บทที่ 1028 เนตรหมื่นปรากฏการณ์
“ฝ่าบาท เคลื่อนกำลังทหารไปโจมตีเมือง!”
แววตาของตาเฒ่าอิงตื่นตะลึง รีบเปิดปากเอ่ย!
ลำดับแรก จ้าวเฟิงสังหารกำลังรบระดับสูงจำนวนมากเช่นนี้ในเมืองเหมิง ด้วยกำลังทหารของเมืองมังกรจันทราจะมีข้อได้เปรียบอย่างมาก
อย่างที่สอง จ้าวเฟิงสังหารครั้งใหญ่ในเมืองเหมิงและพลันจากไป จะต้องสร้างผลกระทบต่อขวัญและกำลังใจของเมืองเหมิงแน่นอน
สุดท้าย ไอสวรรค์ของเมืองเหมิงในตอนนี้เสียหายหนัก หากไม่ลงมือในตอนนี้ก็จะเป็นการให้เวลาพวกเขาเตรียมกำลังทหาร ในวันหน้าก็จะยากจะมีโอกาสเช่นนี้อีก
ตาเฒ่าอิงรีบกล่าวความคิดของเขาให้องค์ชายเก้าฟัง
“ดี!” องค์ชายเก้าเองก็เข้าใจหลักการนั้นอย่างรวดเร็ว
ส่งกำลังทหารไปบุกยึดเมืองในเวลานี้ เป็นโอกาสที่ดีเยี่ยมที่สุด
“เคลื่อนพลทหารทั้งหมด ตรงไปยึดเมืองเหมิง!” องค์ชายเก้าตะโกนทันที
องครักษ์ตรวจตราภายนอกตำหนักได้ยินคำพูดเช่นนี้ จึงเร่งถ่ายทอดคำสั่งขององค์ชายเก้าไปทั่วเมือง
ไม่นานเท่าไหร่ กำลังทหารทั้งหมดก็ไปรวมตัวกันที่ด้านนอกเมืองมังกรจันทรา
“ออกเดินทาง!” องค์ชายเก้าชี้กระบี่อัสนีครามไปด้านหน้า
ครืน! กองกำลังทหารจำนวนหลายหมื่นโบยบินขึ้นโดยพลัน เดินหน้ารุกเข้าไปอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร
ในเมืองมังกรจันทรา นอกเหนือจากยอดฝีมือในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดและขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงบางส่วนที่ทิ้งเอาไว้รักษาการณ์ กำลังทหารทั้งหมดก็เคลื่อนพล
จากการรบเมื่อครั้งก่อน องค์ชายเก้าจึงได้รับความเชื่อถือจากทหารทั้งหมด บวกกับพลังที่จ้าวเฟิงแสดงออกมา ขณะนี้ความเชื่อมั่นของทหารเหล่านี้เต็มเปี่ยมอย่างยิ่ง ไร้ซึ่งความลังเลใดๆ
“องค์ชายเก้า พวกเราไม่มุทะลุเกินไปแล้วรึ!”
แม่ทัพสามดาวผู้หนึ่งถามหยั่งเชิงอยู่ข้างๆ
ถึงแม้พวกเขาจะมีจ้าวเฟิงและเถี่ยหงหลิงที่เป็นกำลังรบระดับสูง ไม่ด้อยไปกว่าเซียนทั่วไปเลย แต่พวกเขายังไม่รู้สถานการณ์กำลังพลในเมืองเหมิง การเคลื่อนทัพอย่างผลีผลามเช่นนี้ขัดต่อยุทธวิธีทางทหาร
“จ้าวเฟิงสืบเสาะข้อมูลโดยละเอียดในเมืองเหมิงเรียบร้อยแล้ว!”
องค์ชายเก้าเอ่ยตามตรง แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม
แม่ทัพสามดาวอึ้งไป ก่อนจะมองจ้าวเฟิงที่อยู่ไม่ไกลนัก
สำหรับเรื่องที่จ้าวเฟิงรับหน้าที่เป็นสายลับ เขาเองก็พอได้ยินมาบ้าง แต่เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ขององค์ชายเก้า จ้าวเฟิงเหมือนจะสืบได้ข้อมูลอย่างละเอียดมาจริงๆ
เดิมเขาคิดว่าจ้าวเฟิงแค่กำลังรบแข็งแกร่งเท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่าด้านเสาะหารวบรวมข้อมูลก็ชำนาญเช่นนี้
เมื่อองค์ชายเก้าว่าตามนี้ เขาก็วางใจ
“ถ้าหากยึดเมืองอีกแห่งได้ละก็…!”
