บทที่ 1137 เทพแท้จริงเผ่าพันธุ์วิญญาณ
“ดังนั้น ตำหนักไท่หวงจึงหวังว่าเจ้าจะส่ง ‘เคล็ดวิชาลับ’ มา!”
ใบหน้าของครึ่งเทพไท่จี๋จริงจัง น้ำเสียงเด็ดขาด
นี่ถึงจะเป็นจุดประสงค์ที่แท้จริงในการเดินทางมาครั้งนี้ของตำหนักไท่หวง คำพูดที่เหลือ โดยพื้นฐานแล้วไม่ต้องไปใส่ใจ
‘เคล็ดวิชาลับ’ ของราชาเซียนสังสารวัฏมีพลังอำนาจน่าหวาดกลัวเกินไป แม้กระทั่งผู้แข็งแกร่งขั้นเทพแท้จริงในตอนนั้นยังไม่อาจต้านทานได้
ส่วนจ้าวเฟิงมีทาสผู้ครองเนตรหมื่นปรากฏการณ์ ในขั้วอำนาจตำหนักราชันก็ยังมีทายาทเนตรมรณะตาเดียวอีกคนหนึ่ง
จ้าวเฟิงแค่หาทายาทเนตรเทพเจ้าอีกคนหนึ่งมา ก็จะสามารถสำแดงพลังของ ‘เคล็ดวิชาลับ’ นี้ได้อย่างสมบูรณ์ คิดจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ของทั้งราชวงศ์กระทั่งแผ่นดินใหญ่ก็ไม่ใช่ปัญหาเลย
ภัยคุกคามใหญ่โตเพียงนี้ ตำหนักไท่หวงจะปล่อยไปไม่สนใจได้อย่างไร
ถึงแม้ขั้วอำนาจตำหนักไท่หวงจะไม่มีทายาทเนตรเทพเจ้า แต่หากได้ ‘เคล็ดวิชาลับ’ นี้ บางทีอาจจะสามารถค้นคว้าหาวิธีแก้ ตำหนักไท่หวงกระทั่งสามารถตามหาทายาทเนตรเทพเจ้าจากในอาณาเขตของราชวงศ์ที่กว้างใหญ่ได้
สรุปแล้ว ตำหนักไท่หวงมาครั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์ส่วนตน เพื่อที่จะรักษาอำนาจเด็ดขาดของตำหนักไท่หวงในแผ่นดินใหญ่เอาไว้
ตำหนักราชันในยามนี้มีทายาทเนตรเทพเจ้าเพียงแค่สองคนเท่านั้น ไม่มีทางสำแดง ‘เคล็ดวิชาลับ’ ของราชาเซียนสังสารวัฏได้เลย
อีกทั้งพลังทั้งหมดของตำหนักราชัน ต่อให้ผ่านไปอีกกี่พันกี่หมื่นปีก็ไม่มีทางเป็นคู่มือของตำหนักไท่หวงได้
ดังนั้นตำหนักไท่หวงทั้งหลายจึงเชื่อว่าตำหนักราชันจะต้องส่งมอบให้แต่โดยดีอย่างแน่นอน
“ขอโทษที ในตอนนั้นราชาเซียนสังสารวัฏระเบิดตัวเองตาย มิติเก็บของก็ล้วนกลายเป็นฝุ่นธุลีไปแล้ว!”
