Skip to content

King of Gods 1050

King Of Gods

บทที่ 1050 ทะลวงขั้นเซียน (2)

พื้นที่ต้องห้ามข้างหลังตำหนักราชัน มีค่ายกลมากมายสกัดกั้น การป้องกันเข้มงวด ภายในเงียบสงัดยิ่งนัก ราวกับว่าไม่มีอะไรอยู่เลย

ตำหนักลับแห่งหนึ่งในนั้น มีแสงวายุอัสนีสามสีสาดออกมาเป็นระยะ

ยามนี้

ในมิติแก่นผลึกที่จุดตันเถียนของจ้าวเฟิง ปราณที่แท้จริงน้ำเงิน เขียว และแดงสามสีหมุนโคจรเร็วรี่ ล้นทะลักอย่างบ้าคลั่ง

ชั่วขณะหนึ่ง ด้านบนมิติแก่นผลึกก็ปรากฏรอยร้าว

ปราณที่แท้จริงสามสีแต่ละสายหลั่งไหลเข้าสู่กายของจ้าวเฟิง แต่ปราณที่แท้จริงวายุอัสนีส่วนมากยังคงตกตะกอนอยู่ด้านใต้มิติแก่นผลึก และโคจรไม่หยุดด้วยท่วงทำนองแบบหนึ่งที่น่าอัศจรรย์

“ก่อนอื่น ต้องทำลายมิติแก่นผลึก เหนี่ยวนำปราณที่แท้จริงบางส่วนออกมา จากนั้นก็นำเสวียนอ้าวกฏเกณฑ์ฟ้าดินที่มีอยู่ในตัวหลอมรวมเข้าไปในทะเลปราณที่แท้จริง…”

จ้าวเฟิงเบิกดวงตาเทพเจ้า ทำทุกขั้นตอนอย่างแม่นยำยิ่ง

……

ระหว่างที่จ้าวเฟิงปิดด่านฝึกตน ภารกิจลอบสังหารที่ประกาศใหม่ ก็ทำให้หอสังหารเดียวดายกลายเป็นจุดสนใจของขั้วอำนาจลอบสังหารทั้งหมดบนแผ่นดินใหญ่

จุดแจกจ่ายภารกิจแห่งหนึ่งใต้หอสังหารเดียวดาย

“ในที่สุดก็มีภารกิจลอบสังหารที่น่าสนใจบ้างแล้ว!”

มุมปากของหนานกงเซิ่งยกขึ้นเป็นรอยยิ้มชั่วร้ายเหี้ยมโหด

ภายใต้การชี้นำของจักรพรรดิคูอิ่ง เขาก็เข้าใจขั้นตอนการปฏิบัติการของอาชีพนักฆ่าจนทะลุปรุโปร่ง เพียงแต่ไม่สนใจภารกิจลอบสังหารธรรมดาพวกนั้น

หลังจากที่หนานกงเซิ่งจากไป นักฆ่าและมือสังหารจากทั่วทุกทิศโล่งใจในทันที

“คนคนนี้เป็นใครกัน พลังลึกล้ำจนยากจะหยั่ง!”

“หรือว่าจะเป็นนักฆ่าสุดแข็งแกร่งของดินแดนทวีปที่ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง? ไม่เช่นนั้นแล้วจิตสังหารคงไม่มีทางหนักหนาได้ถึงขนาดนี้!”

“ดูท่าแล้วคนคนนั้นจะถูกใจภารกิจทั้งสามที่ประกาศใหม่!”

นักฆ่าบางคนหวาดกลัวกับท่าทีของหนานกงเซิ่ง แต่ว่าไม่นานนัก ความสนใจของคนเหล่านี้ก็กลับมาที่ ‘ยาชำระเลือดบริสุทธิ์’ อีกครั้ง

ภารกิจลอบสังหารที่ขั้วอำนาจลึกลับประกาศ ตั้งแต่โอสถโลหิตวิญญาณ มาเป็นโอสถเลือดบริสุทธิ์ จนมาถึงยาชำระเลือดบริสุทธิ์ ทุกชนิดล้วนเรียกเสียงฮือฮาได้ โดยเฉพาะ ‘ยาชำระเลือดบริสุทธิ์’ ที่เพิ่งปรากฏขึ้นนี้ ต่อให้เป็นเซียนธรรมดาก็ยากจะต้านทานความยั่วยวนได้ แต่รางวัลงามเช่นนี้ แน่นอนว่ามาพร้อมกับอันตรายมหาศาล

