Skip to content

King of Gods 1104

King Of Gods

บทที่ 1104 หุ่นเชิดกลไก

จ้าวเฟิงและครึ่งเทพจวี้เหมิ่งยืนอยู่บนแผ่นเหล็กสีเขียวที่ยาวหลายร้อยจั้งแผ่นหนึ่ง ตรงกลางของแผ่นเหล็กแท่นโลหะ และยังมีชิ้นเหล็กสีดำทรงสามเหลี่ยมลอยอยู่ด้านบน

“กระบวนการช่วงชิงเริ่มขึ้น ผู้มีชัยถึงจะมีคุณสมบัติลองให้อาวุธเทพยอมศิโรราบ!”

เสียงราวเครื่องจักรกลดังขึ้นจากชิ้นเหล็กทรงสามเหลี่ยมที่ลอยอยู่ด้านบน

“อาวุธเทพ!”

ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งใจสั่นระรัว ดวงตาจับจ้องเหล็กที่ล่องลอยอยู่บนแท่นโลหะ

ในวินาทีนี้ ขนาดจ้าวเฟิงยังถึงขั้นลืมอันตรายของตนเอง

ถึงแม้จ้าวเฟิงยังไม่ค่อยเข้าใจว่าสิ่งนี้เป็นอาวุธเทพอะไร แต่ในเมื่อเป็นอาวุธเทพก็ย่อมต้องมีจุดที่พิเศษของตัวมันเอง แต่ถึงจะไม่มีประโยชน์อะไร ก็ยังไม่ใช่สิ่งที่อาวุธชั้นนภาจะสามารถเปรียบเทียบได้

“ฮ่าๆ นับว่าโชคดีเอาการ สามารถสังหารเจ้าได้แล้วยังได้อาวุธเทพชิ้นหนึ่งมาด้วย!”

จู่ๆ ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งก็หัวเราะเสียงดัง จากที่เขาดู อาวุธเทพชิ้นนี้จะต้องเป็นของเขาแน่

สีหน้าจ้าวเฟิงหนักอึ้งลงเล็กน้อย ถึงแม้จะไม่รู้ว่า ‘กระบวนการช่วงชิง’ คืออะไร แต่โอกาสที่จ้าวเฟิงจะชนะค่อนข้างน้อยจริงๆ

“เริ่มทดสอบได้!”

เหนือแท่นโลหะสาดลำแสงสีทองโปร่งแสงมาสองเส้น

ตรงมายังจ้าวเฟิงและครึ่งเทพจวี้เหมิ่ง

“พลังวิญญาณ พลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับ การป้องกันร่างกาย ถึงขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูงระดับสุดยอดทั้งหมด เลือดแข็งแกร่ง สายเลือดธาตุไฟ และยังมีสายเลือดดวงตานิรนาม!”

เสียงเหมือนกลไกนั้นดังขึ้น

จ้าวเฟิงอึ้งไปเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าแท่นโลหะจะสามารถจำแนกพลังของตนเองได้ชัดเจนแม่นยำเช่นนี้

อีกด้าน ทางครึ่งเทพจวี้เหมิ่งสีหน้าตื่นตระหนก พลังของจ้าวเฟิงอยู่เหนือคนในระดับขั้นเดียวกันไปมากก็จริงอยู่ แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าสามด้านนี้ของจ้าวเฟิงจะถึงเทวาเร้นลับชั้นสูงระดับสุดยอดไปแล้ว

“พลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับและพลังวิญญาณแตะขั้นราชาเซียนระดับสุดยอด การป้องกันร่างกายแข็งแกร่งเล็กน้อย ร่างกายยังมีสายเลือดระดับสูงอยู่ พลังเทพที่ปลดปล่อยออกมาจะต้องเทียบเท่าครึ่งเทพชั้นต้นแน่นอน!”

