บทที่ 1152 สังหารทั้งหมด
“อะไรกัน? หรือมันคิดว่าจะสังหารข้าได้ด้วยตัวคนเดียว?”
ยอดผู้อาวุโสแห่งเผ่าพันธุ์จิ้งเหลนลิ้นดำที่กำลังหลบหนีอยู่ด้านหน้าเผยสีหน้าตื่นตกใจ เหงื่อเย็นไหลซึม
การเอาชนะและการสังหารเป็นสองเรื่องที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ความยากของเรื่องหลังมากกว่าเรื่องแรกหลายเท่าตัว
“หรือว่ามันจะเป็นผู้ถูกเลือกของเผ่าหยกทอง?”
ยอดผู้อาวุโสของเผ่าพันธุ์จิ้งเหลนลิ้นดำคาดเดาในใจ
เผ่าพันธุ์หยกทองจัดอยู่ในลำดับที่สองพันห้าร้อยสามสิบสองในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ เผ่าผู้ปกครองสูงสุดของอ่าวทะเลคราม เป็นขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่ง
ว่ากันว่าในเผ่าพันธุ์หยกทองมีอัจฉริยะชั้นยอดของทั้งอ่าวทะเลคราม น่าจะเป็นยอดฝีมือที่มีความสามารถในการสังหารอย่างยิ่ง
ทว่าผู้ถูกเลือกเหล่านี้อยู่ในขั้นครึ่งเทพเกือบทุกคน แน่นอนว่าพวกเขาย่อมสามารถทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์ แต่จงใจกดพลังเอาไว้เท่านี้เพื่อเก็บสะสมศักยภาพเอาไว้เตรียมทะลวงขั้นเทพระดับสูง
ว่ากันว่าอัจฉริยะที่ทะลวงผ่านขั้นเทพได้สามระดับขั้นในคราวเดียว สัดส่วนการเลื่อนขึ้นเป็น ‘เทพโบราณ’ จะมากกว่าคนทั่วไปหลายเท่าตัว
“ประกายแสงมาร!”
ยอดผู้อาวุโสแห่งเผ่าพันธุ์จิ้งเหลนลิ้นดำเผาผลาญพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับ ใช้เคล็ดวิชาหลบหนี
วู้ม! เขากลายร่างเป็นแสงวารีสีดำเข้ม ก่อนจะค่อยๆ อับแสงลงกลางอากาศ
“ปีกอัสนีผ่านฟ้า!”
ปีกอัสนีที่หลังจ้าวเฟิงเปล่งแสงสายฟ้าสีแดงสว่างไสว กระตุ้นให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นไปถึงขีดจำกัด จนเลือนรางหายไปจากครรลองสายตา
“รวดเร็วเสียจริง!” ผู้อาวุโสที่สามตื่นตะลึง
จ้าวเฟิงไม่เพียงแต่มีพลังแข็งแกร่งเกินกว่าใคร แต่ในด้านความเร็วยังอยู่เหนือครึ่งเทพด้วย
“แต่หากยอดผู้อาวุโสแห่งเผ่าพันธุ์จิ้งเหลนลิ้นดำคิดจะหนี จ้าวเฟิงก็ทำอะไรเขาไม่ได้!”
ยอดผู้อาวุโสแห่งเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองทอดถอนใจเล็กน้อย คิดว่าจ้าวเฟิงหยิ่งยโสเกินไปนิด
ยอดผู้อาวุโสฝ่ายจิ้งเหลนลิ้นดำมีพลังเหนือเขามาก อีกทั้งยังเจ้าเล่ห์มากแผนการ บางทีจ้าวเฟิงอาจจะเอาชะคนผู้นี้ได้ แต่ถ้าคิดจะสังหารคงเป็นเรื่องยากลำบากไม่น้อย อย่างไรเสีย ทุกคนล้วนเข้าใจในความยากระหว่างการจะเอาชนะหรือสังหารทั้งสิ้น
“แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จ้าวเฟิงไปไล่ตามยอดผู้อาวุโสของจิ้งเหลนลิ้นดำ ส่วนพวกเราก็ไล่สังหารสมาชิกที่เหลือของพวกนั้นให้หมด!”
