Skip to content

King of Gods 1052

King Of Gods

บทที่ 1052 ปะทะโม๋ยว

มุมหนึ่งในตำหนักที่จ้าวเฟิงปิดด่าน แมวขโมยน้อยยื่นหัวออกมา

แต่เดิม ในยามที่ร่างแยกของเซียนโม๋ยวนโจมตีมา แมวขโมยน้อยเตรียมลงมือขัดขวาง แต่กลับถูกจ้าวเฟิงห้ามเอาไว้

เห็นเพียงจ้าวเฟิงที่อาบอยู่ภายใต้แสงศักดิ์สิทธิ์สามสีพลันลืมตาซ้ายขึ้น

ครืน วู้ม!

เสี้ยววินาทีนั้น ในดวงตาสีทองอำพันของจ้าวเฟิงสาดส่องลายคลื่นสีทองนับไม่ถ้วนออกมา

วู้ม วู้ม วู้ม!

ร่างแยกของเซียนโม๋ยวนถูกคลื่นแสงสีทองเป็นชั้นๆ ส่องทะลุนับพันนับหมื่นครั้งเพียงชั่วขณะหนึ่ง

ฟู่!

ทันใดนั้น ร่างแยกสีดำร่างนี้แปรเปลี่ยนเป็นอณูเล็กๆ นับไม่ถ้วน กลายเป็นหมอกสีดำชั้นหนึ่ง ก่อนถูกดูดเข้าไปในตาซ้ายของจ้าวเฟิง

ในที่สุดใบหน้าจ้าวเฟิงก็สงบลง ดูดซับพลังศักดิ์สิทธิ์สุดท้ายที่ฟ้าดินมอบให้กับเขา

ความจริงแล้ว ยามที่แสงวนพลังศักดิ์สิทธิ์ในกายจ้าวเฟิงและแสงวนพลังศักดิ์สิทธิ์ในฟ้าดินเชื่อมต่อกัน ตาซ้ายของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลง

ลูกกลมสีทองลึกลับในมิติตาซ้ายคล้ายกับได้รับการกระตุ้น หมุนวนขึ้นทันใด แล้วสาดแสงลายคลื่นสีทองลึกลับออกเป็นชั้นๆ

ตามหลักทั่วไปแล้ว หากจ้าวเฟิงใช้ ‘แสงส่องทะลุ’ มากขนาดนี้ในครั้งเดียว เจตจำนงดวงตาคงรับไม่ไหวไปตั้งนานแล้ว แต่ในยามนี้กลับไม่เกิดเหตุกาณ์นั้น คลื่นลายสีทองลึกลับยังสาดส่องออกมาด้วยตนเอง

ในมิติเนตรเทพเจ้า นอกจากลูกกลมสีทองลูกนี้ ก็มีเพียงแค่กะโหลกครึ่งเซียนที่มีพลังอัสนีเทวะเหลืออยู่เล็กน้อย และกะโหลกครึ่งเซียนนั้นย่อมถูกลายคลื่นสีทองลึกลับสาดส่องไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ

ไม่รู้ว่าเมื่อใด เหนือลูกกลมสีทองลึกลับ ข้างๆ กะโหลกอัสนีเทวะ มีวัตถุสีดำบิดเบี้ยวกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้น

วู้ม วู้ม!

ใจกลางของลูกกลมทองลึกลับ กลิ่นอายพลังบรรพกาลดั้งเดิมแต่ละสายรวมเข้าไปในกลุ่มแสงสีดำ

ยามที่จ้าวเฟิงลืมตาซ้ายขึ้น คลื่นสีทองที่ลูกทรงกลมแผ่ออกมา ก็สาดมาที่โลกภายนอกเอง ส่องไปยังร่างแยกสีดำนั่น ดังนั้นจึงเกิดภาพเหตุการณ์นี้ขึ้น

ดังนั้นจึงพูดได้ว่า จ้าวเฟิงไม่ได้ใช้พลังอะไรเลย เพียงแค่ลืมตาซ้ายที่แปรสภาพเท่านั้น

สิ่งที่ทำให้จ้าวเฟิงคาดไม่ถึงก็คือ หลังจากที่ ‘แสงส่องทะลุ’ ทำลายร่างแยกของเซียนโม๋ยวนลงแล้ว ลูกกลมสีทองยังดูดเอาพลังในร่างแยกเข้ามาด้วย

พลังที่ถูกดูดเข้ามากลุ่มนี้ หลังจากที่เข้ามาอยู่ในมิติตาซ้ายแล้ว ก็ผสานเข้ากับวัตถุสีดำบิดเบี้ยวที่อยู่ข้างบน หลังจากที่ร่างแยกของเซียนโม๋ยวนถูกทำลาย ท้องฟ้าแสงวนสามสีที่อยู่เหนือหัวจ้าวเฟิงค่อยๆ หม่นแสงลง

ครืน ครืน!

