บทที่ 1047 โจมตีเสืออัคคีปีกทอง
“หนานกงเซิ่ง ช่วงนี้ขั้วอำนาจของข้ากำลังดำเนินแผนการหนึ่ง ไม่รู้ว่าเจ้าจะสนใจหรือไม่?”
ในตำหนักลับ จ้าวเฟิงยิ้มเอ่ยกับหนานกงเซิ่ง
“แผนการอะไร?”
หนานกงเซิ่งเชื่อว่าจ้าวเฟิงเอ่ยประโยคนี้ออกมา เช่นนั้นใจความข้างในจะต้องทำให้ตนสนใจได้เป็นแน่
“ข้าก่อตั้งหน่วยลอบสังหารขึ้นมาหน่วยหนึ่ง ประกาศภารกิจลอบสังหารไปมากมาย ทั้งหมดล้วนมุ่งโจมตีไปยังฐานที่มั่นซึ่งกระจายไปทั่วแผ่นดินใหญ่ของวังเก้านิรย…”
จ้าวเฟิงอธิบายเนื้อหาปฏิบัติการลอบสังหารวังเก้านิรยให้หนานกงเซิ่งฟังรอบหนึ่ง
“เจ้าก่อตั้งขั้วอำนาจนี่ขึ้นมาก็เพื่อทำลายวังเก้านิรย?”
แววตาของหนานกงเซิ่งส่องประกายชั่วช้า
หนานกงเซิ่งเข้าใจดี ลำพังแค่คนเดียวคิดจะต่อกรกับสิ่งยิ่งใหญ่เช่นวังเก้านิรยนั้นยากเกินไป แต่คิดจะบ่มเพาะขั้วอำนาจที่สามารถงัดข้อกับวังเก้านิรยได้นั้นยากยิ่งกว่า คิดถึงตรงนี้ หนานกงเซิ่งถึงค้นพบความสุดยอดของจ้าวเฟิง
ขั้วอำนาจตำหนักราชันในวันนี้ ไม่รู้ว่าล้ำหน้า ‘สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจิน’ แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่ไปกี่เท่า
นอกจากนั้น จ้าวเฟิงก่อตั้งขั้วอำนาจนี้ขึ้นมาก็เพื่อทำลายวังเก้านิรย
หลังจากที่ทำลายวังเก้านิรยได้แล้ว จ้าวเฟิงจะกลับมาเป็นจ้าวเฟิงคนเดิมที่ใจมุ่งแต่ศาสตร์การต่อสู้ได้หรือไม่ หนานกงเซิ่งตั้งหน้าตั้งตารอจ้าวเฟิงที่เป็นเช่นนี้เป็นอย่างมาก
แต่หนานกงเซิ่งไม่รู้ จ้าวเฟิงในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสสูงสุดของขั้วอำนาจแห่งหนึ่ง เรื่องที่ต้องวุ่นวายก็มีมากนัก เวลาส่วนใหญ่ยังคงใช้ไปกับการฝึกฝน
“ทำลายวังเก้านิรยลงแล้ว ก็จะเป็นเวลาที่ข้าและเจ้าต่อสู้กัน!”
เสียงเย็นชาเด็ดเดี่ยวของหนานกงเซิ่งดังขึ้น
ประโยคนี้ก็แสดงให้เห็นว่า หนานกงเซิ่งยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้าร่วมแผนการที่ตำหนักราชันดำเนินการอยู่ในช่วงนี้
“ก็ได้!” จ้าวเฟิงรับปากชั่วคราว
ตามรายงานข่าวที่หอควันสมุทรสืบมา วังเก้านิรยเป็นสำนักขนาดใหญ่ขั้นสุดยอดที่มีครึ่งเทพรักษาการณ์ดูแล
ครึ่งเทพ นั่นเป็นถึงผู้แข็งแกร่งที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของแผ่นดินใหญ่ เป็นตำนานที่ไร้เทียมทานจ้าวเฟิงก็ไร้ซึ่งหนทางเช่นกัน เพิ่งจะเดินมาถึงขั้นนี้ จะทำลายวังเก้านิรยได้หรือไม่เขาเองก็ยังไม่รู้ ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ยิ่งยากจะยืนยัน หากมีหนานกงเซิ่งช่วยเหลือละก็ ความมั่นใจของจ้าวเฟิงจะเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน
“นักฆ่า เหมือนว่าจะไม่เลว!”
