บทที่ 1117 ที่อยู่ของหลิ่วฉินอิน
‘คนที่เจ้าหาอาจจะอยู่ข้างกายราชาเซียนสังสารวัฏ ว่ากันว่าเนตรสังสารวัฏสามารถรับพลังดั้งเดิมสังสารวัฏจากวัฏจักรฟ้าดินผ่านการลอบสังหาร ‘ผู้เกิดใหม่ตามสังสารวัฏ’…’
ซินอู๋เหินหายไปจากดินแดนทวีปแล้ว แต่ประโยคนี้ของเขากลับดังก้องในหัวของจ้าวเฟิงไม่หยุด
“ราชาเซียนสังสารวัฏ!”
ทั้งร่างจ้าวเฟิงแผ่กลิ่นอายจิตสังหารน่าหวาดกลัวออกมา
ก่อนที่ซินอู่เหินจะเผชิญด่านเคราะห์อัสนี จ้าวเฟิงก็สังเกตเห็นแล้วว่าในร่างตนมีตราผนึกวิญญาณของพลังสังสารวัฏแฝงอยู่
หากจ้าวเฟิงเดาไม่ผิดละก็ นี่น่าจะเป็น ‘ตราประทับสังสารวัฏ’ ในตำนาน
ประโยชน์ของ ‘ตราประทับสังสารวัฏ’ แน่นอนว่าเอามาใช้ฟื้นคืนวิญญาณของผู้ตาย และดึงวิญญาณของผู้ตายกลับเข้ามาใน ‘วัฏสงสารแห่งความตาย’ ของเนตรสังสารวัฏ
หรือก็คือตั้งแต่เริ่มต้น ราชาเซียนสังสารวัฏหวังให้จ้าวเฟิงตายไปเสีย หลังจากนั้นก็จะเอาจ้าวเฟิงมาสร้างเป็นกายวัฏสงสาร
ก่อนหน้านี้ราชาเซียนสังสารวัฏไม่ได้สังหารตน อาจเป็นเพราะหวังให้ตนเติบโตไปอีกสักระยะ เช่นนี้ราชาเซียนสังสารวัฏก็จะได้ ‘กายวัฏสงสาร’ ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
“เช่นนั้นแล้ว ท่าทีเป็นมิตรที่เขามีต่อข้าล้วนแต่เสแสร้งขึ้นทั้งนั้น!”
ใบหน้าของจ้าวเฟิงเย็นเยียบดุดัน
ในขณะเดียวกัน เขาก็คิดถึงอีกประโยคหนึ่งของปราชญ์ลิ่วอูในตอนแรกขึ้นมาได้ ‘หากต้องการยืนยันที่อยู่ของหลิวฉินซิน มีแต่ต้องตามหา ‘เนตรสังสารวัฏ’ ’
ความจริงประโยคนี้ของปราชญ์ลิ่วอูก็อธิบายกับจ้าวเฟิงอย่างชัดเจนแล้ว หากหา ‘เนตรสังสารวัฏ’ เจอก็จะสามารถยืนยันที่อยู่ของหลิวฉินซินได้
จ้าวเฟิงควรจะเชื่อมั่นว่าการทำนายของปราชญ์ลิ่วอูไม่มีทางเกิดข้อผิดพลาดขึ้น
“ทำไมข้าถึงเพิ่งจะมาเข้าใจ?”
จ้าวเฟิงเอ่ยออกมาอย่างคับแค้นใจ
“ฉินซิน ฉินอิน!”
ดวงตาทั้งสองของจ้าวเฟิงเด็ดเดี่ยวอย่างที่สุด
ราชาเซียนสังสารวัฏครอบครองเนตรสังสารวัฏ ฝึกฝนศาสตร์วัฏสงสาร ตอนแรกที่จ้าวเฟิงพบกับหลิวฉินซิน กลับไม่พบพลังวัฏสงสารบนร่างของนาง หรือก็คือเนตรสังสารวัฏไม่ได้เห็นนางเป็นลูกศิษย์เลย
ยิ่งเมื่อรวมกับคำพูดของซินอู๋เหิน จ้าวเฟิงมั่นใจว่าหลิ่วฉินอินก็หลิวฉินซิน
ในหัวของจ้าวเฟิง เงาร่างสีขาวงามหยาดเยิ้มสองร่างค่อยๆ ซ้อนทับเข้าด้วยกัน
จ้าวเฟิงคิดไม่ถึงเลยว่าตนเองได้เจอกับหลิวฉินซินแล้ว แต่กับคลาดกับนางอีกครั้ง!
