Skip to content

King of Gods 1047

King Of Gods

บทที่ 1047 โจมตีเสืออัคคีปีกทอง

“หนานกงเซิ่ง ช่วงนี้ขั้วอำนาจของข้ากำลังดำเนินแผนการหนึ่ง ไม่รู้ว่าเจ้าจะสนใจหรือไม่?”

ในตำหนักลับ จ้าวเฟิงยิ้มเอ่ยกับหนานกงเซิ่ง

“แผนการอะไร?”

หนานกงเซิ่งเชื่อว่าจ้าวเฟิงเอ่ยประโยคนี้ออกมา เช่นนั้นใจความข้างในจะต้องทำให้ตนสนใจได้เป็นแน่

“ข้าก่อตั้งหน่วยลอบสังหารขึ้นมาหน่วยหนึ่ง ประกาศภารกิจลอบสังหารไปมากมาย ทั้งหมดล้วนมุ่งโจมตีไปยังฐานที่มั่นซึ่งกระจายไปทั่วแผ่นดินใหญ่ของวังเก้านิรย…”

จ้าวเฟิงอธิบายเนื้อหาปฏิบัติการลอบสังหารวังเก้านิรยให้หนานกงเซิ่งฟังรอบหนึ่ง

“เจ้าก่อตั้งขั้วอำนาจนี่ขึ้นมาก็เพื่อทำลายวังเก้านิรย?”

แววตาของหนานกงเซิ่งส่องประกายชั่วช้า

หนานกงเซิ่งเข้าใจดี ลำพังแค่คนเดียวคิดจะต่อกรกับสิ่งยิ่งใหญ่เช่นวังเก้านิรยนั้นยากเกินไป แต่คิดจะบ่มเพาะขั้วอำนาจที่สามารถงัดข้อกับวังเก้านิรยได้นั้นยากยิ่งกว่า คิดถึงตรงนี้ หนานกงเซิ่งถึงค้นพบความสุดยอดของจ้าวเฟิง

ขั้วอำนาจตำหนักราชันในวันนี้ ไม่รู้ว่าล้ำหน้า ‘สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจิน’ แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่ไปกี่เท่า

นอกจากนั้น จ้าวเฟิงก่อตั้งขั้วอำนาจนี้ขึ้นมาก็เพื่อทำลายวังเก้านิรย

หลังจากที่ทำลายวังเก้านิรยได้แล้ว จ้าวเฟิงจะกลับมาเป็นจ้าวเฟิงคนเดิมที่ใจมุ่งแต่ศาสตร์การต่อสู้ได้หรือไม่ หนานกงเซิ่งตั้งหน้าตั้งตารอจ้าวเฟิงที่เป็นเช่นนี้เป็นอย่างมาก

แต่หนานกงเซิ่งไม่รู้ จ้าวเฟิงในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสสูงสุดของขั้วอำนาจแห่งหนึ่ง เรื่องที่ต้องวุ่นวายก็มีมากนัก เวลาส่วนใหญ่ยังคงใช้ไปกับการฝึกฝน

“ทำลายวังเก้านิรยลงแล้ว ก็จะเป็นเวลาที่ข้าและเจ้าต่อสู้กัน!”

เสียงเย็นชาเด็ดเดี่ยวของหนานกงเซิ่งดังขึ้น

ประโยคนี้ก็แสดงให้เห็นว่า หนานกงเซิ่งยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้าร่วมแผนการที่ตำหนักราชันดำเนินการอยู่ในช่วงนี้

“ก็ได้!” จ้าวเฟิงรับปากชั่วคราว

ตามรายงานข่าวที่หอควันสมุทรสืบมา วังเก้านิรยเป็นสำนักขนาดใหญ่ขั้นสุดยอดที่มีครึ่งเทพรักษาการณ์ดูแล

ครึ่งเทพ นั่นเป็นถึงผู้แข็งแกร่งที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของแผ่นดินใหญ่ เป็นตำนานที่ไร้เทียมทานจ้าวเฟิงก็ไร้ซึ่งหนทางเช่นกัน เพิ่งจะเดินมาถึงขั้นนี้ จะทำลายวังเก้านิรยได้หรือไม่เขาเองก็ยังไม่รู้ ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ยิ่งยากจะยืนยัน หากมีหนานกงเซิ่งช่วยเหลือละก็ ความมั่นใจของจ้าวเฟิงจะเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน

“นักฆ่า เหมือนว่าจะไม่เลว!”

