Skip to content

King of Gods 1087

King Of Gods

บทที่ 1087 ผลของเถาวัลย์

ในฟ้าดิน คลื่นแสงสำนึกรู้ที่น่าหวาดกลัว ประหนึ่งสัตว์ร้ายยุคบรรพกาลปะทะเข้าใส่อย่างกำเริบเสิบสาน

หนานกงเซิ่งและจ้าวหยูเฟยที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองจากเงาโลกมิติส่วนตัวเมืองมายาของจ้าวเฟิง ยังคงรู้สึกว่าวิญญาณโดนโจมตีอย่างรุนแรงไม่หยุด ความรู้สึกนึกคิดเริ่มเลือนราง

สถานการณ์ของจ้าวเฟิงพอจะดีอยู่บ้าง เขาที่มีวิญญาณแข็งแกร่ง เมื่อฝึกฝนเคล็ดวิชาวิญญาณอย่าง ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ บวกกับการปกป้องคุ้มครองจากดวงตาเทพเจ้า ดังนั้นจึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก

เวลาผ่านไปสักพัก พลังโจมตีสำนึกรู้ทั่วทั้งที่แห่งนั้นค่อยๆ ลดน้อยลง

อีกทั้งผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในเหตุการณ์เกือบเจ็ดส่วนขึ้นไปสูญเสียสติ ทรุดลงบนพื้น เป็นตายยากจะรู้ได้

เซียนกับราชาเซียนที่เหลือซึ่งมีกลวิธีอย่างอื่นหรือมีพลังวิญญาณค่อนข้างแข็งแกร่งก็ไม่ได้สบายมากนัก จากการปะทะของพลังสำนึกรู้ที่รุนแรงระลอกนั้น ทำให้สติวิญญาณของพวกเขาอ่อนแออย่างยิ่ง

ส่วนผู้แข็งแกร่งขั้นครึ่งเทพทั้งสอง ถึงแม้ว่าพลังวิญญาณจะแข็งแกร่ง แต่เพราะยืนอยู่หน้าสุดจึงยังได้รับผลกระทบในระดับหนึ่ง

ในตอนนี้ ผู้แข็งแกร่งที่นี่ถึงจะเพิ่งจะเข้าใจ ในผลึกยักษ์สะสมพลังสำนึกรู้ไว้มากเกินไป จึงปรากฏรอยแยกทันใด พลังทั้งหมดภายในนั้นทะลักออกมา ยังไม่ทันได้ป้องกันอะไรก็กลายเป็นเช่นนี้เสียแล้ว

แต่ในเวลานี้ ทุกคนที่พอยังมีสติ ไหนเลยจะมาไยดีสิ่งอื่น ทั้งหมดต่างกรูกันเข้าไปภายในผลึกยักษ์

จ้าวเฟิงรีบโคจรพลังวิญญาณ กระตุ้นหนานกงเซิ่งและจ้าวหยูเฟย

“ขอบคุณ พี่เฟิง!”

จ้าวหยูเฟยรีบกล่าวขอบคุณจ้าวเฟิง

พลังวิญญาณของนางพูดได้ว่าอ่อนแอที่สุดในสามคน ในเวลานี้สามารถรักษาสภาวะมีสติได้ก็โชคดีมากแล้ว

“ไป!” เมื่อจ้าวเฟิงเห็นคนทั้งสองสภาพดีขึ้นแล้วจึงเอ่ยปาก

สวบ สวบ สวบ!

ทั้งสามทะยานเข้าไปในทางเส้นเล็กที่เปิดแยกออก

“หืม พวกเจ้าสามคนไม่เป็นอะไรเลยนี่!”

ราชาเซียนเสี้ยวเทียนที่เตรียมตัวจะเข้าไปภายใน เมื่อเห็นพวกจ้าวเฟิงยังมีสติดีอยู่ก็แปลกใจเล็กน้อย

ราชาเซียนส่วนหนึ่งในที่นั้นต่างเสียเปรียบไปบ้างเมื่อไม่ได้เตรียมตัวระวัง แต่เซียนมนุษย์ทั้งสามคนกลับยังประคับประคองสติเอาไว้ได้

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็เข้าไปตายกันให้หมด!”