หนานกงเซิ่งเลียริมฝีปาก แววตาฉายความเหี้ยมโหดกระหายเลือด
“จ้าวเฟิง คุนอวิ๋นอาจจะมายังดินแดนทวีป!”
หนานกงเซิ่งพลันพูดขึ้น
ตามที่เขารู้มา ครึ่งเซียนคุนอวิ๋นน่าจะเป็นผู้ที่จ้าวเฟิงฟื้นคืนชีพให้
แต่จากที่เขาได้พูดคุยกับคุนอวิ๋นสั้นๆ รู้สึกว่าคุนอวิ๋นจะเคียดแค้นจ้าวเฟิงเป็นอย่างมาก
“เขาในยามนี้มีพลังฝึกตนขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูง!”
หนานกงเซิ่งเอ่ยเตือนอีกครั้ง
“คุนอวิ๋น!” จ้าวเฟิงจิตใจสั่นสะท้าน คุนอวิ๋นฟื้นคืนชีพด้วยการ ‘ชุบชีวิตด้วยเลือด’ ความเร็วในการพัฒนาเกินกว่าปกติทั่วไป
คุนอวิ๋นที่เป็นเทวาเร้นลับชั้นสูง อย่างน้อยก็สามารถงัดข้อกับราชาแห่งเซียนได้ ในเมื่อเขาเคยเป็นครึ่งเทพเซียน ไพ่ตายและอุบายที่ใช้ได้มากมายเหลือคณนานับ
ทุกวันนี้ วิกฤตการณ์วังเก้านิรยก็เพียงพอจะทำให้จ้าวเฟิงปวดหัวมากพอแล้ว หากคุนอวิ๋นยังบุกมาอีก ตำหนักราชันก็อาจจะสลายสิ้น
“ไม่ได้ ข้าจะต้องออกอุบาย!”
จ้าวเฟิงพึมพำเสียงต่ำ
ทันใดนั้น แสงศักดิ์สิทธิ์จากจ้าวเฟิงปรากฏขึ้น รีบส่งกระแสจิตให้กับปี้ชิงเยวี่ยผ่านตราผนึกดวงใจทมิฬ
“ส่งข่าวให้กับขั้วอำนาจ ‘หอควันสมุทร’ ในแถบชายฝั่งทะเล ให้พวกเขากระจายข่าว บอกว่าข้ามุ่งหน้าไปยังสนามรบ! “
หลังจากที่ส่งกระแสจิตแล้ว จ้าวเฟิงก็อดยิ้มไม่ได้
ยามนี้แถบชายฝั่งทะเลเกือบจะเป็นอิทธิพลของหอควันสมุทรทั้งหมด
ในเมื่อคุนอวิ๋นจะมาดินแดนทวีป ก็ต้องผ่านแถบชายฝั่งทะเล หลังจากที่เขาได้รับข่าวนี้แล้วจะต้องมุ่งหน้าไปยังสนามรบแนวหน้าแน่นอน
“ทำได้เพียงล่อให้เขามุ่งหน้าไปยังสนามรบเท่านั้น!”
