Skip to content

King of Gods 1128

King Of Gods

บทที่ 1128 โครงสร้างของราชวงศ์

“จ้าวเฟิง เจ้ากล้าโจมตีวังเก้านิรยอย่างโจ่งแจ้ง!”

ราชาเซียนอวี่หลิงมองมายังจ้าวเฟิง ก่อนถามเสียงเย็น

“เช่นนั้นแล้วจะทำไม?”

สีหน้าของจ้าวเฟิงเรียบนิ่ง ถามกลับเสียงเยาะหยัน

ราชาเซียนอวี่หลิงตกตะลึง ท่าทีนิ่งเฉยไม่สะทกสะท้านของจ้าวเฟิง ทำให้ใจของเขาเกิดความเกรงกลัว

ราชาเซียนอวี่หลิงรู้ว่าตัวเองน่าจะไม่ใช่คู่มือของจ้าวเฟิง แต่เบื้องหลังของเขาคือตำหนักไท่หวง มีอำนาจเบื้องหลังเช่นนี้ ไยเขาจึงต้องเกรงกลัวอีกฝ่าย

“ในยามนี้สองราชวงศ์กระทบกระทั่งกันไม่หยุด สามารถเปิดศึกอีกครั้งได้ทุกเมื่อ ตำหนักราชันในเวลานี้ ทำลายขั้วอำนาจสามดาวขั้นสุดยอดในราชวงศ์ต้าเฉียน ตัดทอนกำลังของราชวงศ์ หรือในใจมีแผนร้ายอะไร?”

ราชาเซียนอวี่หลิงใบหน้าเย็นชา จี้ถามอีกครั้ง

ยามนี้วังเก้านิรยถูกทำลาย หากตำหนักไท่หวงคิดอยากได้ ‘เคล็ดวิชาลับ’ ในมือจ้าวเฟิง มีเพียงเพิ่มความผิดให้กับตำหนักราชันเท่านั้น

หากจ้าวเฟิงกล้าขัดขืน ถึงเวลานั้นตำหนักไท่หวงก็สามารถลงมือได้อย่างชอบธรรม

“ราชาเซียนอวี่หลิงไม่ทราบอะไรเสียแล้ว ผู้ที่มีแผนร้ายแอบแฝง จริงๆ แล้วคือวังเก้านิรยต่างหาก!”

มุมปากจ้าวเฟิงปรากฏรอยยิ้มบาง

“หมายความอย่างไร?”

ดวงตาของราชาเซียนอวี่หลิงฉายแววสงสัย

“เมื่อครู่ตอนเราสู้กับวังเก้านิรย พบว่าในโลกมิติส่วนตัวของผู้อาวุโสวังเก้านิรยผู้หนึ่งซ่อนครึ่งเทพต่างเผ่าพันธุ์เอาไว้ จุดนี้ทุกคนที่นี่ล้วนยืนยันได้!”

จ้าวเฟิงยิ้มน้อยๆ พลางเอ่ยขึ้น

“ราชาเซียนอวี่หลิง จุดนี้ข้าสามารถยืนยันได้!”

“คิดไม่ถึงเลยว่าวังเก้านิรยจะสมคบคิดกับต่างเผ่าพันธุ์ พวกเราตามืดบอดไปจริงๆ มองวังเก้านิรยไม่ออก”

ขั้วอำนาจบางส่วนที่นั่นรีบปฏิเสธความสัมพันธ์กับวังเก้านิรย กล่าวอ้างอย่างชอบธรรม

ครึ่งเทพต่างเผ่าพันธุ์แฝงตัวเข้ามาในราชวงศ์ต้าเฉียนไม่ใช่เรื่องเล็กๆ อีกทั้งคนที่เห็นภาพนี้กับตามากเกินไป พวกเขาไม่ยอมรับไม่ได้

“นี่…” ราชาเซียนอวี่หลิงยืนอึ้งอยู่กับที่ ตะลึงไปทันที

เขาก็ไม่อาจจินตนาการได้ว่าวังเก้านิรยจะสมคบคิดกับพวกต่างเผ่าพันธุ์

เช่นนั้นแล้ว วังเก้านิรยก็ผิดจนสมควรทำลายทิ้งจริงๆ ตำหนักราชันทำลายขั้วอำนาจเช่นนี้ ตำหนักไท่หวงไม่เพียงแต่จะโทษกล่าวไม่ได้ ซ้ำยังต้องตบรางวัลให้จึงจะถูก

“ราชาอวี่หลิง ไยจึงมาที่นี่ได้ประจวบเหมาะนัก?”