ท้องฟ้าเหนือตำหนักราชัน เซียนโม๋ยวนที่ต่อสู้ติดพันกับหนานกงเซิ่งร่างกายพลันชะงัก มองไปยังเบื้องล่าง

“ร่างแยกเก้านิรยของข้า!”

เส้นเลือดที่ขมับของเซียนโม๋ยวนปูดโปน คำรามก้องทันใด

วิชาลับร่างแยกใน ‘ตำราศักดิ์สิทธิ์นิรยภูมิ’ ตำราลับของวังเก้านิรย ฝึกฝนยากยิ่ง เซียนโม๋ยวนทุ่มเทกำลังจิตใจและทรัพยากรไปกับร่างแยกนี้ไม่รู้เท่าไหร่

แต่ตอนนี้ ร่างแยกของเขาถูกแสงสีทองที่แผ่ออกมาจากตาซ้ายจ้าวเฟิงทำลายลงทันที

“เป็นไปได้อย่างไร? ไม่ใช่ว่าเขาอยู่ในช่วงสำคัญสุดท้ายของการทะลวงขั้นเซียนรึ จะใช้พลังอื่นได้อย่างไร!”

ด้านหลัง เซียนเอ้อไหลที่สู้กับหนานเฟิงอ๋องใจสั่นสะท้าน

ปรากฏการณ์เบื้องหน้านี้ผิดหลักเกณฑ์ทั่วไปโดยสิ้นเชิง

“อีกทั้งพลังกลุ่มนี้ยังทำลายร่างแยกของผู้อาวุโสโม๋ยวนได้ในพริบตา!”

เซียนเสียเจินมองมายังจ้าวเฟิง ในใจเกิดความหวาดกลัวขึ้น

ลายคลื่นสีทองแต่ละชั้นที่เพิ่งสาดส่องออกมาจากตาซ้ายของจ้าวเฟิง แม้แต่เขาก็มองไม่ออกสักนิดเดียว

“จ้าวเฟิง!”

หนานเฟิงอ๋อง เซียนซิงหมัว และคนอื่นๆ ใจสั่นสะท้าน ไม่อาจเข้าใจภาพเหตุการณ์เมื่อครู่เช่นกัน

“ลายคลื่นสีทองนั่นส่องทะลุวัตถุและวิญญาณ…”

ดวงตาของเซียนซิงหมัวมีแสงดาราม่วงประกายทองวูบไหว

นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาได้เห็นความน่าอัศจรรย์ของจ้าวเฟิง แต่เขาก็ยังคงรู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก ไม่อาจจะเข้าใจได้

วู้ม ครืน ครืน!

ในยามนี้ แสงวนสามสีขนาดมหึมาบนหมู่เมฆ ความเร็วในการโคจรค่อยๆ เชื่องช้าลง พลังศักดิ์สิทธิ์แสงสามสีเสี้ยวสุดท้ายลดระดับลงมาช้าๆ ก่อนทะลุเข้าไปในแสงวนพลังศักดิ์สิทธิ์ในกายจ้าวเฟิงทั้งหมด

วู้ม ครืน ครืน!

แสงวนพลังศักดิ์สิทธิ์สามสีในกายจ้าวเฟิง หมุนวนด้วยกฏเกณฑ์ฟ้าดินอันน่าอัศจรรย์ชนิดหนึ่ง มันพลันแผ่ขยายออกมาอีกสี นั่นคือสีเหลืองหม่น

ภายใต้การส่องประกายของแสงศักดิ์สิทธิ์วาววับ ร่างกายของจ้าวเฟิงค่อยๆ หม่นแสงลง ปรากฏการณ์ฟ้าดินประหลาดหายไปทีละน้อย!

“นี่คือกายศักดิ์สิทธิ์?”

จ้าวเฟิงสัมผัสถึงร่างกายของตนในยามนี้ รู้สึกอัศจรรย์ยิ่งนัก

ร่างกายและพลังศักดิ์สิทธิ์ผสานกับวิญญาณในระดับสูง อีกทั้งยังเชื่อมโยงกับฟ้าดิน สามารถลดอาการบาดเจ็บจากแรงปะทะทั้งหมดได้อย่างมาก

ครืน! จ้าวเฟิงทะยานออกไปทันที แปรเปลี่ยนเป็นแสงแวววับสีชาดบินพุ่งไปยังเซียนโม๋ยวน

“บัดซบ มันทะลวงขั้นสำเร็จจนได้!”

