Skip to content

King of Gods 1136

King Of Gods

บทที่ 1136 หลงหวงมาเยือน

“จ้าวเฟิง ข้ารู้ ในมือของเจ้าจะต้องมีทรัพยากรที่แฝงด้วยกลิ่นอายบรรพกาลดั้งเดิมอย่างแน่นอน!”

คุนอวิ๋นเผยท่าทางเป็นเชิงว่า ‘เจ้ารู้ดี’ ออกมา

ประโยคนี้ของคุนอวิ๋นเป็นการร้องขอทรัพยากรจากจ้าวเฟิงอย่างชัดเจน กระทั่งแฝงนัยข่มขู่

ลองคิดดู หากให้ราชาเซียนหรือครึ่งเทพคนอื่นในดินแดนทวีปรู้ว่าจ้าวเฟิงมีทรัพยากรที่แฝงด้วยกลิ่นอายบรรพกาลดั้งเดิม เกรงว่าผู้แข็งแกร่งทั่วทั้งแผ่นดินต้องเป็นศัตรูกับจ้าวเฟิงแน่

ในเมื่อไปถึงขั้นราชาเซียน ใครๆ ต่างก็ใฝ่ฝันถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ที่เลือนราง และดินแดนเทพรกร้างในตำนานบรรพกาล

ต่อให้ต้องสละขั้วอำนาจหรือสำนักทั้งหมด เพื่อความหวังที่จะทะลวงตำแหน่งเทพเพียงเสี้ยวเดียว พวกเขาล้วนไม่เสียดาย

“คุนอวิ๋น อย่ามองตัวเองสูงเกินไป!”

น้ำเสียงของจ้าวเฟิงเย็นชา พูดออกมาโดยตรง

ในช่วงระยะนี้ บทบาทของคุนอวิ๋นสำคัญต่อจ้าวเฟิงและตำหนักราชันเป็นอย่างมาก

แต่จ้าวเฟิงก็ไม่ตระหนี่ มอบค่าตอบแทนที่เทียบเท่ากันให้

กระทั่งคุนอวิ๋นจะทะลวงตำแหน่งเทพ หากติดขัดอะไรต้องการให้จ้าวเฟิงช่วยเหลือ เขาก็ไม่เคยบอกปัด

แต่หากคุนอวิ๋นคิดจะข่มขู่หรือบีบบังคับเขา เช่นนั้นก็ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว

ด้วยพลังของจ้าวเฟิงในตอนนี้ เขาไม่ต้องเกรงกลัวคุนอวิ๋นเลย

“จ้าวเฟิง พลังของข้าพัฒนาไปอีกขั้น มีประโยชน์ต่อทั้งเจ้าและตำหนักราชัน!”

คุนอวิ๋นไม่ลดละ พูดต่อไป

ตำหนักราชันในยามนี้ถึงแม้จะสุขสงบ แต่ขั้วอำนาจใหญ่ในแผ่นดินใหญ่ล้วนสัมผัสได้ว่าตำหนักไท่หวงไม่มีทางเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เช่นนี้แน่

“ข้ามีทรัพยากรพวกนั้นจริง แต่นี่ก็เป็นไพ่ตายของใบหนึ่งของข้าเช่นกัน!”

จ้าวเฟิงพลันลุกยืนขึ้น รัศมีอำนาจน่าหวาดหวั่นแผ่กระจายออก ทั่วทั้งผืนฟ้ามืดสลัวและอึดอัด

หลังจากสู้กับมังกรวารีล้างโลกา จ้าวเฟิงปิดด่านหลายเดือน ทุกๆ ด้านล้วนพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หนึ่งในนั้น สำนึกรู้วิญญาณและกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ชัดเจนที่สุด

ด้านสำนึกรู้ จ้าวเฟิงมีผลไม้เถาวัลย์ ด้านแก่นแท้ชีวิต ทรัพยากรของเขายิ่งมีนับไม่ถ้วน