ในยามนี้ จ้าวเฟิงถามพร้อมยิ้มนึกสนุก

“ข้าผ่านมาแถวนี้พอดี…” ราชาเซียนอวี่หลิงหวาดผวาทันใด

“ข้าจะต้องรายงานเรื่องนี้กับตำหนักไท่หวงให้เร็วที่สุด!”

ราชาเซียนอวี่หลิงพูดประโยคนี้จบ ก็นำสมาชิกคนอื่นของตำหนักไท่หวงจากไป

“ตำหนักไท่หวงจะต้องจับครึ่งเทพต่างเผ่าพันธุ์ที่แฝงเข้ามาในต้าเฉียนให้ได้ล่ะ!”

ก่อนจากไป เสียงจ้าวเฟิงดังผ่านหูของราชาเซียนอวี่หลิง

“จ้าวเฟิง…” ราชาเซียนอวี่หลิงกัดฟันกรอด

ครั้งนี้เขากลับไปมือเปล่าอีกครั้ง

หลังจากที่สมาชิกตำหนักไท่หวงจากไปแล้ว บรรยากาศที่นั่นตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง

สมาชิกจากขั้วอำนาจทั้งหลายมองมายังจ้าวเฟิง ใบหน้าฉายแววประจบประแจง

“พวกเจ้าล้วนเป็นขั้วอำนาจที่ร่วมมือกับวังเก้านิรย และวังนิรยก็เป็นผู้ต้องสงสัยว่าสมคบคิดกับต่างเผ่าพันธุ์ หากต้องการล้างข้อสงสัยของพวกเจ้า พวกเจ้ามีเพียงทางเดียว นั่นคือมาเป็นขั้วอำนาจในสังกัดของตำหนักราชัน!”

สีหน้าจ้าวเฟิงทรงอำนาจ มองลงมายังคนทั้งหลาย คำพูดเด็ดเดี่ยว ไม่ยอมให้คัดค้าน

ขั้วอำนาจสามดาวทั้งหลายที่นั่นเงียบงัน

พวกเขาคิดไม่ถึงว่าหลังจากจัดการกับวังเก้านิรยแล้ว จ้าวเฟิงก็ยังคงเหนือกว่าเช่นนี้ บังคับพวกเขาขั้วอำนาจและสำนักสามดาวเกือบยี่สิบฝ่าย ในนี้มีสำนักใหญ่สามดาวบางส่วน รวมถึงตระกูลเจียงและตระกูลต่งแห่งแปดตระกูลใหญ่ด้วย

แต่สายตาของคนทั้งหลายกลับฉายแววจำใจอยู่ลึกๆ

หากทำลายวังเก้านิรยแล้วตำหนักราชันเสียหายอย่างหนัก พวกเขาย่อมกล้าขัดขืน

แต่ครั้งนี้ตำหนักราชันบุกมาโจมตีแค่ห้าคนเท่านั้น ห้าคนนี้แทบจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก หากตำหนักราชันกลืนขั้วอำนาจที่เหลือของวังเก้านิรย สามารถพูดได้ว่ายิ่งใหญ่ขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และจะกลายเป็นอีกหนึ่งขั้วอำนาจสามดาวขั้นสุดยอดที่เหนือกว่าวังเก้านิรย

ถ้าอยู่ในสังกัดขั้วอำนาจสามดาวที่แข็งแกร่งเช่นนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ประเด็นสำคัญคือระหว่างตำหนักราชันและตำหนักไท่หวงมีข้อขัดแย้งที่ไม่เล็กเลย

“หากพวกเจ้าไม่เห็นด้วย เช่นนั้นเมื่อถึงเวลา ตำหนักราชันคงทำได้เพียงแค่ไปเยี่ยมเยือนทีละสำนัก!”