หนานกงเซิ่งเลียริมฝีปาก แววตาฉายความเหี้ยมโหดกระหายเลือด

“จ้าวเฟิง คุนอวิ๋นอาจจะมายังดินแดนทวีป!”

หนานกงเซิ่งพลันพูดขึ้น

ตามที่เขารู้มา ครึ่งเซียนคุนอวิ๋นน่าจะเป็นผู้ที่จ้าวเฟิงฟื้นคืนชีพให้

แต่จากที่เขาได้พูดคุยกับคุนอวิ๋นสั้นๆ รู้สึกว่าคุนอวิ๋นจะเคียดแค้นจ้าวเฟิงเป็นอย่างมาก

“เขาในยามนี้มีพลังฝึกตนขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูง!”

หนานกงเซิ่งเอ่ยเตือนอีกครั้ง

“คุนอวิ๋น!” จ้าวเฟิงจิตใจสั่นสะท้าน คุนอวิ๋นฟื้นคืนชีพด้วยการ ‘ชุบชีวิตด้วยเลือด’ ความเร็วในการพัฒนาเกินกว่าปกติทั่วไป

คุนอวิ๋นที่เป็นเทวาเร้นลับชั้นสูง อย่างน้อยก็สามารถงัดข้อกับราชาแห่งเซียนได้ ในเมื่อเขาเคยเป็นครึ่งเทพเซียน ไพ่ตายและอุบายที่ใช้ได้มากมายเหลือคณนานับ

ทุกวันนี้ วิกฤตการณ์วังเก้านิรยก็เพียงพอจะทำให้จ้าวเฟิงปวดหัวมากพอแล้ว หากคุนอวิ๋นยังบุกมาอีก ตำหนักราชันก็อาจจะสลายสิ้น

“ไม่ได้ ข้าจะต้องออกอุบาย!”

จ้าวเฟิงพึมพำเสียงต่ำ

ทันใดนั้น แสงศักดิ์สิทธิ์จากจ้าวเฟิงปรากฏขึ้น รีบส่งกระแสจิตให้กับปี้ชิงเยวี่ยผ่านตราผนึกดวงใจทมิฬ

“ส่งข่าวให้กับขั้วอำนาจ ‘หอควันสมุทร’ ในแถบชายฝั่งทะเล ให้พวกเขากระจายข่าว บอกว่าข้ามุ่งหน้าไปยังสนามรบ! “

หลังจากที่ส่งกระแสจิตแล้ว จ้าวเฟิงก็อดยิ้มไม่ได้

ยามนี้แถบชายฝั่งทะเลเกือบจะเป็นอิทธิพลของหอควันสมุทรทั้งหมด

ในเมื่อคุนอวิ๋นจะมาดินแดนทวีป ก็ต้องผ่านแถบชายฝั่งทะเล หลังจากที่เขาได้รับข่าวนี้แล้วจะต้องมุ่งหน้าไปยังสนามรบแนวหน้าแน่นอน

“ทำได้เพียงล่อให้เขามุ่งหน้าไปยังสนามรบเท่านั้น!”

จ้าวเฟิงถอนใจเล็กน้อย

ข่าวของคุนอวิ๋นเพิ่มความกดดันให้กับจ้าวเฟิงอีกเล็กน้อย

จ้าวเฟิงในยามนี้อ่อนแอเกินไป มีเพียงแค่ทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับเท่านั้นถึงจะมีความสามารถพื้นฐานให้เจรจากับคุนอวิ๋นได้ ถึงอย่างไรจ้าวเฟิงและคุนอวิ๋นก็ยังไม่ถึงขั้นไม่ตายไม่เลิกรา จากนั้นจ้าวเฟิงก็เรียกจักรพรรดิคูอิ่งมา ให้อีกฝ่ายพาหนานกงเซิ่งเข้าไปยังแวดวงนักฆ่า