ราชาเซียนสังสารวัฏจะต้องรู้อย่างแน่นอนว่าหลิ่วฉินอินก็คือคนที่จ้าวเฟิงต้องการหา แต่เขากลับปิดบังตน
ทั้งหมดนี้ก็ประจวบเหมาะกับคำของซินอู๋เหิน ราชาเซียนสังสารวัฏคิดจะใช้หลิ่วฉินอินมาเพิ่มพลังของตนเอง
“ราชาเซียนสังสารวัฏเพิ่งจะออกจากร่างเทพไป น่าจะยังไม่ลงมือกับหลิ่วฉินอินเร็วขนาดนั้น!”
สีหน้าของจ้าวเฟิงพลันหวาดหวั่น
หลังสัมผัสกับราชาเซียนสังสารวัฏก่อนหน้านี้ทั้งสองครั้ง จ้าวเฟิงสัมผัสได้ว่าพลังของราชาเซียนสังสารวัฏเพิ่มขึ้นไม่เท่าไหร่ นี่สามารถพิสูจน์ได้ว่าหลิ่วฉินอินยังไม่ตาย
จ้าวเฟิงมองมหาสมุทรสายฟ้าที่กว้างใหญ่ผืนนี้แวบหนึ่ง โบกแขนขวาอย่างฉุนเฉียว กายหายลับไปในเงาซ้อนทับสีเงิน
หลังจากที่รู้เรื่องทั้งหมดนี้ จ้าวเฟิงก็ไม่อาจอยู่ใช้ทรัพยากรอัสนีเทวะที่นี่ได้อีกต่อไป
เสี้ยวขณะต่อมา จ้าวเฟิงก็ปรากฏกายอยู่บนสนามรบ
ยามนี้สมาชิกส่วนใหญ่บนสนามรบล้วนมุงอยู่ใกล้ๆ กับพื้นที่อันตรายอัสนีเทวะ
ผู้แข็งแกร่งครึ่งเทพและราชาเซียนเริ่มลงลึกไปในหลุม
“เจ้าจ้าวเฟิงนั่น พอออกมาก็หายไปแล้ว ค่าตอบแทนที่ตกลงกันไว้ยังไม่ได้ให้ข้าเลย!”
คุนอวิ๋นสบถเดือดดาล
เขาโคจรกายศักดิ์สิทธิ์ปฐพีทอง พลังต้านทานต่ออัสนีเทวะสูงมาก เข้าไปในพื้นที่อันตรายอัสนีเทวะนี้ได้ลึกกว่าครึ่งเทพทั้งหมดที่นั่น
“พี่เฟิงไปไหนแล้ว?”
ในใจของจ้าวหยูเฟยเกิดความรู้สึกกระวนกระวายอย่างประหลาด
วู้ม วู้ม~
ตาซ้ายของจ้าวเฟิงมีคลื่นสีทองอ่อนชั้นหนึ่งตลบอวล กวาดมองไปเบื้องหน้า ไม่พบเงาของราชาเซียนสังสารวัฏ
“ปี้ชิงเยวี่ย โยกย้ายสมาชิกหน่วยข่าวกรองทั้งหมดไปค้นหาที่อยู่ของราชาเซียนสังสารวัฏ นอกจากนั้น ก่อนหน้าที่จะเข้าไปในร่างเทพ ราชาเซียนสังสารวัฏผ่านไปที่ใดมาบ้างก็สืบมาด้วย…”
จ้าวเฟิงติดต่อกับปี้ชิงเยวี่ยผ่านตราผนึกดวงใจทมิฬ
ก่อนหน้านี้ราชาเซียนสังสารวัฏอำพรางตัว ปิดบังชื่อเสียง จ้าวเฟิงหากอยากจะตามหาเขา ทำได้แค่เพียงพึ่งโชคช่วย
แต่ในวันนี้ราชาเซียนสังสารวัฏปรากฎตัวในร่างเทพ เท่ากับว่ามีเบาะแสและเป้าหมาย ก็จะสามารถเริ่มสืบสาวราวเรื่อง ค้นหาร่องรอยของเขาได้
“เจ้าค่ะ!”