อีกทั้งเลือดเทพในนิ้วชี้ก็หล่อเลี้ยงร่างของจ้าวเฟิงอย่างไร้รูปร่าง นอกจากนั้น ความหมายของจ้าวเฟิงในประโยคนี้ก็ชัดเจนเป็นอย่างมาก จ้าวเฟิงมีทรัพยากรล้ำค่าที่ทำให้ราชาเซียนหรือครึ่งเทพใจสั่นไหว หากใช้อย่างเหมาะสม จ้าวเฟิงก็เท่ากับว่าได้บริวารเพิ่มมาอีกเป็นโขยง

ในตอนนั้น คนที่อยากเป็นบริวารจ้าวเฟิงมีเยอะแยะ ไม่ได้มีแค่คุนอวิ๋นคนเดียว

แน่นอน หากไม่ถึงที่สุด จ้าวเฟิงย่อมไม่อยากให้เรื่องเหล่านี้เปิดเผยออกไป

“แก่นแท้ร่างกายแข็งแกร่งยิ่งนัก…”

คุนอวิ๋นแอบตื่นตระหนก

ยามนี้ความกดดันที่แก่นแท้ร่างกายของจ้าวเฟิงนำมา ต่อให้เป็นคุนอวิ๋นก็ยังรู้สึกถึงความกดดัน

ถึงแม้วิชาฝึกกายของจ้าวเฟิงจะสูงส่งกว่าคุนอวิ๋น แต่คุนอวิ๋นใช้เลือดคืนชีวิต มีประสบการณ์จากภพที่แล้ว ความเร็วในการฝึกฝนสูงมากอย่างไร้ที่เปรียบ

ในวันนี้ดูแล้ว ระดับการฝึกกายของจ้าวเฟิงไม่ด้อยไปกว่าคุนอวิ๋นเลย แต่วิชาฝึกกายของจ้าวเฟิงสูงล้ำกว่าคุนอวิ๋น ยามนี้ร่างกายของจ้าวเฟิงจึงเหนือกว่าคุนอวิ๋นอยู่นิดหนึ่ง

แต่สิ่งที่ยิ่งน่ากลัวก็คือ คุนอวิ๋นรู้สึกว่าขอบเขตสำนึกรู้ของจ้าวเฟิงก็ไม่ด้อยไปกว่าตนเลย

“เจ้าจ้าวเฟิงนี่ ถึงไม่ใช้สายเลือดดวงตาก็มีพลังจะต่อสู้กับข้าแล้ว!”

คุนอวิ๋นแอบตกใจ ขณะเดียวกันก็ค่อนข้างกลัดกลุ้ม

ตนเองเป็นครึ่งเทพที่ใช้เลือดคืนชีวิต แต่กลับยังแพ้ให้คนที่เปลี่ยนร่างถือกำเนิดใหม่ในขั้นราชัน

คิดถึงตรงนี้ คุนอวิ๋นก็ยิ่งรู้สึกอับอาย

วูบ! จ้าวเฟิงกลับมายังตำหนักของตนเองทันที

“น่ากลัวว่าคุนอวิ๋นคงกำลังเตรียมทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์ มิฉะนั้นด้วยสิ่งที่เขาเก็บเกี่ยวมาได้จากในร่างเทพ ตอนนี้คงฟื้นฟูถึงขั้นครึ่งเทพไปแล้ว!”

จ้าวเฟิงพึมพำในใจ

คุนอวิ๋นตั้งใจลดระดับความเร็วในการพัฒนา แน่นอนว่าเพื่อทำพลังให้มั่นคง และทะลวงขอบเขตด้วยสภาพที่แข็งแกร่งที่สุด

จ้าวเฟิงก็ทิ้งความคิดที่จะเพิ่มความเร็วในการยกระดับพลังฝึกตนเช่นกัน แต่ทำพลังทุกด้านให้มั่นคงแทน

หลังจากที่โคจร ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ แล้ว จ้าวเฟิงก็ฝึกฝนต่อ

