Skip to content

King of Gods 1109

King Of Gods

บทที่ 1109 เทพแท้จริง

ส่วนศีรษะครึ่งเทพ ในตำหนักทองคำขาว จิตสำนึกของซินอู๋เหินขยับเล็กน้อย

“สุดท้ายก็มาจนได้!”

สีหน้าของซินอู๋เหินเหนื่อยหน่าย ถอนหายใจเฮือกฟิ้ว ฟิ้ว!

ในตำหนักทองคำขาวใหญ่โตมโหฬารนี้ ทะลักเส้นแสงสีขาวทองเล็กละเอียดมากมายไหลเข้าไปยังทุกที่ในกะโหลก

เสี้ยวขณะต่อมา ผู้แข็งแกร่งที่กำลังหาโอกาสในสิ่งก่อสร้างบางแห่ง หรือกำลังยืนหยัดอยู่บนทางเดินแสง ล้วนถูกพลังที่แข็งแกร่งนี้ส่งออกไปยังพื้นที่นอกกะโหลกร่างเทพทันที

“เกิดอะไรขึ้น?”

ราชาเซียนสังสารวัฏเผยสีหน้าประหลาดใจ

เมื่อครู่เขากำลังทำความเข้าใจพลังสำนึกรู้ของภาพวาดทิวทัศน์ในห้องหนังสือ เสี้ยวขณะต่อมาเขาก็ออกมาจากที่นั่นแล้ว

“ข้าออกมาได้ยังไง?”

ราชาเซียนต่างเผ่าพันธุ์ผู้หนึ่งตะโกนอย่างขุ่นเคือง

เขาเพิ่งจะเข้าไปในตำหนักสีเงินขาวแห่งหนึ่ง เตรียมหยิบของวิเศษชิ้นหนึ่งมา จู่ๆ กลับถูกส่งออกมาในฉับพลัน

“นี่มันไม่ยุติธรรมเลย ข้าเพิ่งจะผ่านทางเดินแสงเส้นนั้นมา!”

เซียนชั้นสูงฝ่ายมนุษย์ผู้หนึ่งพูดอย่างเจ็บใจ

……

 

ในซากผลึก

เซียนมนุษย์และเซียนต่างเผ่าพันธุ์มากมายจากทั่วทุกทิศพุ่งมายังจ้าวเฟิง หวังจะแย่งเลือดเทพหยดนั้น

“หึ!” จ้าวเฟิงแค่นเสียงเย็น ศัตรูพวกนี้แค่เขาปล่อยไหมเมฆาผีเสื้อเซียนหรือเซียนวั่นเซี่ยงออกมาก็สามารถต้านทานได้แล้ว

เซียนขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นต้นบางคน เพียงแค่หนึ่งกระบวนท่าวิชาลวงตาวิญญาณของจ้าวเฟิง ก็สามารถจัดการได้ทันที

“หืม? ใกล้ๆ นี่เหมือนจู่ๆ จะมีผู้แข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น!”

จ้าวเฟิงหน้าเปลี่ยนสีทันใด

ดวงตาเทพเจ้าของเขาสังเกตได้ทันทีว่าละแวกใกล้ๆ มีคนมากมายปรากฏขึ้น ลำพังแค่ผู้แข็งแกร่งขั้นราชาเซียนก็มีสามคนแล้ว หนึ่งในนั้นยิ่งมีคนที่ตนรู้จักดี

“สถานการณ์ไม่สู้ดีแล้ว!”