เสียงเย็นชาของจ้าวเฟิงดังขึ้นอีกครั้ง

คนทั้งหมดที่นั่นใจสั่นสะท้าน

หลังจากที่ตำหนักราชันห้าคนมาเยี่ยมเยือน วังเก้านิรยก็ตกอยู่ในสภาพนี้ แม้กระทั่งครึ่งเทพโยวไห่ยังจนปัญญาต้องระเบิดตัวเอง สำนักเล็กๆ ของพวกเขาจะรับการ ‘เยี่ยมเยือน’ จากจ้าวเฟิงไหวได้อย่างไรกัน

“สำนักสมุทรคีรียินดีเป็นขั้วอำนาจในสังกัดตำหนักราชัน!”

ขณะนั้น ผู้อาวุโสสูงสุดจากขั้วอำนาจสามดาวทั่วไปผู้หนึ่งที่อยู่ด้านหลังเอ่ยขึ้น

“สำนักเพลิงพิภพก็ยินดีเป็นขั้วอำนาจในสังกัดตำหนักราชัน!”

อีกเสียงหนึ่งดังขึ้น

สำนักที่ก้มหัวให้กับจ้าวเฟิงก่อนเหล่านี้ล้วนเป็นขั้วอำนาจสามดาวทั่วไป

หลังจากที่เห็นพลังของจ้าวเฟิงและจุดจบของวังเก้านิรย พวกเขายังจะกล้าขัดขืนเสียที่ไหน

“ลัทธิมารพิภพยินดีให้ความร่วมมือกับตำหนักราชัน!”

ในยามนี้ เสียงของราชาเซียนตี้กุ่ยดังมา

ขั้วอำนาจใหญ่อื่นๆ ที่นั่นพากันตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าราชาเซียนตี้กุ่ยจะศิโรราบต่อตำหนักราชันเช่นนี้

แต่ไม่มีใครรู้ว่า ราชาเซียนตี้กุ่ยในวันนี้หวาดกลัวจ้าวเฟิงเป็นที่สุด

ในร่างเทพตอนนั้น ราชาเซียนตี้กุ่ยเคยร่วมมือกับพวกราชาเซียนอวี่หลิงบีบจ้าวเฟิง

วันนี้ ราชาเซียนตี้กุ่ยยิ่งร่วมมือกับวังเก้านิรยจัดการจ้าวเฟิง

ยามนี้ใจของราชาเซียนตี้กุ่ยแขวนไว้กลางอากาศ กลัวว่าจ้าวเฟิงจะหาเรื่องตน

ครั้นเห็นราชาเซียนตี้กุ่ยก็ศิโรราบต่อจ้าวเฟิงเช่นกัน ขั้วอำนาจอื่นที่นั่นก็ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ยอมรับข้อเสนอของจ้าวเฟิงทั้งหมด

“ไป!”

จ้าวเฟิงบินไปยังพวกหนานกงเซิ่งและจ้าวหยูเฟย โบกมนตราอากาศ ก่อนหายวับไปจากที่แห่งนี้

สิบกว่าวันหลังจากนั้น สมาชิกของขั้วอำนาจตำหนักราชันรอบๆ วังเก้านิรยก็ยึดครองทิวเขาเก้านิรย สร้างตำหนักย่อยของตำหนักราชันขึ้น ผู้ดูแลตำหนักย่อยแห่งนี้ก็คือสำนักวิญญาณทมิฬที่เคยเป็นกลุ่มอิทธิพลใหญ่ในสังกัดวังเก้านิรยนั่นเอง

