บทที่ 1153 ตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย
วิชาวายุอัสนีห้าสายของจ้าวเฟิงในตอนนี้ยากจะมีพัฒนาการ ส่วนระดับขั้นชีวิตของเขาก็ถึงเทพแท้จริงขั้นที่หนึ่งแล้ว จากนั้นจ้าวเฟิงจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปที่สายเลือด สายเลือดที่แกร่งกล้าจะเอื้อต่อการทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์อย่างยิ่ง
อย่างเช่นเผ่าพันธุ์สายเลือดที่แข็งแกร่งในสองร้อยลำดับแรกของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ ถึงจะไม่มีศักยภาพใดๆ หากทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์ ก็สามารถกลายเป็นเทพแท้จริงขั้นที่สองได้เลย นี่เป็นข้อดีจากสายเลือดที่แข็งแกร่ง
บางทีสายเลือดเพลิงมารโลหิตของจ้าวเฟิงอาจนับได้ว่าเป็นสายเลือดชั้นยอดในดินแดนทวีป แต่ในดินแดนเทพรกร้างกลับสามารถมองข้ามไปได้เลย
เพราะระดับความเข้มข้นของสายเลือดบรรพกาลในดินแดนเทพรกร้าง อยู่เหนือระดับความเข้มข้นทั่วไป ระดับการย้อนคืนสู่ต้นกำเนิดก็สูงด้วยเช่นกัน
อย่างเช่นผู้ปกครองสูงสุดของอ่าวทะเลครามอย่างเผ่าพันธุ์หยกทอง ถึงแม้จะเป็นเผ่าพันธุ์สายเลือดในลำดับสองพันกว่า แต่ในระดับที่เทียบเท่ากันแล้ว ถึงจะเป็นเวินลั่วอันที่มีสายเลือดนักรบสุริยันก็ไม่ใช่คู่มือด้วย
นี่ก็คือความต่างราวฟ้ากับเหวระหว่างดินแดนเทพรกร้างและมิติระดับต่ำด้านนอก
ดังเช่นจ้าวหยูเฟยที่เป็นผู้ครอบครองสายเลือดเก่าแก่ของมิติต่างแดน ทันทีที่เข้าไปในดินแดนเทพรกร้าง ระดับความเข้มข้นของสายเลือดก็ได้รับการปรับให้ดีขึ้นด้วย
แต่ก็จำกัดแค่สายเลือดบรรพกาลเท่านั้น หลังจากมาถึงที่นี่ สายเลือดวิถีราชาของจ้าวเฟิงไม่เปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย
วูบ! จ้าวเฟิงมาในห้วงฝันบรรพกาล
ตอนนี้ ทัพสัตว์อสูรภายในห้วงฝันบรรพกาลมีจำนวนมหาศาล นอกเหนือจากเสืออัคคีปีกทอง วานรสายฟ้านภาเพลิง วัวคลั่งพสุธาทลาย และเผ่าพันธุ์ผลึกธุลีในตอนแรก จ้าวเฟิงยังมีฝูงสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งเผ่าพันธุ์ต่างๆ ในลำดับที่แปดพันกว่าของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณอีกหลายกลุ่มด้วย
หนึ่งในนั้น มีจิ้งจอกมารเพลิงที่แข็งแกร่งที่สุดจำนวนมาก เป็นเผ่าพันธุ์สายเลือดในลำดับที่แปดพันสามสิบของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ แต่ครอบครองฝูงสัตว์อสูรที่น่ากลัวเช่นนี้ ทรัพยากรที่จ้าวเฟิงต้องใช้บ่มเพาะพวกมันช่างน่าตะลึงนัก
“ขยายอาณาเขตอิทธิพลต่อไปเรื่อยๆ รุกโจมตีเผ่าพันธุ์ค้างคาวสายฟ้า!”
จ้าวเฟิงสั่งลงไป และนำฝูงสัตว์อสูรทั้งหลายรุกคืบเข้าโจมตีเป้าหมายอีกแห่งทันที
ในการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายของฝูงสัตว์อสูรจำนวนมาก จ้าวเฟิงได้รับชัยชนะอีกครั้ง อีกทั้งกำจัดสัตว์อสูรที่อ่อนแอออกไปมากมาย ในเวลาเดียวกันยังกำราบเผ่าพันธุ์ค้างคาวสายฟ้าได้ส่วนหนึ่งด้วย
“ห้วงฝันบรรพกาลอาจจะใหญ่กว่าที่ข้าคิดเอาไว้มาก ในตอนนี้ข้าน่าอยู่ที่เขตชายแดนของห้วงฝันบรรพกาลเท่านั้น!”
