บทที่ 1133 กลับทวีปบุปผาครามอีกครั้ง
บนท้องฟ้า เนตรสวรรค์สีทองพลันเปล่งแสงอัสนีสีขาวแวววาวนับไม่ถ้วน แผ่กระจายกลิ่นอายอัสนีเทวะทำลายล้างรุนแรง
“เพลิงดวงตาอัสนีเทวะ!”
จ้าวเฟิงปลดปล่อยพลังอัสนีเทวะทั้งหมดออกมา
ครืน ฉัวะ!
พลังอัสนีเทวะที่บิดเบี้ยวกลุ่มหนึ่งระเบิดในชั้นวิญญาณของมังกรวารีล้างโลกา จัดการทำลายล้างทุกสรรพสิ่ง
“อ๊าก…”
มังกรวารีล้างโลการู้สึกว่าเหมือนชั้นวิญญาณมาถึงยังโลกแห่งสายฟ้า ถูกฟาดผ่าด้วยหมื่นอัสนี
ฟู่! หลังจากสำแดงการโจมตีวิชาดวงตาประเภททำลายล้างกระบวนหนึ่ง เนตรสวรรค์ในท้องฟ้าหายไป ส่วนตาของจ้าวเฟิงก็ฟื้นคืนสู่ปกติ
“ยังไม่ตาย!” จ้าวเฟิงจิตใจหนักอึ้ง
พลังชีวิตของมังกรวารีล้างโลกาทำให้จ้าวเฟิงตกตะลึง
ยามนี้ ในที่สุดจ้าวเฟิงก็เข้าใจ เหตุใดเทพบรรพกาลเสียหยางในตอนนั้นจึงผนึกมังกรวารีล้างโลกาไว้ นั่นเป็นเพราะเขาฆ่ามังกรตัวนี้ไม่ตาย
ในเมื่อมังกรวารีล้างโลกามีสายเลือดเจือจางของเผ่าพันธุ์มังกรวารีล้างโลกา
ถึงแม้ว่าพลังของมังกรวารีล้างโลกาลดลงมามาก แต่หากจ้าวเฟิงคิดสังหารเขาก็ยังคงยากเป็นอย่างยิ่ง
ฟิ้ว! จ้าวเฟิงเข้าใกล้มังกรวารีล้างโลการะยะหนึ่งทันที
“เขตแดนคุกมายา!”
ตาซ้ายของจ้าวเฟิงกระจายเจตจำนงดวงตาที่น่าหวาดหวั่นออกมา แปรเปลี่ยนเป็นโลกเขาวงกตสีม่วงทองไม่มีจุดสิ้นสุด แผ่พลังดูดกลืนที่ร้ายแรงถึงชีวิต
มังกรวารีล้างโลกาเพิ่งจะได้สติจากความเจ็บปวดจากเพลิงดวงตาอัสนีเทวะ ความคิดจิตวิญญาณของเขาก็ถูกตาซ้ายของจ้าวเฟิงดึงดูดตกเข้าไปในโลกมายาอีกแห่งหนึ่ง
แต่ว่าไม่ทันไร มังกรวารีล้างโลกาก็เผยท่าทีดิ้นรนออกมา
อีกทั้งบาดแผลบนร่างของมังกรวารีล้างโลกา โดยพื้นฐานก็ฟื้นฟูหมดแล้ว
แม้กระทั่งมิติทำลายล้างดั้งเดิมที่เกือบแหลกลาญก็ฟื้นฟูกลับมาเอง
“สมกับที่เป็นกายมังกรล้างโลกา!” จ้าวเฟิงอดตะลึงไม่ได้
คุณสมบัติร่างกายของมังกรวารีล้างโลกาแข็งแกร่งกว่ากายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ที่จ้าวเฟิงฝึกฝนหลายเท่า
“จ้าวเฟิง…”
เวลานี้ มังกรวารีล้างโลกาส่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก
“เจตจำนงดวงตาและพลังอัสนีเทวะของเจ้าใกล้ใช้หมดแล้วกระมัง เจ้าฆ่าข้าไม่ได้หรอก!”