แม่ทัพสามดาวผู้นี้แทบจะรอไม่ไหว
การบุกยึดเมือง เป็นช่วงเวลาที่กำลังพลทั้งหมดของขุนพลจะได้รับผลงานการรบในการโจมตีเมืองตามระดับขั้นพลัง ตัวอย่างเช่น เซียนจะได้ผลงานการรบจากการโจมตีเมืองสองหมื่น ปฐมเซียนได้หกพัน…
ในทางกลับกัน หากเสียเมืองผลงานการรบเหล่านี้ก็จะโดนหักไป
ดังนั้นหากโชคดีสักหน่อย ทหารทั่วไปได้ติดตามแม่ทัพไปทำสงคราม ถึงจะไม่ได้สังหารศัตรู แค่ต่อสู้ไปอย่างนั้น ผลงานการรบจากการโจมตีเมืองก็มากเพียงพอจะแลกเปลี่ยนทรัพยากรจำนวนมากมาได้
เถี่ยหงหลิงที่อยู่ข้างกายจ้าวเฟิงถาม “จ้าวเฟิง สถานการณ์ของเมืองเหมิงเป็นอย่างไรกันแน่?”
“ศักยภาพโดยรวมพอๆ กับเมืองมังกรจันทราในตอนแรกกระมัง!”
จ้าวเฟิงเปรียบเปรยอย่างง่ายๆ
“เป็นไปได้อย่างไรกัน?”
เถี่ยหงหลิงไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่นัก
พวกเขายึดเมืองมังกรจันทรามาแล้ว หรือว่าต่างเผ่าพันธุ์จะยังไม่รู้จึงยังไม่ได้เพิ่มกำลังคนในเมืองเหมิง?
แต่ตอนที่ทุกคนเคลื่อนทัพอย่างฮึกเหิมมาถึงเมืองเหมิง กลับพบว่าที่นี่กลายเป็นที่ร้างว่างเปล่าไปแล้ว
ไม่มีผู้ใดทั้งสิ้น!
“พวกต่างเผ่าพันธุ์ล่ะ?”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? เหตุใดจึงไม่มีต่างเผ่าพันธุ์เหลืออยู่เลยแม้แต่คนเดียว!”
“นี่จะเป็นกับดักหรือไม่?”
แม่ทัพและกำลังทหารจำนวนมากตื่นตกใจอย่างยิ่ง
ตั้งแต่ที่ทั้งสองราชวงศ์สู้รบกันมา สถานการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แม่ทัพและทหารทั้งหมดต่างจับต้นชนปลายกันไม่ถูก
ส่วนเถี่ยหงหลิงตาเบิกกว้างอ้าปากค้าง มองจ้าวเฟิง “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
นางเชื่อว่าตอนที่จ้าวเฟิงเฟิงมาสืบข่าวคงจะไม่เป็นแบบนี้ ไม่เช่นนั้นจ้าวเฟิงคงไม่พูดว่ากำลังทหารของเมืองเหมิงด้อยกว่าเมืองมังกรจันทราเล็กน้อย
ทว่าเหตุใดจ้าวเฟิงมาสอดแนมที่นี่เพียงหนึ่งครั้ง ต่างเผ่าพันธุ์ที่นี่ก็อพยพหนีไปหมด
จ้าวเฟิงตะลึงไปเล็กน้อย สถานการณ์เช่นนี้เขาเองก็คาดคิดไม่ถึง แต่เดิมเขาคิดว่าเมืองเหมิงจะเลือกป้องกันเมือง รอกำลังเสริม
“ดูแล้วพวกเราลงมือกันรวดเร็วเกินไป ต่างเผ่าพันธุ์จึงหนีไป!”