จ้าวเฟิงสีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย

ผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นแทบถูกส่งมาแถวนี้ในช่วงขณะเดียวกัน

ในที่สุดจ้าวเฟิงก็สัมผัสได้ว่าอันตรายร้ายแรงคล้ายจะมาเยือน

“เจ้าแมวขโมยน้อย หลบไป!” จ้าวเฟิงตะโกนทันใด

ยามนี้ เลือดเทพหยดนั้นที่อยู่ลึกลงไปในรูเล็กของผลึก เหมือนจะห่างเพียงแค่ชั้นบางๆ ขวางกั้นเท่านั้น

จ้าวเฟิงนำนิ้วชี้ขวาแหย่เข้าไปในรูผลึก โคจรพลังและดูดซับเลือดเทพหยดนั้นทันที

ในขณะเดียวกัน จ้าวเฟิงโคจรสายเลือดวารีเหมันต์และหอกจักรพรรดิเหมันต์ รวบรวมไว้บนมือขวา

“ดูดซับ!”

ห่างกันใกล้แค่นี้ จ้าวเฟิงดูดซับเลือดร่างเทพด้วยแรงทั้งหมด

วู้ม ฟุ่บ! เส้นเลือดสีม่วงทองหลายสายไหลเข้าไปในนิ้วชี้ของจ้าวเฟิง

จ้าวเฟิงรู้สึกว่านิ้วชี้ของตนแทบจะระเบิด เวลาเดียวกันพลังที่แข็งแกร่งกลุ่มนี้ก็เริ่มลุกลามไปยังฝ่ามือและแขนของตน

“ตราผนึกจักรพรรดิเหมันต์!”

จ้าวเฟิงโคจรสายเลือดวารีเหมันต์ ขับเคลื่อนตราผนึกจักรพรรดิเหมันต์ แช่แข็งผนึกเส้นลมปราณและเลือดเนื้อในนิ้วชี้ของตนไว้ทั้งหมด

ในนิ้วชี้ พลังเลือดที่ปะทุปั่นป่วนค่อยๆ สงบลง

แต่จ้าวเฟิงก็เริ่มดูดซับพลังในเลือดเทพทันใด

ทุกครั้งที่ดูดซับพลังเลือดหนึ่งส่วน จ้าวเฟิงก็จะกระตุ้นสายเลือดวารีเหมันต์และหอกจักรพรรดิเหมันต์ ทำการแช่แข็งอีกขั้น

แผนของจ้าวเฟิงก็คือดูดซับเลือดเทพทั้งหมดออกมาผนึกไว้ในนิ้วแล้วค่อยว่ากัน

“บุกเร็ว!” “จ้าวเฟิงกำลังดูดซับพลังของเลือดเทพหยดนั้น!”

เซียนเกือบสิบคนมาถึงยังเบื้องหน้าของจ้าวเฟิง

เมี้ยว! แมวขโมยน้อยกำกริชสีดำ แปลงเป็นประกายแสงสีเทาเงินหลบเข้าไปในความว่างเปล่า

เสี้ยวขณะต่อมา ในหมู่เซียนที่บุกเข้ามาใกล้

ฉัวะ!

แสงเลือนรางสีเงินพร้อมด้วยคมมีดทมิฬเย็นเยือก กะพริบวูบแล้วหายไปในอากาศ

“อ๊าก….”

เซียนเทวาเร้นลับชั้นต้นผู้หนึ่ง แสงวนพลังเทพในกายถูกฟันออกเป็นสองส่วนทันที ในขณะเดียวกันวิญญาณของเขาก็ถูกทำร้ายจนถึงแก่ความตาย

ตึง! หลังเซียนผู้นั้นล้มลง เซียนที่เหลือตื่นตกใจทันที

แต่เวลานี้ก็สายไปเสียแล้ว ประกายคมมีดสีเงินหม่นตวัดผ่านในหมู่ฝูงชนอีกครั้ง เซียนผู้หนึ่งล้มลงอย่างเงียบเชียบ

เหมียว เหมียว!

เจ้าแมวขโมยน้อยกลับมายังข้างกายจ้าวเฟิง มองหน้าเซียนที่เหลือด้วยใบหน้าได้ใจ

“จ้าวเฟิง ผู้ใดพบก็ต้องแบ่ง!”

“อย่าคิดจะครองเลือดเทพแค่คนเดียว!”