หลังจากเห็นความยิ่งใหญ่ของดินแดนเทพรกร้าง จ้าวเฟิงจึงอดคาดเดาไปต่างๆ นานาไม่ได้
จ้าวเฟิงรู้สึกว่าห้วงฝันบรรพกาลและดินแดนเทพรกร้างอาจจะมีความเชื่อมโยงกัน
‘ค่อยๆ ขยายอาณาเขตไปเช่นนี้ทีละน้อย ไม่ไปเผชิญหน้ากับเผ่าพันธุ์โบราณที่เแข็งแกร่งเกินไป คงจะมีสักวันที่ข้าจะเข้าไปยังบริเวณด้านในของห้วงฝันบรรพกาลได้’
จ้าวเฟิงพออกพอใจในความสำเร็จของตน
เพียงแค่เขตชายแดนยังมีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ขนาดนี้ หากเข้าไปยังพื้นที่ภายในหรือกระทั่งใจกลาง ผลประโยชน์ย่อมมีมากกว่า
พรึ่บ!
จ้าวเฟิงนำเนื้อและเลือดโบราณส่วนหนึ่งกลับเข้าไปในมนตราอากาศ
ทุกครั้งที่ยึดครองพื้นที่ได้ จะมีสัตว์จำนวนมหาศาลตายลงไป และร่างกายของพวกมันก็เป็นทรัพยากรล้ำค่า
“นายท่าน ให้ทรัพยากรข้าเพิ่มอีกหน่อย ข้าก็จะฟื้นคืนกลับสู่ขอบเขตพลังขึ้นครึ่งเทพแล้ว…”
มังกรวารีล้างโลกาเดินมาข้างจ้าวเฟิงด้วยใบหน้าละโมบ
ทรัพยากรที่จ้าวเฟิงมอบให้เมื่อคราวก่อน มังกรวารีล้างโลกาได้ใช้ไปจนหมดแล้ว
อย่างไรเสีย ของพวกนี้คือของรางวัลที่จ้าวเฟิงได้มากจากครึ่งเทพและขอบเขตเทวาเร้นลับ ไม่นับว่าล้ำค่าเกินไป
“พวกนี้ของเจ้า…”
จ้าวเฟิงหยิบเอาเลือดและเนื้อส่วนหนึ่งมอบให้แก่มังกรวารีล้างโลกา จ้าวเฟิงเพียงคนเดียวก็ไม่ได้ใช้มากมายขนาดนั้น
จากนั้นจ้าวเฟิงมองไปยังจ้าวหวางและจ้าววั่น
จ้าววั่นยังคงอยู่เทวาเร้นลับระดับบริบูรณ์ จ้าวเฟิงกำชับให้เขาไม่ต้องรีบร้อนเลื่อนขั้น ให้สะสมศักยภาพ เพื่อทะลวงขั้นเทพระดับสูง
จ้าววั่นในตอนนี้ยังอยู่ในขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูงเช่นเดียวกันกับจ้าวเฟิง
อีกอย่าง หลังจากทั้งสองคนเข้าไปในดินแดนเทพรกร้าง บนร่างของพวกเขามีสายเลือดทายาทของแปดเนตรเทพเจ้า ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นจากดินแดนเทพรกร้าง ความสามารถของสายเลือดดวงตาก็แข็งแกร่งขึ้นด้วยเช่นกัน
บวกกับสิ่งที่พวกเขาใช้ในการฝึกตนก็คือทรัพยากรโบราณ ดังนั้นสายเลือดทายาทเนตรเทพเจ้าในตอนนี้ของพวกเขา จึงไม่ด้อยไปกว่าเผ่าพันธุ์สายเลือดสองร้อยลำดับแรกของเผ่าพันธุ์โบราณแม้แต่น้อย
“ดวงตาของข้าเหมือนว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน…”
จ้าวเฟิงพึมพำเสียงเบา
หลังจากเข้ามาในดินแดนเทพรกร้าง การเปลี่ยนแปลงของห้วงฝันบรรพกาลและดวงตาเทพเจ้าก็เริ่มเกิดขึ้น
เพียงแต่ว่าการเปลี่ยนแปลงของห้วงฝันบรรพกาลเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วรุนแรงจนเกือบจะเสร็จสิ้นแล้ว ส่วนการแปรเปลี่ยนของดวงตาเทพเจ้าเป็นไปอย่างเชื่องช้า จนกระทั่งยากจะสังเกตเห็น จนถึงตอนนี้ยังคงเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ
“ช่างเถอะ เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับสายเลือดก่อน!”