ภารกิจลอบสังหารทั้งสามที่เพิ่งประกาศ มากพอจะหยุดยั้งนักฆ่ามากกว่าเก้าส่วนขึ้นไป

และในช่วงระยะนี้ วังเก้านิรยก็ดำเนินแผนการ จับตามองและปกป้องสมาชิกที่มีชื่ออยู่ในรายชื่อลอบสังหาร

ก่อนหน้านี้ไม่นาน มีนักฆ่าคนหนึ่งลอบสังหารสมาชิกคนสำคัญของขั้วอำนาจสังกัดวังเก้านิรย หลังจากที่รับโอสถเลือดบริสุทธิ์แล้ว ก็ถูกสังหารลงทันทีโดยผู้นำระดับสูงของวังเก้านิรย โอสถเลือดบริสุทธิ์นั่นยังไม่ทันได้ใช้ก็ตกไปอยู่ในมือของอีกฝ่าย

ครั้งนี้เป้าหมายการลอบสังหารของภารกิจเหล่านี้ เดิมก็มีพลังที่ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ยิ่งเป็นสมาชิกระดับกลางและสูงที่วังเก้านิรยให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

แต่ภายใต้รางวัลงามจะต้องมีผู้กล้า บางคนที่ใกล้หมดอายุขัยและอยากจะทะลวงขั้นจักรพรรดิหรือปฐมเซียนอาจลองดูได้ ในเมื่อของล้ำค่าที่สามารถเพิ่มอัตราความสำเร็จในการทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับมีน้อยมากนัก

ตอนภารกิจลอบสังหารชุดใหม่ของหอสังหารเดียวดายประกาศขึ้น ไม่นานนัก อีกที่หนึ่งบนแผ่นดินใหญ่ ในทิวเขาเก้านิรย วังเก้านิรยโกรธเคืองแล้ว

ในตำหนักลับใจกลางแห่งหนึ่งของวังเก้านิรย กลิ่นอายเงียบสงัดจนน่ากลัว

“ตำหนักราชันจะกำเริบเสิบสานมากเกินไปหน่อยกระมัง ครั้งนี้กล้าประกาศภารกิจลอบสังหารสมาชิกระดับสูงของวังเก้านิรย”

“เหอะ ได้คืบจะเอาศอก ขั้วอำนาจที่เพิ่งจะก่อตั้ง แต่กลับไม่รู้จักเป็นตาย ท้าทายกับวังเก้านิรย!”

ในตำหนักพลันมีเสียงโกรธแค้นหลายเสียงดังขึ้น เจ้าของของเสียงเหล่านี้อย่างน้อยเป็นจักรพรรดิและปฐมเซียน มีจำนวนไม่น้อยเป็นผู้แข็งแกร่งเทวาเร้นลับ จินตนาการไม่ออกเลยว่าวังเก้านิรยแค้นเคืองกับเรื่องนี้มากเพียงใด

“ไม่รู้ว่า ‘ยาชำระเลือดบริสุทธิ์’ จะมีสรรพคุณที่ว่านั่นจริงรึเปล่า!”

ปฐมเซียนคนหนึ่งพึมพำเสียงต่ำ

“เหอะ!”

เบื้องหน้า เซียนโม๋ยวนพลันแค่นเสียงเย็น สถานการณ์ตกเข้าสู่ความเงียบอีกครั้งทันที

สำหรับความเคลื่อนไหวเช่นนี้ของตำหนักราชัน วังเก้านิรยก็ใช้วิธีเดียวกันประกาศภารกิจลอบสังหารไปมากมาย แต่เนื่องจากรางวัลของภารกิจสู้ยาพวกนั้นไม่ได้ ดังนั้นผลจึงเห็นไม่ค่อยชัดเท่าใด

แต่ในยามนี้มี ‘ยาชำระเลือดบริสุทธิ์’ ปรากฏขึ้นอีก ต่อให้เป็นปฐมเซียนวังเก้านิรยบางคนในที่นั้นก็ล้วนตาลุกวาว

“รายงานผู้อาวุโสโม๋ยวน!”

ด้านล่าง จักรพรรดิชั้นยอดคนหนึ่งคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่บนพื้น

“ตามรายงานข่าวที่ได้มา จ้าวเฟิงไม่ปรากฏตัวมาเดือนกว่าแล้ว อีกทั้งพื้นที่ต้องห้ามด้านหลังตำหนักราชัน จู่ๆ การป้องกันก็แน่นหนาขึ้น….”

ผู้อาวุโสทั้งหลายที่อยู่ตรงนั้นตกสู่ภวังค์ความคิด

หรือว่าตำหนักราชันจะมีแผนอะไรใหม่?