ขณะนี้ ราชาเซียนมนุษย์สองคนแถวนั้นตามมา หนึ่งในนั้นก็คือราชาเซียนปี้กวง

พวกเขาสองคนเพิ่งจะหาโอกาสในกะโหลกร่างเทพได้ กลับถูกส่งออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ ในใจจึงแค้นเคืองเป็นที่สุด

แต่หลังจากที่พวกเขามาถึงที่นี่ก็พบเลือดร่างเทพหยดนี้ ทั้งสองจะปล่อยโอกาสไปได้เช่นไร

จ้าวเฟิงลุกขึ้นยืนแล้วในตอนนั้น

นิ้วชี้ขวาของเขากลายเป็นสีม่วงทองทั้งนิ้ว กลิ่นอายสายเลือดน่าหวาดหวั่นลอยเอ่อ

นอกจากนั้น ผิวหนังที่นิ้วของจ้าวเฟิงยังปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็งบางๆ ชั้นหนึ่ง พื้นผิวชั้นน้ำแข็งเกิดรอยแตกอยู่ตลอด แต่ก็ฟื้นฟูกลับมาเหมือนเดิมได้ทันใด

“ไป แมวขโมยตัวน้อย!”

จ้าวเฟิงยิ้มน้อยๆ

มือซ้ายเพียงสะบัด จ้าวเฟิงและแมวขโมยน้อยก็หายไปในแสงสีเงินยวง

“บัดซบ เลือดเทพถูกมันแย่งไปแล้ว!”

ราชาเซียนปี้กวงตะโกนลั่น โกรธเกรี้ยวเป็นที่สุด

เขาอยู่ห่างจากจ้าวเฟิงไกลเกินไป ขัดขวางจ้าวเฟิงใช้มนตราอากาศไว้ไม่ทัน

พรึ่บ!

ที่ตำแหน่งรอบนอกของร่างเทพ เงาร่างของจ้าวเฟิงและแมวขโมยน้อยค่อยๆ ปรากฏขึ้นในแสงสีเงินยวง

“โอย…”

จ้าวเฟิงร้องอย่างเจ็บปวด รีบโคจรสายเลือดวารีเหมันต์ให้หลั่งไหลเข้าไปในนิ้วไม่ขาดสาย ผนึกพลังเลือดเอาไว้

“เป็นแบบนี้ไปก่อนก็แล้วกัน!”

หลังจากนั้นอีกนาน จ้าวเฟิงก็โล่งอก เผยสีหน้าตื่นเต้นยินดี

เลือดเทพหยดนั้นถูกจ้าวเฟิงดูดซับหมดแล้ว

จ้าวเฟิงในตอนนี้ทำได้เพียงแช่แข็งพลังที่เหลือของเลือดเทพเอาไว้ รอจนถึงยามที่ต้องการใช้ก็ดูดซับเอาได้

หากมีวิธีอื่นที่แยกเลือดเทพออกมาได้ก็ยิ่งดี

แต่ตอนนี้จ้าวเฟิงไม่มีเวลาไปใคร่ครวญ

“ออกไปจากร่างเทพนี่ก่อนแล้วกัน!”

จ้าวเฟิงมีแผนในใจ

ในร่างเทพ จ้าวเฟิงได้รับของวิเศษมาเพียงพอแล้ว ที่สำคัญที่สุดก็คือเขามีความรู้สึกที่ไม่ปลอดภัยอย่างยิ่ง เหมือนจะมีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้น นอกจากนั้นแมวขโมยน้อยก็ทำนายได้เรื่องไม่ดีด้วย

แต่ยามนี้เอง ในมนตราอากาศก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น

ความคิดของจ้าวเฟิงเข้าไปในมนตราอากาศทันที

“เป็นอะไรไป? ตราเทพบรรพกาล!”