จ้าวเฟิงถอนใจเล็กน้อย
ข่าวของคุนอวิ๋นเพิ่มความกดดันให้กับจ้าวเฟิงอีกเล็กน้อย
จ้าวเฟิงในยามนี้อ่อนแอเกินไป มีเพียงแค่ทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับเท่านั้นถึงจะมีความสามารถพื้นฐานให้เจรจากับคุนอวิ๋นได้ ถึงอย่างไรจ้าวเฟิงและคุนอวิ๋นก็ยังไม่ถึงขั้นไม่ตายไม่เลิกรา จากนั้นจ้าวเฟิงก็เรียกจักรพรรดิคูอิ่งมา ให้อีกฝ่ายพาหนานกงเซิ่งเข้าไปยังแวดวงนักฆ่า
ปัจจุบันนี้ หอสังหารเดียวดายของตำหนักราชันมีนักฆ่าภายในที่แข็งแกร่งเช่นเซียนเกราะดำ เซียนราตรีทมิฬ จักรพรรดิคูอิ่ง หนานกงเซิ่ง และหลังจากประกาศภารกิจลอบสังหารที่มี ‘โอสถเลือดบริสุทธิ์’ เป็นรางวัล จ้าวเฟิงเชื่อว่าจะมีนักฆ่าชั้นยอดย้ายฐานที่มั่นมาอยู่กับหอสังหารเดียวดายมากยิ่งขึ้น
นักฆ่าที่เดินทางไปทั่วทุกมุมของยุทธภพเหล่านี้ ก็จะนำข่าวหลากหลายมายังตำหนักราชันเช่นเดียวกัน ระหว่างทั้งสองฝ่ายต่างได้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน
หลังหนานกงเซิ่งจากไปแล้ว จ้าวเฟิงก็เริ่มเตรียมตัวเพื่อสู้ในห้วงฝันบรรพกาล
สามวันหลังจากนั้น จ้าวเฟิงเข้าไปในห้วงฝันบรรพกาล เตรียมตัวบุกโจมตีเผ่าพันธุ์เสืออัคคีปีกทอง
หึ่ง หึ่ง! ข้างกายจ้าวเฟิง ผึ้งเบญจพิษเกือบหกสิบตัวบินอยู่ทั่วทุกที่ในผืนป่า
ยามนี้สีสันบนร่างผึ้งเบญจพิษเหล่านี้ยิ่งสว่างแพรวพราว แผ่กระจายกลิ่นอายที่ชวนให้ผู้คนหวาดผวา ในนั้นมีผึ้งเบญจพิษขั้นราชาห้าหกตัวทะลวงขั้นถึงผึ้งจักรพรรดิได้สำเร็จ
“เยี่ยม ในตอนนี้มีผึ้งจักรพรรดิทั้งหมดสามสิบสี่ตัว!”
ในใจจ้าวเฟิงยินดีปรีดา คิดไม่ถึงว่าพัฒนาการของผึ้งเบญจพิษในห้วงฝันบรรพกาลจะเร็วจนน่าอัศจรรย์ถึงเพียงนี้
หึ่ง หึ่ง!
จากการควบคุมของจ้าวเฟิง ผึ้งเบญจพิษพวกนี้ตามเขาเข้ามายังใจกลางผืนป่าอย่างช้าๆ
บนตาซ้ายของจ้าวเฟิง ลายคลื่นสีทองอ่อนชั้นหนึ่งเข้าปกคลุม ราวกับทะลุผ่านทุกสิ่ง มองเห็นทุกอย่าง
ในป่าลึกยามนี้ เสืออัคคีปีกทองพวกนั้นกำลังล้อมอยู่รอบสระ บางตัวกำลังก้มหัวกินน้ำ บางตัวก็บินทะยานไปกลางอากาศ และยังมีบางตัวที่นอนพักอยู่บนชะง่อนผาด้านหลัง
สายตาของจ้าวเฟิงพุ่งเป้าไปที่เสืออัคคีปีกทองที่ตัวค่อนข้างใหญ่สองตัวก่อน
จากการสังเกตของจ้าวเฟิง เสืออัคคีปีกทองสองตัวนี้น่าจะเป็นจ่าฝูงของเผ่าพันธุ์เสืออัคคีปีกทอง
“บุก!” จ้าวเฟิงควบคุมผึ้งเบญจพิษ พุ่งผ่านใจกลางป่าอย่างรวดเร็ว
โฮก! เสืออัคคีปีกทองสองตัวที่ขนาดค่อนข้างใหญ่จับความผิดปกติได้ก่อน ส่งเสียงคำรามก้อง เสืออัคปีกทองรอบด้านรีบมารวมตัวกัน
ฟิ้ว ฟิ้ว! จ้าวเฟิงอยู่ใจกลางผึ้งเบญจพิษหลายตัว สำแดงปีกแสงอัสนีสีชาดพุ่งทะลวงไปอย่างรวดเร็ว เป้าหมายก็คือเสืออัคคีปีกทองสองตัวนั่น
โฮกกก! ตอนเสืออัคคีปีกทองเกือบสิบห้าตัวเห็นจ้าวเฟิง ก็ส่งเสียงคำรามโกรธแค้นออกมาทันใด กลิ่นอายสัตว์ดุร้ายอันน่ากลัวแผ่ซ่าน
เห็นได้ชัดว่า การล่าสังหารเสืออัคคีปีกทองของจ้าวเฟิงทำให้พวกมันแค้นเคืองสุดฤทธิ์
“มนุษย์ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นเผ่าพันธุ์อะไร ในเมื่อเจ้าล่าสังหารเผ่าพันธุ์ของข้า วันนี้เจ้าต้องตาย!”