ใบหน้าของเซียนโม๋ยวนเขียวคล้ำ แววตาวาวโรจน์

เขาคาดไม่ถึงเลยว่าหนานกงเซิ่งจะซ่อนตัวอยู่ในตำหนักราชัน และยิ่งคาดไม่ถึงว่ายามที่ใกล้สำเร็จ ประกายแสงทองแปลกประหลาดที่สาดส่องออกมาจากดวงตาจ้าวเฟิง จะทำให้ร่างแยกของเขาสูญสลายไปในพริบตา

ครืน บึ้ม! แสงศักดิ์สิทธิ์สีดำกลุ่มใหญ่ที่เซียนโม๋ยวนซัดออกมา โจมตีลงบนร่างของหนานกงเซิ่ง

ครืน ฉัวะ! หนานกงเซิ่งกระอักเลือดออกมา แววตาทั้งสองข้างกลับเป็นปกติ

เขายังเป็นเพียงแค่เทวาเร้นลับชั้นแรกเริ่ม ต่อให้จิตเทพปีศาจเข้าครอบครองร่างกายชั่วขณะ ใช้พลังเทพปีศาจแต่ละสาย ก็ยังคงไม่ใช่คู่มือของเซียนโม๋ยวนที่อยู่มาเป็นหมื่นๆ ปี

“ขอบใจมาก หนานกงเซิ่ง!”

พลังเซียนอบอุ่นทรงพลังกลุ่มหนึ่งรับหนานกงเซิ่งเอาไว้ จากนั้นค่อยๆ วางลง

จ้าวเฟิงรู้ดี หนานกงเซิ่งสู้ยิบตาอย่างไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมาเช่นนี้ ก็เพียงแค่อยากจะคืนหนี้บุญคุณในตอนนั้นเท่านั้น

ในมิติเทพลวงตา จ้าวเฟิงคอยช่วยหลือหนานกงเซิ่งอยู่ร่ำไป ช่วงสำคัญสุดท้ายยังช่วยให้หนานกงเซิ่งได้รับพลังเทพปีศาจมา

“เซียนโม๋ยวน ครั้งนี้มาแล้วก็อย่าคิดว่าจะได้กลับไป!”

จ้าวเฟิงลืมตาทั้งสองขึ้น มองไปยังเซียนโม๋ยวน

ยามที่สำเร็จการยกระดับขอบเขตเทวาเร้นลับ การเปลี่ยนแปลงของตาซ้ายจ้าวเฟิงก็สิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์

“จ้าวเฟิง เจ้าคิดว่าแค่ทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับสำเร็จก็จะเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้งั้นรึ?”

เซียนโม๋ยวนหัวเราะลั่น

เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่อาจหันกลับไปได้ มิฉะนั้นแล้วคนทั่วทั้งราชวงศ์จะหัวเราะเยาะเขา หัวเราะเยาะวังเก้านิรยเอาได้ไม่ใช่หรือ

นอกจากนั้น เซียนโม๋ยวนก็เตรียมการป้องกันเอาไว้แล้ว ทั้งกายใจจับจ้องจ้าวเฟิง แค่เพียงจ้าวเฟิงหยิบเอาศรสังหารเทพอะไรประเภทนั้นออกมา เขาก็จะหนีทันที

“ข้าก็อยากจะดูสักหน่อย เซียนเทวาเร้นลับชั้นสูงจะมีอะไรแน่สักแค่ไหน!”

มุมปากของจ้าวเฟิงยกขึ้นเล็กน้อย

เขาในยามนี้รู้สึกว่าดึงเสวียนอ้าวฟ้าดินมาได้ทุกเมื่อ ราวกับว่าทุกการเคลื่อนไหวล้วนสามารถส่งผลกระทบกับฟ้าดิน ก่อให้เกิดพลานุภาพมหาศาล การรุดหน้าไปอย่างรวดเร็วของพลังและกฎเกณฑ์เสวียนอ้าว ทำให้จ้าวเฟิงยังไม่ค่อยคุ้นชิน เขากำลังต้องการคู่มือที่แข็งแกร่งมาฝึกฝนพลังให้เสถียร ถึงแม้เซียนโม๋ยวนจะแข็งแกร่งเกินไป แต่ก็นับว่าเหมาะสมอยู่

“หลังจากทะลวงขั้นเซียนได้ ก็ลืมไปแล้วรึว่าคำว่าตายเขียนอย่างไร?”