ตาเฒ่าอิงเอ่ย
ทว่า สถานการณ์แบบนี้ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องดีนัก
ถ้าหากพวกเขาสู้รบกับเมืองเหมิงจนอีกฝ่ายล่าถอยไป เช่นนั้นแล้วกำลังทหารต่างเผ่าพันธุ์ในเมืองเหมิงอย่างน้อยน่าจะหายไปมากกว่าหกส่วน แต่ตอนนี้ต่างเผ่าพันธุ์ในเมืองเหมิงล่าถอยไปหมด เท่ากับว่าไม่เสียหายอะไร
และที่สำคัญคือพวกนั้นจะต้องกลับมาโจมตีอีกแน่นอน ถึงตอนนั้นจะเป็นองค์ชายเก้าที่ตกอยู่ในสถานการณ์ตั้งรับแล้ว ดูท่าขุนพลของต่างเผ่าพันธุ์จะเป็นคนที่มีความคิดรอบคอบถี่ถ้วน
หลังจากที่แม่ทัพส่วนหนึ่งเสียขวัญไปแล้วถึงพบว่า หากในตอนนี้พวกเขายึดเมืองเหมิง ไม่นานจะต้องเผชิญหน้ากองทัพต่างเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม
แต่จะยึดครองเมืองเหมิงหรือไม่ สิทธิ์การเลือกไม่ใช่ของพวกเขา
“ยึดเมือง!” องค์ชายเก้าประกาศทันที
ตอนนี้ไม่มีทางให้ถอยแล้ว อีกทั้งผลงานการรบจากการโจมตีเมืองก็อยู่ด้านหน้า อยู่เพียงมือคว้าเท่านั้น ขอแค่ยึดครองเมืองก็จะได้มา แต่หากจะพูดเรื่องผลงานการรบ ก็ยังเป็นจ้าวเฟิงที่มีมากที่สุด
หลังจากยึดครองเมืองเหมิงแล้ว กำลังทหารขององค์ชายเก้าควบคุมเมืองแห่งนี้เอาไว้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะจัดแจงแต่ละด้านให้เรียบร้อย
ทหารทั้งหมดกระปรี้กระเปร่า ยินดีกันอย่างมาก
ครั้งนี้กองทัพองค์ชายเก้ายึดเมืองแห่งหนึ่งมาได้โดยแทบไม่ได้อะไรด้วยซ้ำ คนทั้งหมดก็ได้รับผลงานการรบจากการโจมตีเมืองจำนวนหนึ่งมา
ภายในตำหนักที่องค์ชายเก้าอยู่
“จ้าวเฟิง ผลงานการรบครั้งนี้ของเจ้ามากมายนัก!”
องค์ชายเก้าเอ่ยเสียงเรียบ
อย่างแรก สืบหาข้อมูลได้ละเอียดยิ่ง ตามกฎจะต้องรายงานต่อเบื้องบนเพื่อแจ้งผลงานการรบ ต่อมา จ้าวเฟิงยังสังหารปฐมเซียนผู้ถูกเลือกสองคน จักรพรรดิและราชันขั้นสุดยอดหลายสิบเพียงคนเดียว ได้รับผลงานการรบเป็นจำนวนมากเช่นกัน
อีกอย่าง เพราะการกระทำของจ้าวเฟิงจึงทำให้ต่างเผ่าพันธุ์ในเมืองเหมิงล่าถอยไป
เมื่อคิดคำนวณดูแล้ว นี่เท่ากับว่าจ้าวเฟิงยึดเมืองเหมิงได้ด้วยกำลังของตนคนเดียว
“ข้าทำได้เพียงรายงานเรื่องนี้ต่อตำหนักกลางของมณฑลหลาน ให้พวกเขาตัดสินผลงานการรบของเจ้า”
องค์ชายเก้าไม่กล้าถือวิสาสะตัดสินการกระทำของจ้าวเฟิง
“แต่ว่าต่างเผ่าพันธุ์ที่ถอยออกจากเมืองเหมิงอาจจะกลับมาโจมตีอีกครั้ง ดังนั้นข้าจะรายงานสถานการณ์พวกนี้ล่าช้าสักหน่อยแล้วกัน!”
องค์ชายเก้าเอ่ยอีกครั้ง
“เฒ่าอิง ให้ปรมาจารย์ค่ายกลในกองทัพรีบสร้างค่ายกลป้องกันเอาไว้โดยเร็ว!”
องค์ชายเก้าเอ่ยสำทับ
มีเพียงพวกเขาและแม่ทัพส่วนหนึ่งเท่านั้นที่รู้ ต่างเผ่าพันธุ์อาจจะโจมตีกลับมาในเวลาอันสั้น
“สหายจ้าว พอถึงตอนนั้นอาจจะได้ใช้ฝูงสัตว์อสูรของเจ้าแล้ว!”
