตรูคนแรกที่เจอจะทำให้นางต้องคับแค้นใจเช่นนี้
ตูม! ในเมืองเหมิง พลังเจตจำนงที่น่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมา
ฟ้าดินพลันมืดมิดลงไป เงาแสงสีดำสนิทสายหนึ่งเข้าจู่โจมอย่างบ้าคลั่ง
ด้านล่าง ขั้นแม่ทัพสามสิบคนและกำลังทหารหลายหมื่นต่างพากันลงมือ
ขณะนั้น เมฆบนฟ้าเปลี่ยนสี ฟ้าดินสั่นสะเทือน
ไอมารชั่วร้ายที่น่ากลัวเขย่าฟ้าสะเทือนดิน กดดันมาจากที่ไกลๆ อย่างเร็วรี่
“เซียนอั้นโหยวมาแล้ว ยังมีแม่ทัพทั้งหมดด้วย!”
สตรีมนุษย์งูนางนั้นชะงักไป
เผ่าพันธุ์มนุษย์คนหนึ่งมาถึงละแวกใกล้เคียงของเมืองต่างเผ่าพันธุ์
เข่นฆ่าตามอำเภอใจ สร้างความเดือดร้อนจนทหารทั้งเมือง ยอดฝีมือหลายหมื่น จักรพรรดิ ปฐมเซียน และเซียนผู้คุ้มครองเมืองต้องออกหน้าด้วยตนเอง!
เจ้ามนุษย์ผู้นี้เป็นบ้าไปแล้วหรืออย่างไร?
“ฮะๆ วันนี้พอแค่นี้แล้วกัน!”
จ้าวเฟิงตัดศีรษะของจักรพรรดิต่างเผ่าพันธุ์ผู้หนึ่ง แล้วเก็บมันกับมิติเก็บของไป
ครั้งนี้เล่นสนุกพอแล้ว
มายังบริเวณเมืองของต่างเผ่าพันธุ์คนเดียว และยังสังหารผู้ถูกเลือกขั้นปฐมเซียนสองคน แม่ทัพต่างเผ่าพันธุ์หลายคน และยังสังหารไพร่พลไปจำนวนมากจ้าวเฟิงคร้านจะนับแล้ว
แล้วในตอนนี้ กำลังทหารทั้งหมดของเมืองเหมิงเริ่มเคลื่อนไหว จ้าวเฟิงย่อมไม่สามารถรั้งอยู่ที่นี่ต่อได้
เมี้ยว เมี้ยว! เจ้าแมวขโมยน้อยมุดเข้าไปในมนตราอากาศทันที
ขวับ! จ้าวเฟิงโบกแขนซ้าย ร่างของเขาหายไปในประกายแสงสีเงินเข้ม
วินาทีต่อมา!
เซียนอั้นโหยวและเผ่าพันธุ์มนุษย์มังกรวารีก็เร่งรุดตามมา
“นี่มัน…ของล้ำค่าที่ใช้ข้ามผ่านมิติ!”
แววตาของเซียนอั้นโหยวหนักอึ้ง
“มิน่าล่ะ คนผู้นี้ถึงใจกล้ามาคนเดียว ที่แท้ก็มีสมบัติหายากระดับนี้นี่เอง!”
บุตรมังกรวารีที่ห้าแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์มังกรวารีเอ่ย
“รายงานขุนพล ฝั่งเรามีแม่ทัพหกคน จักรพรรดิสิบสามคน ราชันระดับสุดยอดสามสิบสี่คน…ล้มตายไป!”
……
พรึ่บ!
เงาสีเงินเข้มทับซ้อนในอากาศ หลังจากร่างจ้าวเฟิงปรากฏที่ด้านนอกเมืองมังกรจันทรา
“แม่ทัพจ้าวเฟิงกลับมาแล้ว!”