แต่ครั้งนี้ จ้าวเฟิงเน้นเป้าหมายสำคัญที่ ‘กายศักดิ์สิทธิ์ปฐพีทอง’

ตามที่คุนอวิ๋นกล่าวไว้ การทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์ สิ่งที่ยากที่สุดจริงๆ คือด่านเคราะห์อัสนีเทพแท้จริง

วูบ! จ้าวเฟิงดูดผลึกเทพอัสนีเข้าไปในมิติตาซ้าย

“ผลึกเทพที่แฝงด้วยพลังอัสนีเทวะ จ้าวเฟิงมีของวิเศษเช่นนี้ด้วย!”

สีหน้าของมังกรวารีล้างโลกาตื่นตะลึง

มีผลึกเทพอัสนีชิ้นนี้ อัตราการทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์ของจ้าวเฟิงจะเพิ่มขึ้นสองส่วนเป็นอย่างน้อย

แน่นอน นี่เป็นเพียงแค่ความเข้าใจของมังกรวารีล้างโลกาเท่านั้น

ในมิติตาซ้าย จ้าวเฟิงแบ่งความคิดออกมาสายหนึ่ง ดูดซับและรับรู้พลังอัสนีเทวะในผลึกเทพอัสนี

ในขณะเดียวกัน จ้าวเฟิงกระตุ้นตราผนึกอัสนีเทวะในกายสายฟ้าทุกด้าน ฝึกร่างกายย้อนหลัง ฝึกฝนกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์

วู้ม ฟู่ ฟู่!

ในกายวิญญาณอัสนี ตราผนึกอัสนีเทวะสี่พันห้าร้อยกว่าสายกะพริบขึ้นพร้อมกัน กระตุ้นพลังอัสนีเทวะที่ไม่ดับสูญออกมา

ขณะเดียวกัน พลังวิญญาณของจ้าวเฟิงควบคุมพลังกลุ่มนี้อย่างรวดเร็ว และนำพลังนี้ไปไว้ยังกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์

กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเฟิง เดิมทีก็ต้านทานสายฟ้าได้อย่างแข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่พลังอัสนีเทวะนั้นไม่เหมือนกัน มันแฝงด้วยเสวียนอ้าวทำลายล้าง สามารถสร้างความเสียหายที่ไม่อาจลบล้างได้ให้กับทุกสรรพสิ่ง

ดังนั้นการใช้พลังอัสนีเทวะในกายวิญญาณอัสนีเพื่อย้อนฝึกกายครั้งแรก ต่อให้เป็นกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ขีดสุดขั้นหกของจ้าวเฟิงก็แทบจะรับไม่ไหว!

เวลาเพียงแค่ไม่กี่อึดใจ บนร่างของจ้าวเฟิงก็เกิดหลุมขรุขระไหม้ดำขึ้นหลายแห่ง

“พักสักเดี๋ยวค่อยฝึกฝนต่อ!”

ใบหน้าของจ้าวเฟิงตื่นตะลึง หยุดฝึกฝน

หลังจากที่จ้าวเฟิงกินสมุนไพรรักษาบาดแผลและยาศักดิ์สิทธิ์ฟื้นฟูที่เพิ่มระดับขั้นชีวิตแล้ว ก็กระตุ้น ‘กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์อมตะ’ ทุกด้านเพื่อทำการฟื้นฟู

การใช้พลังอัสนีเทวะฝึกฝนกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์จะต้องควบคุมระดับ หากเกินเลยไปจะเป็นการทำร้ายตัวเอง

เวลาครึ่งปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ในมนตราอากาศ

วู้ม ฟู่ ฟู่!

