บทที่ 1088 แย่งชิงอย่างดุเดือด
“ราชาเซียนตี้กุ่ย ให้ข้าช่วยเจ้าเถอะ!”
ราชาเซียนตี้กุ่ยที่กำลังตัดเส้นผลึกไม่หยุด จู่ๆ ได้ยินประโยคนี้ก็สั่นเทาทั่วร่าง
“เป็นจ้าวเฟิง!”
ราชาเซียนตี้กุ่ยมีสีหน้าสับสนวุ่นวาย ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
เขางุนงงอย่างยิ่ง ในเมื่อเส้นผลึกที่เล็กขนาดนี้ เขาผู้เป็นถึงราชาเซียนกลับคิดหาวิธีทำลายไม่ได้ แต่จ้าวเฟิงกลับเสนอตัวเสียนี่
“จ้าวเฟิง เจ้าคิดเห็นว่าอย่างไร?”
ราชาเซียนตี้กุ่ยสีหน้าหนักอึ้ง เอ่ยอย่างตรงไปตรงมา
การมาถึงของจ้าวเฟิงไม่ได้ดึงดูดความสนใจของผู้แข็งแกร่งอื่นๆ ในที่ดังกล่าว อย่างไรเสียพื้นที่ในนี้ก็มีขนาดใหญ่ พลังสำนึกรู้แน่นขนัด บวกกับเสวียนอ้าวกฎเกณฑ์ที่ไม่คุ้นเคยส่งผลรบกวนอย่างมาก และผู้แข็งแกร่งที่มาถึงที่นี่ในตอนนี้มีทั้งหมดประมาณสิบกว่าคน
บางคนก็หาโอกาสที่ตนเองคิดไว้เจอ มีบางส่วนถูกสะกดสายตาจากการประมือของเซียนสองคนกลางอากาศ
“ข้าย่อมอยากได้ผลเบื้องหน้าเจ้าแน่นอนอยู่แล้ว!”
จ้าวเฟิงตอบตามตรง
“ฝันไปเถอะ! ราชาเซียนตี้กุ่ยสวนกลับทันที
ต่อให้เขาหวาดระแวงจ้าวเฟิงอยู่บ้าง แต่เพื่อผลสีเหลืองลูกนี้แล้ว ราชาเซียนตี้กุ่ยสามารถทำอะไรก็ได้ทั้งสิ้น
“อย่าเพิ่งรีบร้อน ถ้าหากดึงดูดความสนใจของคนอื่นมาเพิ่มอีกละก็ ผลไม้ลูกนี้น่าจะกลายเป็นของในกระเป๋าครึ่งเทพ!”
จ้าวเฟิงยิ้มน้อยๆ
ราชาเซียนตี้กุ่ยรีบหยุดการโจมตีผลึกเส้นเล็กบางทันที ในเวลานี้ ต่อให้เขาตัดเส้นผลึกออก เจ้าของผลไม้ลูกนี้ก็อาจจะไม่ใช่เขาอยู่ดี
นอกเสียจากว่าตอนราชาเซียนตี้กุ่ยได้ผลไม้มาจะสามารถสังหารจ้าวเฟิงได้ทันที มิฉะนั้นหากจ้าวเฟิงป่าวประกาศเรื่องผลไม้นี้ออกไป ตัวเขาเองอาจจะรักษามันเอาไว้ไม่ได้
และเช่นเดียวกัน ถ้าหากจ้าวเฟิงได้ผลไม้นี้ไปครอบครอง และไม่ได้สังหารราชาเซียนตี้กุ่ยในทันที ราชาเซียนตี้กุ่ยก็จะประกาศเรื่องนี้ออกไป จ้าวเฟิงจะไม่สามารถครอบครองผลไม้ลูกนี้เช่นกัน
ราชาเซียนตี้กุ่ยเชื่อมั่นว่าจ้าวเฟิงเข้าใจในหลักการนี้เช่นกัน
“เจ้าคิดจะทำอะไร?”