จ้าวเฟิงตอบไปทันใด เรื่องจริงก็เป็นเช่นนี้จริงๆ
คนตำหนักไท่หวงทั้งสี่ใบหน้าพลันเปลี่ยนสี ไอหนาวเหน็บทะลักล้นออกมา
แม้กระทั่งครึ่งเทพหลงหวงก็มองมายังจ้าวเฟิงด้วยใบหน้าที่มีความหมายลึกซึ้ง แฝงด้วยความไม่พอใจ
เขามาเยือนตำหนักราชันด้วยตนเอง จ้าวเฟิงยังไม่ไว้หน้า ไม่ยอมส่ง ‘เคล็ดวิชาลับ’ ออกมาให้
“จ้าวเฟิง ความล้ำค่าของ ‘เคล็ดวิชาลับ’ นี้ ตำหนักไท่หวงก็รู้ดี พวกเราย่อมไม่เอาของของตำหนักราชันไปอย่างไม่มีเหตุผล สำหรับเรื่องนี้ ตำหนักไท่หวงจะมอบทรัพยากรตอบแทนที่เทียบเคียงให้ ในวันหน้าตำหนักราชันอยู่ในราชวงศ์แห่งแผ่นดินใหญ่ก็จะได้รับการคุ้มครองจากตำหนักไท่หวงอย่างสูงสุด…”
ข้างกายของครึ่งเทพทั้งสอง ราชาเซียนที่สวมชุดหงส์คนนั้นยิ้มเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเนิบช้าน่าฟัง
ตำหนักไท่หวงเห็นได้ชัดว่าเตรียมตัวมา ครึ่งเทพไท่จี๋และหญิงงามคนนี้ใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง
“ผู้น้อยไม่ได้ ‘เคล็ดวิชาลับ’ ในมือของราชาเซียนสังสารวัฏมาจริงๆ!”
จ้าวเฟิงทอดถอนใจ อธิบายต่อ
คนตำหนักไท่หวงทั้งสี่สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นอีกครั้ง
ครึ่งเทพหลงหวงและราชาเซียนชุดหงส์กระทั่งคิดว่าจ้าวเฟิงมีทายาทเนตรเทพเจ้าคนที่สามแล้วรึไม่ มิฉะนั้นแล้วจะไม่ไว้หน้าตำหนักไท่หวงถึงเพียงนี้ได้อย่างไร
“หึ จ้าวเฟิง เจ้าเก็บ ‘เคล็ดวิชาลับ’ นี้ไว้ หรือคิดร้ายอะไรกับราชวงศ์? ”
ในยามนี้ สีหน้าของครึ่งเทพไท่จี๋โกรธกริ้ว
ครั้งที่แล้วครึ่งเทพไท่จี๋จะเอาเลือดเทพจากจ้าวเฟิงแต่ถูกปฏิเสธ ในวันนี้จ้าวเฟิงก็กล้าปฏิเสธครึ่งเทพหลงหวง รวมถึงทั้งตำหนักไท่หวงอีก!
ครึ่งเทพไท่จี๋ยิ้มเย็นในใจ มองไปยังจ้าวเฟิงเหมือนมองศพอย่างไรอย่างนั้น
“ข้าแซ่จ้าวบอกไปแล้ว ไม่มี ‘เคล็ดวิชาลับ’ นี้ ครึ่งเทพไท่จี๋ปรักปรำข้าน้อย นี่หมายความว่าอะไร?”
ใบหน้าของจ้าวเฟิงเคร่งเครียด น้ำเสียงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
จ้าวเฟิงรู้สึกว่า ยิ่งตนแสดงท่าทีโอนอ่อน อีกฝ่ายก็ยิ่งได้คืบจะเอาศอก
“ปรักปรำหรือไม่ ให้ข้าตรวจค้นดูจึงจะรู้!”
มุมปากครึ่งเทพไท่จี๋ยกขึ้นยิ้มชั่วร้าย
การตรวจค้นที่ครึ่งเทพไท่จี๋พูด แน่นอนว่าคือการสืบวิญญาณของจ้าวเฟิง
ครึ่งเทพหลงหวงที่อยู่ด้านข้างไม่พูดอะไร เห็นได้ชัดว่าเห็นด้วยกับการกระทำของครึ่งเทพไท่จี๋
“ตรวจค้น? ท่านมีสิทธิ์อะไรมาตรวจค้นตำหนักราชันของข้า?”
คำพูดของจ้าวเฟิงเย็นชา แทบจะพูดเน้นย้ำทีละคำ!
ตำหนักราชันในตอนนี้ถึงแม้จะยังไม่ใช่คู่มือของตำหนักไท่หวง แต่ครั้งนี้ตำหนักไท่หวงมาเพียงสี่คนเท่านั้น ตำหนักราชันยังไม่ต้องกลัวถึงขนาดนั้น
“เจ้า…”
สีหน้าครึ่งเทพไท่จี๋อึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็โมโหโกรธา พลังครึ่งเทพไร้รูปร่างผสานเข้าไปทั่วทุกอณูในอากาศ
ครั้งนี้ครึ่งเทพไท่จี๋มุ่งเป้าที่จ้าวเฟิง กดอัดเขาอย่างไม่ปรานีเลยสักนิด
หากเปลี่ยนเป็นเทวาเร้นลับชั้นสูงทั่วไป ภายใต้พลังของครึ่งเทพ เกรงว่าแค่เพียงชั่วเสี้ยวขณะก็ยืนหยัดต่อไปไม่ได้ ถูกโจมตีจนล้มลงโดยสมบูรณ์แบบแล้ว
“หึ!”