จ้าวเฟิงร้องออกมาอย่างตกใจ

ตอนนี้ ‘ตราเทพบรรพกาล’ ลอยอยู่กลางอากาศในมนตราอากาศ สั่นสะท้านอย่างรุนแรง ลวดลายละเอียดสีเขียวบนนั้นส่องประกายระยิบระยับ

ครืน!

กลิ่นอายพลังเทพที่น่าหวาดหวั่นแผ่กระจายออกมาจากในนั้น ทำให้รอบๆ พินาศแหลกลาญ

“ไม่อาจสื่อสารได้ หากเป็นแบบนี้ต่อไป ตราเทพบรรพกาลอาจทำลายมนตราอากาศได้!”

จ้าวเฟิงกระวนกระวายเล็กน้อย เหตุใดอาวุธเทพของเขาจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ขึ้นได้

วู้ม! จ้าวเฟิงโคจรตาซ้าย พุ่งเป้าไปยังตราเทพบรรพกาล

เสี้ยวขณะต่อมา!

รอบๆ ตราเทพบรรพกาลก็ปรากฏระลอกคลื่นลายน้ำของมวลอากาศขึ้น

ฟิ้ว! ตราเทพบรรพกาลถูกดูดเข้าไปในมิติตาซ้าย

หลังจากที่เข้าไปในมิติตาซ้ายแล้ว ตราเทพบรรพกาลก็ถูกสะกดเอาไว้ ในที่สุดก็หยุดสั่น แสงประกายบนนั้นค่อยๆ จางลงไป

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

ในยามนี้ จ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ

ในฐานะที่เป็นนายของอาวุธเทพชิ้นนี้ จ้าวเฟิงรู้สึกว่าตราเทพบรรพกาลเป็นเพราะอะไรสักอย่างจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้

ขณะนั้นเอง ประสาทสัมผัสจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งไร้เทียมทานก็กวาดลงมาจากด้านบน

จ้าวเฟิงรู้สึกว่ายามที่ประสาทสัมผัสจิตวิญญาณนี้กวาดผ่านร่างของเขา ความลับบางอย่างทั่วร่างถูกเปิดเผยออกในชั่วพริบตา

“ประสาทสัมผัสเทพ!”

จ้าวเฟิงจิตใจสั่นสะท้าน

ในเมื่อเคยปะทะกับครึ่งเทพ จ้าวเฟิงเลยสามารถสังเกตได้

แต่จ้าวเฟิงรู้สึกว่าประสาทสัมผัสเทพกลุ่มนี้สูงกว่าหนึ่งขั้น เผยกลิ่นอายสูงส่งที่ไม่อาจขัดขืน

ขณะเดียวกัน จ้าวเฟิงยังรู้สึกอีกว่าประสาทสัมผัสเทพกลุ่มนี้ทำสัญลักษณ์เอาไว้บนร่างของเขาในชั่วเวลานั้น ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดในมิติร่างเทพก็ล้วนสัมผัสได้ถึงประสาทสัมผัสเทพที่แข็งแกร่งกลุ่มนี้

ราชาเซียนที่พลังวิญญาณค่อนข้างแข็งแกร่งบางคนก็สัมผัสได้เช่นกันว่าวิญญาณของตนถูกประสาทสัมผัสเทพกลุ่มนี้เล็งเป้าเอาไว้

ณ ที่แห่งหนึ่งในร่างเทพ

ครึ่งเทพโยวหลงและครึ่งเทพหลงหวงประจันหน้ากัน ทั้งสองบาดเจ็บเล็กน้อย “นี่มัน? โยวหลง ประสาทสัมผัสเทพนี่แข็งแกร่งกว่าเจ้าเสียอีก!”

ครึ่งเทพหลงหวงสายตาหนักอึ้ง

“เป็นไปได้ยังไง? เหตุใดดินแดนทวีปมีผู้แข็งแกร่งที่น่าหวาดหวั่นเช่นนี้แอบซ่อนอยู่ด้วย!”