ราชาเซียนตี้กุ่ยถาม
“พวกเราแบ่งผลไม้ลูกนี้กันได้”
ถึงแม้จ้าวเฟิงจะอยากได้ทั้งลูก แต่เขาเองก็เข้าใจว่าเป็นไปไม่ได้
ถึงจ้าวเฟิงจะสละศรสังหารเทพสังหารราชาเซียนตี้กุ่ย แต่ลงมือยิ่งใหญ่ขนาดนี้ก็คงจะดึงดูดให้ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดมาที่นี่
อีกทั้งศรสังหารเทพเป็นไพ่ตายรักษาชีวิตที่สำคัญที่สุดของจ้าวเฟิง ทันที่ใช้ไป จ้าวเฟิงก็ไม่กล้าอยู่ในร่างเทพต่อ
“แบ่ง?” ราชาเซียนตี้กุ่ยสีหน้าเคร่งเครียด
ในฐานะที่เป็นราชาเซียน อีกทั้งผลไม้ลูกนี้เขาเป็นคนเจอก่อน แต่ตอนนี้กลับต้องแบ่งกับเซียนขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นต้น นี่ทำให้เขาไม่อาจรับได้ แต่ด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ นี่เป็นหนทางที่ทำได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
มิฉะนั้นเขาและจ้าวเฟิงคงไม่อาจครอบครองมันได้
ถึงแม้เขาราชาเซียนตี้กุ่ยจะเกลียดชังจ้าวเฟิงนัก แต่เขาอยากได้ผลไม้มามากว่า ผลไม้ครึ่งหนึ่งก็สามารถช่วยเขาทะลวงขั้นเทพ พอถึงเวลานั้นจะสังหารจ้าวเฟิงก็เป็นเรื่องง่ายดายอย่างยิ่ง
“ตกลง!” ราชาเซียนตี้กุ่ยจึงเห็นด้วยกับจ้าวเฟิงในที่สุด
ได้ผลไม้มาครึ่งลูก ดีกว่าไม่ได้อะไรเลยอยู่แล้ว
“ข้าจะอำพรางให้ เจ้าไปเด็ดผลไม้มา”
จ้าวเฟิงบอกแผนการ
ถ้าหากคนทั้งสองร่วมกันเก็บผลไม้ จะต้องตกเป็นเป้าความสนใจของผู้แข็งแกร่งคนอื่นที่นี่ เมื่อถึงเวลานั้นคงจะยุ่งยากแล้ว
“ตกลง เอาแบบนี้แล้วกัน!”
ราชาเซียนตี้กุ่ยชะงักไปเล็กน้อย ก่อนเอ่ยพลางยิ้ม
ถ้าหากจ้าวเฟิงบอกให้ราชาเซียนตี้กุ่ยเป็นคนคุ้มกัน ส่วนตัวเขาเป็นคนเด็ดผลไม้ ราชาเซียนตี้กุ่ยคงรู้สึกไม่วางใจเท่าไหร่นัก
“เช่นนั้นก็เริ่มเถอะ คนที่เข้ามาภายในนี้มากยิ่งขึ้นทุกที!”
แววตาจ้าวเฟิงหนักอึ้งเล็กน้อย มองไปที่ทางเข้า มีเซียนอีกสองคนเข้ามาที่นี่อีกแล้ว
เซียนจำนวนมากที่ล้มหมดสติด้านนอกผลึกยักษ์กำลังค่อยๆ ฟื้นคืนสติกลับมา อีกทั้งต้องมีกลุ่มอื่นที่ผ่านมาทางนี้พอดีเข้ามาอีก
ยามนี้ ถึงแม้ภายในมิติแห่งนี้จะมีเพียงสิบกว่าคน แต่ก็ยิ่งมีจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
ถ้าหากไม่รีบเก็บเกี่ยวผลไม้ให้เร็วกว่านี้ พอถึงเวลาถูกผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ จับได้ขึ้นมาก็จะเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่
จ้าวเฟิงจึงทิ้งระยะห่างกับราชาเซียนตี้กุ่ยเล็กน้อย เมื่ออยู่ใกล้เถาวัลย์ยักษ์จึงเริ่มรับรู้ถึงพลังสำนึกรู้ที่สาดซัดออกมาจากด้านใน
ถึงจะเป็นการอำพราง จ้าวเฟิงก็ย่อมต้องลงแรงเข้าไว้ เพื่อปกปิดร่องรอยการเก็บเกี่ยวผลไม้ของราชาเซียนตี้กุ่ย
วิ้ง!
จ้าวเฟิงโคจร ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ แผ่ห้วงความคิดจำนวนนับไม่ถ้วนหลอมรวมเข้าไปในมิติแห่งนี้ สัมผัสถึงพลังสำนึกรู้ทรงอำนาจที่เก่าแก่และหนักอึ้ง
ทันใดนั้นเอง พลังสำนึกรู้ที่หนักหน่วงในอากาศบริเวณใกล้เคียงถูกจ้าวเฟิงทำให้ปั่นป่วน
มองเห็นเพียงน้ำวนสีแดงสดขนาดใหญ่ หมุนวนช้าๆ โดยมีจ้าวเฟิงเป็นศูนย์กลาง พลังสำนึกรู้ที่ไร้รูปร่างทะลักเข้าไปภายในสติและวิญญาณของจ้าวเฟิง
“พลังสำนึกรู้แข็งแกร่งเหลือเกิน!”