จ้าวเฟิงแค่เสียงเย็น อัสนีสีขาวทองเล็กละเอียดวาววับนับไม่ถ้วนพลันแผ่กระจายบนผิวกาย
ฟู่ ฟุ่บ!
ตอนที่พลังของครึ่งเทพไท่จี๋แผ่มายังจ้าวเฟิง ก็ถูกกลิ่นอายอัสนีทำลายล้างกลุ่มหนึ่งบดขยี้สลายไป
กลางอากาศ ลวดลายอัสนีบางๆ ชั้นหนึ่งแผ่กระจายอยู่รอบจ้าวเฟิง พลังของครึ่งเทพไท่จี๋ไม่อาจเข้าใกล้ร่างของเขาได้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องสร้างความบาดเจ็บอะไรให้
คนจากตำหนักไท่หวงทั้งสี่เปลี่ยนสีหน้า ตื่นตะลึงเล็กน้อย
สำหรับพลังอัสนีกลุ่มนั้น ทุกคนที่นี่ล้วนคุ้นเคยดี นั่นก็คือกลิ่นอายของพลังด่านเคราะห์อัสนี
ขณะเดียวกันนี้ ในตำหนักราชันมีกลิ่นอายแข็งแกร่งอีกสองกลุ่มปรากฏขึ้น
หนานกงเซิ่งและคุนอวิ๋นที่จ้าวเฟิงเรียกมาปรากฏขึ้นในโถงลับแห่งนี้ทันใด
หนานกงเซิ่งในยามนี้ ผมยาวสีม่วงแดงดูชั่วร้ายแปลกประหลาด ใบหน้าเย็นชาโหดเหี้ยม แผ่กระจายจิตสังหารที่ชวนให้ผู้คนหวาดกลัวออกมา
ส่วนคุนอวิ๋นก็ไม่ใช่ธรรมดา เขาในยามนี้ถึงแม้จะเป็นเพียงราชาเซียน แต่ครึ่งเทพทั่วไปก็ไม่มีทางเป็นคู่มือของเขาได้
“หากไม่มีอะไรแล้ว ผู้อาวุโสหลงหวงเชิญกลับไปเถิด!”
จ้าวเฟิงพลันลุกขึ้นยืน เอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่น
ครั้งนี้หากล่วงเกินตำหนักไท่หวงก็ถือว่าจนปัญญาแล้ว
แต่นี่ก็ไม่ถึงกับนำหายนะมาเยือนตำหนักราชัน
ตำหนักราชันในเวลานี้ไม่ใช่ขั้วอำนาจเล็กๆ เช่นตอนแรกอีกต่อไป แต่เป็นขั้วอำนาจแข็งแกร่งอันดับหนึ่งเป็นรองเพียงขั้วอำนาจสี่ดาวทั้งสอง!
คุนอวิ๋นที่อยู่ข้างๆ เคร่งเครียด เขาคิดไม่ถึงว่าตำหนักราชันและตำหนักไท่หวงจะขัดแย้งกันจนถึงขั้นนี้
แต่เมื่อว่าคิดถึงว่าจ้าวเฟิงมีทรัพยากรพวกนั้น สามารถดึงขั้วอำนาจอื่นในราชวงศ์มาเป็นพวกได้ เขาก็วางใจลง
คนตำหนักไท่หวงทั้งสี่มีสีหน้าทะมึนเป็นอย่างยิ่ง
ตำหนักราชันที่เพิ่งจะผงาดขึ้น กลับกล้าท้าทายขั้วอำนาจสี่ดาวที่ตั้งอยู่เป็นพันเป็นหมื่นปีในราชวงศ์แห่งแผ่นดินใหญ่
หากไม่กังวลเรื่องราชวงศ์จันทราทมิฬ ไม่แน่ว่าตำหนักไท่หวงอาจใช้วิธีเด็ดขาดกับตำหนักราชันไปแล้ว
“จ้าวเฟิง ผู้ยิ่งใหญ่ของทั่วทั้งราชวงศ์ต้าเฉียนก็คือตำหนักไท่หวง!”