องค์ชายเก้าเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่องค์ชายเก้ากล้ายึดครองเมืองเหมิง และทำศึกตัดสินกับทหารต่างเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งขึ้น
ฝูงสัตว์อสูรของจ้าวเฟิงมีกำลังรบทั้งหมดแข็งแกร่งอย่างยิ่ง กำลังรบในขั้นจักรพรรดิขึ้นไปมีจำนวนมาก ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนยิ่งสามารถส่งผลต่อปฐมเซียนและเซียนได้ระดับหนึ่ง
ทว่า สิ่งที่องค์ชายเก้าไม่รู้ก็คือไหมเมฆาผีเสื้อเซียนของจ้าวเฟิงจำศีลไปแล้ว
……
ในทิวเขาด้านหน้า ห่างจากเมืองเหมิงเป็นระยะทางสามแสนลี้
“เซียนอั้นโหยว เราจะมอบเมืองเหมิงให้กับพวกมนุษย์หน้าไม่อายเช่นนี้หรือ?”
สตรีปีกดำจากเผ่าพันธุ์มนุษย์เหยี่ยวมีสีหน้าเคียดแค้น
“ถ้ายอมพวกมันแบบนี้ พวกเรายังจะอยู่ที่นี่ทำไม?”
บุตรมังกรวารีที่ห้าแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์มังกรวารีด้านข้างเผยสีหน้าเย็นชา
เขาออกรบครั้งแรก คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอเหตุการณ์เช่นนี้ บุตรมังกรวารีที่ห้าหัวเสียอย่างมาก เขาจะต้องชิงเมืองเหมิงกลับมาให้ได้
“ไม่นานนักจะต้องมีกำลังเสริมมาช่วยแน่ เมืองเหมิงยังเป็นของพวกเรา ครั้งนี้สังหารเจ้ามนุษย์ที่มีสมบัติข้ามมิตินั่นก่อนแล้วกัน!”
เซียนอั้นโหยวมองไปไกลๆ ด้วยใบหน้าเรียบเฉย
ในตอนที่จ้าวเฟิงใช้สมบัติเดินทางข้ามมิติจากไป เขาก็ส่งสัญญาณไปยังเบื้องบนเพื่อขอกำลังเสริมแล้ว
ทว่ามนุษย์เคลื่อนไหวรวดเร็วเกินไป เมื่อชั่งน้ำหนักดูแล้ว เซียนอั้นโหยวจึงเลือกจากไปก่อนชั่วคราว พอถึงเวลาค่อยใช้สภาวะที่สมบูรณ์ที่สุดสังหารพวกมนุษย์
“ใครจะมาช่วยหรือ?” หญิงอัจฉริยะเผ่าพันธุ์มนุษย์งูสงสัย
เมืองเหมิงสูญเสียอัจฉริยะขั้นปฐมเซียนสองคนและจักรพรรดิจำนวนมาก แต่กำลังทหารชั้นต่ำสูญเสียไปไม่มากนัก
บวกกับเส้นทางยาวไกล คนที่มาครั้งนี้อาจจะเป็นกำลังรบชั้นสูงที่เก่งกาจก็เป็นได้
……
“ต่อจากนี้อาจจะเป็นการรบครั้งใหญ่!” จ้าวเฟิงพึมพำเสียงเบาในมนตราอากาศ
ในเมื่อเซียนอั้นโหยวล่าถอยไปเอง เช่นนั้นถ้าไม่มีกำลังเสริมที่แข็งแกร่ง พวกเขาไม่มีทางกลับมาโจมตีซ้ำอีกแน่ แย่ที่สุดก็น่าจะเพิ่มเซียนมาหนึ่ง หรือไม่ก็จักรพรรดิและปฐมเซียนหลายคน
“รีบสร้างโลกมิติส่วนตัวเมืองมายาให้เสร็จก่อนที่จะเปิดศึกแล้วกัน!”