ครึ่งเทพโยวหลงสีหน้าสั่นสะท้านครึ่งเทพโยวหลงเชี่ยวชาญสายวิญญาณ แต่ประสาทสัมผัสเทพของเขาไม่อาจเทียบเคียงกับประสาทสัมผัสเทพกลุ่มนั้นได้เลย

ครืน ครืน~

ชั้นดินเหนือร่างเทพสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง กลิ่นอายพลังเทพน่าสะพรึงที่เป็นหนึ่งในใต้หล้าแผ่ซ่านมา

ชั้นดินที่แข็งแกร่งแยกออกไปสองฝั่งด้านข้าง จนกลายเป็นถนนที่กว้างใหญ่สายหนึ่ง

“เฮ้อ ข้ามาช้าไป ท่านอู๋เหินเริ่มดึงพลังกลับแล้ว!”

ชายเกราะมังกรดำทองถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย

“แต่ว่าท่านอู๋เหินกลับมอบของสิ่งนั้นให้กับผู้อื่นรึ?”

ชายเกราะมังกรดำทองแปลกใจเล็กน้อย

ในมือของเขามีก้อนเหล็กสีดำเว้าแหว่งลอยขึ้น บนนั้นมีลวดลายละเอียดเป็นประกายเขียวคราม

ชายเกราะมังกรดำทองเก็บก้อนเหล็กดำลงไป

“เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ข้าจะรับผิดชอบนำของสิ่งนั้นไป ท่านอู๋เหินก็ให้ท่านผู้อื่นจัดการแล้วกัน!”

ชายเกราะมังกรดำทองเอ่ยขึ้น ยิ้มแย้มเล็กน้อย

ไม่นาน ชายที่สวมเกราะมังกรดำทองก็ลอยลงเหนือร่างเทพ

“ใครก็ห้ามออกจากที่นี่!”

เขาตะโกนขึ้นทันใด

วู้ม ครืน!

พลังวิญญาณที่ยิ่งใหญ่พลันแผ่ไปยังร่างเทพเบื้องล่าง

เสียงทรงอำนาจดังขึ้นในชั้นวิญญาณของผู้แข็งแกร่งจากสองราชวงศ์ที่อยู่ในร่างเทพ

“ผู้แข็งแกร่งจากที่ใดกัน?”

ครึ่งเทพกูซีมีสีหน้าเคร่งขรึม

ผู้แข็งแกร่งลึกลับคนนั้นมีพลังถึงเพียงนี้ ส่งกระแสเสียงไปยังชั้นวิญญาณของทุกคนที่อยู่ที่นี่

“หนีไปก็ไม่มีประโยชน์กระมัง ถูกเขาเล็งเป้าหมายเอาไว้แล้วนี่!”

ครึ่งเทพหลิงซวีแห่งวังลอยฟ้าเอ่ยออกมาตามตรง

เจ้าของร่างเทพนี้จะต้องแข็งแกร่งกว่าครึ่งเทพหลงหวงอย่างแน่นอน เขาไม่อยากล่วงเกินบุคคลเช่นนี้

ในเวลานี้ ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดในร่างเทพยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เงยหน้ามองไปยังร่างที่เปล่งประกายแสงเทพเบื้องบน

“นี่มันอะไรกัน?”

หนานกงเซิ่งจิตใจสั่นสะท้านอย่างยิ่ง

“หนานกงเซิ่ง ระวัง นั่นมันเทพแท้จริง!”

ในกายของหนานกงเซิ่ง เสียงของจิตเทพปีศาจดังขึ้น

“เทพแท้จริง!”