“จากเบาะแสร่องรอยบางอย่าง ข้าน้อยคิดว่าจ้าวเฟิงอาจจะกำลังทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับ!”

จักรพรรดิชั้นยอดคนนี้พูดต่อ

ครืน!

ในเสี้ยวขณะนั้น ผู้แข็งแกร่งทั้งหลายไม่แอบซ่อนกลิ่นอายอันแข็งแกร่ง ภายในทั้งตำหนักกดดันจนขาดอากาศหายใจ ราวกับว่าแม้แต่อากาศก็แข็งตัว จักรพรรดิทั่วไปบางคนยิ่งรู้สึกว่าหายใจลำบาก สติเลือนราง หากไม่ใช่สายสืบคนนี้เอ่ยเตือนถึงขอบเขตพลังของจ้าวเฟิง สมาชิกทั้งหลาย ณ ตรงนั้นกระทั่งลืมไปแล้วว่าจ้าวเฟิงเป็นเพียงแค่ปฐมเซียนเท่านั้น

ปฐมเซียนคนหนึ่งก่อตั้งขั้วอำนาจที่ยิ่งใหญ่ จนบีบวังเก้านิรยมาได้ถึงขั้นนี้

อีกทั้งกำลังรบของจ้าวเฟิง สมาชิกทั้งหมด ณ ที่นี้ล้วนรู้อยู่แก่ใจเป็นอย่างดี

หากจ้าวเฟิงทะลวงขั้นเซียนได้ ในภายภาคหน้าจะยิ่งลำบาก!

“มันจะทำสำเร็จหรือไม่?” ชายผมแดงชุดดำคนหนึ่งเอ่ยเสียงต่ำทุ้ม

ทุกคนตกตะลึง อายุของกายจ้าวเฟิงเพียงแค่ยี่สิบปีกว่าเท่านั้น ส่วนวิญญาณของจ้าวเฟิงมีอายุเพียงสามสิบกว่า เซียนเทวาเร้นลับที่อายุน้อยเช่นนี้ เป็นไปได้รึ?

“ผู้อาวุโสคนใดยอมตามข้าไปตำหนักราชันสักรอบบ้าง?”

เสียงของเซียนโม๋ยวนดังขึ้น

หากจ้าวเฟิงทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับ เซียนโม๋ยวนเชื่อว่าจ้าวเฟิงกุมความสำเร็จไว้ได้อย่างน้อยหกส่วนขึ้นไป ต้องรู้ว่า จักรพรรดิและปฐมเซียนทั่วไปมีหวังได้สี่ถึงห้าส่วนก็เกินความคาดหมายมากแล้ว

“ผู้อาวุโสโม๋ยวน ข้ายินดีไปกับท่าน!”

ชายชราผมขาวคนหนึ่งรีบเอ่ยขึ้น

“โม๋ยวน พาข้าไปด้วย!” ชายผมแดงชุดดำคนนั้นเอ่ยเสียงเยียบเย็น

เดินทางไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่แล้วสังหารหนานกงเซิ่งล้มเหลว ทำเอาเขาอัดอั้นเป็นอย่างมาก

“ดี เซียนเอ้อไหล เซียนเสียเจิน พวกเจ้าตามข้าไปทำลายตำหนักราชันให้ราบเถอะ!”

เซียนโม๋ยวนหัวเราะเสียงเย็น

แต่เดิม เขาหวาดหวั่นศรสังหารเทพในมือของจ้าวเฟิงเป็นอย่างมาก

แต่หากจ้าวเฟิงกำลังปิดด่านทะลวงขั้นอยู่จริงๆ เช่นนั้นก็รอจนช่วงสุดท้ายของการทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับ ไม่ว่าจ้าวเฟิงจะมีศรสังหารเทพหรือไม่ ก็มีแต่เพียงความตายเท่านั้น

ภารกิจลอบสังหารที่หอสังหารเดียวดายประกาศใหม่ ไม่เพียงแต่ทำให้วังเก้านิรยสั่นสะเทือนเท่านั้น

อีกฝั่งหนึ่ง มุมมืดทมิฬก็เรียกประชุมลับเช่นกัน

ในตำหนักใต้ดินหลังหนึ่ง เงาหลายเงาลอยอยู่ทั่วตำหนักลับ

“ความเคลื่อนไหวของหอสังหารเดียวดาย หน่วยลอบสังหารของตำหนักราชันในช่วงระยะนี้ กระทบต่อมุมมืดทมิฬใหญ่หลวงนัก!”

