บทที่ 1105 อาวุธเทพศิโรราบ
ในขณะจ้าวเฟิงประมือกับหุ่นเชิดกลไกตัวที่สาม เขาโคจรดวงตาเทพเจ้าอยู่ตลอดเวลา
ด้วยเหตุนี้ ยามที่ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งเข้าใกล้เขา จ้าวเฟิงก็สัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทันที จึงใช้วิชาปีกอัสนีโบยบินหลบหนีการโจมตีในครั้งนี้ของครึ่งเทพจวี้เหมิ่งได้อย่างหวุดหวิด
ในเวลาเดียวกัน จ้าวเฟิงก็ตระหนักได้ว่าสถานการณ์ไม่ปกติ
ขณะนี้ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งแค่ต้องยื้อหุ่นเชิดตัวสุดท้ายเอาไว้ แล้วโจมตีจ้าวเฟิงอยู่เรื่อยๆ ก็สามารถบีบจ้าวเฟิงให้ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากหรือไม่ก็โจมตีสังหารได้
ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งยังโจมตีไม่สำเร็จ ต้านทานการโจมตีของหุ่นเชิดกลไก พลางเตรียมจู่โจมจ้าวเฟิงเป็นครั้งที่สองทันที
“เพลิงอัสนีวายุเนตรเทพเจ้า!”
จ้าวเฟิงโคจรเจตจำนงดวงตาและตราอัสนีเทวะ เพลิงสีม่วงทองในดวงตาซ้ายโชติช่วงไม่หยุด ลวดลายอัสนีเทวะสีทองขาวส่วนหนึ่งลอยเอ่อขึ้น
ฟิ้ว โครม!
เพลิงอัสนีสีทองม่วงโปร่งแสงกลุ่มหนึ่งพร้อมกลิ่นอายอัสนีเทวะทำลายล้าง ระเบิดออกบนบริเวณส่วนศีรษะของครึ่งเทพจวี้เหมิ่ง
“อั๊ก…”
ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งแค่นเสียงฮึ เขาคิดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงจะกล้าสู้กลับ จึงโดนทำร้ายโดยที่รับมือไม่ทัน
ในขณะนี้ พลังวิญญาณของจ้าวเฟิงอยู่เหนือเซียนขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูงทั่วไป ปลดปล่อยเพลิงอัสนีวายุเนตรเทพเจ้า ถึงแม้จะไม่สามารถสร้างอาการบาดเจ็บให้ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งได้มากนัก แต่อย่างน้อยก็ต้องส่งผลกระทบในระดับหนึ่ง
การโจมตีของครึ่งเทพจวี้เหมิ่งถูกขัดจังหวะ หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง
อีกฟากหนึ่ง หุ่นเชิดกลไกรุกโจมตีครึ่งเทพจวี้เหมิ่งอย่างรุนแรง จนบาดเจ็บพอสมควร
แต่ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว ค่อยๆ ควบคุมสถานการณ์ และเตรียมลงมือจัดการจ้าวเฟิงอีกครั้ง
“ครึ่งเทพจวี้เหมิ่ง เจ้าอย่าบีบบังคับข้า!”
ในตอนนี้เอง จ้าวเฟิงเอ่ยด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
“เหอะๆ เจ้ามดปลวกที่โง่งม!”
ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งยิ้มดูแคลน
ถ้าหากจ้าวเฟิงมีวิธีหยุดยั้งตน ตอนที่โดนเขาไล่ล่าสังหารก็น่าจะใช้แล้ว
ในตอนนั้นจ้าวเฟิงอยู่กับเซียนอีกหลายคน ไหนจะยังมีคุนอวิ๋น ราชาเซียนโยวมู่ แต่ก็ยังถูกครึ่งเทพจวี้เหมิ่งไล่ล่าสังหาร ยามนี้เหลือจ้าวเฟิงแค่เพียงคนเดียว เขาจะยังมีวิธีอะไรอีก
แต่ในวินาทีต่อมา ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งก็ต้องตะลึงไป
ในมือของจ้าวเฟิงพลันปรากฏศรสีทองแดงดอกหนึ่ง
วินาทีที่ศรสีทองแดงปรากฏขึ้น ก็พลันสาดซัดแสงเทพสีทองที่แข็งแกร่งและทะลวงผ่านสรรพสิ่ง แม้กระทั่งหินแร่ธาตุทองในแผ่นดินแห่งนี้ยังสั่นไหวน้อยๆ
หุ่นเชิดกลไกที่เผชิญหน้ากับจ้าวเฟิงสังเกตได้ถึงอันตรายถึงแก่ชีวิต จึงถอยไปทันที ไม่กล้าลงมือทำร้ายจ้าวเฟิง
ริ้วลายสีเขียวเหนือชิ้นเหล็กทรงสามเหลี่ยมบนแท่นโลหะด้านหน้า แสงสว่างที่กะพริบวูบวาบพลันหยุดชะงัก
“ศรสังหารเทพ!”
ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งตื่นตะลึง เหงื่อเย็นผุดขึ้นบนหน้าผาก
ถ้าหากเป็นเวลาปกติ จ้าวเฟิงเอาศรสังหารเทพออกมา เขาก็มีโอกาสตั้งรับเอาไว้ได้
แต่ในเวลานี้ เขายังต้องเผชิญหน้ากับหุ่นเชิดกลไกขั้นครึ่งเทพอีกตัว ทันทีที่เขาถูกศรสังหารเทพจนบาดเจ็บสาหัส จะต้องตายด้วยเงื้อมมือหุ่นเชิดกลไกขั้นครึ่งเทพตัวนี้แน่
และตอนที่ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งลนลานทำอะไรไม่ถูก ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงก็โคจรเจตจำนงดวงตามหาศาล
พรึ่บ แซ่ด แซ่ด!
ในดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงค่อยๆ ปรากฏตราอัสนีเทวะกลุ่มหนึ่ง ในทุกๆ ตราประทับมีเพลิงดวงตาวิญญาณลุกขึ้น จนสุดท้ายกลายเป็นเพลิงวิญญาณอัสนีเทวะสีม่วงสว่าง
โครม ฟิ้ว!
ตราอัสนีเทวะที่บิดเบี้ยว ลุกไหม้ประดุจกลุ่มเพลิง หอบเอากลิ่นอายวิญญาณที่น่าสะพรึงกลัวพลันปะทะเข้ากับวิญญาณของครึ่งเทพจวี้เหมิ่ง
“อ๊าก…” ในครั้งนี้ ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด
กายวิญญาณของเขาเหมือนถูกพุ่งทะลวงจากสายฟ้าทำลายล้างซึ่งไร้ที่สิ้นสุด ความเจ็บปวดทิ่มแทงกระดูก แพร่กระจายไปทั่วร่างจากส่วนลึกของวิญญาณ“หึ นี่แค่ขู่เจ้าเท่านั้น!”
จ้าวเฟิงแค่นเสียงเย็น และเก็บศรสังหารเทพไป
ถึงแม้เพลิงดวงตาอัสนีเทวะของจ้าวเฟิงจะได้ผล แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไรครึ่งเทพจวี้เหมิ่งก็ยังเป็นครึ่งเทพ ถึงพลังวิญญาณจะอ่อนแอขนาดไหน แต่ก็ไม่เลวร้ายสักเท่าไหร่ ด้วยเหตุนี้เพลิงดวงตาอัสนีเทวะจึงไม่ทำให้ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งบาดเจ็บรุนแรง
ทว่าในตอนนี้ ผลลัพธ์จากโอสถมารคลั่งโลหิตของครึ่งเทพจวี้เหมิ่งเริ่มสลายไปแล้ว และยามเขาโดน ‘เพลิงดวงตาอัสนีเทวะ’ ยังต้องรับมือจากการโจมตีของหุ่นเชิดกลไกขั้นครึ่งเทพด้วย
เมื่อปัจจัยพวกนี้รวมเข้าด้วยกัน ก็มากพอจะสร้างอาการบาดเจ็บค่อนข้างมากต่อเขาได้
แต่ในฐานะที่ฝ่ายตรงข้ามเป็นครึ่งเทพ คงจะไม่พ่ายแพ้ยับเยินจากวิชาดวงตากระบวนท่าเดียวของจ้าวเฟิง ขอแค่ฟื้นฟูกลับคืนมาได้ ก็ยังคงพลิกสถานการณ์ได้
หากแต่จ้าวเฟิงไม่อาจให้โอกาสนี้แก่เขาได้
หลังจากสำแดงเพลิงดวงตาอัสนีเทวะแล้ว วิชาดวงตากระบวนท่าต่อไปของจ้าวเฟิงก็ก่อตัวขึ้น
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงเปล่งแสงลึกลับราวอำพันระยับระยับ ผมสีทองของเขาโบกพลิ้วแม้ไร้ลม
ในมิติดวงตาซ้าย ลูกทรงกลมสีทองสีลี้ลับหมุนโคจร เสวียนอ้าวลี้ลับหลายชั้นคล้ายแฝงด้วยระลอกสีทองที่แฝงอยู่ในเนื้อแท้ของทุกสรรพสิ่ง ทะลักเข้าไปในดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิง
“เนตร…เทพ…แยก…ส่วน!”