ราชาเซียนเสี้ยวเทียนมีสีหน้าโหดเหี้ยม

ในสายตาเขา ถึงเซียนขอบเขตเทวาเร้นลับทั้งสามจะต้านทานการโจมตีของพลังบ้าคลั่งเมื่อครู่ได้ แต่สภาพในตอนนี้ก็ไม่ได้ดีมากนัก โดยเฉพาะจ้าวเฟิงและจ้าวหยูเฟยที่ยังอยู่ในขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นต้น

พรึ่บ! ในมือของราชาเซียนเสี้ยวเทียนมีทวนยาวสีดำเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นทันใด ด้านบนเปล่งประกายแสงฟ้าอ่อนเหมือนว่าสามารถจัดการพลังธาตุน้ำทั้งหมดได้

“เพลิงดวงตาอัสนีเทวะ!”

จ้าวเฟิงชิงลงมือก่อนที่ราชาเซียนเสี้ยวเทียนจะเริ่มโจมตี

ในตอนนี้ จ้าวหยูเฟยและหนานกงเซิ่งค่อนข้างอ่อนแอ ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของราชาเซียนเสี้ยวเทียน ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงใช้วิชาดวงตาวิญญาณทันที

โครม ฟิ้ว! เห็นเพียงตราอัสนีเทวะที่บิดเบี้ยวกลุ่มหนึ่ง ลุกไหม้บิดโค้งประหนึ่งลูกเพลิง นำพากลิ่นอายวิญญาณที่น่ากลัวเกินจะเปรียบปะทะไปบนวิญญาณราชาเซียนเสี้ยวเทียนในฉับพลัน

ราชาเซียนเสี้ยวเทียนที่เพิ่งเรียกอาวุธชั้นนภามาแต่ยังไม่ทันลงมือก็ถูกขัดจังหวะเสียก่อน

“อ๊าก…”

ราชาเซียนเสี้ยวเทียนรู้สึกได้ว่าวิญญาณของตนเหมือนตกลงไปในนรกเพลิงอัสนี แบกรับการโจมตีหมื่นอัสนีที่ทำลายล้างทุกสรรพสิ่ง

การโจมตีนี้ของจ้าวเฟิงผสานพลังอัสนีเทวะเพียงสามส่วนจากในกายวิญญาณอัสนีของเขา แต่เพราะราชาเซียนเสี้ยวเทียนเพิ่งโดนจู่โจมจากพลังสำนึกรู้เมื่อครู่ วิญญาณเลยค่อนข้างอ่อนแอ พลังอัสนีเทวะเพียงสามส่วนจึงมากพอจะทำให้ราชาเซียนเสี้ยวเทียนบาดเจ็บได้

หลังจากปลดปล่อยการโจมตีนี้ออกไป พวกจ้าวเฟิงก็ฉวยโอกาสนี้เข้าไปภายในก้อนผลึกยักษ์

“บัดซบ เจ้าเด็กจ้าวเฟิง!”

ราชาเซียนเสี้ยวเทียนจำต้องยอมรับอย่างเสียไม่ได้ว่าเมื่อครู่นี้เขาประมาทศัตรูเกินไปแล้ว

อีกทั้งพัฒนาการของจ้างเฟิงอยู่เหนือความคาดเดาของเขาไปมาก

วูบ!

วินาทีที่พวกจ้าวเฟิงเข้าไปภายในผลึกยักษ์ ก็เหมือนมาเยือนโลกอัศจรรย์อีกแห่งหนึ่ง

ภายในมิติมีสีสันวิจิตรตระการ งดงามอย่างยิ่ง พลังสำนึกรู้ที่ล้ำลึกแจ่มแจ้งหลากหลายอย่างลอยตัวอยู่ทุกอณูในมิติ พลังกฎเกณฑ์หนาแน่นถาโถมเข้ามา

เพียงแต่ในวินาทีนั้น ทั้งสามคนสัมผัสได้ว่าสำนึกรู้วิญญาณของตนเองที่ลดฮวบเพิ่มขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว

แต่ถัดจากนั้น หนานกงเซิ่งและจ้าวหยูเฟยต่างรู้สึกว่าด้วยพลังวิญญาณของพวกเขาในตอนนี้ แทบจะไม่สามารถแบกรับการชะล้างจากพลังสำนึกรู้กลุ่มนี้ได้เป็นเวลานาน