ข่าวที่วังเก้านิรยถูกทำลายลงก็แพร่สะพัดไปทั่วราชวงศ์ต้าเฉียน

ด้วยกำลังคนห้าคน ตำหนักราชันบดขยี้วังเก้านิรยและขั้วอำนาจสามดาวเล็กใหญ่สิบกว่าแห่ง ครึ่งเทพโยวไห่แห่งวังเก้านิรยสู้จ้าวเฟิงไม่ได้จึงระเบิดตัวเองตาย แต่ก็ยังคงไม่อาจสังหารจ้าวเฟิงได้

เรื่องนี้ฮือฮาไปทั่วทั้งราชวงศ์ต้าเฉียน กลายเป็นประเด็นร้อนหลังจากสงครามและร่างเทพ

พลังของผู้นำระดับสูงจากตำหนักราชันทำให้คนตื่นตะลึง และหลังจากที่ควบรวมวังเก้านิรยและขั้วอำนาจสามดาวที่เหลือสิบกว่าสำนักแล้ว อิทธิพลของตำหนักราชันขยายกว้างไกลอย่างบ้าคลั่ง ยิ่งใหญ่แข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

หลังจากนี้ ในราชวงศ์ต้าเฉียนจะมีขั้วอำนาจหยิบยื่นมิตรไมตรีให้ตำหนักราชันมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่นขั้วอำนาจขนาดใหญ่บางแห่งอย่างตระกูลเถี่ย ตระกูลจี หรือมุมมืดทมิฬ

ตำหนักราชันในวันนี้กลายเป็นขั้วอำนาจอันดับหนึ่งในบรรดากลุ่มที่ต่ำกว่าสี่ดาวอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นขั้วอำนาจใหญ่ที่สามารถเทียบเคียงได้กับขั้วอำนาจสี่ดาวทั้งสองอย่างตำหนักไท่หวงและวังลอยฟ้าได้

หลังจากนั้นสามเดือน ครึ่งเทพที่แฝงตัวเข้ามาในราชวงศ์ต้าเฉียนก็ถูกขั้วอำนาจมากมายที่มีตำหนักไท่หวงเป็นหลักสังหารลง

มณฑลเฉียน ตำหนักไท่หวง

ในตำหนักใหญ่โตสีทองพร่างพรายแห่งหนึ่ง บรรยากาศตึงเครียดเป็นที่สุด

“อำนาจของตำหนักราชันก่อตัวขึ้นแล้ว หากรออีกอีกหลายพันปี จ้าวเฟิงเลื่อนขั้นเป็นครึ่งเทพ ดินแดนทวีปก็จะมีขั้วอำนาจสี่ดาวกำเนิดขึ้นอีกหนึ่ง!”

ราชาเซียนเก่าแก่ผู้หนึ่งเอ่ยทอดถอนใจ

จริงๆ แล้ว ขนาดของตำหนักราชันในวันนี้สามารถเทียบเคียงกับตำหนักไท่หวงและวังลอยฟ้าได้ เพียงแค่ไม่มีผู้แข็งแกร่งครึ่งเทพเป็นสัญลักษณ์ก็เท่านั้น

“ในมือของจ้าวเฟิงจะต้องกุม ‘เคล็ดวิชาลับ’ ของราชาเซียนสังสารวัฏไว้แน่ ตำหนักราชันในวันหน้าจะต้องงัดข้อกับเราตำหนักไท่หวง แย่งชิงอำนาจควบคุมของราชวงศ์ต้าเฉียนเป็นแน่!”