เมื่อเปรียบกับจ้าวเฟิงแล้ว การประเมินพลังของครึ่งเทพจวี้เหมิ่งไม่มีจุดเด่นใดๆ ถึงกระทั่งทำให้ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งรู้สึกขายหน้าเล็กน้อย

วินาทีต่อมา แผ่นเหล็กสีเขียวที่จ้าวเฟิงและครึ่งเทพจวี้เหมิ่งยืนอยู่ ต่างผุดของสีเขียวเลือนรางออกมาสามกลุ่ม ของสีเขียวเหล่านั้นบิดเบี้ยวเปลี่ยนรูปร่างไปมา จนสุดท้ายกลายร่างเป็นหุ่นเชิดกลไกสามตัว

หุ่นเชิดกลไกสามตัวด้านหน้าจ้าวเฟิง ตัวแรกยืนอยู่ด้านหน้าเขา ตัวที่สองยืนอยู่ตรงกลางของแผ่นเหล็กสีเขียว ส่วนตัวที่สามยืนค่อนข้างชิดอาวุธเทพ

“ห้ามใช้พลังภายนอก ใครเอาชนะหุ่นเชิดกลไกสามตัวได้ก่อน จะเป็นผู้ชนะ!”

แท่นโลหะเอ่ยประโยคสุดท้ายออกมา

จ้าวเฟิงมองหุ่นเชิดกลไกตัวแรกด้านหน้าตนเองเล็กน้อย ทั้งพลังวิญญาณ พลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับ และการป้องกันร่างกายอยู่ในระดับสูง และยังมีพลังดวงตาสูงส่งอีกด้วย

สรุปโดยรวมคือ หุ่นเชิดกลไกตัวนี้มีพลังเทียบเท่าเสมอกับจ้าวเฟิง

อีกด้านหนึ่ง หุ่นเชิดกลไกสามตัวเบื้องหน้าครึ่งเทพจวี้เหมิ่งก็มีพลังใกล้เคียงกับพลังของตัวเขาเองอย่างยิ่ง

“นี่มันการทดสอบบ้าบออะไร!”

ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งก่นด่าทันที

เอาชนะผู้แข็งแกร่งในระดับเทียบเท่ากันสามคนก็นับว่ายากไม่ใช่น้อย คนทั่วไปไม่อาจทำได้เลย

จู่ๆ หุ่นเชิดกลไกตัวตรงหน้าก็ขยับตัว ใช้ฝีเท้าที่อัศจรรย์พันลึกเข้ามาใกล้จ้าวเฟิง

“ดูจากสถานการณ์แล้วน่าจะเป็นการเอาชนะหุ่นเชิดกลไกสามตัวทีละตัว ไม่ใช่ต่อสู้กับหุ่นเชิดกลไกสามตัวพร้อมกัน!”

ในสามหุ่นเชิดกลไกนั้น มีเพียงหุ่นเชิดกลไกตัวที่อยู่ใกล้จ้าวเฟิงขยับตัว

ขอแค่จ้าวเฟิงเอาชนะหุ่นเชิดกลไกทั้งสามตัวได้ครบ แล้วยังเร็วกว่าครึ่งเทพจวี้เหมิ่ง เช่นนั้นเขาก็จะกลายเป็นผู้ชนะแล้ว

ในตอนนี้ จ้าวเฟิงรู้สึกเสียใจภายหลังอยู่เล็กน้อย ในตอนนั้นน่าจะรีบทำเวลา คัดลอกศรสังหารเทพชั้นรองเอาไว้ให้ได้จำนวนหนึ่ง

หากใช้ศรสังหารเทพชั้นรอง จ้าวเฟิงน่าจะจัดการหุ่นเชิดกลไกสามตัวได้อย่างสบายๆ แต่ในวันนี้ศรสังหารเทพชั้นรองของจ้าวเฟิงใช้จนหมดแล้ว

ถึงแม้ว่าจะใช้ศรสังหารเทพจนสามารถเอาชนะหุ่นเชิดทองทั้งสามได้ และกลายเป็นผู้ชนะในตอนสุดท้าย

แต่แท่นโลหะบอกเอาไว้ว่า ‘คนชนะเท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติลองให้อาวุธเทพยอมศิโรราบ!’