หากไม่ใช้จิตวิญญาณทั้งหมด พลังของพวกเขาคงจะค่อยๆ รับไม่ไหว ดำดิ่งอยู่ในพลังกลุ่มนี้ ไม่อาจจะถอนตัวได้ และตกลึกลงไปในกับดัก

สถานการณ์เช่นนี้ เหมือนกับตอนที่วิญญาณของจ้าวเฟิงเพิ่งเข้าไปในบ่อน้ำประหลาดในห้วงฝันบรรพกาล แต่เมื่อพลังเหล่านี้หายไปอย่างช้าๆ คนที่อยู่ภายในผลึกยักษ์ถึงรู้สึกสบายขึ้นมาเล็กน้อย

“นั่นคือ?” จ้าวหยูเฟยแหงนศีรษะมองบนฟ้า

ในแต่ละแห่งของเถาวัลย์ยักษ์มีผลสีสันงดงามเปล่งแสงประหลาดออกมา

มองเพียงปราดเดียว ไม่ว่าใครก็รู้ได้ทันทีว่านี่จะต้องเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ในตอนนี้ ผลแบบนี้กลับมีมากมายนับไม่ถ้วนที่นี่ ประหนึ่งดวงดาราที่พร่างพรายเต็มฟ้า

“หืม มีอะไร?”

หนานกงเซิ่งเพิ่งคิดจะบินขึ้น กลับรู้สึกได้ว่าเสวียนอ้าวกฎเกณฑ์ที่เขาไม่อาจจะเข้าใจจำกัดพลังเอาไว้

พลังเซียนของเขายากที่จะผสานเข้ากับมิติแห่งนี้ได้

“เสวียนอ้าวกฎเกณฑ์ในฟ้าดินของที่นี่ต่างจากมิติของดินแดนทวีปอย่างสิ้นเชิง!”

จ้าวเฟิงมองเพียงปราดตาเดียวก็รับรู้ได้

มิติแห่งนี้คล้ายคลึงกับของห้วงฝันบรรพกาล แต่ด้านเสวียนอ้าวกฎเกณฑ์เหมือนว่าจะเป็นรูปเป็นร่างกว่านั้น

เมี้ยว เมี้ยว!

เจ้าแมวขโมยตัวน้อยกระโจนออกจากมนตราอากาศ เหมือนไม่ได้ได้รับผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น ดวงตาสีดำสนิทของมันมองรอบตัวอย่างใคร่รู้

ในตอนนี้ ครึ่งเทพสองคนกลางอากาศสำรวจรอบเถาวัลย์ขนาดใหญ่นั้นแล้ว เพื่อค้นหาโอกาสที่อาจพอช่วงชิงมาได้

ส่วนราชาเซียนเซียนชั้นสูงคนอื่นๆ ก็แยกตัวไปตามที่ต่างๆ ในมิติแห่งนี้เพื่อค้นหาโอกาสเช่นกัน

วูบ!

ราชาเซียนเสี้ยวเทียนก็เข้ามาภายในเช่นกัน เขาไม่ได้ไปใส่ใจพวกจ้าวเฟิงมากนัก แต่โบยบินขึ้นไปตรวจตรารอบๆ เถาวัลย์ใหญ่นั้นเพื่อมองหาโอกาสของตนเอง

เข้ามาที่นี่ก่อนก็จะมีโอกาสก่อน บางทีสัดส่วนที่จะได้สมบัติอาจมากกว่าด้วย เขาจึงย่อมไม่ไปเสียเวลากับพวกจ้าวเฟิง

ในเวลาหนึ่ง ครึ่งเทพกูซีก็หยุดฝีเท้าอยู่กลางอากาศ สะบัดมือผอมราวต้นไม้แห้งเบาๆ

แสงแวววับประหลาดกระทบลงบนผลสีแดงลูกหนึ่ง

ผลึกบนพื้นผิวของผลสีแดงลูกดังกล่าวเปราะบางอย่างยิ่ง ไหนจะยังมีรอยร้าวเล็กน้อย แต่ในเวลาเดียวกันกับที่ครึ่งเทพกูซีโจมตีออกมา ผลึกบนเปลือกผลเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบใดแม้แต่น้อย

“กูซี เจ้าเจออะไรบ้างแล้วหรือยัง?”

ในตอนนี้เอง ครึ่งเทพเมี่ยฝ่าฟากต่างเผ่าพันธุ์ระบายยิ้มอย่างโหดเหี้ยม ปีกสีดำสองข้างเบื้องหลังโบยบินไปยังข้างกายครึ่งเทพกูซี

“รนหาที่ตาย!”