ผู้อาวุโสที่สามหัวเราะอย่างชั่วร้าย
ยอดฝีมือขั้นครึ่งเทพสองคนของเผ่าพันธุ์จิ้งเหลนลิ้นดำหนีไปคนหนึ่ง ตายไปคนหนึ่ง
วันนี้ จิ้งเหลนลิ้นดำเหลือแต่เปาลี่ที่เป็นครึ่งเทพเพียงคนเดียว พวกเขาย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทอง
ด้วยเหตุนี้ การไล่ล่าของเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองจึงราบรื่นอย่างมาก
ทั้งกลุ่มเผ่าพันธุ์จิ้งเหลนลิ้นดำถูกสังหารไปมากกว่าครึ่ง เหลือเพียงคนในเผ่าส่วนหนึ่งที่ได้เปาลี่พาหนีไปเท่านั้น
“บัดซบ พวกมันจะหนีไปได้แล้ว!”
ผู้อาวุโสที่สองไม่ยอม
โอกาสดีขนาดนี้ สังหารคนเผ่าศัตรูเพิ่มขึ้นย่อมเก็บเกี่ยวได้มากขึ้นตามไปด้วย
แต่นี่เป็นเรื่องที่ทำอะไรไม่ได้ ความยากของการสังหารและเอาชนะต่างกัน นอกเสียจากพลังของเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองจะอยู่เหนือว่าฝ่ายตรงข้ามอยู่หลายระดับ ถึงจะสามารถสังหารคนเผ่าพันธุ์จิ้งเหลนลิ้นดำทั้งหมดลงได้
“ทว่าเผ่าพันธุ์จิ้งเหลนลิ้นดำไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองอีกต่อไปแล้ว!”
ยอดผู้อาวุโสเอ่ยด้วยสีหน้ายินดี
ผลลงเอยเช่นนี้อยู่เหนือกว่าที่เขาคาดเดามาก
ต่อมาทั้งกลุ่มเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองจึงหยุดพัก จัดการของรางวัล และจัดแจงรักษาอาการบาดเจ็บด้วย
แน่นอนว่าพวกเขายังต้องรอให้จ้าวเฟิงกลับมา หากจ้าวเฟิงยังไม่ย้อนกลับมา พวกเขาไหนเลยจะกล้ากลับไป
“ยอดผู้อาวุโส ท่านว่าจ้าวเฟิงจะถูกยอดผู้อาวุโสจิ้งเหลนลิ้นดำกับพวกเปาลี่โจมตีหรือเปล่า!”
จู่ๆ ผู้อาวุโสที่สองก็เอ่ยขึ้น
คนของจิ้งเหลนลิ้นดำที่หนีออกจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้มีค่อนข้างมาก ถ้าหากในระหว่างทางที่หลบหนีคนเหล่านี้เจอกับจ้าวเฟิงที่กำลังประมือกับยอดผู้อาวุโสจิ้งเหลนลิ้นดำ เมื่อเป็นเช่นนั้นจ้าวเฟิงเพียงคนเดียวจะต้องเผชิญหน้ากับคนของเผ่าพันธุ์จิ้งเหลนลิ้นดำทั้งหมด
“นี่…อาจเป็นไปได้!”
จากการเตือนของผู้อาวุโสที่สอง สีหน้ายอดผู้อาวุโสเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ถึงแม้จ้าวเฟิงจะหลงตัวเองเกินไป แต่ตอนนี้เผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองต้องการจ้าวเฟิงอย่างยิ่ง
“ไปดูหน่อยแล้วกัน…”
ยอดผู้อาวุโสชันกายขึ้นทันที เตรียมนำกลุ่มคนไปดูสถานการณ์
แต่ในเวลานี้เอง ขอบฟ้าไกลลิบพลันเกิดระลอกวายุอัสนีที่น่ากลัวลอยละล่องมา
แซ่ด! จ้าวเฟิงมายังเหนือเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองอย่างรวดเร็ว
“เจ้าพวกไร้ประโยชน์ ปล่อยคนเผ่าพันธุ์ศัตรูไปเยอะขนาดนี้ ยังต้องให้ข้าไปเก็บกวาดด้วยตนเองด้วย!”
จ้าวเฟิงลอยตัวอยู่กลางอากาศ ประหนึ่งเทพเจ้าสอดส่ายมองทุกคน
“อะไรกัน!” ผู้อาวุโสที่สองร้องเสียงหลงทันที
เดิมเขาเดาว่าจ้าวเฟิงอาจจะโดนโจมตีขนาบสองฝั่งจากเผ่าพันธุ์จิ้งเหลนลิ้นดำ แต่คิดไม่ถึงว่าจะสังหารพวกเปาลี่ที่หนีไปจนหมด นี่เขาเป็นสัตว์ประหลาดอะไรกัน?
เวลาเดียวกัน ในใจเขาเกิดความสงสัยอีกข้อหนึ่งขึ้น ยอดผู้อาวุโสของเผ่าพันธุ์จิ้งเหลนลิ้นดำตายแล้วหรือยัง?