จ้าวเฟิงกระตือรือร้นอย่างยิ่ง โคจร ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ ในเวลาเดียวกัน
เซียนต่างเผ่าพันธุ์ผู้หนึ่งที่อยู่ค่อนข้างใกล้จ้าวเฟิง เมื่อเห็นความเคลื่อนไหวรอบกายเขามโหฬารเช่นนี้ สีหน้าพลันอึ้งไป แล้วจึงยิ้มเย็นออกมา
“เจ้าเด็กนี่ช่างไม่รักชีวิตเสียเลย ดูดซึมพลังสำนึกรู้รอบบริเวณอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้…”
เซียนคนอื่นที่นี่ล้วนแต่โคจรพลังรวมวิญญาณ เพื่อต้านทานการจู่โจมและผลกระทบจากพลังสำนึกรู้ เพราะพลังสำนึกรู้กลุ่มนี้ลึกล้ำสูงส่งเกินไป ทำให้คนทนไม่ไหว ดำดิ่งลงไปในการทำความเข้าใจจนหลงลืมโลกภายนอก
“ข้าว่าเจ้ามนุษย์นี่คงไม่อาจหนีออกจากที่นี่ไปได้แล้ว!”
เซียนอีกคนหนึ่งยิ้มเอ่ยเมื่อเห็นการกระทำของจ้าวเฟิง
การกระทำในตอนนี้ของจ้าวเฟิง เท่ากับราชันผู้หนึ่งใช้ทรัพยากรล้ำค่าที่ส่งผลต่อเซียน อีกทั้งสรรพคุณมหาศาลของมันไม่ใช่สิ่งที่ราชันทั่วไปจะสามารถแบกรับได้
“ไม่กลัวตายเลยจริงๆ ทว่าแบบนี้ก็ดี!”
ราชาเซียนตี้กุ่ยก็หัวเราะเยาะท่าทีของจ้าวเฟิง
ถ้าหากจิตสำนึกของจ้าวเฟิงติดอยู่ในสำนึกรู้เก่าแก่กลุ่มนี้จนหลับลึก ผลไม้ลูกนี้ก็จะกลายเป็นของเขาคนเดียว
ทว่าจ้าวเฟิงที่เป็นตัวต้นเรื่องย่อมรับรู้ถึงความน่ากลัวของพลังสำนึกรู้นี้
แต่ในเวลาเดียวกัน เขารับรู้เข้าใจเสวียนอ้าวฟ้าดินและสำนึกรู้กฎเกณฑ์ที่ใหม่หมดจดอย่างว่องไว พลังเหล่านี้เกาะกลุ่มเข้ากับพลังวิญญาณของจ้าวเฟิงอย่างรวดเร็ว ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่สามารถหลอมรวมเข้าไปในแสงวนพลังศักดิ์สิทธิ์ และเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพลานุภาพของพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับ
ในวินาทีหนึ่ง จ้าวเฟิงกระตุ้นตราอัสนีเทวะในกายวิญญาณอัสนี ทำให้วิญญาณรักษาความปราดเปรียวระดับสูงเอาไว้ การทำเช่นนี้ทำให้จ้าวเฟิงมีสติอยู่ตลอด และยังเพิ่มระดับการรับรู้ของตนเองด้วย
แน่นอนว่าในขณะที่ฝึกตนอยู่ จ้าวเฟิงยังสามารถแบ่งห้วงความคิดหนึ่งไปสำรวจสถานการณ์อื่นๆ ได้
ครึ่งเทพทั้งสองต่อสู้ไม่หยุดเพื่อผลไม้ลูกหนึ่งกลางอากาศ และก็เป็นเพราะเหตุนี้ จึงไม่ค่อยมียอดฝีมือกล้าโบยบินขึ้นไปหาสมบัติกลางอากาศ
“ครึ่งเทพกูซี ผลไม้ลูกนี้แบ่งกันกับข้าคนละครึ่ง มิฉะนั้นใครก็อย่าหวังจะได้ไป!”
ครึ่งเทพเมี่ยฝ่าฝ่ายต่างเผ่าพันธุ์เอ่ยขู่
ถึงแม้ในด้านพลังที่แท้จริง เขาอ่อนแอกว่าครึ่งเทพกูซีอยู่บ้าง แต่เขาไม่หวังจะเอาชนะครึ่งเทพกูซี ขอแค่ตรึงกำลังและขัดขวางเอาไว้ก็พอแล้ว
“ครึ่งเทพเมี่ยฝ่า แต่เดิมเจ้ายังมีโอกาสค้นหาโอกาสอื่นๆ ของที่นี่ได้ แต่ในตอนนี้เจ้าไม่มีหวังแล้ว!”