ปัจจุบันนี้ หอสังหารเดียวดายของตำหนักราชันมีนักฆ่าภายในที่แข็งแกร่งเช่นเซียนเกราะดำ เซียนราตรีทมิฬ จักรพรรดิคูอิ่ง หนานกงเซิ่ง และหลังจากประกาศภารกิจลอบสังหารที่มี ‘โอสถเลือดบริสุทธิ์’ เป็นรางวัล จ้าวเฟิงเชื่อว่าจะมีนักฆ่าชั้นยอดย้ายฐานที่มั่นมาอยู่กับหอสังหารเดียวดายมากยิ่งขึ้น

นักฆ่าที่เดินทางไปทั่วทุกมุมของยุทธภพเหล่านี้ ก็จะนำข่าวหลากหลายมายังตำหนักราชันเช่นเดียวกัน ระหว่างทั้งสองฝ่ายต่างได้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน

หลังหนานกงเซิ่งจากไปแล้ว จ้าวเฟิงก็เริ่มเตรียมตัวเพื่อสู้ในห้วงฝันบรรพกาล

สามวันหลังจากนั้น จ้าวเฟิงเข้าไปในห้วงฝันบรรพกาล เตรียมตัวบุกโจมตีเผ่าพันธุ์เสืออัคคีปีกทอง

หึ่ง หึ่ง! ข้างกายจ้าวเฟิง ผึ้งเบญจพิษเกือบหกสิบตัวบินอยู่ทั่วทุกที่ในผืนป่า

ยามนี้สีสันบนร่างผึ้งเบญจพิษเหล่านี้ยิ่งสว่างแพรวพราว แผ่กระจายกลิ่นอายที่ชวนให้ผู้คนหวาดผวา ในนั้นมีผึ้งเบญจพิษขั้นราชาห้าหกตัวทะลวงขั้นถึงผึ้งจักรพรรดิได้สำเร็จ

“เยี่ยม ในตอนนี้มีผึ้งจักรพรรดิทั้งหมดสามสิบสี่ตัว!”

ในใจจ้าวเฟิงยินดีปรีดา คิดไม่ถึงว่าพัฒนาการของผึ้งเบญจพิษในห้วงฝันบรรพกาลจะเร็วจนน่าอัศจรรย์ถึงเพียงนี้

หึ่ง หึ่ง!

จากการควบคุมของจ้าวเฟิง ผึ้งเบญจพิษพวกนี้ตามเขาเข้ามายังใจกลางผืนป่าอย่างช้าๆ

บนตาซ้ายของจ้าวเฟิง ลายคลื่นสีทองอ่อนชั้นหนึ่งเข้าปกคลุม ราวกับทะลุผ่านทุกสิ่ง มองเห็นทุกอย่าง

ในป่าลึกยามนี้ เสืออัคคีปีกทองพวกนั้นกำลังล้อมอยู่รอบสระ บางตัวกำลังก้มหัวกินน้ำ บางตัวก็บินทะยานไปกลางอากาศ และยังมีบางตัวที่นอนพักอยู่บนชะง่อนผาด้านหลัง

สายตาของจ้าวเฟิงพุ่งเป้าไปที่เสืออัคคีปีกทองที่ตัวค่อนข้างใหญ่สองตัวก่อน

จากการสังเกตของจ้าวเฟิง เสืออัคคีปีกทองสองตัวนี้น่าจะเป็นจ่าฝูงของเผ่าพันธุ์เสืออัคคีปีกทอง

“บุก!” จ้าวเฟิงควบคุมผึ้งเบญจพิษ พุ่งผ่านใจกลางป่าอย่างรวดเร็ว

โฮก! เสืออัคคีปีกทองสองตัวที่ขนาดค่อนข้างใหญ่จับความผิดปกติได้ก่อน ส่งเสียงคำรามก้อง เสืออัคปีกทองรอบด้านรีบมารวมตัวกัน

ฟิ้ว ฟิ้ว! จ้าวเฟิงอยู่ใจกลางผึ้งเบญจพิษหลายตัว สำแดงปีกแสงอัสนีสีชาดพุ่งทะลวงไปอย่างรวดเร็ว เป้าหมายก็คือเสืออัคคีปีกทองสองตัวนั่น