จ้าวเฟิงทาเลือดของเผ่าพันธุ์ค้างคาวสายฟ้าลงบนร่างกาย
วู้ม ฟู่!
จ้าวเฟิงกระตุ้นสายเลือดเพลิงมารโลหิต ทั่วร่างเปลี่ยนเป็นสีแดงโปร่งแสงอย่างรวดเร็ว ปรากฏเพลิงอาทิตย์แดงบิดเบี้ยวขึ้นเบื้องหลัง
วู้ม แซ่ด!
จ้าวเฟิงใช้พลังสายเลือดของตนเองดูดซึมสายเลือดเผ่าพันธุ์โบราณอื่น
“สายเลือดไม่ใช่ว่าจะบริสุทธิ์ ขอแค่ข้าดูดซึมพลังสายเลือดอื่นเรื่อยๆ ถึงจะไม่ใช่สายเลือดโบราณ ก็สามารถแข็งแกร่งมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอาจจะเหนือกว่าสายเลือดโบราณทั่วไป…”
นี่ก็คือความคิดของจ้าวเฟิง
ในตอนนี้ สายเลือดเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์ในร่างจ้าวเฟิง เหนือกว่าสายเลือดเพลิงมารโลหิตของตระกูลเถี่ยที่ดินแดนทวีปไปนานแล้ว ไม่รู้ว่ามีสายเลือดโบราณกี่ประเภทที่ผสมปนเปอยู่ในร่างเขา สามารถเรียกได้ว่าเป็นเพลิงมารโลหิตกลายพันธุ์ แต่จ้าวเฟิงคิดว่าเรียก ‘เพลิงมารโลหิตโบราณ’ น่าจะดีกว่า
เมื่อเป็นเช่นนี้ จ้าวเฟิงจึงใช้พลังสายเลือดโบราณจำนวนมหาศาล หลอมรวมเข้าไปในสายเลือดเพลิงมารโลหิตโบราณของตนเอง และเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
หนึ่งเดือนต่อมา ร่างกายจ้าวเฟิงโปร่งแสงมากยิ่งขึ้น ในส่วนลึกเปล่งแสงสีแดง ส่วนไฟเพลิงมารโลหิตที่เผาผลาญบนร่างก็ยิ่งโหมกระหน่ำ สาดซัดกลิ่นอายบรรพกาลเข้มข้น
“สายเลือดแข็งแกร่งขึ้นก็จริง แต่ผลที่ได้อ่อนด้อยมาก!”
จ้าวเฟิงเก็บงำเพลิงมารโลหิตโบราณเข้าไป
หลังจากปิดด่านฝึกตนเป็นเวลานาน จ้าวเฟิงเดินออกจากตำหนัก
ในเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองที่กว้างใหญ่ มีสนามประลองเกือบยี่สิบแห่ง บนนั้นมีสมาชิกและลูกศิษย์มากมายแลกเปลี่ยนฝีมือกันอยู่
หลังจากที่เผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองเอาชนะเผ่าพันธุ์จิ้งเหลนลิ้นดำ ชิงโสมเพลิงสวรรค์มาได้ ขวัญกำลังใจจึงฮึกเหิมขึ้น เผ่าค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นตามไปด้วย
“ผู้อาวุโสจ้าว!”
ในบริเวณไม่ไกลจากตำหนักจ้าวเฟิงมากนัก เสียงท่านอาชิงดังขึ้น
“วันเวลาผ่านไปนานขนาดนี้ นานทีจะได้เจอผู้อาวุโสสักครั้ง!”
อวี้หลินเอ๋อร์ยิ้มราวดอกไม้แรกแย้มอยู่ข้างๆ
นอกจากไปที่สนามรบก่อนหน้านี้ เวลาส่วนมากของจ้าวเฟิงหมดไปกับการปิดด่านฝึกตน คนของเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียวแทบจะไม่ได้เจอตน
“ผู้อาวุโสจ้าว พวกเราเตรียมจะไปเดินๆ ดูตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย ถือโอกาสไปแลกเปลี่ยนทรัพยากรและของใช้ที่จำเป็นพร้อมกันเลย!”