มังกรวารีล้างโลการู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของเจตจำนงดวงตาจ้าวเฟิง สีหน้าได้ใจ
ใบหน้าของจ้าวเฟิงเคร่งเครียดเล็กน้อย ไม่พูดตอบอะไร
แต่ทว่ามังกรวารีล้างโลกาก็พูดไม่ผิดเลย
ในตอนนี้พลังอัสนีเทวะของจ้าวเฟิงใช้หมดแล้ว เจตจำนงดวงตาก็ไม่เหลือแล้วเช่นกัน
การสำแดงเนตรสวรรค์ใช้เจตจำนงดวงตาสูงมาก อีกทั้งจ้าวเฟิงยังแสดงเนตรสวรรค์ไปสองครั้งแล้ว และสำแดงวิชาดวงตาโจมตีหลายชนิดภายใต้สภาวะเนตรสวรรค์ กระทั่งใช้เนตรเพ่งเทพเจ้าเป็นเวลานาน!
นอกจากนั้น จ้าวเฟิงก็ใช้พลังเทพหมดแล้วเช่นกัน
ถึงแม้จะพูดว่ามังกรวารีล้างโลกาในยามนี้อ่อนแอเป็นอย่างมาก แต่จ้าวเฟิงอยากจะสังหารเขาก็ยังคงยากยิ่ง
“ฆ่าเจ้าไม่ได้ แต่เจ้าก็หนีไม่รอด!”
ใบหน้าของจ้าวเฟิงเคร่งขรึมเย็นเยียบ
ใจของมังกรวารีหนักอึ้งโดยพลัน
เขาใช้พลังทำลายล้างดั้งเดิมมากเกินไปแล้ว อีกทั้งมิติดั้งเดิมพังทลายลง จึงสูญเสียพลังทำลายล้างดั้งเดิมไปมาก ยามนี้มังกรวารีล้างโลกาอย่างมากก็ใช้พลังกลุ่มนี้คงพลังของตนไว้ในระดับราชาเซียน
แค่เพียงหยุดใช้พลังทำลายล้างดั้งเดิม ขอบเขตพลังของมังกรวารีล้างโลกาก็จะลดฮวบลงทันที
ฟู่! ข้างหลังของจ้าวเฟิง หมอกมายาสีม่วงทองล้นทะลัก ผสานเข้าไปทั่วทั้งฟ้าดิน
ทันใดนั้น จ้าวเฟิงและมังกรวารีล้างโลกาก็เข้าไปอยู่ใจกลางของเขาวงกตสีม่วงทอง
“ด้วยสภาพของเจ้าในตอนนี้ ไม่มีทางหนีออกไปได้!”
จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง
พลังวิญญาณของมังกรวารีล้างโลกาถูกจ้าวเฟิงทำร้ายหลายครั้ง ขณะนี้อ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง เพียงแต่ว่า เจตจำนงดวงตาของจ้าวเฟิงก็ใช้หมดไปแล้ว ทำได้เพียงแค่พึ่งพลังแห่งเงาโลกมิติ
“บุกพร้อมกัน!” จ้าวเฟิงตะโกนขึ้น
ทันใดนั้น แมวขโมยน้อยและจ้าววั่นตามมา
“กระบี่จินรุ่ย!”
“คมลมกรด!”
จ้าววั่นกระตุ้นเนตรหมื่นปรากฏการณ์ จู่โจมทำลายร่างของมังกรวารีล้างโลกาไม่หยุด
ในขณะเดียวกัน แมวขโมยน้อยก็ใช้อาวุธเทพในมือเฉือนร่างของมังกรวารีล้างโลกา
ถึงแม้มันจะไม่ได้กระตุ้นอาวุธเทพ แต่ระดับความคมในตัวของอาวุธเทพยังสามารถสร้างอาการบาดเจ็บอย่างหนักให้ได้
“อ๊าก…”
ภายใต้พลังเงาโลกมิติส่วนตัวเมืองมายา ความคิดจิตวิญญาณของมังกรวารีล้างโลกาถูกอำพรางจนมิด ได้แต่ถูกกระทำอย่างเดียวเท่านั้น
“ฝ่ามือสายฟ้าทลายนภา!”
จ้าวเฟิงผสานพลังวายุอัสนีและแก่นแท้พลังสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ ซัดเงาฝ่ามือแสงสีชาดอัสนีทองออกไป
ครืน บึ้ม!