โฮกกก! ตอนเสืออัคคีปีกทองเกือบสิบห้าตัวเห็นจ้าวเฟิง ก็ส่งเสียงคำรามโกรธแค้นออกมาทันใด กลิ่นอายสัตว์ดุร้ายอันน่ากลัวแผ่ซ่าน

เห็นได้ชัดว่า การล่าสังหารเสืออัคคีปีกทองของจ้าวเฟิงทำให้พวกมันแค้นเคืองสุดฤทธิ์

“มนุษย์ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นเผ่าพันธุ์อะไร ในเมื่อเจ้าล่าสังหารเผ่าพันธุ์ของข้า วันนี้เจ้าต้องตาย!”

เสืออัคคีปีกทองที่เป็นจ่าฝูงส่งคลื่นพลังจิตวิญญาณมา ยามคลื่นกลุ่มนี้กระทบวิญญาณของจ้าวเฟิง เขาก็สามารถเข้าใจในคำพูดของเสืออัคคีปีกทองตัวนี้ได้

ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ!

เงาของเสืออัคคีปีกทองนับสิบตัวบินออกมาล้อมจ้าวเฟิงเอาไว้ ก่อนโจมตีทันที กลิ่นอายบรรพกาลชั่วร้ายน่าสะพรึงกดดันบนจ้าวเฟิงทันใด โดยเฉพาะเสืออัคคีปีกทองขนาดใหญ่สองตัวนั่นที่ทำให้จ้าวเฟิงรู้สึกถึงอันตราย

ดีที่รอบกายของจ้าวเฟิงมีผึ้งเบญจพิษเกือบหกสิบตัวคอยแบ่งเบาความกดดันให้

“โลกมิติส่วนตัวเมืองมายา!”

ด้านหลังกายสายฟ้าศักดิ์ที่มีประกายแสงอัสนีสีแดงทองของจ้าวเฟิง หมอกสีม่วงหม่นกลุ่มหนึ่งทะลักออกอย่างบ้าคลั่ง ตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ ก่อเป็นเขตแดนวงกตมายา

โลกมิติส่วนตัวเมืองมายาของจ้าวเฟิงสร้างสำเร็จนานแล้ว ในวันนี้คือการใช้ต่อสู้จริงครั้งแรก

ทันใดนั้น เสืออัคคีปีกทองที่ทะยานมายังจ้าวเฟิงพวกนั้น ความเร็วลดลง ประสาทสัมผัสวิญญาณและสัมผัสทั้งห้าของพวกมันถูกจำกัดในโลกมิติส่วนตัวเมืองมายา ส่วนผึ้งเบญจพิษที่ถูกจ้าวเฟิงลงตราผนึกดวงใจทมิฬ

การกระทำของมันถูกจ้าวเฟิงควบคุมทั้งหมด จึงเท่ากับว่าไม่โดนผลกระทบจากโลกมิติส่วนตัวเมืองมายา

หึ่ง หึ่ง!

จ้าวเฟิงควบคุมผึ้งจักรพรรดิสิบตัวให้เข้าไปใกล้เสืออัคคีปีกทองตัวใหญ่ทั้งสองอย่างรวดเร็ว ส่วนผึ้งราชันและผึ้งจักรพรรดิที่เหลือก็เข้าตรึงเสืออัคคีปีกทองตัวอื่นไว้ชั่วขณะ

ประโยชน์ในการแบ่งแยกสนามรบของโลกมิติส่วนตัวเมืองมายาเด่นชัดเป็นอย่างมาก

“มนุษย์ เจ้ารนหาที่ตาย!”

จ่าฝูงเสืออัคคีปีกทองร้องคำรามทันใด กระโจนมายังจ้าวเฟิง

เสืออัคคีปีกทองสองตัวนี้สามารถใช้กลวิธีด้านจิตวิญญาณสื่อสารกับจ้าวเฟิง เห็นได้ว่าพลังวิญญาณของพวกมันแข็งแกร่งมาก

โลกมิติส่วนตัวเมืองมายาของจ้าวเฟิงส่งผลกระทบต่อพวกมันได้น้อยนัก

ขอบเขตแก่นแท้อัสนี!