ครึ่งเทพกูซีสีหน้าเคร่งเครียด รอบบริเวณพลันปรากฏลำแสงแพรวพราวนับไม่ถ้วน หมุนวนตรงไปหาครึ่งเทพเมี่ยฝ่า

“ครึ่งเทพสองคนประมือกันแล้ว!”

หนานกงเซิ่งตื่นตะลึง

ครึ่งเทพสองคนปรับตัวให้คุ้นชินกับมิติแห่งนี้ได้อย่างรวดเร็ว กลางอากาศเปลี่ยนเป็นสถานที่ต่อสู้ของครึ่งเทพ กลายเป็นพื้นที่ต้องห้าม

พวกจ้าวเฟิงทั้งสามก็กระจายตัวต่างคนต่างหาสมบัติของตนเองโดยไม่มีการนัดแนะแต่อย่างใด

จ้าวเฟิงไปที่ด้านข้างของผลสีน้ำเงินก่อน ในดวงตาซ้ายทะลักเจตจำนงดวงตาที่น่าสะพรึง ก่อนจะปลดปล่อยลายคลื่นสีทองอ่อนออกมา มองทะลุผ่านผลไม้ทั้งผล

สักพักหนึ่ง ลำแสงที่สาดออกมาจากในดวงตาจ้าวเฟิงก็สลายไป

“จะแยกส่วนผิวผลึกนี้ยากเกินไปจริงๆ!”

จ้าวเฟิงถอดใจที่จะแยกส่วนผลึกบนผลไม้สีฟ้านั้น

ด้วยความสามารถในการแยกส่วนของจ้าวเฟิง คิดจะแยกส่วนพลังเทพและผลึกที่เกิดขึ้นภายหลังก็ยากอยู่ไม่น้อย

เมี้ยว!

เจ้าแมวขโมยน้อยยืนบนบ่าจ้าวเฟิง กระโดดโลดเต้น โบกกรงเล็บไปมา

“เจ้ากำลังจะบอกว่าพลังสำนึกรู้ในมิติแห่งนี้รั่วไหลออกมาจากเถาวัลย์ เช่นนั้นแล้วผลึกบนผิวเถาวัลย์ก็จะต้องมีรอยปริร้าวแน่?”

จ้าวเฟิงเข้าใจความหมายของเจ้าแมวขโมยในทันที

ความจริงก็เป็นเช่นนี้ ในวินาทีที่เข้ามาที่นี่ ทุกคนก็แทบจะสนใจผลหลากสีพวกนั้น

แต่อยากจะได้ผลมายากเย็นแสนเข็ญ ครึ่งเทพกูซีที่อยู่กลางอากาศเจอผลไม้ที่มีรอยร้าวบนพื้นผิวผลึก ยังยากที่จะทำลายผลึกได้

เมื่อชี้ทางให้จ้าวเฟิงแล้ว เจ้าแมวขโมยน้อยก็กระโจนหายไป อยู่ในขุมสมบัติแบบนี้ มันย่อมไม่อาจจะสงบเสงี่ยมได้แน่นอน

จ้าวเฟิงไม่ได้สนใจ สาดซัดพลังเจตจำนง หลอมรวมเข้าไปในอากาศ

เสวียนอ้าวกฎเกณฑ์ในมิติแห่งนี้คล้ายคลึงกับห้วงฝันบรรพกาลอยู่บ้าง ดังนั้นพลังเจตจำนงส่วนมากของจ้าวเฟิงจึงผสานเข้ากับมิติแห่งนี้ได้อย่างรวดเร็ว

ไม่นานจ้าวเฟิงก็สัมผัสได้ว่า พลังสำนึกรู้ในบางแห่งของมิติแห่งนี้หนาแน่นอย่างประหลาด

ฟุ่บ! จ้าวเฟิงมาถึงจุดหนึ่งของเถาวัลย์ยักษ์ เห็นรอยปริร้าวขนาดใหญ่ดังคาด

ในรอยร้าวนั้นมีใบไม้ใบหนึ่งงอกออกมาพอดี

ใบไม้ผลึกสีแดงโปร่งแสงจนสามารถมองเห็นเส้นใยสีเขียวเข้มภายในได้อย่างชัดเจน

ยามที่เข้าใกล้ใบไม้ใบนี้ จ้าวเฟิงก็สามารถสัมผัสได้ถึงธาตุดินและน้ำที่เด่นชัดเป็นรูปร่าง รวมทั้งพลังสำนึกรู้