หากจ้าวเฟิงใช้ศรสังหารเทพไปแล้ว สุดท้ายทำให้อาวุธเทพยอมศิโรราบไม่ได้ เช่นนั้นคงขาดทุนแย่

พรึ่บ แซ่ด!

จ้าวเฟิงรีบกระตุ้นกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ ปลดปล่อยพลังวายุอัสนีกับเงาโลกมิติส่วนตัวออกทันที

โครม!

ประมือกันครั้งแรก จ้าวเฟิงยังมีท่าทีลองหยั่งเชิงเท่านั้น แต่ก็ยังโดนหุ่นเชิดกลไกโจมตีจนต้องถอยร่นไปหลายก้าว

“พลังของกลไกเทียบเท่ากับข้าที่อยู่ในสภาวะสุดยอดทีเดียว!”

จ้าวเฟิงได้ข้อสรุปอย่างรวดเร็ว

อีกทั้งกฎเกณฑ์ของมิติแห่งนี้ประหลาดอย่างมาก จ้าวเฟิงไม่สามารถเชื่อมกับเสวียนอ้าวฟ้าดินได้เลย เมื่อต่อสู้กับหุ่นเชิดกลไกจึงไม่มีพลานุภาพร้ายกาจอย่างที่คิดไว้ อีกทั้งยังโดนกดข่มอย่างยิ่งด้วย

“ถ้าข้าชิงสังหารจ้าวเฟิงก่อน ผู้ชนะก็จะมีแค่ข้าแล้ว!”

จู่ๆ ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งก็ได้ความคิดนี้ขึ้น รีบร้อนโบยบินไปใกล้จ้าวเฟิงทันที

แต่เขาเพิ่งจะโบยบินผ่านเหนือนศีรษะของหุ่นเชิดกลไกตัวที่สอง ดวงตาของหุ่นเชิดกลไกตัวนั้นก็ทอประกาย และโจมตีครึ่งเทพจวี้เหมิ่งพร้อมกับหุ่นเชิดกลไกตัวหนึ่งทันที

“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?”

ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งลนลาน

ดูท่าแล้ว ถ้าหากเขาบินไปหาจ้าวเฟิง น่าจะต้องโดนโจมตีจากหุ่นเชิดกลไกบนแผ่นเหล็กสีเขียวพร้อมกันสามตัวแน่นอน

ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งบินกลับมาที่เดิมของเขา ส่วนเจ้าหุ่นเชิดกลไกตัวที่สองเองก็โบยบินกลับไปที่เดิม ดวงตาของมันพลันสงบลง

เมื่อทำอะไรไม่ได้ ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งทำได้เพียงต่อสู้กับหุ่นเชิดกลไกตัวแรกตามกติกา

จ้าวเฟิงเองย่อมมองเห็นทุกสิ่งจากอีกฟากหนึ่ง

“ฝ่ามือสายฟ้าทลายนภา!”

จ้าวเฟิงหลอมรวมพลังศักดิ์สิทธิ์วายุอัสนี สร้างเงาฝ่ามืออัสนีสีชาดสายหนึ่งออกมา

ส่วนหุ่นเชิดกลไกตัวนั้นก็สำแดงกลยุทธ์ชั้นนภา ปลดปล่อยฝ่ามือสีแดงสดออกมาเช่นกัน

โครม! ครั้งนี้ จ้าวเฟิงใช้แรงทั้งหมดรุกโจมตี จนไม่ด้อยไปกว่าหุ่นเชิดกลไก

“วิธีการปกติไม่อาจเอาชนะหุ่นเชิดกลไกได้!”