อีกด้านหนึ่ง ปี้ชิงเยวี่ยที่กำลังมุงล้อมพื้นที่อันตรายอัสนีเทวะรีบนำสมาชิกทั้งหมดออกจากที่นี่ไป
จากน้ำเสียงของนายท่าน แน่นอนว่านางสามารถวิเคราะห์ได้ถึงความหนักหนาสาหัสของเรื่องราว
พรึ่บ! จ้าวเฟิงใช้มนตราอากาศออกจากสนามรบไปอย่างรวดเร็ว
ชั่วขณะหนึ่ง ปี้ชิงเยวี่ยก็ส่งรายงานข่าวที่เกี่ยวข้องบางอย่างมาให้จ้าวเฟิงผ่านตราผนึกดวงใจทมิฬ
สีหน้าของจ้าวเฟิงเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็กลับมาสงบนิ่ง และออกเดินทางต่อ
หนึ่งวันหลังจากนั้น จ้าวเฟิงมาถึงยังป่าเขียวชอุ่มแห่งหนึ่ง ในป่าลึกมีกระท่อมไม้เรียบง่ายหลังหนึ่ง เบื้องหน้ากระท่อมมีธารน้ำมรกตไหลอ้อยอิ่ง ด้านหน้าธารนั้นเคยมีดรุณีน้อยชุดขาวนางหนึ่งดีดพิณแผ่วเบา
ที่นี่ก็คือที่ที่จ้าวเฟิงพบกับหลิ่วฉินอินในตอนนั้น!
“ฉินซิน เจ้าอยู่ที่ไหน? ข้ายังอยากได้ยินเจ้าดีดพิณอีก!”
จ้าวเฟิงอารมณ์พลุ่งพล่าน พึมพำเสียงเบา
ความคิดของจ้าวเฟิงจมดิ่งอยู่ ณ ที่แห่งนี้ รอบกายของเขาเกิดพลังลวงตาขึ้น
ในช่วงเวลานี้ จ้าวเฟิงอาศัยความทรงจำของตน ฉายภาพจำในยามที่พบกับหลิ่วฉินอินในตอนแรกให้ปรากฏขึ้นอย่างสมบูรณ์อีกครั้ง
ข้างหน้าธารน้ำนั้น ดรุณีน้อยชุดขาวค่อยๆ ปรากฏกายขึ้นพร้อมพิณตัวหนึ่ง เสียงแห่งธรรมชาติที่สงบเยือกเย็นดังขึ้นอย่างช้าๆ
ครืน! ทันใดนั้น จ้าวเฟิงทำลายภาพลวงตาลง
“ต้องหาฉินซินให้เจอ นางในยามนี้ตกอยู่ในอันตราย อาจตายได้ทุกเมื่อ!”
สีหน้าของจ้าวเฟิงหวาดหวั่น ขจัดความรู้สึกในใจทิ้งไป
“ราชาเซียนสังสารวัฏ!” จ้าวเฟิงกัดฟันกรอด
“ใช่แล้ว ตราประทับสังสารวัฏ!” ดวงตาของจ้าวเฟิงเปล่งประกาย
ในกายของจ้าวเฟิงยังมี ‘ตราประทับสังสารวัฏ’ ที่ไม่รู้ว่าราชาเซียนสังสารวัฏลงเอาไว้เมื่อใด เหตุที่จ้าวเฟิงยังไม่ลบ ‘ตราประทับสังสารวัฏ’ ทิ้งก็เพราะกลัวว่าราชาเซียนสังสารวัฏจะสังเกตได้แล้วป้องกัน เพราะราชาเซียนสังสารวัฏสามารถรู้ตำแหน่งคร่าวๆ ของจ้าวเฟิงได้ผ่านจากตราประทับสังสารวัฏ
แต่จริงๆ แล้วจ้าวเฟิงก็สามารถใช้ ‘ตราประทับสังสารวัฏ’ ย้อนรอยไปยืนยันตำแหน่งของราชาเซียนสังสารวัฏได้เช่นกัน
เพียงแต่หากทำเช่นนี้ เรื่องที่จ้าวเฟิงจับสังเกต ‘ตราประทับสังสารวัฏ’ ได้ก็จะถูกเปิดเผยออกมา อีกทั้งตอนที่จ้าวเฟิงเข้าใกล้ราชาเซียนสังสารวัฏก็จะถูกอีกฝ่ายสังเกตพบได้เช่นเดียวกัน
ทว่าในยามนี้ จ้าวเฟิงไม่สนใจอะไรมากมายแล้ว!