เมื่อสูดหายใจเข้าลึก กลิ่นหอมที่ทำให้สดชื่นและแรงกระตุ้นทะลักปั่นป่วนขึ้นในร่างกายจ้าวเฟิง

ในเวลานี้ ความเหนื่อยล้าและการสิ้นเปลืองพลังทั้งหมดของจ้าวเฟิงฟื้นคืนทั้งหมด กระทั่งภัยร้ายที่แฝงอยู่ตอนฝืนทะลวงขอบเขตพลังก็หายไปจนหมดสิ้น

“ช่างเป็นผลลัพธ์ที่แปลกประหลาดเหลือเกิน!”

จ้าวเฟิงใจเต้น สีหน้ายินดีอย่างยิ่ง

อาศัยช่วงที่ไม่มีใครสนใจ จ้าวเฟิงรีบเด็ดใบไม้ไปอย่างรวดเร็ว

ต่อจากนั้นจ้าวเฟิงจึงมายังอีกที่แห่งหนึ่ง

ในครั้งนี้ รอยร้าวบนผิวผลึกค่อนข้างเล็ก จึงไม่มีใบไม้โผล่มาอีก

แต่ทว่า ถ้าหากเป็นสถานที่ที่มีรอยร้าว จะทำความเข้าใจพลังสำนึกรู้ที่ลึกล้ำหนาแน่นในฟ้าดินได้ผลดีเป็นเท่าตัว

จ้าวเฟิงพบต่างเผ่าพันธุ์ในขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูงผู้หนึ่งนั่งอยู่บนรอยร้าวขนาดเล็กบนเถาวัลย์ กำลังอยู่ในสภาวะปิดด่านฝึกตน

แต่เห็นได้ชัดว่าจ้าวเฟิงไม่ยอมแพ้แค่นี้ จากใบไม้ที่เขาได้มาเมื่อครู่ ของชิ้นใดก็ตามที่ได้มาจากในมิติแห่งนี้ล้วนแต่ล้ำค่าอย่างยิ่ง

ทุกแห่งที่นี่จะต้องมีสมบัติและทรัพยากรที่คว้ามาได้ซ่อนอยู่อีกแน่ๆ

ต่อมา จ้าวเฟิงเคลื่อนไหวอีกครั้ง ค้นหามุมต่างๆ ของเถาวัลย์ ตรงจุดที่มีรอยร้าวบนผิวผลึก เขานำใบไม้มาได้สองใบเป็นผลสสำเร็จ

“หืม ราชาเซียนตี้กุ่ย?”

ในเวลานี้เอง ตาของจ้าวเฟิงเหลือบไปเห็นราชาเซียนตี้กุ่ยที่อยู่ในมุมหนึ่ง

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงปรากฏลายคลื่นสีทองอ่อนชั้นหนึ่ง มองทะลวงผ่านเถาวัลย์และผิวผลึก

“เร็ว รีบตัดมา!”

ราชาเซียนตี้กุ่ยเอ่ยอย่างกระวนกระวาย สีหน้ามีพิรุธอย่างยิ่ง

พายุมีดพร่าเลือนก่อตัวขึ้นบนมือเขา ฟันฉับเหนือขั้วของผลสีเหลืองลูกหนึ่ง

เมื่อมองอย่างละเอียด จะพบว่าผลสีเหลืองลูกนี้หลุดออกจากเถาวัลย์แล้ว แต่แขวนติดอยู่กับเถาวัลย์เพราะเส้นผลึก

และยามนี้ ราชาเซียนตี้กุ่ยกำลังโจมตีเส้นผลึกเล็กละเอียดนี้ไม่หยุด

ทันทีที่เส้นผลึกขาดสะบั้น ผลสีเหลืองที่มีผลึกอัดแน่นอยู่เต็มย่อมหลุดร่วงลงมา

ในเวลานี้เอง จ้าวเฟิงโบยบินมาอย่างรวดเร็ว

“ราชาเซียนตี้กุ่ย ให้ข้าช่วยท่านเถอะ!” จ้าวเฟิงยิ้มเอ่ยอย่างมีเลศนัย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!