บนร่างศักดิ์สิทธิ์สีทองเข้มของจ้าวเฟิง ลายอัสนีสว่างวาววับดุจเส้นไหมไหลริน

สภาพแวดล้อมทั่วบริเวณหลายจั้งถูกกลิ่นอายอัสนีเทวะทำลายจนสิ้น แทบจะไม่อาจฟื้นฟูได้

ในช่วงระยะเวลาครึ่งปีนี้ เป้าหมายหลักของจ้าวเฟิงอยู่ที่กายสายฟ้าปฐพีทอง

เขาลองใช้พลังอัสนีเทวะฝึกกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แบบย้อนขั้นตอนไม่หยุด

และผลลัพธ์ของการทำเช่นนี้ก็คือ กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเฟิงไม่เพียงแต่การต้านทานพลังอัสนีเทวะจะยิ่งเพิ่มขึ้น กระทั่งยังมีธาตุของพลังอัสนีเทวะอีกด้วย

เคล็ดวิชาลับที่เกี่ยวข้องกับกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ล้วนเพิ่มขึ้นในระดับหนึ่งทั้งสิ้น

“กายวิญญาณอัสนี กายศักดิ์สิทธิ์อัสนีเทวะ!”

จิตใจของจ้าวเฟิงสั่นสะท้าน สีหน้าปีติยินดี

ต่อไป เขาเพียงแค่ต้องพัฒนาทั้งสองด้านนี้ต่อ ในภายภาคหน้าอัตราการทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์จะเพิ่มถึงสี่ส่วนเป็นอย่างน้อย

วูบ! ความคิดของจ้าวเฟิงเข้าไปในมิติาซ้าย

ครืน!

ก่อนอื่น จ้าวเฟิงปลดปล่อยการโจมตีวิญญาณกระบวนท่าหนึ่งใส่มังกรวารีล้างโลกา

จากนั้นจ้าวเฟิงก็รวมตราผนึกดวงใจทมิฬที่มีสายฟ้าสอดประสานขึ้นมา ก่อนผนึกไปยังส่วนลึกวิญญาณของมังกรวารีล้างโลกา

“ไม่มีประโยชน์หรอก จ้าวเฟิง อาศัยพลังวิญญาณและวิชาผนึกหยาบๆ ของเจ้า ไม่มีทางจับข้าเป็นทาสได้!”

มังกรวารีล้างโลกายังคงต้านทานอย่างดื้อดึง

แต่จริงๆ แล้วในใจของเขาเกิดความหวั่นไหวขึ้น

ช่วงระยะที่อยู่ในมิติแห่งนี้ มังกรวารีล้างโลกาได้เห็นไพ่ตายมากมายของจ้าวเฟิง รวมทั้งทรัพยากรล้ำค่ามหาศาล

ตอนนี้ต่อให้มังกรวารีล้างโลกาหนีได้สำเร็จ แต่หากไม่ฟื้นฟูพลังถึงขั้นสุดยอดก็ไม่กล้าแก้แค้นจ้าวเฟิง

“มังกรวารีล้างโลกา ความอดทนของข้ามีจำกัด!”

ใบหน้าของจ้าวเฟิงเย็นชา จากมิติเนตรเทพเจ้าไป

จริงๆ แล้วตอนที่จ้าวเฟิงปิดด่านฝึกฝน ก็เคยลองเปลี่ยนมังกรวารีล้างโลกาเป็นทาสหลายหน แต่ว่าล้วนล้มเหลวในท้ายที่สุด

จ้าวเฟิงตัดสินใจ หากก่อนที่เขาจะทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์ มังกรวารีล้างโลกายังคงไม่ยอมศิโรราบให้ เขาจะสังหารทันที

ในเมื่อถึงเวลานั้น บางทีจ้าวเฟิงอาจจะไม่อยู่ที่นี่ หรือบางทีอาจทะลวงขั้นล้มเหลว ถ้าทิ้งมังกรวารีล้างโลกาไว้มีแต่จะกลายเป็นภัยได้

ครืน!