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงทอประกายแสงสีม่วงทองพิลึก จากนั้นลายคลื่นสีทองโปร่งแสงแผ่กระจายออก ทะลวงผ่านร่างครึ่งเทพจวี้เหมิ่งหลายพันหลายหมื่นครั้ง และวิเคราะห์แยกแยะโครงสร้างทั่วร่างของเขา
จ้าวเฟิงกำหนดเป้าหมายที่ครึ่งเทพจวี้เหมิ่ง และเริ่มแยกส่วนทันที!
เพิ่งฟื้นตัวหลังความเจ็บปวดจากเพลิงดวงตาอัสนีเทวะของจ้าวเฟิง ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งก็รู้สึกแปลกๆ ทันที
ทันใดนั้นเอง
ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งพบว่าร่างกายของเขาสลายไปทีละน้อยๆ!
เริ่มจากจุดเล็กๆ ที่ตาเปล่ายังมองไม่เห็น ค่อยๆ สลายไป เสมือนว่าไม่เคยดำรงอยู่มาก่อน
ในเวลาเดียวกัน วิญญาณของครึ่งเทพจวี้เหมิ่งก็เริ่มหายไปทีละน้อย ทั้งหมดในร่างกายและวิญญาณของเขากำลังสูญสลายไปทั้งสิ้น!
อีกฟากหนึ่ง จ้าวเฟิงที่ทุ่มเทแรงทั้งหมดเพื่อกระตุ้นกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์และกลวิธีการป้องกันเพื่อตั้งรับการโจมตีจากหุ่นเชิดกลไกอย่างจัง โดยใช้ ‘เนตรเทพแยกส่วน’ ตัดทอนพลังครึ่งเทพจวี้เหมิ่ง ร่วมมือกับหุ่นเชิดกลไกขั้นครึ่งเทพ เอาชนะอีกฝ่าย
ในเวลาเดียวกัน จ้าวเฟิงสัมผัสได้ว่าเจตจำนงดวงตาของเขากำลังสลายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
การจะแยกส่วนประกอบครึ่งเทพไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ
“เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”
ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งเอ่ยอย่างตื่นตะลึง
และตอนนั้นเอง เขาสัมผัสได้ว่าวิญญาณ ร่างกาย พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขากำลังค่อยๆ สูญสลายไปอย่างช้าๆ
ส่วนเขาที่ถูกวิชาดวงตาวิญญาณของจ้าวเฟิงโจมตี ฤทธิ์ของโอสถมารคลั่งโลหิตก็หมดไปแล้ว ในตอนนี้เขาเผชิญหน้ากับหุ่นเชิดกลไกขั้นครึ่งเทพยังยากเย็นนัก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องจะทำร้ายจ้าวเฟิง
อนึ่ง อาวุธเทพเพิ่งพูดถึงกฎกติกาไปเมื่อครู่ว่าไม่สามารถหยิบยืมพลังจากภายนอกได้
ดังนั้นครึ่งเทพจวี้เหมิ่งจึงไม่สามารถใช้ร่างแยกได้ ก็เหมือนกับที่จ้าวเฟิงห้ามให้เจ้าแมวขโมยน้อยช่วย
โครม!
ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งที่กำลังรับมือกับหุ่นเชิดกลไก พลังลดลงไปเรื่อยๆ บวกกับความหวาดกลัวในจิตใจของเขา จึงทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบอย่างยิ่ง
ในชั้นกายเนื้อ ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งไม่อาจทำอะไรจ้าวเฟิงได้อีกแล้ว
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะใช้การโจมตีวิญญาณแล้วกัน!”
ถึงแม้ว่าครึ่งเทพจวี้เหมิ่งไม่ชำนาญด้านดวงวิญญาณ แต่เมื่อบวกกับพลังวิญญาณ การปลดปล่อยการโจมตีวิญญาณทั่วไปก็ไร้ซึ่งปัญหา
ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งเชื่อว่า ด้วยพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งของเขา ถึงเขาจะใช้การโจมตีวิญญาณทั่วไป ก็น่าจะสร้างอาการบาดเจ็บสาหัสต่อวิญญาณของจ้าวเฟิงได้
พรึ่บ โครม!