พรึ่บ! ความคิดของจ้าวเฟิงเข้าไปในส่วนลึกของวิญญาณ อาศัยพลังอันแข็งแกร่งที่ดวงตาซ้ายนำมาให้ ไม่นานนักจ้าวเฟิงก็หาตราประทับสังสารวัฏเจอ
ฟู่! จ้าวเฟิงทะลักพลังวิญญาณ กระตุ้น ‘ตราประทับสังสารวัฏ’ ทันใด
วู้ม วู้ม! ตราประทับสังสารวัฏส่งความคิดต่อต้านออกมา
และในเสี้ยวขณะนี้เอง ความคิดของจ้าวเฟิงก็รู้สึกได้ว่าทิศทางหนึ่งในแผ่นดินที่กว้างใหญ่ ปรากฏคลื่นวิญญาณอ่อนจางตอบรับ ‘ตราประทับสังสารวัฏ’ ในกายวิญญาณอัสนีของตน
“หาเจ้าเจอแล้ว!”
ดวงตาของจ้าวเฟิงฉายแววเหี้ยมเกรียม จากนั้นก็เริ่มออกเดินทางไปทันที
ขณะที่จ้าวเฟิงรู้ถึงตำแหน่งของราชาเซียนสังสารวัฏผ่าน ‘ตราประทับสังสารวัฏ’ ราชาเซียนสังสารวัฏก็จับสังเกตได้อย่างแน่นอน
ดังนั้นจ้าวเฟิงต้องรีบไปโดยเร็ว เพื่อไม่ให้ราชาเซียนสังสารวัฏเคลื่อนย้ายตำแหน่ง
พรึ่บ! เกราะแขนในมือของจ้าวเฟิงสะบัด กายของเขาตกอยู่ในเงาซ้อนทับสีเงิน ก่อนจะจางลงแล้วหายวับไป
หลังใช้มนตราอากาศส่งข้ามติดต่อกันสองครั้ง จ้าวเฟิงก็ข้ามผ่านระยะมณฑลใหญ่แห่งหนึ่ง
“อยู่ที่มณฑลใหญ่นี่เอง!”
เมื่อใช้ ‘ตราประทับสังสารวัฏ’ จ้าวเฟิงทำได้เพียงสัมผัสตำแหน่งคร่าวๆ ของราชาเซียนสังสารวัฏเท่านั้น
วู้ม แซ่ด แซ่ด! จ้าวเฟิงใช้ปีกอัสนีโบยบินทะยานไปในท้องฟ้า
“ราชาเซียนสังสารวัฏรู้ถึงการเคลื่อนไหวของข้าแล้ว อาจจะไปจากตำแหน่งเดิมแล้วก็ได้”
จ้าวเฟิงสีหน้าเคร่งเครียด
“ลองอีกครั้งหนึ่ง!” ความคิดของจ้าวเฟิงเข้าไปยังในส่วนลึกของวิญญาณ เขาตัดสินใจกระตุ้น ‘ตราประทับสังสารวัฏ’ อีกครั้ง
“อยู่ที่…”
จ้าวเฟิงสีหน้าตึงเครียด หยุดยืนอยู่ที่เดิม
หลังจากนั้นเสี้ยวขณะหนึ่ง ที่เบื้องหน้าของจ้าวเฟิง เงาคนชุดเทาก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้น
“ราชาเซียนสังสารวัฏ!”
สีหน้าของจ้าวเฟิงเย็นเยียบ จิตสังหารทะลักล้น
“จ้าวเฟิง รีบร้อนหาข้าถึงเพียงนี้เชียวรึ?”
ราชาเซียนสังสารวัฏยิ้มบางๆ พลางมองมายังจ้าวเฟิง
“ตั้งแต่แรกเจ้าก็รู้ว่าคนที่ข้าต้องการจะหาคือหลิ่วฉินอินใช่ไหม!”
จ้าวเฟิงถามเสียงต่ำ
“ใช่แล้ว แต่นางคือเป้าหมายของข้า ดังนั้นจะให้เจ้าเอาไปไม่ได้!”