แววตาของจ้าวเฟิงเคร่งขรึมลงเล็กน้อย

ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งเองก็สังเกตเห็นปัญหานี้เช่นกัน

ความสามารถในแต่ละด้านของหุ่นเชิดกลไกเหล่านี้เทียบเท่ากับคนทั้งสอง หนำซ้ำความคิดความอ่านของพวกนั้นก็ไม่ด้อยไปกว่ามนุษย์ธรรมดา ถึงขั้นที่ว่าความสามารถแยกแยะวิเคราะห์ด้านการต่อสู้ยังแม่นยำมากกว่าด้วยซ้ำไป

แต่ทว่าที่พวกนั้นขาดไปก็คือไม้ตายและอาวุธสังหาร

“เจ้าเดาสายเลือดดวงตาของข้าผิดไป!”

จ้าวเฟิงระบายยิ้ม

หุ่นเชิดตรงหน้ามีพลังวิญญาณแฝงอยู่อย่างเห็นได้ชัด และก็มีพลังดวงตาพิเศษ แต่จ้าวเฟิงไม่เชื่อว่าดวงตาของหุ่นเชิดกลไกตัวนี้จะสู้ดวงตาเทพเจ้าของตนได้

“เขตแดนคุกมายา!”

จ้าวเฟิงปลดปล่อยวิชาลวงตาที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาออกมาเป็นครั้งแรกเพื่อทดสอบสักหน่อย

ขวับ! ดวงตาซ้ายของกลายเป็นโลกเขาวงกตสีทองม่วงที่ไร้ขอบเขต ปลดปล่อยแรงดึงดูดรุนแรงออกมา อีกฝั่งหนึ่ง หุ่นเชิดกลไกโคจรพลังดวงตา เพื่อสำแดงการโจมตีวิชาลวงตาประเภทหนึ่งเช่นกัน

พลังศาสตร์ลวงตาไร้รูปร่างสองกลุ่มเกี่ยวกระหวัดเข้าหากัน

ในวินาทีต่อมา วิชาลวงตาของก็จ้าวเฟิงเอาชนะวิชาลวงตาของหุ่นเชิดกลไกไปได้

“สำเร็จแล้ว!”

จ้าวเฟิงมีสีหน้าปีติ

พลังดวงตาของหุ่นเชิดกลไกอาจจะติดยี่สิบอันดับต้นในสายเลือดวิถีราชา ถึงจะเป็นสายเลือดดวงตาที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่อาจเทียบเคียงได้กับดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิง

เมื่อได้รับผลกระทบจากศาสตร์ลวงตาวิชาดวงตาของจ้าวเฟิง ความสามารถในแต่ละด้านของหุ่นเชิดกลไกลดลงอย่างรวดเร็ว

ฝ่ามือสายฟ้าทลายนภา!

จ้าวเฟิงสำแดงกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ซึ่งแข็งแกร่งเกินจะเปรียบ ฟาดลงบนร่างของหุ่นเชิดกลไกทันที

เพียงแต่ว่าการป้องกันร่างกายของหุ่นเชิดกลไกตัวนี้เทียบเท่าจ้าวเฟิง ทำให้ฝ่ามือนี้ไม่ได้สร้างอาการบาดเจ็บรุนแรงต่ออีกฝ่าย

ส่วนหุ่นเชิดกลไกฟื้นคืนสติจากศาสตร์ลวงตาของจ้าวเฟิงด้วยการโจมตีของฝ่ามือนี้

“โจมตีลวงตาวิญญาณ!”

จ้าวเฟิงปลดปล่อยวิชาเนตรศาสตร์ลวงตาขนาดเล็กอีกครั้ง พุ่งทะยานออกไปพร้อมกัน และปลดปล่อยเงาฝ่ามือสีทองแดงหลายเส้นสายออกมาด้วย

โครม! หุ่นเชิดกลไกตัวแรกถูกจ้าวเฟิงทำลายลงไปอย่างราบรื่น

ด้านหน้าไม่ไกลเท่าไหร่ ดวงตาสองข้างของหุ่นเชิดกลไกตัวที่สองส่องแสงสว่าง พลังที่ไร้รูปร่างพลันสาดซัดออกมา

“มาเลย!” จ้าวเฟิงไม่มีท่าทีอ่อนแอ ทะยานไปหาหุ่นเชิดกลไกตัวที่สองทันที

ครั้งนี้ จ้าวเฟิงใช้วิชาการรบเมื่อครู่ต่อ แล้วใช้วิชาเนตรศาสตร์ลวงตาธรรมดาๆ ทันที

“หืม? เหมือนหุ่นเชิดกลไกตัวนี้จะมีพลังต้านทานวิชาลวงตา!”