กลางตำหนัก ผู้อาวุโสที่ทั่วทั้งร่างมีแสงสีเทาหม่นล่องลอยเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง

ทั่วทั้งตำหนักเงียบสงัด เห็นได้ชัดว่าสำหรับการเคลื่อนไหวของตำหนักราชัน พวกเขาก็มีแผนรับมือเอาไว้หลายแผน แต่ผลลัพธ์ไม่มากนัก

อีกทั้งก่อนหน้านี้ช่วงหนึ่ง ภารกิจลอบสังหารใหม่ที่หอสังหารเดียวดายประกาศ ก็ดึงดูดกลุ่มลอบสังหารกลุ่มใหญ่ที่ตั้งมั่นอยู่ในมุมมืดทมิฬไป

“เรียนผู้อาวุโส หรือว่าพวกเราจะต้องลงมือกับตำหนักราชัน?”

คนเงาดำที่มีกลิ่นอายแข็งแกร่งถามขึ้นอย่างระวัง

“เจ้าโง่ มุมมืดทมิฬเป็นขั้วอำนาจที่เป็นกลางมาโดยตลอด จะลงมือกับขั้วอำนาจอื่นง่ายดายอย่างนี้ได้เช่นไร เช่นนั้นแล้ว ขั้วอำนาจทั้งหลายในราชวงศ์ก็จะคิดว่าพวกเราร่วมมือกับวังเก้านิรย!”

เสียงของผู้อาวุโสผู้นั้นโมโหเล็กน้อย

หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้มุมมืดทมิฬในตอนนั้นแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ก็เป็นเพราะรักษาความเป็นกลางเอาไว้ หากมุมมืดทมิฬบุ่มบ่ามลงมือกับคู่แข่งที่แข็งแกร่ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคือการขุดหลุมฝังตัวเอง

อีกทั้งทุกคนต่างรู้ว่า ช่วงนี้ผู้ที่ขัดแย้งกับวังเก้านิรยมากที่สุดก็คือตำหนักราชัน ดังนั้นจึงวิเคราะห์ได้ว่าภารกิจลอบสังหารเหล่านี้คือประกาศซึ่งตำหนักราชันประกาศเองที่หอสังหารเดียวดาย

ทั่วทั้งตำหนักเงียบไร้เสียงทันใด!

“พอดีเลย หลานของข้าต้องการยาชำระเลือดบริสุทธิ์ ผ่านไปอีกสักระยะ ข้าจะไปตำหนักราชันด้วยตนเอง!”

ผู้อาวุโสที่ทั่วทั้งร่างเปล่งแสงล่องลอยพูดขึ้นทันใด จากนั้นก็หายไปจากตำหนัก

“คิดไม่ถึงเลยว่าเซียนโยวมู่ (ม่านราตรี) จะออกโรงเอง!”

“เช่นนี้ สถานการณ์ลำบากของมุมมืดทมิฬก็น่าจะแก้ไขได้แล้ว!“

……

ยามนี้ในตำหนักราชัน ปี้ชิงเยวี่ยจัดการกับข้อมูลข่าวสารมารมากมาย คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อย

“ดูท่าข่าวการทะลวงขั้นเซียนของนายท่านจะรั่วไหลออกไปจนได้!”

ปี้ชิงเยวี่ยรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งกายใจ

“ใครก็ได้!” ปี้ชิงเยวี่ยตะโกนเสียงดัง

ไม่นานนัก องครักษ์คนหนึ่งบินเข้ามาในตำหนักอย่างว่องไว

“ส่งจดหมายพวกนี้ออกไป!”

ปี้ชิงเยวี่ยยื่นจดหมายที่ปิดผนึกหลายฉบับให้

หลังจากนั้นหลายวัน กลิ่นอายที่น่าหวาดหวั่นตรงพื้นที่ต้องห้ามหลังตำหนักราชันก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ไอสวรรค์ในระยะหมื่นลี้รอบตำหนักราชัน รวมตัวกันไปยัง ณ จุดหนึ่งอย่างไร้รูปร่าง กลิ่นอายไร้รูปมหาศาลทำให้ทั่วทั้งบริเวณหนักหน่วง กดดันอย่างน่าประหลาด

ปรากฏการณ์ประหลาดในฟ้าดินของการทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับ ค่ายกลใดๆ ก็มิอาจสกัดกั้น!

ฟุ่บ ฟุ่บ!

ในวันนี้ เหนือตำหนักราชันมีเสียงแหวกฟ้าดังมาหลายเสียง กลิ่นอายพลังขนาดใหญ่แต่ละสายมาถึงยังด้านหน้าตำหนักราชัน

“ตำหนักราชัน สำนักฟ้าทมิฬมาเยือน!”