สมาชิกทั้งหมดของเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองนบนอบอยู่ภายใต้อาณัติของจ้าวเฟิง ในใจเต็มไปด้วยความเคารพนับถือ
“สหายจ้าวเฟิง เจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว พวกเรารีบมาเก็บเกี่ยวทรัพยากรและรีบกลับไปที่เผ่ากันเถอะ!”
ยอดผู้อาวุโสระบายยิ้ม
ยิ่งความสามารถของจ้าวเฟิงแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเอื้อต่อเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองมากขึ้นไปด้วย แต่เดิมไม่นานนัก เผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองอาจจะถดถอยลงเป็นขั้วอำนาจสามดาว
ในวันนี้บางทีอาจจะสามารถใช้จ้าวเฟิงทำให้ชื่อเสียงของเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองมั่นคง หรืออาจะยิ่งใหญ่กว่าเดิม
“ออกเดินทาง!” จากคำสั่งของยอดผู้อาวุโส ทั้งกองทัพจึงเดินทางกลับ
“คิดไม่ถึงเลยว่าผู้อาวุโสจ้าวจะแข็งแกร่งเช่นนี้ ครั้งนี้พวกเราเอาชนะได้ย่อมเป็นผลงานของเขา!”
“ข้าไม่เคยเห็นเทวาเร้นลับชั้นสูงที่แกร่งกล้าขนาดนี้มาก่อน ผู้อาวุโสจ้าวคงจะไม่ใช่ผู้ถูกเลือกของขั้วอำนาจห้าดาวที่ไหน แล้วบังเอิญเดินทางมาถึงที่นี่หรอกนะ?”
ในระหว่าทาง คนของเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองวิจารณ์กันเรื่องจ้าวเฟิงไม่หยุด ในสายตาเต็มไปด้วยความฮึกเหิมและศรัทธา
ยามนี้ในใจของพวกเขา สถานะของจ้าวเฟิงอยู่เหนือผู้อาวุโสที่ห้าไปแล้ว น่าจะกลายเป็นคนลำดับแรกรองลงมาจากผู้อาวุโสสูงสุด
ไม่นานนัก ทุกคนจึงเดินทางมาถึงป่าเพลิงสมุทร
เรื่องของการเก็บเกี่ยวทรัพยากรย่อมมอบให้คนอื่นในเผ่าพันธุ์ จ้าวเฟิงคอยจัดการของรางวัลอยู่ข้างๆ เท่านั้น
“ทรัพยากรของยอดผู้อาวุโสเผ่าพันธุ์จิ้งเหลนลิ้นดำไม่เลว ส่วนที่เหลือใช้ไม่ได้แล้ว!”
จ้าวเฟิงระบายยิ้มออกมา
ยอดผู้อาวุโสของเผ่าพันธุ์จิ้งเหลนลิ้นดำคิดว่าใช้วิชาข้ามมิติหนีรอดไปได้สำเร็จ แต่นี่กลับเป็นข้อผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงของเขา
จ้าวเฟิงออกห่างจากกลุ่มคน ไล่ตามยอดผู้อาวุโสเผ่าพันธุ์จิ้งเหลนลิ้นดำ เรียกมังกรวารีล้างโลกาและจ้าววั่นให้ช่วยเหลือ ฝ่ายนั้นจะมีทางรอดได้อย่างไร!
“เสี่ยวเฮย นี่เป็นของเจ้า!”
จ้าวเฟิงเลือกสิ่งของที่ตนเองไม่ต้องการจำนวนมากมอบให้กับมังกรวารีล้างโลกาไป
“ขอรับ…”
สำหรับชื่อที่จ้าวเฟิงเรียกเขา มังกรวารีล้างโลกาไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“สหายจ้าวเฟิง เจ้าไปได้แล้ว!”
ยอดผู้อาวุโสเดินมาข้างกายจ้าวเฟิง เอ่ยพร้อมยิ้มน้อยๆ
“อืม!” จ้าวเฟิงผงกศีรษะน้อยๆ
ในเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทอง ตอนนี้จ้าวเฟิงกลายเป็นคนสำคัญลำดับแแรกนอกจากผู้อาวุโสสูงสุด
ถึงขนาดที่ว่า จ้าวเฟิงคิดจะกำราบเผ่าพันธุ์สี่ดาวแห่งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร เพียงแต่ยังไม่มีความจำเป็นในตอนนี้ หนำซ้ำจ้าวเฟิงเองก็ไม่มีเวลาจะมาสนใจเด้วย
หลังจากกลับมาถึงเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทอง จ้าวเฟิงก็ติดตามยอดผู้อาวุโสไปยังที่อยู่ของเทพแท้จริงเทียนหั่ว
“ผู้อาวุโส ได้โสมเพลิงสวรรค์มาสำเร็จแล้ว สมาชิกทั้งหมดของจิ้งเหลนลิ้นดำถูกสังหาร ส่วนครึ่งเทพทั้งสามคน…”
ยอดผู้อาวุโสชะงักไปเล็กน้อย เพราะว่าเขาเองก็ไม่ชัดเจนนักว่าสุดท้ายแล้วยอดผู้อาวุโสของเผ่าพันธุ์จิ้งเหลนลิ้นดำตายหรือไม่ ดังนั้นจึงไม่สามารถสรุปได้
“ครึ่งเทพทั้งสามของฝ่ายศัตรูตายลงหมดแล้ว!”