พลังดวงวิญญาณของครึ่งเทพจวี้เหมิ่งอ่อนแอเล็กน้อย เมื่อบวกกับพลังวิญญาณส่วนหนึ่ง จึงกลายเป็นเงาช้างยักษ์มายากดดันไปยังจ้าวเฟิง
“เหอะ…”
จ้าวเฟิงแค่นเสียงเย็นออกมา วิญญาณโดนโจมตีอย่างรุนแรง แต่เขาก็ยังคงปลดปล่อย ‘เนตรเทพแยกส่วน’อย่างรุนแรง
การโจมตีขั้นวิญญาณของครึ่งเทพจวี้เหมิ่ง ถึงแม้จะไม่ได้มีเคล็ดลับใดๆ แต่ก็แข็งแกร่งมาก
แต่ทว่าการป้องกันวิญญาณของจ้าวเฟิงก็มีจุดเด่นอย่างยิ่งเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นแรงต่อต้านวิญญาณของดวงตาเทพเจ้า หรือจะเป็นการป้องกันวิญญาณของกายวิญญาณอัสนี ก็โดดเด่นและพิเศษอย่างยิ่ง แข็งแกร่งเกินจะเปรียบ
“อะไรกัน? ต้านทานเอาไว้ได้แล้ว!”
ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งตื่นตะลึงอย่างยิ่งอีกครั้ง
เขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า เซียนขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นต้นผู้หนึ่งจะสามารถต้านทานการโจมตีจากพลังวิญญาณของเขา ต่อให้พลังวิญญาณของจ้าวเฟิงไปแตะขั้นเซียนชั้นสูงระดับสุดยอด นี่ก็เป็นไปไม่ได้!
“เอาอีกที!”
ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งต้านทานหุ่นเชิดกลไกพลางทะลักพลังวิญญาณไปด้วยเพื่อโจมตีจ้าวเฟิงอีกครั้ง
“ท่าไม่ดีแล้ว!”
จ้าวเฟิงเคร่งขรึมไป
จะจัดการครึ่งเทพใช้พลังหมดไปเยอะกว่าที่เขาคิดเอาไว้มากนัก ถึงแม้ว่าพลังของครึ่งเทพจวี้เหมิ่งจะอยู่ภายใต้การแยกส่วนของดวงตาเทพเจ้า แต่ก็ไม่ได้ทำให้อ่อนแอเพิ่มขึ้น
แต่จ้าวเฟิงอาจจะแบกรับไม่ไหวเสียยิ่งกว่าครึ่งเทพจวี้เหมิ่ง ด้วยเขาต้องแบกรับการโจมตีจากหุ่นเชิดกลไก เจตจำนงดวงตาก็กำลังลดลงไปอย่างรวดเร็ว แล้วยังต้องต้านทานการโจมตีจากพลังวิญญาณของครึ่งเทพที่ตัดทอนกำลังให้อ่อนแอ
อาจเป็นเพราะการโจมตีวิญญาณครั้งหนึ่งของครึ่งเทพจวี้เหมิ่ง ต่อให้ขัดจังหวะในการแยกส่วนจากดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิง ทำให้จ้าวเฟิงพ่ายแพ้ไป!
แต่จ้าวเฟิงยังคงยืนหยัดใช้พลังวิญญาณเพื่อขัดขวางเอาไว้
ตุบ! ตุบ! ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงเต้นกระตุก
“อดีตล่มสลาย เทพบรรพกาลถูกทำลาย กลายเป็นฝุ่นธุลีนับแสนนับล้าน…”
เสียงทอดถอนใจเหมือนทะลวงผ่านห้วงกาลเวลา ดังสะท้อนอยู่บริเวณข้างหู
โครม!
ในมิติดวงตาซ้าย กลุ่มแสงลึกลับสะเทือนอย่างรุนแรง พลังสายเลือดดวงตาของจ้าวเฟิงเผาผลาญปั่นป่วน
ทันใดนั้นเอง เพลิงสีทองอ่อนชั้นหนึ่งปกคลุมทั่วร่างของจ้าวเฟิง
โครม!