เซียนโม๋ยวนรู้สึกว่าความอวดดีของจ้าวเฟิงน่าขบขันยิ่งนัก

พลังของจ้าวเฟิงน่าเกรงกลัวก็จริง แต่ในวันนี้เขาเพิ่งทะลวงขั้นเซียน เกรงว่าแม้แต่วิธีการและพลังของเซียนก็ยังไม่คุ้นเคย

ต่อให้จ้าวเฟิงทำให้ระดับพลังมั่นคง เซียนโม๋ยวนก็ไม่เกรงกลัวสักนิด

พรึ่บ!

แสงรำไรกะพริบวูบวาบ ประกายแสงสีดำสายหนึ่งโจมตีไปยังจ้าวเฟิงในชั่วพริบตา

ฉึก ฉึก ฉึก!

ขณะที่เกือบจะไปถึงจ้าวเฟิง รอบกายของเซียนโม๋ยวนพลันยื่นรยางค์แสงมารออกมานับไม่ถ้วน พุ่งแทงจ้าวเฟิงอย่างมืดฟ้าดิน ในขณะเดียวกันก็สำแดงพลังเงาโลกมิติส่วนตัว ปิดล้อมจ้าวเฟิงเอาไว้

ครืน แซ่ด แซ่ด!

จ้าวเฟิงขับเคลื่อนกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ขยายใหญ่ทันที ตราลายอัสนีสีแดงพร่างพรายนับไม่ถ้วนส่องประกายสีทอง ทำให้จ้าวเฟิงดูเหมือนกับเทพแห่งสงครามปิดทององค์หนึ่ง

หลังทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับแล้ว กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเฟิงผสานกับกายศักดิ์สิทธิ์ พลังในทุกๆ ด้านเพิ่มมากขึ้นอย่างมาก

ฟู่ พรึ่บ!

จ้าวเฟิงสำแดงวิชาปีกอัสนีโบยบิน พร้อมพลังมองทะลุปรุโปร่งของสายเลือดดวงตาที่แข็งแกร่ง หลบหลีกการโจมตีส่วนใหญ่จากเซียนโม๋ยวนได้

“ฝ่ามือสายฟ้าทลายนภา!”

จ้าวเฟิงโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์วายุอัสนี ซัดฝ่ามือสายฟ้าสีแดงทองส่องประกายออกไป บนนั้นแฝงไว้ด้วยขอบเขตและพลังกฎเกณฑ์ต่างๆ ของจ้าวเฟิง

ครืน บึ้ม!

รยางค์แสงมารรอบกายของเซียนโม๋ยวนปะทะกับฝ่ามือสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ แผ่พายุคลั่งทำลายล้างอันน่าหวาดหวั่นออกมา

“วิชาฝ่ามือนี่…”

ใบหน้าของเซียนโม๋ยวนเคร่งเครียด การโจมตีของรยางค์แสงมารของเขาถูกสกัดกั้นจากเงาฝ่ามือไปหลายส่วน

วู้ม ครืน ครืน!

ในฝ่ามืออัสนีศักดิ์สิทธิ์ พลังขอบเขตอัสนีอันแข็งแกร่งแทรกซึมไปในท้องฟ้า

“เอ๊ะ สามารถส่งผลต่อโลกมิติส่วนตัวของข้าได้งั้นรึ!”

เซียนโม๋ยวนใจสั่นเล็กน้อย ฝ่ามือนี้ของจ้าวเฟิงไม่ธรรมดาเลย

“ลำแสงมารทำลายล้าง!”

เซียนโม๋ยวนคำราม รยางค์แสงมารทะลักออกมาพร้อมกัน หลอมรวมพลังโจมตีไปยังจุดหนึ่ง

ครืน บึ้ม!

ฝ่ามืออัสนีศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเฟิงถูกรยางค์แสงมารทะลุผ่านในชั่วพริบตา ในขณะเดียวกัน รยางค์แสงมารเหล่านั้นก็โจมตีจ้าวเฟิงอีกครั้ง

“ขอบเขตแก่นแท้อัสนี!”

กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเฟิงพลันแผ่กระจายแก่นแท้อัสนีอันน่าหวาดหวั่น ทั่วบริเวณหลายสิบลี้ตกเข้าสู่ความกดดันอันไร้รูปร่างและการโจมตีจากสายฟ้า

ในขณะเดียวกัน เกราะอัสนีแก่นแท้ชั้นหนึ่งหลอมรวมกับพลังศักดิ์สิทธิ์วายุอัสนี ก่อร่างเป็นเกราะสีแดงทองโบราณ ปรากฏขึ้นทั่วร่างของจ้าวเฟิง

ครืน ฉัวะ ฉัวะ!