ที่ที่จ้าวหยูเฟยปิดด่าน ไอสวรรค์ฟ้าดินน่าหวาดหวั่นก่อร่างเป็นรอยแสงสีม่วงวาววับนับไม่ถ้วนล้อมอยู่รอบด้าน

ปรากฏการณ์ประหลาดในฟ้าดินที่น่าหวาดกลัวนี้ ดึงดูดให้ผู้นำระดับสูงในตำหนักราชันกวาดประสาทสัมผัสวิญญาณมาทางนี้

“หยูเฟยเหมือนจะยังไม่ออกจากปิดด่าน!”

ประสาทสัมผัสวิญญาณของจ้าวเฟิงเพียงกวาดมองก็ตกใจเล็กน้อย

จ้าวหยูเฟยมีศักยภาพสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณ ตามทฤษฎีแล้วในทุกๆ ด้านไม่ควรจะแพ้ให้กับหนานกงเซิ่ง คุนอวิ๋น อีกทั้งจ้าวเฟิง

เพียงแต่ระดับการย้อนคืนสายเลือดของนางมีขีดจำกัด ดังนั้นเมื่ออยู่กับพวกหนานกงเซิ่งและคุนอวิ๋นจึงไม่โดดเด่นมากนัก

แต่จ้าวเฟิงเชื่อว่าหลังปิดด่านครั้งนี้ พลังของจ้าวหยูเหยจะต้องก้าวกระโดดขึ้นอีกมาก

ในยามนี้เอง ความคิดของจ้าวเฟิงขยับเล็กน้อย เงยหน้าทันใด สายตาจับจ้องไปยังที่ไกลๆ

ฟู่!

ในท้องฟ้า พลังกดดันชะตามังกรที่ไร้รูปร่างกลุ่มหนึ่งรวมตัวมายังตำหนักราชัน

ผืนฟ้าและปฐพี ลมเมฆหมุนตลบ กลิ่นอายพลังยิ่งใหญ่ที่ไม่มีสิ้นสุดทำเอาผู้แข็งแกร่งของตำหนักราชันทั้งหมดหวาดผวา

“เป็นคนของราชวงศ์!”

“ในที่สุดตำหนักไท่หวงก็มา!”

ในตำหนักราชัน สายตาของผู้นำชั้นสูงทั้งหลายพลันเบนหนีไปจากเหตุการณ์ประหลาดในฟ้าดินตรงจุดที่จ้าวหยูเหยปิดด่านอยู่“ครึ่งเทพหลงหวง!”

สายตาของจ้าวเฟิงจับจ้องไปยังร่างสีทองร่างหนึ่งที่อยู่ไกลออกไปนับหมื่นลี้

ฟู่! เพียงเสี้ยวขณะ สมาชิกตำหนักไท่หวงหลายคนที่ครึ่งเทพหลงหวงนำมาก็มาถึงเหนือตำหนักราชัน

อานุภาพกดดันชะตามังกรที่น่าหวาดหวั่นกดอัดไปทั่วผืนฟ้า พลังเสวียนอ้าวทั้งหลายราวกับค้างแข็ง

“คารวะผู้อาวุโสหลงหวงแห่งตำหนักไท่หวง!”

จ้าวเฟิงทำความเคารพน้อยๆ เอ่ยอย่างนอบน้อม

จากนั้นสายตาเขากวาดไปยังสมาชิกที่เหลือของตำหนักไท่หวง

สมาชิกราชวงศ์ที่มายังตำหนักราชันครั้งนี้ นอกจากครึ่งเทพหลงหวงแล้ว ยังมีครึ่งเทพไท่จี๋ ราชาเซียนอวี่หลิง และผู้แข็งแกร่งขั้นราชาเซียนที่ใบหน้าสูงส่ง ท่าทางงามสง่า สวมชุดหงส์หรูหรางดงามอีกคนหนึ่ง

“อืม!” ครึ่งเทพหลงหวงรับคำ สายตาหยุดอยู่ที่ที่จ้าวหยูเฟยปิดด่านชั่วครู่หนึ่ง

วูบ!