จ้าวเฟิงระบายยิ้มเล็กน้อย มองที่เทพแท้จริงเทียนหั่ว
“อะไรนะ!” เทพแท้จริงเทียนหั่วร้องลั่นอย่างตระหนกตกใจ
ต่อให้พลังของจ้าวเฟิงแข็งแกร่งกว่าครึ่งเทพจำนวนมาก และเข้าใกล้เทพแท้จริง
แต่ครึ่งเทพสามคนของเผ่าพันธุ์จิ้งเหลนลิ้นดำตายลงทั้งหมด นี่ยังคงทำให้เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
เมื่อเป็นเช่นนี้ จิ้งเหลนลิ้นดำที่อยู่ในป่าเพลิงสมุทรทั้งหมด ไม่ใช่ว่าโดนสังหารไปหมด ไม่เหลือทหารแม้แต่คนเดียวหรอกหรือ
“ดี สหายน้อยจ้าว ข้าดูเจ้าไม่ผิดจริงๆ!”
หลังจากตื่นตะลึงไปแล้ว เทพแท้จริงเทียนหั่วระบายยิ้มทั่วใบหน้า เอ่ยชมเสียงดัง
แต่ทว่าสีหน้าจ้าวเฟิงเย็นชาเป็นปกติ ไม่ดูตื้นตันแม้แต่น้อย
“นี่คือค่าตอบแทนของสหายน้อยจ้าว!”
จากนั้นเทพแท้จริงเทียนหั่วจึงมอบแหวนเก็บของชิ้นหนึ่งให้
ผลของการสู้รบครั้งนี้อยู่เหนือความคาดหมายของเทพแท้จริงเทียนหั่ว อาวุธเทพชั้นรองเพียงชิ้นเดียวย่อมไม่เพียงพอจะเป็นของตอบแทน
“ขอบพระคุณอย่างยิ่ง ในวันหน้าหากเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองลำบาก ข้าน้อยแซ่จ้าวยินดีจะให้ความช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ!”
จ้าวเฟิงรับแหวนเก็บของมา ก่อนจะบอกลาเทพแท้จริงเทียนหั่ว
“ผู้อาวุโส เกรงว่าพลังของจ้าวเฟิงจะไปถึงขั้นเทพแท้จริงแล้ว!”
หลังจากที่จ้าวเฟิงจากไป ยอดผู้อาวุโสเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
“ระดับขั้นชีวิตของเขาแตะขั้นเทพแท้จริง หนำซ้ำยังฝึกฝนวิชาฝึกร่างกายที่สูงส่งอย่างยิ่ง เท่ากับว่าเขาครอบครองกายเทพของเทพแท้จริง!”