หลิวอวิ๋นเหมือนจะตื่นเต้นเล็กน้อย เอ่ยออกมาอย่างไร้เดียงสา
“ตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย?”
ตอนที่ได้แผนที่เผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองมา จ้าวเฟิงก็สังเกตเห็นสถานที่ดังกล่าวแล้ว เพียงแต่ไม่ได้สำรวจ
“ตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายเป็นสถานที่แลกเปลี่ยนเติมเสบียงร่วมกันของขั้วอำนาจทุกแห่งในพื้นที่ที่กำหนด แต่ภายในยังมีตลาดซื้อขายประหลาดจำนวนมาก พวกเรากำลังเตรียมเอาของที่ไม่จำเป็นไปแลกทรัพยากรฝึกตนที่ต้องใช้ส่วนหนึ่ง…”
อวี้หลินเอ๋อร์เอ่ยแนะนำจ้าวเฟิงคร่าวๆ
นางเองก็แปลกใจอย่างยิ่ง ในฐานะที่เป็นคนในดินแดนเทพรกร้าง คิดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงจะไม่รู้จักตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย
ถ้าหากจ้าวเฟิงมาจากมิติต่างแดนอื่น อย่างน้อยน่าจะอยู่ขั้นเทพแท้จริงหรือไม่ก็ครึ่งเทพถึงจะถูก
“อ้อ? ข้าตามพวกเจ้าไปดูแล้วกัน”
จ้าวเฟิงค่อนข้างสนใจสถานที่ที่อวี้หลินเอ๋อร์พูดถึง
อันที่จริง ทั้งหมดในดินแดนเทพรกร้าง สำหรับจ้าวเฟิงแล้วล้วนแต่เป็นสิ่งใหม่และประหลาด เขาอยากจะไปเปิดหูเปิดตา
“ผู้อาวุโสจ้าว เชิญ!”
ท่านอาชิงมีสีหน้ายินดี เอ่ยอย่างนบนอบ
แต่เดิมพวกเขาสามคนจะเดินทางไปที่ตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย ยังรู้สึกกังวลใจอยู่บ้าง
ถึงแม้ตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายจะเป็นสถานที่ที่น่าเชื่อถือและยุติธรรมเพียงแห่งเดียวในดินแดนเทพรกร้าง แต่พลังของพวกเขาอ่อนแอเกินไป จึงยังคงหวาดกลัวอยู่
ในเกาะเทียนอวี่มีตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายทั้งหมดห้าแห่ง
ตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายที่อยู่ใกล้เผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองที่สุด ควบคุมดูแลโดยขั้วอำนาจสี่ดาวอย่างเผ่าพันธุ์หมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้า
สองเดือนต่อมา จ้าวเฟิงและพวกแพะหยกเขียวก็เดินทางมาถึงตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย
ตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายด้านหน้ากว้างไกลเกินจะเปรียบ ตำหนักพิเศษประเภทต่างๆ ในนั้นทอดยาว สูงเสียดฟ้า
รอบนอกตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายมีปราการค่ายกลที่แข็งแกร่ง กั้นขวางทุกสรรพสิ่ง ต่อให้เป็นยอดฝีมือในขั้นเทพแท้จริงยังยากจะทะลวงผ่านเข้าไปได้
เหนือใต้ออกตกของตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายมีทางเข้าออกหนึ่งแห่ง
ฟิ้ว ฟิ้ว!
ยอดฝีมือประเภทต่างๆ หลั่งไหลเข้าไปในตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายทั้งสี่ด้านแปดทิศ แต่โดยมากแล้วมักจะไปกันเป็นกลุ่ม
“ผู้อาวุโสจ้าว พวกเราไปกันเถอะ!”
ท่านอาชิงนำจ้าวเฟิงและพวกเดินตรงเข้าไปทางเข้าออกทันที
หน้าประตูสีทองขนาดยักษ์
มียอดฝีมือขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูงทั้งหมดสิบคน สาดซัดกลิ่นอายชวนสะพรึงแก่ยอดฝีมือที่เข้าไปในตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย
“นี่ตราคำสั่งของพวกเจ้า ผลึกเซียนระดับล่างสิบชิ้น อยู่ในตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายได้เพียงวันเดียว!”