ยามนี้ ครึ่งเทพหลงหลงเอ่ยออกมาอย่างเรียบนิ่ง รัศมีอำนาจที่ไร้รูปร่างทะลักล้นทั่วทิศ
ในฐานะที่เป็นขั้วอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดของราชวงศ์ต้าเฉียน ตำหนักไท่หวงจะปล่อยให้รัศมีของตำหนักราชันกลบฝ่ายตนไปได้อย่างไร
นอกจากนั้น ต่อให้จ้าวเฟิงมีผู้ช่วยเช่นหนานกงเซิ่งและคุนอวิ๋น ครึ่งเทพหลงหวงก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา เพราะเขาคือครึ่งเทพที่แข็งแกร่งที่สุดในราชวงศ์ต้าเฉียน!
ขณะนี้ครึ่งเทพหลงหวงแสดงทีท่าขุ่นเคืองค่อนข้างชัดเจน
ในโถงใหญ่กดดันเป็นที่สุด เหมือนอากาศจะแข็งตัวไปสิ้น
ผืนฟ้าปฐพี กลิ่นอายพลังไร้รูปร่างและพลังชะตามังกรพุ่งสูงอย่างบ้าคลั่ง
และในยามนี้เอง
ครืน! ฟ้าดินพลันสั่นสะเทือน !
พลังพายุคลั่งน่าหวาดหวั่นกลุ่มหนึ่งพลันพวยพุ่ง
ทั่วบริเวณหลายหมื่นลี้ ไอสวรรค์ฟ้าดินทั้งหมดถูกดึงดูดไป
ปรากฏการณ์ฟ้าดินที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ทำเอาจ้าวเฟิง คุนอวิ๋น และครึ่งเทพคนอื่นๆ ที่กำลังประจันหน้ากันอยู่อดมองไปไม่ได้
วู้ม ซ่า!
ทันใดนั้น ท้องฟ้าถูกฉีกแยกออกทันที ก่อตัวเป็นหลุมดำว่างเปล่าที่ไม่เห็นก้นบึ้ง
ฟู่ ฟิ้ว ฟิ้ว!
พลังพายุคลั่งที่น่าหวาดกลัวพวยพุ่งออกมาจากรอยแยกของมิติข้างๆ หลุมดำ
“ให้คนทั้งหมดถอยไป!”
จ้าวเฟิงรีบส่งคำสั่งไปให้ปี้ชิงเยวี่ยทันที
โชคดีที่มิติหลุมดำอยู่บนท้องฟ้าไกลลิบ มิฉะนั้นตำหนักราชันที่อยู่ข้างล่างคงพินาศลงไปแล้ว
“นี่มัน…” ในยามนี้ กระทั่งครึ่งเทพหลงหวงก็ยังเคร่งเครียด
“หยูเฟย!” สายตาของจ้าวเฟิงมองไปยังที่ที่จ้าวหยูเฟยปิดด่าน
เมื่อประสาทสัมผัสของจ้าวเฟิงแทรกแซงเข้าไปรบกวน จ้าวหยูเหยก็ยังคงไม่รู้สึกตัว ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้
ฟิ้ว ฟิ้ว!
จ้าวเฟิงและตำหนักไท่หวงคนอื่นๆ ถอยหลังไปหลายหมื่นลี้ชั่วคราว
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ พวกเขายังคงรู้สึกว่าพลังและสายเลือดทั่งทั้งร่างถูกควบคุมโดยไม่มีสิ้นสุด แม้กระทั่งจะหายใจก็ยังค่อนข้างยากลำบาก
ครืน!
