Skip to content

King of Gods 1154

King Of Gods

บทที่ 1154 ซีเฟิง

“เจ้าหนุ่ม เจ้าคิดจะทำอะไร?”

องครักษ์ร่างกำยำผู้นี้มองจ้าวเฟิงด้วยสีหน้าเหยียดหยาม

ถึงแม้เขาจะอ่านจ้าวเฟิงไม่ออก แต่มากับเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียว จะเก่งกาจขนาดไหนกันเชียว?

“ยี่สิบชิ้น?”

จ้าวเฟิงร้องเสียงต่ำ หน้าเปลี่ยนสีไปในทันที ดวงตาสองข้างจับจ้ององครักษ์ผู้นี้ ในดวงตาซ้ายของเขาสาดกลิ่นอายพลังดวงตาที่ทรงอำนาจออกมา

ทันใดนั้นเอง องครักษ์ที่สบตากับจ้าวเฟิง ชั้นวิญญาณราวถูกสายฟ้าฟาด พลานุภาพกดดันวิญญาณที่น่ากลัวทำให้เขาแทบสลบไสล

องครักษ์คนอื่นที่เหลือรอบประตูสังเกตเห็นสิ่งไม่ชอบมาพากล ก็แผ่กลิ่นอายขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูงที่แกร่งกล้าออกมาทันที

วินาทีต่อมา ร่างของจ้าวเฟิงปรากฏแสงอัสนีสีเหลืองเข้มเส้น แรงกดดันแก่นแท้พลังน่ากลัวปะทะลงทันที

วู้ม โครม!

องครักษ์แปดคนรวมไปถึงคนอื่นๆ ที่ต่อแถวหลังจ้าวเฟิงตกอยู่ในแรงกดดันของแก่นแท้พลังที่ยิ่งใหญ่ ขยับเขยื้อนตัวไม่ได้

“แข็งแกร่งเหลือเกิน…”

“หรือว่าจะเป็นกายเทพ!”

นอกจากคนหลายคนของเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียว ทุกคนแถวนั้นพยายามดิ้นรนสุดแรงภายใต้กลิ่นอายแก่นแท้พลังของจ้าวเฟิง

เหมือนแค่ห้วงความคิดเดียวของจ้าวเฟิง พวกเขาก็แบกรับแรงกดดันนี้ไม่ไหวจนสยบลงกับพื้น

“เทพแท้จริง…ท่าน ยั้งมือด้วย!”

องครักษ์ร่างกำยำผู้นี้ตื่นตะลึง ละล่ำละลักขอชีวิต

จากที่เขาดู ผู้ที่มีพลังที่น่ากลัวเช่นนี้มีเพียงผู้แข็งแกร่งขั้นเทพแท้จริงเท่านั้น

แต่หากเป็นผู้แข็งแกร่งในขั้นเทพแท้จริง เบื้องหลังจะต้องมีขั้วอำนาจสี่ดาวคอยหนุนหลังแน่

ถึงจะเป็นเผ่าพันธุ์หมาเป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้า ก็ไม่สามารถยั่วโทสะขั้วอำนาจสี่ดาวได้ตามอำเภอใจ เขาเป็นเพียงแค่สมาชิกธรรมดาทั่วไปในเผ่าเท่านั้น

“ผลึกเซียนระดับล่างสิบชิ้น วันละสิบชิ้น!”

องครักษ์ผู้นี้กลับคำพูดทันที

“สิบชิ้น?”

จ้าวเฟิงเอ่ยย้ำเป็นการถามกลับ

“ไม่…ไม่ ชิ้นเดียวก็ได้!”

องครักษ์ผู้นี้กัดฟันพูดทันที

ฟู่! แรงกดดันแก่นแท้พลังที่น่าสะพรึงในฟ้าดินสลายไปทันที

“รีบทำต่อเร็ว!”

จ้าวเฟิงหยิบเอาผลึกเซียนระดับล่างสี่ชิ้นออกมาส่งๆ เอ่ยเสียงเรียบ

“ขอรับ ขอรับ!”