เสี้ยวขณะต่อมา ครึ่งเทพหลงหวงและสมาชิกที่เหลือเข้ามาในตำหนักที่จ้าวเฟิงพำนัก

สมาชิกตำหนักไท่หวงปลดปล่อยพลังกดดันชะตามังกรที่ไร้เทียมทานออกมาทั้งอย่างตั้งใจและไม่ตั้งใจ

ทั่วทั้งโถงลับราวกับตกเข้าสู่สภาวะแข็งตัว พลังเสวียนอ้าวทั้งหมดล้อมรอบคนตำหนักไท่หวงทั้งหลาย

“ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสสูงสุดตำหนักไท่หวงมาเยือนตำหนักราชันด้วยตนเองเช่นนี้ด้วยเรื่องอันใด?”

จ้าวเฟิงยิ้มน้อยๆ สีหน้าท่าทางสงบนิ่ง กลิ่นอายพลังมั่นคง

คนตำหนักไท่หวงทั้งสี่ตะลึงเล็กน้อย ประเมินจ้าวเฟิงอย่างละเอียด

ยากที่จะจินตนาการได้ เขาเป็นเพียงแค่เทวาเร้นลับชั้นสูง แต่ภายใต้พลังไร้รูปร่างของสองครึ่งเทพและสองราชาเซียน ก็ยังคงสามารถสงบนิ่งได้ถึงเพียงนี้

“จ้าวเฟิง ช่วงก่อนหน้านี้ตำหนักราชันทำลายขั้วอำนาจที่สมคบคิดกับพวกต่างเผ่าพันธุ์เช่นวังเก้านิรย ราชสำนักควรจะต้องตบรางวัลให้กับพวกเจ้า…”

ครึ่งเทพหลงหวงแสดงท่าทีต่อเรื่องที่จ้าวเฟิงทำลายวังเก้านิรยเป็นลำดับแรก

อย่างไรเสียการกระทำของตำหนักราชัน ดูแล้วก็เป็นการขจัดภัยร้ายให้กับราชวงศ์ต้าเฉียน

“นี่เป็นเรื่องที่ควรทำอยู่แล้ว!”

จ้าวเฟิงพูดตามมารยาทกับครึ่งเทพหลงหวงอยู่สองสามประโยค

“จ้าวเฟิง ราชาเซียนสังสารวัฏถูกเจ้าสังหารรึ?”

ในยามนี้ ครึ่งเทพไท่จี๋สายตาเย็นชา เอ่ยปากถามทันที

เนิ่นนานตั้งแต่ในร่างเทพ จ้าวเฟิงเคยต่อกรกับครึ่งเทพไท่จี๋ เขาจึงเลือกปฏิบัติต่อจ้าวเฟิงเป็นอย่างมาก

“ใช่แล้ว ก็แค่บุญคุณความแค้นส่วนตัวเท่านั้น!”

จ้าวเฟิงยิ้มน้อยๆ ไม่พูดอะไรมาก

“จ้าวเฟิง ตำหนักไท่หวงมาครั้งนี้ก็เพื่อเคล็ดวิชาที่สามารถรวบรวมพลังของทายาทเนตรเทพเจ้าทั้งแปดของราชาเซียนสังสารวัฏ!”

ครึ่งเทพหลงหวงเอ่ยไปตามน้ำ อธิบายถึงการมาในครั้งนี้ตามตรง

“ ‘เคล็ดวิชาลับ’ เช่นนี้น่าพรั่นพรึงมากเกินไป ควรจะมอบให้ตำหนักไท่หวงเก็บรักษาไว้ หากไม่ระวังและตกไปอยู่กับพวกต่างเผ่าพันธุ์ เกรงว่าจะเกิดสงครามสองราชวงศ์อีก สรรพสิ่งจะมอดไหม้เป็นธุลี… ”

ใบหน้าของครึ่งเทพไท่จี๋จริงจัง น้ำเสียงเด็ดขาด

“ดังนั้นตำหนักไท่หวงจึงหวังว่าเจ้าจะส่ง ‘เคล็ดวิชาลับ’ มา!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!