หนานกงเซิ่งสั่นสะท้านไปทั้งร่าง สายตาจ้องเขม็งไปยังเบื้องบน

ด้วยโครงสร้างมิติของดินแดนทวีปไม่เพียงพอจะแบกรับพลังเทพของเทพแท้จริงได้ ดังนั้นหลังจากพิสูจน์ตำแหน่งเทพได้แล้ว เทพแท้จริงจึงล้วนไปจากที่นี่

ด้วยเหตุนี้สำนักสี่ดาวในแผ่นดินใหญ่เลยไม่ใช่สี่ดาวอย่างแท้จริง เป็นเพียงแค่สำนักสี่ดาวจำลองเท่านั้น ขั้วอำนาจสี่ดาวที่แท้จริงจะต้องมีเทพแท้จริงดูแลอยู่

แต่ว่าเทพแท้จริงที่มาจากดินแดนเทพรกร้างนั้นไม่เหมือนกัน พลังที่แท้จริงของพวกเขาไม่อาจประเมินได้ เบื้องหลังจะต้องมีขั้วอำนาจที่แข็งแกร่งไร้เทียมทาน มีกลวิธีพิเศษบางอย่าง ทำให้ผู้แข็งแกร่งในขอบเขตเซียนสวรรค์ควบคุมพลังได้ในระดับหนึ่ง คุ้นเคยกับมิติระดับล่างอื่นๆ แล้วมาเยือนที่แห่งนั้นได้

จิตเทพปีศาจบอกสิ่งที่เขารู้มาบ้างกับหนานกงเซิ่ง

“ดังนั้นอย่าได้ล่วงเกินเทพแท้จริงผู้นี้เป็นอันขาด!”

จิตเทพปีศาจหวาดเกรง เน้นย้ำกับหนานกงเซิ่งอีกครั้ง

“ข้าคือผู้อาวุโสสูงสุดแห่งตำหนักไท่หวง ท่านคือใคร?”

ตรงหน้าอกของร่างเทพ ครึ่งเทพหลงหวงเอ่ยขึ้นด้วยเสียงกระจ่างชัด

พลังที่แข็งแกร่งของอีกฝ่ายทำให้ครึ่งเทพหลงหวงตกตะลึงเป็นอย่างมาก ถึงเป็นถึงผู้แข็งแกร่งที่สุดของราชวงศ์ต้าเฉียน เขาก็ไม่กล้าจะประมาท

“ทุกคนนำมิติเก็บของของพวกเจ้าออกมาให้ข้าตรวจค้น!”

ชายเกราะมังกรดำทองเมินคำพูดของครึ่งเทพหลงหวง เอ่ยอย่างเรียบเฉย ราวกับสอบสวนผู้น้อยก็ไม่ปาน

ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดในร่างเทพกายใจพลันสั่นสะท้าน

แต่เดิมพวกเขายังมีจิตใจที่เคารพยำเกรงต่อผู้แข็งแกร่งที่จู่ๆ ก็มาเยือน

แต่คนผู้นี้กลับจะตรวจค้นมิติเก็บของของพวกเขา นี่ทำให้ทุกคนในร่างเทพเกิดความรู้สึกเป็นปฏิปักษ์ขึ้น

ซ่า!

ชายเกราะมังกรดำทองสะบัดมือ ธงค่ายกลโปร่งแสงสีม่วงทั้งสี่ลอยออกมาทันใด

ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!

ธงสี่ผืนลอยแยกไปปักลงบนพื้นทั้งสี่ทิศของร่างเทพ ก่อเป็นเขตแดนพลังที่มีแสงสีม่วงลอยอบอวล ห้อมล้อมทุกคนในร่างเทพเอาไว้ข้างใน

“อาวุธเทพชั้นรอง!”

ครึ่งเทพโยวหลงเบิกตากว้าง

อีกฝ่ายเพียงแค่ลงมือไปตามอารมณ์ ก็เป็นอาวุธเทพชั้นรองชิ้นหนึ่งเสียแล้ว นี่เป็นเทพจากที่ใดกัน?

อีกทั้งคำพูดของอีกฝ่าย พฤติกรรมหยิ่งยโสทรงอำนาจ หรือเขาคิดจะต้านทานสองราชวงศ์ด้วยตัวคนเดียว?

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!