แววตาของราชาเซียนสังสารวัฏเด็ดเดี่ยว
ฝึกฝนมาจนถึงบัดนี้ ราชาเซียนใช้พลังตาขวาหา ‘ผู้เกิดใหม่ตามสังสารวัฏ’ ได้ทั้งหมดสี่คน
ความตายของผู้เกิดใหม่ตามสังสารวัฏคนแรกทำให้เขาทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับ ความตายของผู้เกิดใหม่ตามสังสารวัฏคนที่สองทำให้เขาทะลวงขอบเขตขั้นราชาเซียนได้
ในร่างเทพ ราชาเซียนสังสารวัฏหาโอกาสในการทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์ไม่ได้ เช่นนั้นเขาก็ทำได้เพียงใช้ผู้เกิดใหม่ตามสังสารวัฏคนที่สามมาช่วยทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์…หลิ่วฉินอิน
อีกทั้งในวิญญาณของหลิ่วฉินอินมีเสวียนอ้าวสังสารวัฏที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมากแฝงอยู่ หลิ่วฉินเองยังมีพรสวรรค์ในศาสตร์แห่งโชคชะตาที่สูงเป็นอย่างมากอีกด้วย
หากไม่ใช่เพราะอุปสรรคขอบเขตเซียนสวรรค์นี้ ราชาเซียนสังสารวัฏก็ตัดใจสังหารลูกศิษย์คนที่สามไม่ได้จริงๆ
นอกจากนั้น ‘ผู้เกิดใหม่ตามสังสารวัฏ’ คนที่สี่ที่ราชาเซียนสังสารวัฏหาเจอ แน่นอนว่าคือซินอู๋เหิน แต่ลึกๆ แล้วราชาเซียนสังสารวัฏกลับรู้สึกว่ามีพลังแปลกประหลาดกลุ่มหนึ่งสกัดกั้นเขาไม่ให้เข้าใกล้ซินอู๋เหิน
“วันนี้เจ้าก็คือเป้าหมายของข้า ดังนั้นเจ้าต้องตาย”
สีหน้าของจ้าวเฟิงเคร่งขรึมลงเล็กน้อย
ยามนี้ราชาเซียนสังสารวัฏยอมรับทุกอย่าง ไม่มีทางปล่อยจ้าวเฟิงไปแน่ๆ
“ด้วยพลังของเจ้า เจ้าไม่มีปัญญาฆ่าข้าได้หรอก!”
ราชาเซียนสังสารวัฏเอ่ยขึ้นอย่างมั่นใจ
ถึงแม้จะพูดเช่นนี้ แต่ผ่านศึกนั้นในร่างเทพมา ราชาเซียนสังสารวัฏก็ค่อนข้างขยาดจ้าวเฟิงอยู่หน่อยๆ
แต่ว่าหลิ่วฉินอินใกล้จะตายลงแล้ว พลังของเขาก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จ้าวเฟิงไม่มีทางเป็นคู่มือของเขา
“ไม่ลองดูจะรู้ได้อย่างไร!”
จ้าวเฟิงแค่นเสียงเย็น
“เจ้าไม่อยากรู้ที่อยู่ของหลิ่วฉินอินรึ?”
ใบหน้าของราชาเซียนสังสารวัฏมีแต่ความได้ใจ หัวเราะลั่นขึ้นมา
ในเส้นทางแห่งศาสตร์โชคชะตา หลิ่วฉินอินมีความชำนาญและพรสวรรค์สูงเป็นอย่างมาก สามารถพยากรณ์อันตรายได้
แต่หลิ่วฉินอินก็มีเพียงพรสวรรค์ทางด้านนี้เท่านั้น ราชาเซียนสังสารวัฏไม่เคยให้หลิ่วฉินอินได้สัมผัสกับความรู้หรือฝึกฝนเคล็ดวิชาลับในศาสตร์โชคชะตาใดๆ เลย พลังด้านศาสตร์โชคชะตาของหลิ่วฉินอินจึงธรรมดามาก
ก่อนหน้าที่จะมุ่งหน้ามายังร่างเทพ ราชาเซียนสังสารวัฏจัดวางกายวัฏสงสารร่างหนึ่งไว้ใกล้ๆ กับหลิ่วฉินอิน แน่นอนว่าราชาเซียนสังสารวัฏไม่ได้มอบภารกิจใดๆ ให้กับกายวัฏสงสาร
และในยามนี้เอง ราชาเซียนสังสารวัฏออกคำสั่งให้กายวัฏสงสารสังหารหลิ่วฉินอินแล้ว
……
เขตชายแดนห่างออกไปจากมณฑลใหญ่ที่จ้าวเฟิงอยู่ ณ สายธารระหว่างภูเขาที่งดงามแห่งหนึ่ง
ข้างลำธารกลางภูเขามีถ้ำอยู่แห่งหนึ่ง การตบแต่งในถ้ำเหมือนกับในบ้านของคนทั่วไป
ยามนี้ที่ปากถ้ำมีร่างขาวสะอาดร่างหนึ่งเดินออกมา
“ทำอย่างไรดี? ความรู้สึกอันตรายรุนเเรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ท่านอาจารย์บอกเอาไว้ว่าให้ข้ารออยู่ที่นี่…”
สีหน้าของหลิ่วฉินอินค่อนข้างร้อนรน