ทันใดนั้น กลิ่นอายพลังเทพต้องห้ามที่ชวนให้คนหวาดผวาพลันแผ่กระจายมา
ฟู่! ในมิติหลุมดำ มีเงาคนสองคนเดินออกมา
ชายหนุ่มคนหนึ่งในนั้นใบหน้าค่อนข้างอ่อนเยาว์ แต่กลับมีรูปลักษณ์ที่สตรียังต้องอิจฉา ตรงหว่างคิ้วสะท้อนความหยิ่งทะนง และข้างกายของเขาเป็นชายชราที่กลิ่นอายมืดหม่นผู้หนึ่ง
แต่ทั้งสองต่างมีเอกลักษณ์ที่เหมือนกันคือ ร่างกายโปร่งแสงแวววาว มีประกายแสงสีขาววาววับลอยเอ่อ
ชั่วพริบตาที่ทั้งสองคนมาปรากฏอยู่ที่แห่งนี้ ทั่วทั้งผืนฟ้าสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ราวกับว่าจะถล่มลงมา
“เทพแท้จริงแห่งดินแดนเทพรกร้าง!”
ครึ่งเทพหลงหวงตกตะลึง สายตาหวาดผวา
จากความรู้สึกของเขา พลังของชายชราคนนั้นเกรงว่าจะน่ากลัวเสียยิ่งกว่าเทพแท้จริงเทียนฝา
“เทพแท้จริงมาเยือน!”
ใบหน้าของจ้าวเฟิงตึงเครียดเล็กน้อย
ภายในเวลาอันสั้นเช่นนี้ กลับมีเทพแท้จริงของดินแดนเทพรกร้างมาเยือนอีกแล้ว!
“หรือว่าคนพวกนี้มาเพื่อเทพแท้จริงเทียนฝา?”
ด้านข้าง ครึ่งเทพไท่จี๋มีสีหน้าตื่นตระหนกเป็นที่สุด
“หยวนหลง เปลี่ยนสายเลือดและร่างกายให้สอดคล้องกับโครงสร้างไอสวรรค์ของมิติแห่งนี้ซะ!”
ชายชราเอ่ยกับชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ อย่างเรียบนิ่ง
“ขอรับ!”
ชายหนุ่มปิดตาทั้งสองข้างเล็กน้อย เลือดในกายมีประกายประหลาดพราวพร่างเคลื่อนไหว
ไม่นานนัก การสั่นสะเทือนของฟ้าดินก็ค่อยๆ สงบลง
“นี่เป็น…สายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณ!”
จ้าวเฟิงอยู่กับจ้าวหยูเฟยมานาน ยามที่ชายผู้นั้นสำแดงกลิ่นอายสายเลือดออกมา จ้าวเฟิงก็สามารถสังเกตได้ทันที
“หรือว่าคนพวกนี้ จะมาเพราะหยูเฟย!”
จ้าวเฟิงคาดเดาในใจ
“อาจารย์ ทายาทสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณอยู่ที่นี่!”
หยวนหลงรีบชี้ไปยังจุดที่จ้าวหยูเฟยปิดด่าน
จ้าวเฟิงและตำหนักไท่หวงคนอื่นๆ ที่อยู่ไกลออกไปหลายหมื่นลี้ ถูกหนึ่งผู้ชราและหนึ่งชายหนุ่มเมินโดยสิ้นเชิง
“อืม!” ชายชรามองไปตรงที่จ้าวหยูเฟยปิดด่าน ก่อนงอนิ้วเล็กน้อย
ฟิ้ว! รัศมีลึกลับวาววับสายหนึ่งส่องไปยังร่างของจ้าวหยูเฟย
วู้ม ครืน!
ร่างวาววับของจ้าวหยูเฟยพลันแผ่กระจายกลิ่นอายสายเลือดบรรพกาลที่ไร้เทียมทานออกมา
“ทะลวงขอบเขตแล้ว!”
คุนอวิ๋นรู้สึกถึงขอบเขตพลังของจ้าวหยูเฟย ใบหน้าตื่นตะลึง สูดหายใจเข้าลึก
“นี่มันพลังขั้นใดกัน…”
ครึ่งเทพหลงหวงก็ตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่งเช่นเดียวกัน
ชายชราลึกลับคนนี้เพียงแค่ยื่นนิ้วออกไป ก็ทำให้จ้าวหยูเฟยที่ปิดด่านอยู่ทะลวงถึงขอบเขตพลังขั้นราชาเซียนทันที
ยามนี้ จ้าวหยูเฟยลืมตาสุกสกาวทั้งสองข้างขึ้น
นางเหมือนจะรับรู้ได้ จึงมองไปยังคนทั้งสองบนท้องฟ้า
“เด็กน้อย กลับไปยังเผ่าพันธุ์บรรพกาลกับพวกเราเถอะ ที่นั่นถึงจะเป็นบ้านของเจ้า!”