ภายใต้การรุมโจมตีจากคนทั้งหลาย กายของมังกรวารีล้างโลกาสะบักสะบอมจนน่าอเนจอนาถอีกครั้ง
การโจมตีของขั้นเซียนทะลุผ่านวัตถุและวิญญาณ ยังคงทำร้ายวิญญาณของมังกรวารีได้ในระดับหนึ่ง
“บัดซบ ข้า…”
มังกรวารีล้างโลกาอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา
เขาในตอนนี้อยากระเบิดตัวเองเป็นอย่างยิ่ง แต่ตอนนี้ตำหนักฟั่นหลุนกู่อินและป๋ายหลินล้วนออกไปจากมิติดั้งเดิมของเขาได้แล้ว จ้าวเฟิงก็สามารถหนีไปจากขอบเขตการระเบิดตัวเองของเขาได้อย่างรวดเร็ว
หรือก็คือหากเขาระเบิดตัวเองในตอนนี้ก็เท่ากับเป็นการฆ่าตัวตาย สร้างผลกระทบอะไรไม่ได้เลย
ในขณะนี้เอง
ท้องฟ้ารอบด้านปรากฏฉากแสงพร่างพรายขึ้นชั้นหนึ่ง หุ้มล้อมทุกคนเอาไว้ข้างใน
“นี่คือ…มิติหมื่นปรากฏการณ์?”
สีหน้าของมังกรวารีล้างโลกาตกตะลึง
พลังที่ไม่อาจขัดขืนได้ตลบอบอวลทั่วด้าน
ชั่วพริบตา ทั่วทั้งมิติปรากฏเสวียนอ้าวธาตุดินมหาศาลขึ้น ควบคุมมังกรวารีล้างโลกาเอาไว้ข้างในอย่างสิ้นเชิง
เสวียนอ้าวธาตุดินกลุ่มนี้ซึมลึกเข้าไปทั่วทุกจุด ทำให้มังกรวารีล้างโลกาขยับไม่ได้
แต่จ้าวเฟิงและคนอื่นๆ ในมิติแห่งนี้กลับเคลื่อนไหวได้ตามปกติ
“ขอบเขตแก่นแท้อัสนี!”
จ้าวเฟิงโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์วายุอัสนีธาตุดิน ปลดปล่อยเขตแดนแรงดึงดูดประสานร่วมกับเสวียนอ้าวธาตุดินรอบด้าน สร้างแรงดึงดูดสะกดที่ยิ่งแข็งแกร่งให้กับมังกรวารีล้างโลกา
เหมียว! ในมือแมวขโมยน้อยปรากฏแส้งูมังกรทอง รัดมังกรวารีล้างโลกาเอาไว้
ความชาเข้าโจมตีมังกรวารีล้างโลกา ในขณะเดียวกันเขาก็ยังรู้สึกว่าพลังของตนถูกดูดไปทีละนิด
“จ้าวเฟิง เจ้าจะทำอะไร….”
มังกรวารีล้างโลกาเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี
เขาดูออกว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นแผนที่จ้าวเฟิงวางเอาไว้ล่วงหน้านานแล้ว
ฟู่! แมวขโมยน้อยอ้าปาก ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนปรากฏขึ้นที่มิติแห่งนี้
ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนปลดปล่อยไหมเมฆาและละอองเกสรไฉ่เมิ่งทันใด กำราบและกักขังมังกรวารีล้างโลกาอีกครั้ง
“บัดซบ…”
มังกรวารีล้างโลกาเหน็บชาไร้แรงไปทั่วทั้งตัว ปราณที่แท้จริงและสายเลือดคล้ายจะสูญเสียการควบคุม
“มังกรวารีล้างโลกา ข้ากำลังขาดพาหนะบินได้พอดีเลย!”
จ้าวเฟิงอมยิ้มพูดขึ้น
มังกรวารีล้างโลกาฟังประโยคนี้ของจ้าวเฟิงแล้วอยากจะกระอักเลือด แต่เขาในยามนี้ แม้กระทั่งความคิดอยากขัดขืนก็ยากจะโคจร
ฟู่ ฟู่!
ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนเกาะบนหัวของมังกรวารีล้างโลกา พ่นละอองเกสรไฉ่เมิ่งไม่หยุด
“ดี ตอนนี้เป็นเวลาที่พลังของมังกรวารีล้างโลกาอ่อนแอที่สุด แรงต้านทานต่ำที่สุด!”