เมื่อพูดจบ จ้าวเฟิงก็มาถึงห้วงฝันบรรพกาล
จ้าวเฟิงนั่งขัดสมาธิบนพื้น ปลดปล่อยโลกมิติส่วนตัวเมืองมายาออกมา
พรึ่บ! รัศมีร้อยจั้งปกคลุมไปด้วยหมอกสีม่วงเข้มชั้นหนึ่ง ภายในนั้นเป็นเขาวงกตที่ไร้จุดสิ้นสุด
ภายในเขาวงกตยังมีสิ่งปลูกสร้างประเภทต่างๆ เช่นตำหนัก โรงเตี๊ยม เมืองความลับสวรรค์ ตำหนักนางเงือกเป็นต้น ส่วนมากสิ่งปลูกสร้างเหล่านี้เป็นสิ่งที่จ้าวเฟิงเคยเห็นมาก่อนทั้งสิ้น
การสร้างโลกมิติส่วนตัวเมืองมายาต่างกับโลกมิติส่วนตัววายุอัสนี
ในโลกมิติส่วนตัววายุอัสนี จ้าวเฟิงเลียนแบบพายุฝนฟ้าคะนองของห้วงฝันบรรพกาล แต่โลกมิติส่วนตัวเมืองมายามิได้เป็นเช่นนั้น ทำได้แต่ดูดซึมกลิ่นอายบรรพกาล
จ้าวเฟิงโคจร ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ แบ่งห้วงความคิดออกเป็นหลายพันเส้นสาย เข้าไปภายในทุกแห่งหนของโลกมิติส่วนตัวเมืองมายา และเริ่มแก้ไขปรับปรุงสิ่งปลูกสร้าง
หลายสิบวันผ่านไป
มีสายลับคนหนึ่งรีบร้อนเข้ามาในตำหนักองค์ชายเก้า
“รายงาน มีต่างเผ่าพันธุ์มาโจมตี!”
สีหน้าตาเฒ่าอิง องค์ชายเก้า และแม่ทัพส่วนหนึ่งเปลี่ยนไปทันที
“คิดไม่ถึงเลยว่าจะมารวดเร็วเช่นนี้!” สีหน้าตาเฒ่าอิงหนักอึ้ง
“ทั้งเมือง เคลื่อนพล!”
องค์ชายเก้าประกาศก้อง แล้วจึงเอ่ยกับสายลับผู้นี้ “เจ้าไปเรียกแม่ทัพจ้าวเฟิงมา!”
……
แสนลี้นอกเมืองเหมิง
ทหารต่างเผ่าพันธุ์ดุจสัตว์อสูรจำนวนมหาศาลที่ถูกยั่วยุให้เกรี้ยวกราด ไอความชั่วร้ายพุ่งทะลวงฟ้า หมุนตลบเข้ามา
เบื้องหน้ากองทัพ สามร่างที่เดินนำมา หนึ่งในนั้นก็คือบุตรมังกรวารีที่ห้า อีกคนคือเซียนอั้นโหยว
ส่วนตรงกลางเป็นต่างเผ่าพันธุ์รูปร่างมนุษย์ตัวใหญ่ สาดซัดกลิ่นอายน่ากลัวเหนือทุกสรรพสิ่งออกมา ในทุกที่ที่มันผ่านไป ลมฝนปั่นป่วน สายฟ้าหิมะน้ำแข็ง สัญญาณต่างๆ นับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในฟ้าดิน ทำให้คนอกสั่นขวัญแขวน
“เซียนหมื่นปรากฏการณ์ ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะมาด้วยตนเอง!”
เซียนอั้นโหยวมีสีหน้าเคารพนับถือ
“เหอะ พวกเจ้าชักจะไร้ความสามารถเกินไปแล้ว!”
เซียนหมื่นปรากฏการณ์มีสีหน้าเย็นชา เอ่ยออกมาตรงๆ
เซียนอั้นโหยวและบุตรมังกรวารีที่ห้าเผยสีหน้าทะมึน ไม่ได้โต้แย้งแต่อย่างใด
“ประมาทไปเพียงเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าอัจฉริยะมนุษย์ผู้นั้นจะมีสมบัติข้ามมิติ ผู้ถูกเลือกเผ่าพันธุ์มนุษย์นั่นเหมือนจะมีสายเลือดดวงตาที่สูงส่งด้วย”
เซียนอั้นโหยวเอ่ยยิ้มๆ
“สายเลือดดวงตาทั้งหมดเกิดจากแปดเนตรเทพเจ้า สายเลือดดวงตาของเขาจะมีความหมายอะไรเมื่ออยู่เบื้องหน้าข้า?”
ดวงตาสองข้างของเซียนหมื่นปรากฏการณ์เรียบเฉย พลันเกิดประกายแสงประหลาดขึ้น ก่อนหมุนเป็นเกลียวและทะลักออกจากดวงตา
พลังศักดิ์สิทธิ์ในขอบเขตเทวาเร้นลับที่มีสีสดชั้นหนึ่งหมุนวนรอบกาย ระลอกกลิ่นอายและพลังแห่งกฎเกณฑ์ ที่น่ากลัวของมัน ทำให้เซียนอั้นโหยวที่อยู่ด้านข้างอกสั่นขวัญหาย
‘นี่ก็คือพลังหมื่นปรากฏการณ์ของเนตรหมื่นปรากฏการณ์?’