เสียงของชายชราดังสะท้อนก้องในท้องฟ้า
“เผ่าพันธุ์วิญญาณบรรพกาล ดินแดนเทพรกร้าง?”
ใบหน้างามสะคราญของจ้าวหยูเฟยตกใจเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่านางมีความเข้าใจต่อดินแดนเทพรกร้างอยู่บ้าง
จากปฏิกิริยาของสายเลือด ทั้งสองคนนี้เกรงว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณของดินแดนเทพรกร้าง
และจุดประสงค์ที่มาเยือนมิติแห่งนี้ของพวกเขา คือมารับตนเองกลับไปยังเผ่าพันธุ์วิญญาณบรรพกาลของดินแดนเทพรกร้าง!
ความอบอุ่นเอ่อล้นในสายเลือดในกายของจ้าวหยูเฟย เหมือนเฝ้าปรารถนาจะมุ่งไปยังดินแดนเทพรกร้าง กลับไปยังเผ่าพันธุ์วิญญาณบรรพกาลเป็นอย่างมาก
ไกลออกไปหมื่นลี้ คนจากตำหนักไท่หวงและพวกคุนอวิ๋นมีสีหน้าตื่นตะลึง อิจฉาเป็นที่สุด
คิดไม่ถึงว่าเทพแท้จริงแห่งดินแดนเทพรกร้างสองคนนี้จะมารับจ้าวหยูเฟย
ด้วยสายเลือดของจ้าวหยูเฟย หากเข้าไปในดินแดนเทพรกร้างแล้วค่อยทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์ คงไปถึงตำแหน่งเทพระดับกลางได้ทันที
“ตอนนี้ข้ายังไม่อยากไป!”
จ้าวหยูเฟยลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนตอบออกมาตามตรง
จากนั้น ดวงตาที่คลอด้วยน้ำตาก็มองมายังจ้าวเฟิง แฝงด้วยความรักและความลังเล
เห็นได้ชัดว่าจ้าวหยูเฟยก็อยากจะไปดินแดนดินแดนเทพรกร้างเช่นกัน
“อะไรนะ!” คุนอวิ๋นพูดไม่ออก
ตำหนักไท่หวงทั้งหลายก็ตกตะลึงเช่นกัน ยืนอึ้งอยู่กับที่
ทุกคนคิดไม่ถึงว่าจ้าวหยูเฟยจะปฏิเสธคำเชิญจากเทพแท้จริงของดินแดนเทพรกร้าง
โอกาสที่พลิกผันชะตาเช่นนี้ จ้าวหยูเฟยกลับปฏิเสธ!
ต้องรู้ว่า ผู้แข็งแกร่งของดินแดนทวีปที่ทะลวงขั้นเทพแท้จริงได้ก็เป็นเมื่อหลายหมื่นปีก่อนหน้านี้แล้ว!
“อะไรนะ เจ้า…”
ใบหน้าของหยวนหลงเปลี่ยนสีทันใด ไม่อยากจะเชื่อ
สตรีจากมิติระดับต่ำเบื้องหน้าผู้นี้กลับปฏิเสธอาจารย์ของเขา!
สีหน้าของชายชราคนนั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย สายตาหยุดลงที่ร่างของจ้าวเฟิง
เขาย่อมมองออกว่าที่จ้าวหยูเฟยปฏิเสธก็เป็นเพราะชายคนนี้
“แข็งแกร่งยิ่งนัก!”
เสี้ยวขณะนี้ จ้าวเฟิงรู้สึกว่าทั่วทั้งร่างกายนอกจากดวงตาเทพเจ้าล้วนถูกชายชราผู้นี้มองทะลุ ไม่มีที่ใดหลงเหลือ
“เอ๋?”
สายตาของชายชราหยุดลงที่ตาซ้ายของจ้าวเฟิง ตกตะลึงไปเล็กน้อย
“มนุษย์ เจ้าก็ตามพวกเราไปดินแดนเทพรกร้างด้วยเถิด!”
ชายชราเผยสีหน้าอบอุ่น ยิ้มพูดขึ้น