เผชิญหน้ากับเสืออัคคีปีกทองชั้นยอดสองตัว จ้าวเฟิงไม่กล้าประมาท รีบปลดปล่อยขอบเขตแก่นแท้อัสนีทันที

ครืน ฟู่ ฟู่!

พื้นที่รอบกายจ้าวเฟิงหลายสิบจั้งพลันปรากฏแรงกดดันสายฟ้าอันแข็งแกร่งขึ้นชั้นหนึ่ง พร้อมด้วยพลังอัสนีนับไม่ถ้วน

ใน ‘ขอบเขตแก่นแท้อัสนี’ พลังของจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้น แต่เสืออัคคีปีกทองจะได้รับแรงกดดันจากแก่นแท้พลังและการขัดขวางจากอัสนี

“บุก!”

จ้าวเฟิงบัญชาผึ้งจักรพรรดิสิบตัวให้แยกกันไปโจมตีเสืออัคคีปีกทองทั้งสอง ส่วนจ้าวเฟิงเองก็บุกจู่โจมจ่าฝูงเสืออัคคีปีกทองหนึ่งในนั้น

ฟู่ ฉึก ฉึก!

กรงเล็บที่ส่องประกายแสงคมกริบสีทองแดงของจ่าฝูงเสืออัคคีปีกทอง ฟาดลงมาอย่างรวดเร็วราวกับสายอัสนี

จ้าวเฟิงอาศัยพลังดวงตาซ้าย ประเมินเอาไว้ล่วงหน้า อีกทั้งส่งฝ่ามือหนึ่งไปอย่างรวดเร็ว โจมตีไปยังส่วนขาของเสืออัคคีปีกทอง

ฉัวะ ฉึก! เหล็กไนของผึ้งเบญจพิษสองตัวในนั้นโจมตีไปยังร่างของเสืออัคคีปีกทอง

“จริงด้วย ไม่ค่อยมีประโยชน์!”

จ้าวเฟิงมองทะลุสภาพบาดแผลเสืออัคคีปีกทองผ่านตาซ้าย พิษของผึ้งจักรพรรดิยากที่จะสร้างความบาดเจ็บใหญ่หลวงให้กับเสืออัคคีปีกเพลิง

ผึ้งเบญจพิษเป็นเพียงแค่แมลงประหลาดบรรพกาล เมื่อเผชิญหน้าหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณที่แท้จริงจะเสียเปรียบอย่างมาก

หึ่ง หึ่ง!

จ้าวเฟิงรีบควบคุมผึ้งเบญจพิษให้โจมตี ต่อให้พิษยากจะสร้างอาการบาดเจ็บใหญ่ได้ แต่อาการบาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ รวมกันก็กลายเป็นบาดแผลที่ถึงแก่ชีวิตได้

“หนามจิตวิญญาณ!”

ในตาซ้ายของจ้าวเฟิงพลันยิงหนามอัสนีม่วงทองเล็กบางแท่งหนึ่งออกมา พุ่งเข้าไปในวิญญาณของเสืออัคคีปีกทอง

โฮก!

เสืออัคคีปีกทองตัวนี้ร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด กายหยุดชะงักกลางอากาศ

ฟิ้ว! จ้าวเฟิงและผึ้งเบญจพิษอาศัยจังหวะได้เปรียบเข้าจู่โจม บุกเข้าไปพร้อมกัน

“ฝ่ามือสายฟ้าทลายนภา!”

จ้าวเฟิงโคจรพลัง ทั้งยังนำ ‘ขอบเขตแก่นแท้อัสนี’ บีบอัดหลอมรวมไว้ในฝ่ามือ จากนั้นซัดฝ่ามือสายฟ้าทลายนภาที่แข็งแกร่งที่สุดในตอนนี้ไป

ครืน แซ่ด แซ่ด!