เซียนอั้นกุ่ยที่เป็นหัวหน้าเผยรอยยิ้มเย็นชั่วร้าย

ยังไม่ทันจะได้รับอนุญาตจากตำหนักราชัน เซียนอั้นกุ่ยก็นำสมาชิกสำนักฟ้าทมิฬเข้ามายังในเขตของตำหนักราชันแล้ว

องครักษ์ที่อยู่ด้านหน้าตำหนักราชันขัดขวางเซียนอั้นกุ่ยที่มีกำลังรบขั้นเซียนไว้ไม่ได้ อีกทั้งสำนักฟ้าทมิฬเอ่ยว่ามาเยี่ยมเยือน

ในเวลานี้เอง มีเงาร่างอีกหลายเงามุ่งหน้ามาจากที่ไกลๆ

“นี่ไม่ใช่เซียนอั้นกุ่ยหรอกรึ? เสียงหัวเราะเย็นเยือกดังมา

เห็นเพียงผู้อาวุโสหัวล้านที่กลิ่นอายไม่ธรรมดา ค่อยๆ บินมาพร้อมกับจักรพรรดิชั้นยอดหลายคน

“นี่มันผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักประกายทมิฬไม่ใช่หรอกรึ?”

เซียนอั้นกุ่ยยิ้มเอ่ย

สำนักประกายทมิฬก็เป็นขั้วอำนาจสังกัดวังเก้านิรยเช่นเดียวกัน ทั้งยังอยู่ที่มณฑลอวี่พอดี ในช่วงระยะก่อนหน้านี้ สำนักประกายทมิฬอยู่กันอย่างใจสั่นขวัญแขวน ผู้นำระดับสูงของสำนักประกายทมิฬสามคนล้วนเป็นผู้มีรายชื่ออยู่ในรายการลอบสังหาร ยามนี้ดับดิ้นไปแล้วหนึ่ง

สามวันหลังจากนั้น

“เจ้าหอปี้ หนานเฟิงอ๋องมาตามคำเชิญแล้ว!”

องครักษ์เกราะทองข้างกายหนานเฟิงอ๋องเอ่ยเสียงดัง

แววตาของหนานเฟิงอ๋องหนักอึ้ง ประสาทสัมผัสวิญญาณกวาดผ่านอย่างรีบร้อน ก็ค้นพบกลิ่นอายที่แข็งแกร่งเกินปกติหลายสาย ในขณะเดียวกันเขาก็เชื่อมั่นว่าจ้าวเฟิงกำลังทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับจริงๆ

หากไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้ปี้ชิงเยวี่ยส่งจดหมายมาละก็ หนานเฟิงอ๋องไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่าจ้าวเฟิงเริ่มทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับแล้ว

“ท่านอ๋อง เชิญ!”

องครักษ์กองหนึ่งรีบรุดหน้ามา เอ่ยอย่างเคารพนอบน้อม

ผ่านไปอีกหลายวัน

ผู้แข็งแกร่งและขั้วอำนาจทั้งหลายของตำหนักราชัน รู้สึกถึงกลิ่นอายสายมารที่ชวนให้หวาดผวากดดันมาแต่ไกล

“ตำหนักราชัน วันนี้พวกเจ้าจะต้องให้คำตอบกับข้า!”

เซียนโม๋ยวนยืนอย่างหยิ่งยโส ทั่วทั้งร่างห่อหุ้มด้วยแสงสีดำ พลังมารน่าหวาดหวั่น

“ให้ผู้อาวุโสสูงสุดของเจ้าออกมา!”

“ประกาศภารกิจลอบสังหารผู้นำระดับสูงของวังเก้านิรย อย่าบอกนะว่าไม่เกี่ยวกับพวกเจ้าตำหนักราชัน!”

ด้านหลังเซียนโม๋ยวน เซียนเอ้อไหลและเซียนเสียเจินตวาดเสียงดัง พลังสายมารมหาศาลโจมตีมายังตำหนักราชันทันใด

ในชั่วเสี้ยวขณะนี้เอง

วู้ม ครืน!

บนฟ้าเหนือจุดที่จ้าวเฟิงปิดด่าน พื้นผิวฟ้าดินสั่นไหวอยู่ชั่วขณะ แสงศักดิ์สิทธิ์สามสีที่สว่างพร่างพรายก่อตัวขึ้น ส่องสว่างเจิดจ้าไปทั่วท้องฟ้า และค่อยๆ บิดโค้งกลายเป็นแสงวนขนาดใหญ่สีน้ำเงิน เขียว และแดง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!