องครักษ์หยิบเอาตราคำสั่งที่มีตัวเลขออกมา มอบให้กับยอดฝีมือในแต่ละเผ่าพันธุ์ที่เข้าไปภายใน
“ผลึกเซียนระดับล่างสิบชิ้นอยู่ได้แค่วันเดียว!”
สีหน้าท่านอาชิงอึ้งไป
เห็นได้ชัดเจนว่าพวกเขามาที่ตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายเป็นครั้งแรก
การใช้จ่ายสิ้นเปลืองแบบนี้ สำหรับยอดฝีมือในขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูงขึ้นไปยังพอจะรับได้ แต่สำหรับคนเทวาเร้นลับชั้นแรกเริ่มหรือชั้นต้นนับว่าฟุ่มเฟือยไป
ทว่าพวกเขาต่างประหลาดใจในตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย อีกทั้งครั้งนี้ยังพาจ้าวเฟิงมาด้วยแล้ว ย่อมไม่กล้าจะย้อนกลับ ทำได้เพียงจ่ายผลึกเซียนระดับล่างไปสิบชิ้น
จ้าวเฟิงระบายยิ้มเล็กน้อย ผลึกเซียนระดับล่างสิบชิ้น หากเป็นที่ดินแดนทวีปน่าจะเทียบเท่าทรัพย์สิน ทั้งหมดของเทวาเร้นลับชั้นแรกเริ่มหรือชั้นต้น
กองทัพด้านหน้าพวกจ้าวเฟิงเข้าไปภายในอย่างรวดเร็ว
“ผลึกเซียนระดับล่างยี่สิบชิ้นจะสามารถอยู่ได้ทั้งวัน!”
องครักษ์ที่เป็นผู้นำปรายตามองเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียว เอ่ยอย่างเย็นชา
“ผู้อาวุโส เมื่อครู่นี้ไม่ใช่บอกว่าผลึกเซียนระดับล่างสิบชิ้นต่อวันหรือ?”
อวี้หลินเอ๋อร์ชะงักค้าง และเอ่ยออกมาอย่างรวดเร็ว
ผลึกเซียนระดับล่างสิบชิ้น สำหรับอวี้หลินเอ๋อร์แล้วยังแพงเกินไปเสียด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับยี่สิบชิ้น อีกอย่าง พวกเขามีกันทั้งหมดสี่คน นั่นก็คือจะอยู่ในนี้จะต้องใช้ผลึกเซียนระดับล่างทั้งหมดแปดสิบชิ้น
“หึ ข้าบอกว่าผลึกเซียนระดับล่างยี่สิบชิ้นต่อวันก็ยี่สิบชิ้นสิ!”
องครักษ์ผู้ที่รูปร่างสูงใหญ่คนนี้ ปลดปล่อยแรงกดดันและพลังที่หนักอึ้ง ทำให้วิญญาณและสายเลือดทั่วร่างคนเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียวกดดัน ร่างกายสั่นสะท้าน
เขาย่อมมองออกว่าคนพวกนี้ก็คือเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียว เป็นเพียงแค่ขั้วอำนาจสามดาวที่ต่ำต้อย
คนของเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียวตรงหน้าพวกนี้ มีเพียงขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นแรกเริ่มคนหนึ่ง ปราณเทวะชั้นยอดคนหนึ่ง และแก่นก่อกำเนิดระดับสูง ส่วนอีกคนถึงแม้จะมองขั้นพลังไม่ออก แต่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าไหร่นัก
เพียงแค่กระบวนท่าเดียวของเขา ก็เหลือเฟือที่จะสังหารมดปลวกที่พลังต่ำต้อยพวกนี้ในคราวเดียว
“เหอะๆ ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงยังกล้าจะมาที่นี่ ช่างไม่ประมาณตน!”
“รีบจ่ายมาเถอะ ถ้าไม่มีผลึกเซียนระดับล่างก็รีบไสหัวไป!”
ด้านหลังของพวกจ้าวเฟิงยังมียอดฝีมืออีกมากที่ใจร้อนรอไม่ไหว ร้องตะโกนออกมา
จ้าวเฟิงสีหน้าราบเรียบ ก้าวเท้าออกไปก้าวหนึ่ง
“ผู้อาวุโสจ้าว!”
พวกเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียวอับอายอย่างยิ่ง
ตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายเป็นธรรมส่วนหนึ่ง แต่เมื่อความสามารถต่ำต้อยเกินไป ก็ไม่มีสิทธิ์ได้รับอภิสิทธิ์ที่เท่าเทียมกัน