องครักษ์ที่ออกตรวจตราผู้หนึ่งเอ่ยอย่างนอบน้อม
จ้าวเฟิงไม่สนใจ เขาบินตรงไปที่ตำหนักอันเป็นที่อยู่ขององค์ชายเก้า
“จ้าวเฟิง เจ้ากลับมาแล้ว?” องค์ชายเก้าเอ่ยถามทันใด
เขาไม่ได้กังวลว่าจ้าวเฟิงจะกลับมาไม่ได้ แต่แปลกใจที่จ้าวเฟิงกลับมารวดเร็วเช่นนี้ หรือว่าจะโดนพวกต่างเผ่าพันธุ์จับได้แล้ว?
ทว่านี่ก็โทษจ้าวเฟิงไม่ได้ อย่างไรเสียจ้าวเฟิงก็ไม่ใช่สายลับโดยเฉพาะ
“ข้าได้สืบดูศักยภาพทั้งหมดของเมืองเหมิงอย่างชัดเจนแล้ว กำลังรบเซียนมีแค่เพียงคนเดียว แต่พลังแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ส่วนปฐมเซียน…”
จ้าวเฟิงเล่าสถานการณ์ทั้งหมดของเมืองเหมิง
สีหน้าขององค์ชายเก้าตื่นตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวเฟิงจะเล่าข้อมูลละเอียดเช่นนี้ เหมือนว่าเขาไปเดินในเมืองเหมิงแล้วอย่างนั้น
“เมื่อเป็นตามนี้ พวกเราต้องเรียกรวมแม่ทัพมาหารือเพื่อวางแผนการรบ!”
ตาเฒ่าอิงรีบเอ่ย
ความแข็งแกร่งทั้งหมดของเมืองเหมิงอยู่เหนือเมืองมังกรจันทรามาก อีกทั้งพลังของจ้าวเฟิงก็ถูกเปิดเผยแล้ว จึงไม่อาจจะได้ชัยชนะง่ายดายเหมือนศึกครั้งก่อน
“ไม่ ท่านเรียกรวมกำลังทหารทั้งหมด เคลื่อนพลทั้งกองทัพเลย!”
แววตาของจ้าวเฟิงเคร่งขรึม เอ่ยปากทันใด
“นี่เป็นเพราะเหตุใดกัน?”
องค์ชายเก้าและตาเฒ่าอิงมองไปที่จ้าวเฟิง แต่เดิมโอกาสจะชนะไม่มากนัก สั่งให้เคลื่อนพลผลีผลามจะเป็นการสิ้นเปลืองเปล่า
ขวับ! จ้าวเฟิงสะบัดมือซ้าย ปรากฏศีรษะหลายสิบของต่างเผ่าพันธุ์กลางอากาศ
“ทั้งหมดนี้เป็นหัวของขั้นจักรพรรดิ ในนั้นยังมีปฐมเซียนอีกสอง!”
จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงเรียบ
เพราะเขาลงมือสังหารคนเดียว ไม่มีพยานบุคคล ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงตัดศีรษะของพวกนั้นมาด้วย บวกกับภาพในความทรงจำของตัวเขา นี่ถึงจะเป็นหลักฐานยืนยันผลงานการรบ
“นี่…” องค์ชายเก้าพูดอะไรไม่ออก ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง
มีผู้ใดเคยเห็นสายลับที่ออกไปสืบข่าวแล้วยังสังหารสมาชิกหลักจำนวนมากของศัตรูได้เช่นนี้บ้าง?
คนอื่นล้วนแต่ระมัดระวัง ถึงขั้นไม่กล้าเข้าไปใกล้มากนัก ได้แต่เฝ้ารอโอกาสอย่างใจเย็น ค่อยๆ สอดแนมหาข้อมูล แต่จ้าวเฟิงใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็สอดแนมได้ข้อมูลที่สมบูรณ์แบบที่สุดมา สังหารศัตรูจำนวนมากและปฐมเซียนอีกสองคนได้!
องค์ชายเก้าไม่สามารถคาดคิดได้เลยว่าจ้าวเฟิงไปทำอะไรกันแน่!
“ฝ่าบาท เคลื่อนกำลังทหารไปโจมตีเมือง!”
แววตาของตาเฒ่าอิงตื่นตะลึง รีบเปิดปากเอ่ย!