จ้าวเฟิงตื่นตะลึงเล็กน้อย

‘หรือว่าเพราะหุ่นเชิดกลไกตัวเมื่อครู่พ่ายแพ้เพราะวิชาลวงตา ด้วยเหตุนี้หุ่นเชิดกลไกตัวนี้จึงเพิ่มความสามารถในด้านนี้ด้วย?’

จ้าวเฟิงคาดเดาในใจ

อีกด้านหนึ่ง ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งเห็นจ้าวเฟิงเอาชนะหุ่นเชิดกลไกไปได้ตัวหนึ่งอย่างรวดเร็ว จึงเริ่มร้อนรน

“สู้เต็มกำลัง!” สีหน้าครึ่งเทพจวี้เหมิ่งโหดเหี้ยม ในมือปรากฏผลึกโอสถสีแดงที่มีเพลิงลุกโชนลูกหนึ่งขึ้น นี่เป็นหนึ่งในไพ่ตายที่ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งจัดเตรียมไว้เพื่อร่างเทพครั้งนี้ โอสถมารเพลิงโลหิต สามารถทำให้พลังในทุกด้านของครึ่งเทพจวี้เหมิ่งเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงหลายส่วน หนำซ้ำในพลังศักดิ์สิทธิ์ยังหลอมรวมด้วยพลังเพลิงกลุ่มหนึ่ง พลังสังหารแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม

โครม!

หลังจากกินโอสถเม็ดนี้ลงไป พลังของครึ่งเทพจวี้เหมิ่งเปลี่ยนแปลงไปทันที เพลิงสีแดงเข้มที่เขย่าขวัญผู้คนกระจายปกคลุมรอบกาย คล้ายเป็นเทพมารนรกองค์หนึ่ง

“สังหาร!”

ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งที่กินโอสถมารเพลิงโลหิตไปแล้วกวัดแกว่งอาวุธเทพในมือ เพื่อปลดปล่อย ‘ดาบทะลวงฟ้า’

โครม พรึ่บ!

คลื่นมีดสีแดงขนาดยักษ์หอบเพลิงทะลวงฟ้าที่หมายจะทำลายทุกสรรพสิ่ง รุกคืบไปทางหุ่นเชิดกลไก

หุ่นเชิดกลไกด้านหน้าของครึ่งเทพจวี้เหมิ่งต้านทานเอาไว้ได้เพียงชั่วครู่ แล้วจึงถูกโจมตีจากครึ่งเทพจวี้เหมิ่ง

“ตัวที่สอง!”

ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งมีสีหน้าทุกข์ทรมาน ตรงดิ่งไปหาหุ่นเชิดกลไกตัวที่สอง

ถึงแม้กำลังรบในตอนนี้ของครึ่งเทพจวี้เหมิ่งจะแข็งแกร่ง แต่เขาก็ยังรักษาสติเอาไว้ได้มาก เขาเข้าใจดีว่าในสภาวะนี้ของตนเองไม่สามารถอยู่ได้ยาวนานนัก จึงจำเป็นต้องรีบเผด็จศึกทันที

เมื่อจ้าวเฟิงเห็นครึ่งเทพจวี้เหมิ่งสู้เต็มกำลังเช่นนี้ เขาเองก็ไม่อาจจะเก็บงำเอาไว้ต่อไปอีกแล้ว

“หนามจิตวิญญาณ!”

“เพลิงอัสนีวายุเนตรเทพเจ้า!”