เสืออัคคีปีกทองที่เป็นจ่าฝูงส่งคลื่นพลังจิตวิญญาณมา ยามคลื่นกลุ่มนี้กระทบวิญญาณของจ้าวเฟิง เขาก็สามารถเข้าใจในคำพูดของเสืออัคคีปีกทองตัวนี้ได้
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ!
เงาของเสืออัคคีปีกทองนับสิบตัวบินออกมาล้อมจ้าวเฟิงเอาไว้ ก่อนโจมตีทันที กลิ่นอายบรรพกาลชั่วร้ายน่าสะพรึงกดดันบนจ้าวเฟิงทันใด โดยเฉพาะเสืออัคคีปีกทองขนาดใหญ่สองตัวนั่นที่ทำให้จ้าวเฟิงรู้สึกถึงอันตราย
ดีที่รอบกายของจ้าวเฟิงมีผึ้งเบญจพิษเกือบหกสิบตัวคอยแบ่งเบาความกดดันให้
“โลกมิติส่วนตัวเมืองมายา!”
ด้านหลังกายสายฟ้าศักดิ์ที่มีประกายแสงอัสนีสีแดงทองของจ้าวเฟิง หมอกสีม่วงหม่นกลุ่มหนึ่งทะลักออกอย่างบ้าคลั่ง ตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ ก่อเป็นเขตแดนวงกตมายา
โลกมิติส่วนตัวเมืองมายาของจ้าวเฟิงสร้างสำเร็จนานแล้ว ในวันนี้คือการใช้ต่อสู้จริงครั้งแรก
ทันใดนั้น เสืออัคคีปีกทองที่ทะยานมายังจ้าวเฟิงพวกนั้น ความเร็วลดลง ประสาทสัมผัสวิญญาณและสัมผัสทั้งห้าของพวกมันถูกจำกัดในโลกมิติส่วนตัวเมืองมายา ส่วนผึ้งเบญจพิษที่ถูกจ้าวเฟิงลงตราผนึกดวงใจทมิฬ
การกระทำของมันถูกจ้าวเฟิงควบคุมทั้งหมด จึงเท่ากับว่าไม่โดนผลกระทบจากโลกมิติส่วนตัวเมืองมายา
หึ่ง หึ่ง!
จ้าวเฟิงควบคุมผึ้งจักรพรรดิสิบตัวให้เข้าไปใกล้เสืออัคคีปีกทองตัวใหญ่ทั้งสองอย่างรวดเร็ว ส่วนผึ้งราชันและผึ้งจักรพรรดิที่เหลือก็เข้าตรึงเสืออัคคีปีกทองตัวอื่นไว้ชั่วขณะ
ประโยชน์ในการแบ่งแยกสนามรบของโลกมิติส่วนตัวเมืองมายาเด่นชัดเป็นอย่างมาก
“มนุษย์ เจ้ารนหาที่ตาย!”
จ่าฝูงเสืออัคคีปีกทองร้องคำรามทันใด กระโจนมายังจ้าวเฟิง
เสืออัคคีปีกทองสองตัวนี้สามารถใช้กลวิธีด้านจิตวิญญาณสื่อสารกับจ้าวเฟิง เห็นได้ว่าพลังวิญญาณของพวกมันแข็งแกร่งมาก
โลกมิติส่วนตัวเมืองมายาของจ้าวเฟิงส่งผลกระทบต่อพวกมันได้น้อยนัก
ขอบเขตแก่นแท้อัสนี!