สีหน้าของจ้าวเฟิงสั่นสะท้าน กระตุ้นตาซ้ายทันใด
ฟู่! ลายคลื่นน้ำพลังดวงตาปรากฏขึ้นรอบกายของมังกรวารีล้างโลกา
เสี้ยวขณะต่อไป มังกรวารีล้างโลกาก็ถูกจ้าวเฟิงดูดเข้าไปในมิติเนตรเทพเจ้า
“ในเมื่อฆ่ามังกรวารีล้างโลกาไม่ได้ เช่นนั้นก็ค่อยๆ เค้นเอาประโยชน์บนร่างของเขาออกมาจะดีกว่า!”
จ้าวเฟิงถอนใจโล่งอกทันที
แต่ทว่า จ้าวเฟิงในยามนี้ใช้พลังหมดไปมาก เจตจำนงดวงตาอ่อนแอ ไม่มีพลังทำอะไรกับมังกรวารีล้างโลกาที่อยู่ในมิติเนตรเทพเจ้า ทำได้เพียงแค่วางเขาเอาไว้อีกฝั่งหนึ่งชั่วคราว
วูบ! ปรากฏการณ์ประหลาดทั้งหมดในท้องฟ้าค่อยๆ หายไป กลับคืนสู่ปกติ
ในขณะนี้ ตาของจ้าวเฟิงเพ่งมองตำหนักฟั่นหลุนกู่อิน
“ฉินอิน ขอโทษด้วย ข้ามาช้าไป!”
จ้าวเฟิงเอ่ยคำขอโทษต่อหลิ่วฉินอิน
ในเมื่อมังกรวารีล้างโลกามาตอแยหลิ่วฉินอิน สาเหตุก็มาจากจ้าวเฟิง
ฟิ้ว! จากนั้นจ้าวเฟิงก็นำตำหนักฟั่นหลุนกู่อินไปยังดินแดนพิณสวรรค์
การมาเยือนของจ้าวเฟิงสั่นสะเทือนดินแดนเซียนสวรรค์อีกครั้ง
ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดของดินแดนพิณสวรรค์ต่างคุกเข่าลงไปบนพื้นทั้งตัวสั่นงันงก กลัวว่าจะทำให้ผู้แข็งแกร่งผู้นี้ไม่พอใจ
“เจ้าตำหนักพิณสวรรค์ ข้าเอาตำหนักฟั่นหลุนกู่อินมาคืน!”
จ้าวเฟิงลอยต่ำลงมายังตำหนักเซียนพิณสวรรค์ พูดขึ้นทันใด
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่ชิงมรดกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของข้าคืนมาได้ บุญคุณนี้ตำหนักเซียนพิณสวรรค์มิอาจตอบแทนได้….”
เจ้าตำหนักพิณสวรรค์หวาดผวา
นางไม่อาจจินตนาการได้ว่าชายผู้นี้ชิงเอาตำหนักฟั่นหลุนกู่อินคืนมาจากมือมังกรวารีล้างโลกาตัวยักษ์นั่นได้อย่างไร
แต่นางแปลกใจว่าเหตุใดจ้าวเฟิงจึงช่วยตำหนักเซียนพิณสวรรค์ชิงเอาสิ่งนี้มามากกว่า
“ขอบังอาจถามผู้อาวุโส ท่านคือเทพราชาดวงตาซ้ายแห่งช่างไห่ผู้โด่งดังในตอนนั้นใช่หรือไม่?”