ครึ่งเทพไท่จี๋สีหน้าเคร่งเครียด เอ่ยออกมาตามตรง

เมื่อกล่าวคำนี้ออกมา ในตำหนักตกเข้าสู่ความเงียบงันอีกครั้ง

ในศึกเทพแท้จริง กำลังรบผู้นำระดับสูงของตำหนักไท่หวงได้รับบาดเจ็บหนัก และก่อนหน้านี้ เพราะครึ่งเทพต่างเผ่าพันธุ์ผู้นั้น ครึ่งเทพตำหนักไท่หวงจึงต้องออกโรงเอง เสียเวลาไปช่วงหนึ่ง

ในวันนี้ ครึ่งเทพของตำหนักไท่หวงไม่มีใครอยู่ในช่วงสมบูรณ์พร้อมเลย

และข่าวลือว่ากันว่า ในการต่อสู้ของตำหนักราชันและวังเก้านิรย จ้าวเฟิงใช้พลังของตนเพียงลำพังกดดันครึ่งเทพโยวไห่และครึ่งเทพต่างเผ่าพันธุ์อีกผู้หนึ่ง ต่อให้บาดแผลของครึ่งเทพโยวไห่และครึ่งเทพต่างเผ่าพันธุ์ยังไม่สมานดี

การกระทำของจ้าวเฟิงก็เกินคาดเป็นอย่างยิ่ง

หรือก็คือต่อให้ตำหนักไท่หวงหาข้ออ้าง คิดจะจัดการกับตำหนักราชัน อย่างน้อยผู้แข็งแกร่งครึ่งเทพสามคนก็ต้องออกโรง

อีกทั้งการทำเช่นนี้จะกระทบต่อพลังของราชวงศ์ต้าเฉียนเป็นอย่างมาก หากเพียงราชวงศ์จันทราทมิฬฉวยโอกาสโจมตี ราชวงศ์ต้าเฉียนจะตกอยู่ในอันตราย

“ตำหนักไท่หวงจะต้องพักช่วงหนึ่ง รอให้โอกาสเหมาะสม ข้าจะออกโรงเอง!”

ยามนี้ บนสุดของตำหนัก ครึ่งเทพหลงหวงที่อยู่ในแสงทองลายมังกรชั้นหนึ่งเอ่ยอย่างเรียบเฉย

แต่เดิมครึ่งเทพหลงหวงจะทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์หลังจากที่ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ แต่ในวันนี้ เขาต้องชะลอแผนทะลวงขอบเขตเอาไว้ก่อน

ครึ่งเทพหลงหวงออกโรงเอง!

สีหน้าของผู้นำระดับสูงทั้งหลายที่นั่นตื่นตะลึง ไม่มีข้อโต้แย้งอะไรอีก

……

ตำหนักราชัน

ครั้งนี้จ้าวเฟิงต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งซึ่งหน้า ได้ความรู้มามากมาย

ในพื้นที่ต้องห้าม จ้าวเฟิงโคจร ‘หมื่นห้วงคิดเซียน’ ฝึกฝนหลายๆ ด้านในเวลาเดียวกัน

ความคิดสองสายแรก จ้าวเฟิงนำออกมาฝึกฝน ‘วิชาอัสนีวายุห้าสาย’ และ ‘กายศักดิ์สิทธิ์ปฐพีทอง’

ความคิดที่สามและสี่นำมาฝึก ‘วิชาแปลงเทพ’ และ ‘ดัชนีคลั่งวายุอัสนี’

ในการต่อสู้กับครึ่งเทพโยวไห่ หากจ้าวเฟิงไม่มีพลังเทพช่วยเหลือ การโจมตีของเขาก็ยากที่จะสร้างความบาดเจ็บถึงขั้นนั้นให้กับครึ่งเทพโยวไห่ได้

และ ‘ดัชนีคลั่งวายุอัสนี’ ใช้พร้อมพลังนิ้วชี้ก็น่าตื่นตะลึงนัก พิสูจน์ว่าจ้าวเฟิงเลือกไม่ผิดเลย

ความคิดที่ห้านำมาอนุมาน ‘วิชาแยกวิญญาณ’

‘วิชาแยกวิญญาณ’ ขั้นที่สองจ้าวเฟิงฝึกสำเร็จแล้ว และเขายังมีเนตรสังสารวัฏอีกข้างหนึ่ง ดังนั้นเขาต้องอนุมานขั้นที่สามออกมาให้เร็วที่สุด รอจนเวลาเหมาะสมก็จะเริ่มสร้างร่างแยกร่างที่สาม