เผชิญหน้ากับเสืออัคคีปีกทองชั้นยอดสองตัว จ้าวเฟิงไม่กล้าประมาท รีบปลดปล่อยขอบเขตแก่นแท้อัสนีทันที
ครืน ฟู่ ฟู่!
พื้นที่รอบกายจ้าวเฟิงหลายสิบจั้งพลันปรากฏแรงกดดันสายฟ้าอันแข็งแกร่งขึ้นชั้นหนึ่ง พร้อมด้วยพลังอัสนีนับไม่ถ้วน
ใน ‘ขอบเขตแก่นแท้อัสนี’ พลังของจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้น แต่เสืออัคคีปีกทองจะได้รับแรงกดดันจากแก่นแท้พลังและการขัดขวางจากอัสนี
“บุก!”
จ้าวเฟิงบัญชาผึ้งจักรพรรดิสิบตัวให้แยกกันไปโจมตีเสืออัคคีปีกทองทั้งสอง ส่วนจ้าวเฟิงเองก็บุกจู่โจมจ่าฝูงเสืออัคคีปีกทองหนึ่งในนั้น
ฟู่ ฉึก ฉึก!
กรงเล็บที่ส่องประกายแสงคมกริบสีทองแดงของจ่าฝูงเสืออัคคีปีกทอง ฟาดลงมาอย่างรวดเร็วราวกับสายอัสนี
จ้าวเฟิงอาศัยพลังดวงตาซ้าย ประเมินเอาไว้ล่วงหน้า อีกทั้งส่งฝ่ามือหนึ่งไปอย่างรวดเร็ว โจมตีไปยังส่วนขาของเสืออัคคีปีกทอง
ฉัวะ ฉึก! เหล็กไนของผึ้งเบญจพิษสองตัวในนั้นโจมตีไปยังร่างของเสืออัคคีปีกทอง
“จริงด้วย ไม่ค่อยมีประโยชน์!”
จ้าวเฟิงมองทะลุสภาพบาดแผลเสืออัคคีปีกทองผ่านตาซ้าย พิษของผึ้งจักรพรรดิยากที่จะสร้างความบาดเจ็บใหญ่หลวงให้กับเสืออัคคีปีกเพลิง
ผึ้งเบญจพิษเป็นเพียงแค่แมลงประหลาดบรรพกาล เมื่อเผชิญหน้าหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณที่แท้จริงจะเสียเปรียบอย่างมาก
หึ่ง หึ่ง!
จ้าวเฟิงรีบควบคุมผึ้งเบญจพิษให้โจมตี ต่อให้พิษยากจะสร้างอาการบาดเจ็บใหญ่ได้ แต่อาการบาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ รวมกันก็กลายเป็นบาดแผลที่ถึงแก่ชีวิตได้
“หนามจิตวิญญาณ!”
ในตาซ้ายของจ้าวเฟิงพลันยิงหนามอัสนีม่วงทองเล็กบางแท่งหนึ่งออกมา พุ่งเข้าไปในวิญญาณของเสืออัคคีปีกทอง
โฮก!
เสืออัคคีปีกทองตัวนี้ร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด กายหยุดชะงักกลางอากาศ
ฟิ้ว! จ้าวเฟิงและผึ้งเบญจพิษอาศัยจังหวะได้เปรียบเข้าจู่โจม บุกเข้าไปพร้อมกัน
“ฝ่ามือสายฟ้าทลายนภา!”
จ้าวเฟิงโคจรพลัง ทั้งยังนำ ‘ขอบเขตแก่นแท้อัสนี’ บีบอัดหลอมรวมไว้ในฝ่ามือ จากนั้นซัดฝ่ามือสายฟ้าทลายนภาที่แข็งแกร่งที่สุดในตอนนี้ไป
ครืน แซ่ด แซ่ด!