ในยามนี้ หลีเสวี่ยอี้ที่ในใจกระสับกระส่ายอย่างยิ่งเปล่งเสียงสั่นเครือเบาหวิว
ถึงแม้รูปร่างหน้าตาของชายเบื้องหน้าผู้นี้จะไม่เหมือนกับจ้าวเฟิง แต่นางรู้สึกว่าการแต่งเนื้อแต่งตัวและบุคลิกของเขาเหมือนกับจ้าวเฟิงในตอนนั้นเป็นอย่างยิ่ง
วูบ! ทั่วทั้งตำหนักเงียบจนน่ากลัวทันใด
เจ้าตำหนักพิณสวรรค์หน้าเปลี่ยนสี เตรียมจะอธิบาย
“เป็นข้าเอง!” จ้าวเฟิงตอบไปตามตรง
เมื่อได้ยินคำตอบของจ้าวเฟิง ตำหนักพิณสวรรค์และหลี่เสวี่ยอี้อึ้งตะลึงยังคงไม่กล้าเชื่อทั้งหมดนี้
พวกเขาไม่กล้าคาดคิด จ้าวเฟิงที่เป็นเพียงราชันในตอนนั้น วันนี้เติบโตจนถึงขั้นนี้ แม้กระทั่งเซียนเทวาเร้นลับยังเป็นเพียงข้ารับใช้ มังกรวารีที่น่ากลัวเพียงนั้นก็ยังแพ้ในเงื้อมมือของเขา
ครืน! จ้าวเฟิงนำตำหนักฟั่นหลุนกู่อินวางเอาไว้ที่เดิม
ต่อมา จ้าวเฟิงมอบวัตถุดิบล้ำค่าบางอย่างที่มากพอจะทำให้เซียนเทวาเร้นลับคุ้มคลั่งให้กับเจ้าตำหนักพิณสวรรค์
อย่างไรเสีย ในตอนนั้นจ้าวเฟิงก็เจอหลิวฉินซินภายใต้การช่วยเหลือจากตำหนักเซียนพิณสวรรค์ และจักรพรรดิแห่งความตายก็ถูกจ้าวเฟิงชักนำมาที่นี่ นำภัยพิบัติมาให้กับทั้งตำหนักเซียนพิณสวรรค์ ทั้งยังทำให้สามีของเจ้าตำหนักผู้นี้สิ้นชีพ
จากนั้นจ้าวเฟิงก็ลาเจ้าตำหนักพิณสวรรค์ เตรียมตัวจากไป
“ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว เช่นนั้นก็กลับทวีปบุปผาครามสักครั้งก็แล้วกัน!”
สายตาจ้าวเฟิงมองไปยังที่ไกลๆ ในดวงตาหวนคิดถึงอดีต
ในชั่วขณะนี้ ทางเข้าของตำหนักฟั่นหลุนกู่อินค่อยๆ เปิดออก สตรีชุดขาวที่งามสง่าไร้มลทินดุจเซียนในภาพวาดเดินออกมา
“ข้าก็จะกลับไปกับเจ้า!”
หลิ่วฉินอินเอ่ยเสียงเรียบ
“ไปเถอะ!”
จ้าวเฟิงตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็เผยรอยยิ้มบางออกมา
หลิ่วฉินอินกลับมายังตำหนักฟั่นหลุนกู่อิน จะต้องผ่านอะไรมาอย่างแน่นอน และนางในยามนี้เข้าออกตำหนักฟั่นหลุนกู่อินได้อย่างอิสระ บางทีตำหนักฟั่นหลุนกู่อินอาจยอมรับตัวตนของหลิ่วฉินอินแล้ว
สำหรับตำหนักฟั่นหลุนกู่อิน จ้าวเฟิงก็เคยสัมผัสมาบ้าง แต่ต่อให้เป็นเขาในยามนี้ก็ยังไม่อาจมองตำหนักโบราณแห่งนี้ได้ทะลุปรุโปร่งเลย
หลังจากนั้นหนึ่งเดือน จ้าวเฟิงและหลิ่วฉินอินก็มาถึงยังดินแดนหมู่เกาะกู่ชิง
พรึ่บ!
ทั้งสองเมินเฉยต่อแรงต้านของอากาศทั้งหมด ร่อนลงยังทวีปบุปผาคราม
ยามนี้ บนแผ่นดินของทวีปบุปผาคราม ในตำหนักโบราณสีดำแดงที่สูงตระหง่านและมีการป้องกันเข้มงวด
ในหอลับที่มีกลิ่นอายแห่งศพล้อมรอบ โครงกระดูกน่าสะพรึงกลัวลอยขึ้น กระดูกสีเงินทองเข้มสอดประสาน แผ่กระจายกลิ่นอายแห่งศาสตร์ซากศพอันน่าพรั่นพรึง
ชั่วขณะหนึ่ง ในตาของเขาพลันมีเปลวเพลิงแสงอ่อนสองกลุ่มลุกพรึ่บ
“เขากลับมาแล้ว!”