เห็นเพียงฝ่ามือแดงทองขนาดใหญ่สายหนึ่งพร้อมด้วยอัสนีบาตนับไม่ถ้วน โจมตีไปยังจ่าฝูงเสืออัคคีปีกทองตัวนี้

โฮก~

จ่าฝูงเสืออัคคีปีกทองรู้สึกไม่ชอบมาพากล กระตุ้นสายเลือดขึ้นโดยพลัน ทั้งร่างแผ่กระจายแสงสีแดงทอง พลังกายเพิ่มขึ้นนับเท่าตัว

โฮก! จ่าฝูงเสืออัคคีปีกทองโคจรพลัง ปะทะเข้ากับฝ่ามือสายฟ้าทลายนภาของจ้าวเฟิง ระเบิดพลังโจมตีอันน่ากลัวออกมา ทำให้ฝ่ามือสายฟ้าทลายนภาของจ้าวเฟิงไม่อาจผลักไปข้างหน้าได้แม้เพียงครึ่งก้าว

“วิญญาณทมิฬโจมตี!”

จ้าวเฟิงเห็นจ่าฝูงเสืออัคคีปีกทองดุร้ายเช่นนี้ จึงปล่อยวิชาลับโจมตีวิญญาณอย่างง่ายๆ ออกมา

ฟู่ ครืน!

เสืออัคคีปีกทองที่ถูกการโจมตีพลังวิญญาณจากจ้าวเฟิงกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันที ถูกเงาฝ่ามือของจ้าวเฟิงโจมตี ซัดกระเด็นเข้าไปในผนังผาด้านหลัง

หึ่ง หึ่ง!

ผึ้งเบญจพิษรีบตามมาทันใด ฉวยโอกาสใช้เข็มพิษต่อยไปยังจุดตายบนร่างของเสืออัคคีปีกทอง

“ตราผนึกดวงใจทมิฬ!”

จ้าวเฟิงพลันหลอมรวมตราผนึกแสงสีม่วงทองขึ้น ก่อนประทับตราไปยังวิญญาณของเสืออัคคีปีกทองตัวนี้

โฮก!

เสืออัคคีปีกทองที่บาดเจ็บหนักตัวนี้ร้องคำรามขึ้นทันที ปะทุจิตต่อสู้ที่ชั่วร้ายและน่าหวาดกลัวออกมา ‘ตราผนึกดวงใจมิฬ’ ของจ้าวเฟิงล้มเหลว

“ต้องทำให้จบโดยเร็ว!” สีหน้าจ้าวเฟิงเด็ดเดี่ยว

เผ่าพันธุ์เสืออัคคีปีกทองฝูงนี้ มีเสืออัคคีปีกทองที่แข็งแกร่งผิดปกติทั้งหมดสองตัว

ในยามนี้ เสืออัคคีปีกทองที่แข็งแกร่งอีกตัวหนึ่งใกล้จะสังหารผึ้งจักรพรรดิห้าตัวนั้นลงหมดแล้ว

“เนตรเพ่งเทพเจ้า!”

ตาซ้ายของจ้าวเฟิงพลันมีคลื่นพลังดวงตาอันน่าหวาดหวั่นล้นทะลัก กลายเป็นคลื่นวนสีม่วงที่ลึกจนไม่เห็นก้นบึ้ง เชื่อมต่อไปถึงหุบเหวมายาสีม่วงที่มีเมฆหมอกลอยวนแผ่ออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ทันใดนั้น พลังต้องห้ามที่กักขังและดึงดูดวิญญาณกลุ่มหนึ่งปกคลุมลงบนร่างของเสืออัคคีปีกทองตัวนี้

พลังต้องห้ามกลุ่มนั้นราวกับพลังของเจ้าชีวิต ไร้หนทางขัดขืน

“มนุษย์ นี่คืออะไร?”

จ่าฝูงเสืออัคคีปีกทองรู้สึกว่าวิญญาณของตนเองเหมือนล่องลอยอยู่นอกกายโดยไม่อาจบังคับได้ ดวงตาทั้งสองปรากฏความหวาดหวั่นขึ้นเป็นครั้งแรก

เหมือนไม่ว่ามันจะขัดขืนอย่างไร ก็ไม่มีทางยับยั้งโชคชะตาที่วิญญาณถูกกักขังเอาไว้ได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!