จ้าวเฟิงโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับอย่างสุดกำลัง เวลาเดียวกันก็นำพลังขอบเขตแก่นแท้อัสนีหลอมรวมเขาไปใน ‘เกราะคุ้มกาย’ ทั่วร่าง

ครืน!

จ้าวเฟิงเจอไม้ตายของเซียนโม๋ยวนจนต้องถอยไปหลายลี้ เกราะคุ้มกันถูกทำลาย พลังย้อนคืนดั้งเดิมของแก่นแท้อัสนีอันบ้าคลั่งยังไม่ทันโจมตีถึงเซียนโม๋ยวน ก็ถูกรยางค์แสงรอบกายเขาสกัดกั้นเอาไว้เกือบทั้งหมด

“ฝีมือเพียงแค่นี้ คิดจะต่อกรกับเทวาเร้นลับชั้นสูงรึ!”

เซียนโม๋ยวนอดหัวเราะเยาะไม่ได้

หลังจากที่จ้าวเฟิงทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับ เขาแข็งแกร่งกว่าผู้แข็งแกร่งเทวาเร้นลับชั้นแรกเริ่มทั่วไปหลายเท่าก็จริง แต่ยังไม่มีทางเป็นคู่มือของเซียนโม๋ยวนได้

“เจ้าดีใจเร็วเกินไปกระมัง!”

มุมปากของจ้าวเฟิงปรากฏรอยยิ้มบางๆ

สีหน้าของเซียนโม๋ยวนชะงักไป รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล ประสาทสัมผัสวิญญาณกวาดผ่าน

เห็นเพียงคู่มือของเฒ่าประหลาดสวีและเซียนราตรีทมิฬ จู่ๆ ก็พ่ายแพ้ไป จากนั้นพวกเขาเซียนทั้งสองก็เริ่มช่วยหนานเฟิงอ๋องกับเซียนซิงหมัวจัดการกับเซียนเอ้อไหลและเซียนเสียเจิน

แท้ที่จริงแล้ว เมื่อครู่ตอนจ้าวเฟิงสู้กับเซียนโม๋ยวนก็นำสมาธิไปไว้ที่เฒ่าประหลาดสวีและเซียนราตรีทมิฬ โคจรเจตจำนงดวงตาพลางแอบช่วยพวกเขา กระทั่งในเวลาสำคัญก็ใช้วิชาดวงตาทันที

บนร่างของเฒ่าประหลาดสวีและเซียนราตรีทมิฬล้วนมีตราผนึกดวงใจทมิฬของจ้าวเฟิง การทำเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย

จ้าวเฟิงคิดอยากจะฝึกฝนพลังหลังจากทะลวงขอบเขตแล้ว แต่เขายังเป็นคนที่เห็นแก่ส่วนรวม

“จ้าวเฟิง เจ้า….”

เซียนโม๋ยวนถลึงตากัดฟันกรอด ใกล้จะระเบิดอารมณ์เต็มที

เซียนชั้นแรกเริ่มที่เพิ่งทะลวงขั้นได้ ในยามที่สู้กับเขายังจะแบ่งสมาธิไปยุ่งกับการต่อสู้อื่น

“ปีศาจเริงระบำ!”

เซียนโม๋ยวนคำรามก้อง กางแขนออก แสงวนพลังศักดิ์สิทธิ์ในกายหมุนคว้าง พลังศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมล้นทะลักออกมา

ครืน ฟู่!

พื้นที่ที่เซียนโม๋ยวนอยู่พลันมีรยางค์แสงมารมหึมานับไม่ถ้วนก่อตัวขึ้น รยางค์ทุกเส้นราวกับปีศาจเหี้ยมโหดน่าหวาดกลัว กระชากโบกสะบัด

“ไม่ดีแล้ว เซียนโม๋ยวนสำแดงวิชาไม้ตาย”

สีหน้าจ้าวเฟิงจริงจัง

เพิ่งจะทะลวงขั้น ระดับพลังของเขายังไม่มั่นคง ถึงแม้จะให้เวลาเขาทำให้เสถียร แต่ภายใต้การต่อสู้ซึ่งหน้ากับเซียนโม๋ยวน เขาก็เสียเปรียบไปกว่าครึ่ง

วู้ม ครืน ครืน!

จ้าวเฟิงปลดปล่อยพลังเงาโลกมิติส่วนตัววายุอัสนี แล้วประสานกับขอบเขตแก่นแท้อัสนี ลดการโจมตีไอสวรรค์จากเซียนโม๋ยวน

“จ้าวเฟิง ข้ามาแล้ว!

ในยามนี้เอง เสียงเย็นชาของหนานกงเซิ่งดังมาจากข้างหลังจ้าวเฟิง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!