ดวงตาเทพเจ้าปลดปล่อยกลิ่นอายเก่าแก่ดั้งเดิมเหนือทุกสรรพสิ่งออกมา
ทันใดนั้นเอง
จ้าวเฟิงเหมือนกลายร่างเป็นเทพเจ้าเก่าแก่ใหญ่ยักษ์องค์หนึ่ง ทุกการกระทำสะเทือนไปทั่วทั้งฟ้าดิน
โครม ฟู่!
การเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันนี้ทำให้เจตจำนงดวงตาของจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้นอีกขั้น การแยกส่วนของดวงตาเเทพเจ้าก็จบลงด้วยเหตุนี้
การโจมตีจากพลังวิญญาณที่ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งปลดปล่อยออกมา ปะทะเข้ากับกลิ่นอายพลังเก่าแก่ดั้งเดิม จึงถูกโต้กลับจากกลุ่มพลังที่น่ากลัว
ฟิ้ว!
วิญญาณของครึ่งเทพจวี้เหมิ่งถูกทำร้ายอย่างแสนสาหัส จนกระอักเลือดสดออกมา
“นี่คือ…กลิ่นอายยุคบรรพกาล แล้วยังมีกลิ่นอายบรรพกาลดั้งเดิมด้วย…”
ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งตื่นตะลึงอย่างยิ่ง
การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันบนร่างจ้าวเฟิงทำให้เขาลนลานอย่างมาก ในเวลาเดียวกันเขาเองก็กระหายอยากได้กลิ่นอายบรรพกาลดั้งเดิมบนร่างของจ้าวเฟิงอย่างยิ่ง นั่นเป็นสิ่งสำคัญในการทะลวงผ่านขั้นเทพเชียว!
ส่วนหุ่นเชิดขั้นครึ่งเทพด้านหน้าครึ่งเทพจวี้เหมิ่ง หยุดการโจมตีเขา แล้วยอบกายอยู่เบื้องหน้าาจ้าวเฟิง
“สังหารเจ้าไปเลยแล้วกัน!”
แววตาครึ่งเทพจวี้เหมิ่งฉายแววอำมหิต
เดิมครึ่งเทพจวี้เหมิ่งหมดหวัง แต่เขาก็ค้นพบในทันทีว่าวิชาดวงตาของจ้าวเฟิงหยุดลงแล้ว ส่วนหุ่นเชิดศพก็ศิโรราบให้กับเขา ไม่โจมตีเขาอีกต่อไป
ในเวลาเช่นนี้ พลังวิญญาณของจ้าวเฟิงแค่ได้รับการเพิ่มพลังก็เท่านั้น
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งจึงทำลายร่างของจ้าวเฟิงทันที!
“ดาบทะลวงฟ้า!”
ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งยับยั้งอาการบาดเจ็บ แกว่งขวานยักษ์ในมือ ฟาดคลื่นดาบสีแดงเข้มออกมา
“แย่แล้ว!”
จ้าวเฟิงหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
พลังวิญญาณของเขาในตอนนี้แข็งแกร่งอย่างมาก สำแดงวิชาดวงตาวิญญาณที่แกร่งกล้าก็จะสามารถทำร้ายครึ่งเทพจวี้เหมิ่งให้บาดเจ็บสาหัสได้ แต่ในชั้นกายเนื้อ เขาไม่สามารถต้านทานการโจมตีของครึ่งเทพได้เลย
นอกเสียจากว่าจ้าวเฟิงจะไม่แยแสสิ่งใด ปลดปล่อยการโจมตีชั้นวิญญาณ โชคดีจนสามารถสังหารครึ่งเทพจวี้เหมิ่งได้โดยสิ้นเชิงและได้ชัยชนะมา
แต่เช่นนั้นแล้ว ร่ากายของจ้าวเฟิงก็อาจจะถูกทำลายไปเช่นกัน
แต่ในเวลานั้นเอง ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้ง ริ้วลายสีเขียวบนชิ้นเหล็กทรงสามเหลี่ยมบนแท่นโลหะระหว่างจ้าวเฟิงและครึ่งเทพจวี้เหมิ่ง จู่ๆ ก็ทอประกายแสงสีเขียว
เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ!
ลวดลายเหล่านั้นบนเหล็กวิ่งวนไปมาระหว่างมุมทั้งสามอย่างรวดเร็ว
และทันใดนั้นเอง เสียงเหมือนกลไกก็ดังขึ้น
“อาวุธเทพศิโรราบ สำเร็จ!”