เทพแท้จริงเทียนหั่วพูดข้อมูลที่ตนเองล่วงรู้มา
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ บางทีน่าจะให้จ้าวเฟิงช่วยพวกเราช่วงชิง ‘ตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย’ มา”
ยอดผู้อาวุโสพูดความคิดอันอุกอาจ
ตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายในดินแดนเทพรกร้าง เทียบเท่ากับตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่าในทะเลแดนใต้ หรือตำหนักวิญญาณส่วนกลางในดินแดนทวีป เป็นสถานที่สำหรับแลกเปลี่ยนซื้อขาย
แต่ ‘ตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย’ เกิดขึ้นจากขั้วอำนาจทั้งหมดภายในอาณาเขตหนึ่ง อีกทั้งผู้ควบคุมจะต้องถูกคัดเลือกจากขั้วอำนาจในอาณาเขตนั้นๆ ด้วย
ทั้งเกาะเทียนอวี่มีตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายอยู่ห้าแห่ง กระจายตัวอยู่ทั่วในเกาะ
แต่เกาะเทียนอวี่กลับมีเผ่าพันธุ์สี่ดาวอยู่เกือบยี่สิบเผ่า
ทุกๆ พันปี ทั้งเกาะเทียนอวี่จะจัดการประลองเพื่อแย่งชิงตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย ผู้ที่ได้รับชัยชนะจะสามารถควบคุมทั้งตำหนักนั้น
ดังนั้น ผู้ควบคุมตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายทั้งห้าแห่ง น่าจะเป็นขั้วอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งห้าของทั่วทั้งเกาะเทียนอวี่
แน่นอนว่าผลกำไรที่เกิดขึ้นจากตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายแห่งหนึ่งในระยะเวลาพันปีช่างมหาศาลยั่วยวนใจผู้คน และยังมากเพียงพอจะเปลี่ยนชะตาชีวิตของขั้วอำนาจหนึ่งไปได้เลย
ที่ผ่านมา เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการประลองแย่งชิงตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย เผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองแค่คิดยังไม่กล้า นับประสาอะไรกับเข้าร่วมการประลองครั้งนี้
“ให้ข้าพิจารณาเสียหน่อย…”
เทพแท้จริงเทียนหั่วครุ่นคิด
อันที่จริง ในตอนจ้าวเฟิงประมือกับผู้อาวุโสที่สอง เทพแท้จริงเทียนหั่วก็มีความคิดนี้ แต่เรื่องนี้สำคัญอย่างยิ่ง จำเป็นต้องครุ่นคิดอย่างรอบคอบจึงจะเหมาะสม
……
หลังจากกลับมาถึงที่พัก จ้าวเฟิงเริ่มปิดด่านฝึกตน
ในมนตราอากาศ
ฟิ้ว!
ด้านหน้าของจ้าวเฟิงปรากฏผลึกเซียนระดับล่างคุณภาพดีหลายชิ้น และสมบัติล้ำค่าในการฝึกจำนวนมาก
จ้าวเฟิงโคจรวิชาวายุอัสนีห้าสาย ดูดซึมพลังและฤทธิ์ยาภายในนั้น เริ่มฝึกฝนวายุอัสนีธาตุดินขั้นที่เก้า
พร้อมกันนั้น จ้าวเฟิงยังแบ่งห้วงความออกเป็นหลายส่วนเพื่อฝึกฝนด้านอื่นๆ
หนึ่งเดือนต่อมา จ้าวเฟิงลืมตาขึ้น
“มีแต่ต้องเพิ่มขอบเขตพลัง มิฉะนั้นวายุอัสนีธาตุดินขั้นที่เก้าจะพัฒนาไปได้ยาก!”
จ้าวเฟิงพ่นลมหายใจรุนแรง
อันที่จริง จ้าวเฟิงทะลวงผ่านขั้นราชาเซียนได้ตั้งนานแล้ว และสามารถทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์ได้เป็นลำดับต่อมา
ความสามารถของจ้าวเฟิงแตะระดับเทพแท้จริงส่วนหนึ่งแล้ว หนำซ้ำร่างเขายังมีกายศักดิ์สิทธิ์อัสนีเทวะและกายวิญญาณอัสนี ปัญหาเรื่องด่านเคราะห์อัสนีเทพแท้จริงก็ไม่ได้ใหญ่โตมากนัก
“แต่อย่างดีที่สุดก็ทำได้เพียงทะลวงเทพแท้จริงขั้นที่สองเท่านั้น!”
จ้าวเฟิงส่ายศีรษะน้อยๆ
ความจริงจะทะลวงเทพแท้จริงขั้นที่สองได้หรือไม่ จ้าวเฟิงก็ไม่ได้มีหวังมากนัก
‘ว่ากันว่า หากสามารถทะลวงเทพแท้จริงขั้นที่สามได้ สัดส่วนที่จะกลายเป็นเทพโบราณจะเพิ่มมากขึ้นด้วย ไม่รู้ว่าตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้ มีคนทะลวงผ่านเทพแท้จริงขั้นสี่หรือขั้นห้าได้หรือไม่…’
จ้าวเฟิงวางแผนอนาคตในใจ
ทะลวงขั้นเทพระดับสูงไปเลย ไม่เพียงแต่ประหยัดเวลาในการฝึกฝนอย่างมาก อีกทั้งศักยภาพในวันหน้าก็จะยิ่งมากขึ้นด้วย ถ้าหากเงื่อนไขครบ จ้าวเฟิงย่อมทุ่มเทกำลังทั้งหมดเพื่อทะลวงขั้นเทพที่ระดับสูงกว่า นี่เป็นสาเหตุที่จ้าวเฟิงกดขอบเขตพลังและสั่งสมวิชาความสามารถเอาไว้ตลอด