เห็นเพียงฝ่ามือแดงทองขนาดใหญ่สายหนึ่งพร้อมด้วยอัสนีบาตนับไม่ถ้วน โจมตีไปยังจ่าฝูงเสืออัคคีปีกทองตัวนี้
โฮก~
จ่าฝูงเสืออัคคีปีกทองรู้สึกไม่ชอบมาพากล กระตุ้นสายเลือดขึ้นโดยพลัน ทั้งร่างแผ่กระจายแสงสีแดงทอง พลังกายเพิ่มขึ้นนับเท่าตัว
โฮก! จ่าฝูงเสืออัคคีปีกทองโคจรพลัง ปะทะเข้ากับฝ่ามือสายฟ้าทลายนภาของจ้าวเฟิง ระเบิดพลังโจมตีอันน่ากลัวออกมา ทำให้ฝ่ามือสายฟ้าทลายนภาของจ้าวเฟิงไม่อาจผลักไปข้างหน้าได้แม้เพียงครึ่งก้าว
“วิญญาณทมิฬโจมตี!”
จ้าวเฟิงเห็นจ่าฝูงเสืออัคคีปีกทองดุร้ายเช่นนี้ จึงปล่อยวิชาลับโจมตีวิญญาณอย่างง่ายๆ ออกมา
ฟู่ ครืน!
เสืออัคคีปีกทองที่ถูกการโจมตีพลังวิญญาณจากจ้าวเฟิงกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันที ถูกเงาฝ่ามือของจ้าวเฟิงโจมตี ซัดกระเด็นเข้าไปในผนังผาด้านหลัง
หึ่ง หึ่ง!
ผึ้งเบญจพิษรีบตามมาทันใด ฉวยโอกาสใช้เข็มพิษต่อยไปยังจุดตายบนร่างของเสืออัคคีปีกทอง
“ตราผนึกดวงใจทมิฬ!”
จ้าวเฟิงพลันหลอมรวมตราผนึกแสงสีม่วงทองขึ้น ก่อนประทับตราไปยังวิญญาณของเสืออัคคีปีกทองตัวนี้
โฮก!
เสืออัคคีปีกทองที่บาดเจ็บหนักตัวนี้ร้องคำรามขึ้นทันที ปะทุจิตต่อสู้ที่ชั่วร้ายและน่าหวาดกลัวออกมา ‘ตราผนึกดวงใจมิฬ’ ของจ้าวเฟิงล้มเหลว
“ต้องทำให้จบโดยเร็ว!” สีหน้าจ้าวเฟิงเด็ดเดี่ยว
เผ่าพันธุ์เสืออัคคีปีกทองฝูงนี้ มีเสืออัคคีปีกทองที่แข็งแกร่งผิดปกติทั้งหมดสองตัว
ในยามนี้ เสืออัคคีปีกทองที่แข็งแกร่งอีกตัวหนึ่งใกล้จะสังหารผึ้งจักรพรรดิห้าตัวนั้นลงหมดแล้ว
“เนตรเพ่งเทพเจ้า!”
ตาซ้ายของจ้าวเฟิงพลันมีคลื่นพลังดวงตาอันน่าหวาดหวั่นล้นทะลัก กลายเป็นคลื่นวนสีม่วงที่ลึกจนไม่เห็นก้นบึ้ง เชื่อมต่อไปถึงหุบเหวมายาสีม่วงที่มีเมฆหมอกลอยวนแผ่ออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ทันใดนั้น พลังต้องห้ามที่กักขังและดึงดูดวิญญาณกลุ่มหนึ่งปกคลุมลงบนร่างของเสืออัคคีปีกทองตัวนี้
พลังต้องห้ามกลุ่มนั้นราวกับพลังของเจ้าชีวิต ไร้หนทางขัดขืน
“มนุษย์ นี่คืออะไร?”
จ่าฝูงเสืออัคคีปีกทองรู้สึกว่าวิญญาณของตนเองเหมือนล่องลอยอยู่นอกกายโดยไม่อาจบังคับได้ ดวงตาทั้งสองปรากฏความหวาดหวั่นขึ้นเป็นครั้งแรก
เหมือนไม่ว่ามันจะขัดขืนอย่างไร ก็ไม่มีทางยับยั้งโชคชะตาที่วิญญาณถูกกักขังเอาไว้ได้