ดวงตาขุ่นมัวของครึ่งเทพกูซีพลันปลดปล่อยระลอกแสงที่แปลกประหลาดออกมา
ครึ่งเทพเมี่ยฝ่าตะลึงไปชั่วขณะ สังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากล
วังลอยฟ้าเคยเป็นผู้นำของสำนักทั้งหมดในพื้นที่ราชวงศ์ต้าเฉียน ต่อมาตำหนักไท่หวงเรืองอำนาจ ร่วมมือกับขั้วอำนาจมากมายสถาปนาราชวงศ์ขึ้น ทำให้วังลอยฟ้าค่อยๆ ตกต่ำลง แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น วังลอยฟ้าก็ยังคงเป็นสำนักสี่ดาว เป็นขั้วอำนาจลำดับที่สองของราชวงศ์ต้าเฉียน ศักยภาพมหาศาลเทียบเท่าได้กับตำหนักไท่หวง
พรึ่บ!
ชั่วเวลาหนึ่ง มือขวาที่ผอมราวต้นไม้แห้งของครึ่งเทพกูซีปรากฏถุงมือสีขาวเก่าแก่ ด้านบนถุงมือมีอักษรประหลาดมากมาย
วินาทีที่ถุงมือนี้ปรากฏ ไอสวรรค์ที่หนาแน่นในฟ้าดินสั่นสะเทือนและตรงเข้าไปใกล้
เส้นแสงสีขาวสว่างสะท้อนไปมาในอากาศ ก่อขึ้นเป็นกรงเล็บผลึกขนาดยักษ์ สาดซัดพลานุภาพน่ากลัวที่กดดันฟ้าดิน
“อาวุธเทพชั้นรอง รอยแห่งนภา!”
ครึ่งเทพเมี่ยฝ่าจ้องเขม็งเล็กน้อย
ถ้าหากครึ่งเทพมีอาวุธเทพชั้นรองชิ้นหนึ่ง พลังของตัวเองอย่างน้อยก็จะเพิ่มขึ้นสี่ถึงห้าส่วน ทั้งที่เป็นครึ่งเทพเหมือนกัน ครึ่งเทพเมี่ยฝ่ากลับไม่มีอาวุธเทพชั้นรอง
ครึ่งเทพกูซีสวม ‘รอยแห่งนภา’ แล้วโบกมือขวา รอยแตกสีขาวสว่างพลันทะลักออกมา เกาะกลุ่มกันเป็นพายุวาววับ พุ่งไปหาครึ่งเทพเมี่ยฝ่าในลักษณะที่จะบดขยี้ทุกสรรพสิ่ง ในวินาทีนี้ ท้องฟ้าเหมือนถูกฉีกเป็นรอยแยกสว่างเส้นหนึ่ง พลานุภาพที่น่าสะพรึงกลัวอยู่เหนือแปดทิศ ข่มขวัญใต้หล้า
“แย่ล่ะ!”
ครึ่งเทพเมี่ยฝ่ารีบหยิบอาวุธป้องกันชั้นนภาออกมาทันที ในเวลาเดียวกันก็เผาผลาญพลังเทพส่วนหนึ่ง สำแดงเคล็ดวิชาป้องกันออกมา
“วงแหวนฟ้าดิน!”
รอบกายครึ่งเทพเมี่ยฝ่าปรากฏแสงขนนกสีดำจำนวนนับไม่ถ้วน กลายเป็นเกราะคุ้มกายสีดำ…
เซียนส่วนหนึ่งด้านล่างพลันชะงักค้าง มองภาพการต่อสู้ของครึ่งเทพที่ใช้อาวุธเทพชั้นรอง
เซียนส่วนหนึ่งที่กำลังรับรู้พลังสำนึกรู้ในมิติแห่งนี้ ล้วนโดนแรงกดดันมหาศาลในฟ้าดินขัดจังหวะ
“พลังของอาวุธเทพชั้นรองที่สมบูรณ์!” จ้าวเฟิงทอดถอนใจ
อาวุธเทพชั้นรองอยู่ในมือครึ่งเทพ ถึงจะสามารถปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมาได้ ครึ่งเทพที่ครอบครองอาวุธเทพชั้นรองจะมีกำลังรบเพิ่มขึ้นอีกระดับขั้นหนึ่ง
ในครั้งนี้นับได้ว่าจ้าวเฟิงได้ชมการต่อสู้ของครึ่งเทพในระยะใกล้
ทว่าในตอนนี้ ประโยชน์จากการดูการต่อสู้ของครึ่งเทพ ยังด้อยกว่าจ้าวเฟิงดูดซึมและรับรู้พลังสำนึกรู้ของสถานที่แห่งนี้มากนัก
เมื่ออยู่ในสภาวะแบบนี้ ไม่นานเท่าไหร่นัก พลังวิญญาณของจ้าวเฟิงก็เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน แต่ยามนี้สติของจ้าวเฟิงจึงเริ่มสับสนไม่ชัดเจน เหมือนกำลังจะตกลงไปในพื้นดินที่เวิ้งว้าง หุบเขา และมวลอากาศบ้าคลั่งที่เกิดจากพลังสำนึกรู้…
“พลังสำนึกรู้ในสถานที่แห่งนี้จะรุนแรงเกินไปแล้ว!”