ครั้งนี้ จ้าวเฟิงเผชิญหน้ากับหุ่นเชิดกลไกจึงสำแดงวิชาดวงตาโจมตีที่แข็งแกร่ง

หุ่นเชิดกลไกตัวนี้ก็โจมตีจ้าวเฟิงด้วยวิชาดวงตาวิญญาณ แต่ตัวของจ้าวเฟิงมีดวงตาเทพเจ้า จึงมีแรงต้านการโจมตีในชั้นดวงวิญญาณที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง ย่อมไม่ได้รับผลกระทบใดๆ

“เพลิงดวงตาอัสนีเทวะ!”

จ้าวเฟิงโคจรตราอัสนีเทวะส่วนหนึ่ง ปลดปล่อยวิชาดวงตาอัสนีเทวะออกมา

เห็นเพียงตราอัสนีเทวะที่บิดเบี้ยวเผาไหม้ประหนึ่งกองเพลิง หอบเอากลิ่นอายวิญญาณที่น่ากลัวเกินจะเปรียบ ระเบิดไปยังส่วนศีรษะของหุ่นเชิดกลไก

ตู้ม! จ้าวเฟิงใช้ฝ่ามือโจมตีจนหุ่นเชิดกลไกตัวนี้กระเด็นออกไป

ในเวลาเดียวกัน ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งก็สังหารหุ่นเชิดกลไกตัวที่สองลงไป คนทั้งสองเริ่มโจมตีหุ่นเชิดกลไกตัวที่สามพร้อมกัน

โครม!

ในขณะที่ประมือกัน จ้าวเฟิงพบว่าหุ่นทองตัวนี้มีแรงต้านทานวิชาลวงตาวิญญาณและวิชาดวงตาโจมตีแล้ว

“นี่แค่พลังธาตุทองเท่านั้น เกรงว่าจะมีพลังเท่ากับราชาเซียนปี้กวง!”

จ้าวเฟิงประเมิน

ราชาเซียนปี้กวงเป็นราชาเซียนระดับกลาง เก่งกล้ากว่าราชาเซียนทั่วไปส่วนหนึ่ง แต่ก็สู้พวกราชาเซียนอวี่หลิง ราชาเซียนโยวมู่ไม่ได้

ในตอนนี้ สนามรบของจ้าวเฟิงและครึ่งเทพจวี้เหมิ่งอยู่ไกลกันแค่สิบกว่าจั้งเท่านั้น ถ้าหากไม่ใช่เพราะมิติแห่งนี้มีแรงกดดันที่แกร่งกล้าต่อเสวียนอ้าวและพลังต่างๆ เกรงว่าจ้าวเฟิงอาจจะต้านทานระลอกการต่อสู้จากครึ่งเทพจวี้เหมิ่งไม่ไหว

“ผลของโอสถมารเพลิงโลหิตจะอยู่ได้ไม่นานนัก พลังของหุ่นเชิดกลไกก็แข็งแกร่งขึ้น!”

ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งจดจำสถานการณ์ในตอนนี้ได้อย่างชัดเจน

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็สังหารเจ้าดูก่อน!”

ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งเอ่ยด้วยสีหน้าเหี้ยมโหด

ในตอนนั้น เขาเอาชนะหุ่นเชิดกลไกสองตัวได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวว่าจะถูกหุ่นเชิดกลไกล้อมโจมตี

อีกทั้งจากที่ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งดูแล้ว การจะสังหารจ้าวเฟิงไม่ใช่เรื่องยากอะไรนัก

ขอแค่เขาสังหารจ้าวเฟิงได้ จากนั้นค่อยๆ ทรมานหุ่นเชิดกลไกตัวสุดท้ายจนกว่าจะตายช้าๆ ก็สามารถเอาชัยชนะมาครอบครองได้เช่นกัน

เมื่อระลึกถึงตรงนี้ ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งฝืนต้านทานการโจมตีของหุ่นเชิดกลไกตัวที่สาม และรุกคืบเข้าไปใกล้จ้าวเฟิง จากนั้นแกว่งอาวุธเทพในมือด้วยหวังจะโจมตีจ้าวเฟิง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!