สุดท้าย จ้าวเฟิงจมอยู่ในมิติตาซ้าย ฉายภาพการต่อสู้ของเขากับครึ่งเทพโย่วไห่อีกครั้ง ศึกษาสิ่งที่ควรค่าแก่การเอาอย่างจากครึ่งเทพโยวไห่

นอกจากนั้น จ้าวหยูเฟยที่กลับมากับจ้าวเฟิงก็ปิดด่านฝึกฝนทันทีเช่นกัน

ผลึกแก้วสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนที่จ้าวหยูเฟยได้มาจากในร่างเทพลึกลับเป็นอย่างมาก ทำให้สายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณของนางตื่นขึ้นอีกขั้น

นอกจากนั้น นางเหมือนจะได้รับประโยชน์อย่างอื่น ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ

ส่วนหนานกงเซิ่งและคุนอวิ๋นเหมือนจะเริ่มเตรียมตัวทะลวงตำแหน่งเทพแล้ว

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีผู้แข็งแกร่งเทวาเร้นลับไม่รู้เท่าไหร่ติดอยู่ที่ใต้ตำแหน่งเทพ กระทั่งแม้แต่ประตูตำแหน่งเทพก็ไม่อาจสัมผัสได้ และมีครึ่งเทพไม่รู้เท่าไหร่หยุดอยู่ที่เดิมนานหลายหมื่นปี จนแล้วจนรอดก็ไม่อาจทะลวงขั้นได้

ต่อให้คุนอวิ๋นมีประสบการณ์ทะลวงตำแหน่งเทพ ครั้งนี้ก็ต้องการเตรียมตัวให้พร้อม ทุ่มสุดพลัง

หลังจากนั้นหนึ่งปี

ในมนตราอากาศพลันทะลักกลิ่นอายบรรพกาลที่แข็งแกร่ง ปลุกจ้าวเฟิงขึ้นจากการปิดด่าน

พลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับหลากสีล้อมรอบจ้าววั่นเอาไว้ เปลี่ยนธรรมชาติฟ้าดินในมนตราอากาศ

“ขอบเขตและพลังถึงระดับเทวาเร้นลับชั้นสูงแล้ว!”

จ้าวเฟิงเผยสีหน้าตื่นตะลึง

เขาคิดไม่ถึงเลยว่าความเร็วในการพัฒนาของจ้าววั่นจะสูงถึงพียงนี้ ตามตนเองทันแล้ว

“ท่าทางข้าจะประเมินร่างนี้ต่ำไป!”

จ้าวเฟิงยิ้ม

ร่างของจ้าววั่นเป็นร่างที่สร้างจากวัตถุดิบผลึกเลือดล้ำค่ายในร่างเทพและผลึกเลือดเทพ อีกทั้งในตอนแรก จ้าวเฟิงยังผสานพลังเลือดเทพลงไปบ้าง

ถึงแม้จ้าววั่นจะไม่นับว่าเป็นทายาทสายเลือดเผ่าพันธุ์เทพ แต่สายเลือดของเขาก็มีความสัมพันธ์เกี่ยวกับเผ่าพันธุ์เทพยักษ์อยู่บ้าง

ในขณะเดียวกัน ความคิดของจ้าวเฟิงก็ย้ายมายังจ้าวหวาง

หลังจากที่จ้าวหวางควบคุมขั้วอำนาจที่เหลือของวังเก้านิรย เขาใช้ทรัพยากรมหาศาลของวังเก้านิรยและมิติลึกลับพิเศษบางอย่างทะลวงขั้นเซียนได้สำเร็จแล้ว

“ร่างแยกทั้งสองร่างของข้าพัฒนาขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว!”

สีหน้าของจ้าวเฟิงยินดี

ในยามนี้เอง ปี้ชิงเยวี่ยส่งข่าวมาผ่านตราผนึกดวงใจทมิฬ

“นายท่าน เกี่ยวกับร่องรอยของมังกรวารีล้างโลกา มีรายงานข่าวบางอย่างมา….”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!