หากเปลี่ยนเป็นเซียนทั่วไป หากดูดซึมและรับพลังสำนึกรู้ในฟ้าดินเป็นจำนวนมากเหมือนจ้าวเฟิง คงสิ้นสติหรือเงียบงันไปนานแล้ว
ทันใดนั้นเอง ดวงตาซ้ายจ้าวเฟิงหมุนโคจร ลำแสงที่เจิดจ้าแสบตาสาดซัดออกมาไม่หยุดเหมือนเป็นงานศิลปะชั้นเอก
หลังจากโคจรดวงตาเทพเจ้าแล้ว ความคิดของจ้าวเฟิงชัดเจนแจ่มแจ้งขึ้น อีกทั้งอัตราส่วนของการรับรู้พลังสำนึกรู้กลุ่มนี้ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
วิ้ง! ลายคลื่นสีทองอ่อนที่แผ่ออกมาจากดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงสามารถวิเคราะห์ได้ทุกสรรพสิ่ง เอื้อให้จ้าวเฟิงทำความเข้าใจเสวียนอ้าวและกฎเกณฑ์ได้ลึกล้ำยิ่งขึ้น
พรึ่บ!
จ้าวเฟิงรู้สึกว่าจิตสำนึกของเขาเหมือนหลอมรวมเข้าไปในมิตินี้อย่างสิ้นเชิง แล้วยังสัมผัสถึงพลังในธรรมชาติได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
“เจ้าเด็กนี่ มีพลังเจตจำนงที่แก่กล้านัก…”
ราชาเซียนตี้กุ่ยที่อยู่ไม่ไกลจากที่ที่จ้าวเฟิงฝึกตนมากนักเผยสีหน้าตื่นตะลึง
ถึงแม้ขณะนี้ความสนใจของคนจำนวนมากถูกดึงดูดโดยการต่อสู้ของครึ่งเทพกลางอากาศ แต่ราชาเซียนตี้กุ่ยอยู่ใกล้จ้าวเฟิงมากขนาดนี้ ย่อมสังเกตเห็นสภาวะของจ้าวเฟิงในตอนนี้ได้
หลังจากใช้พลังดวงตาเทพเจ้าแล้ว สติจ้าวเฟิงปลอดโปร่งเกินกว่ายามปกติ แผ่ห้วงความคิดออกมาเพื่อสังเกตการณ์โลกภายนอกอีกครั้ง
กลางอากาศ ครึ่งเทพเมี่ยฝ่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของครึ่งเทพกูซีอีกต่อไป เขาตกอยู่ในสถานการณ์เป็นฝ่ายถูกโจมตี แต่ครึ่งเทพเมี่ยฝ่าทุ่มเทสุดพลังเพื่อต้านทาน ครึ่งเทพกูซีจึงยังทำอะไรเขาไม่ได้มากนัก
หลังจากนั้นครึ่งเทพกูซีจึงปล่อยครึ่งเทพเมี่ยฝ่า และใช้อาวุธเทพชั้นรองรอยแห่งนภาโจมตีไปยังผลไม้ที่เปลือกเต็มไปด้วยผลึก
ครึ่งเทพกูซีเปลี่ยนโจมตีเป็นป้องกัน ในตอนที่ครึ่งเทพเมี่ยฝ่าโจมตีมา เขาจะตั้งรับอย่างพอเหมาะและทุ่มความตั้งใจส่วนใหญ่ไปที่ผลไม้ลูกนั้น
แกรก!
รอยร้าวของผลึกบนเปลือกผลสีแดงลูกนั้นขยายออกไปหลายส่วนอย่างรวดเร็ว