องครักษ์ร่างกำยำผงกศีรษะติดๆ กัน

คนที่ต่อแถวอยู่ด้านหลังกลั้นลมหายใจ ไม่กล้าหายใจแรง

ในตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายห้ามต่อสู้ แต่พวกเขายังไม่ได้เข้าไป หากยั่วโทสะผู้อาวุโสขั้นเทพแท้จริงผู้นี้ โดนเขาสังหารก็ไม่มีใครสนใจ

หลังจากได้รับตราคำสั่งสี่แผ่นแล้ว พวกจ้าวเฟิงจึงเข้าไปในตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย

ภายในตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายเหมือนตัดขาดกับโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง ในอากาศเต็มไปด้วยไอสวรรค์ฟ้าดินที่หนาแน่น นับว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับฝึกตนแห่งหนึ่งก็ว่าได้

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

เสี้ยวลำแสงของร่างผู้แข็งแกร่งประเภทต่างๆ ทะลวงผ่านไปในอากาศ และยังมีสัตว์วิเศษมีปีกส่วนหนึ่งกับอุปกรณ์โบยบินของเผ่าพันธุ์ความลับสวรรค์

ในครรลองสายตามีสิ่งปลูกสร้างรูปแบบประหลาดจำนวนมาก มีทั้งลึกลับเงียบสงัด สง่างามเรียบง่าย หรือไม่ก็หรูหราตั้งตระหง่าน

แต่ก็มีพื้นที่จำนวนมากเป็นร้านค้าเล็กๆ ส่วนหนึ่ง ขอแค่ผู้มาเยือนจากภายนอกจ่ายค่าตอบแทนมาก็จะได้รับที่ตั้งแผงลอย

“ครึกครื้นเสียจริง!”

หลิวอวิ๋นยิ้มอย่างไร้เดียงสา

“นี่คือตราคำสั่งสื่อสารของเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทอง หลังจากจัดการธุระเสร็จก็มาหาข้าได้เลย!”

จ้าวเฟิงมอบตราคำสั่งสีทองแดงแผ่นหนึ่งให้อวี้หลินเอ๋อร์

สิ่งของเหล่านี้เป็นของที่เทพแท้จริงเทียนหั่วมอบให้จ้าวเฟิง ย่อมมีไว้เพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อสื่อสาร

“ครั้งนี้ต้องขอบคุณผู้อาวุโสจ้าวมากจริงๆ!”

อวี้หลินเอ๋อร์รับตราคำสั่งมา และหายไปตัวไปในฝูงชนพร้อมกับท่านอาชิง

สิ่งที่ทุกคนต้องการแตกต่างกันออกไป จ้าวเฟิงเองก็ต้องไปจัดการเรื่องของตนเอง จึงทำได้เพียงแยกกับคนของเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียวเป็นการชั่วคราว

ในเวลานี้เอง ขณะที่จ้าวเฟิงเพิ่งก้าวผ่านประตูก็ได้ยินเสียงจอแจดังขึ้น

“นี่ไม่ใช่ซีเฟิงหรือ? ลูกศิษย์ของเจ้าเกาะเทียนอวี่!”

“เป็นซีเฟิงจริงๆ คิดไม่ถึงว่าเขาจะมาที่นี่ด้วย!”

แววตาของผู้แข็งแกร่งแถวนั้นจับจ้องไปที่ปากทางเข้า

เห็นเพียงมนุษย์ผิวพรรณขาวผุดผ่อง ใบหน้างดงาม สีหน้าหยิ่งยโส ค่อยๆ สาวเท้าเข้าไปภายในตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย เข้าไปในตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายช้าๆ ท่ามกลางองครักษ์ที่คุกเข่าอยู่รอบๆ

“ซีเฟิง ศิษย์ของเจ้าเกาะเทียนอวี่ ถึงแม้จะอยู่ในขั้นครึ่งเทพเท่านั้น แต่กลับมีพลังของเทพแท้จริงขั้นที่หนึ่ง ได้ยินมาว่าเขาจงใจข่มพลังฝึกตนเอาไว้เพื่อจะทะลวงขั้นเทพในระดับที่สูงกว่า!”

“อัจฉริยะนี่ต่างกับพวกเราจริงๆ อย่างพวกเรานี่หากทะลวงไปยังเทวาเร้นลับระดับบริบูรณ์ ก็ไม่อาจจะคืบหน้าไปได้แม้แต่ก้าวเดียว ทำได้เพียงทะลวงขั้นเทพ!”

การปรากฏกายของซีเฟิงทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์และความสนใจจากผู้แข็งแกร่งทั้งหมดในบริเวณใกล้เคียง

เจ้าเกาะเทียนอวี่เป็นผู้ปกครองทั้งเกาะเทียนอวี่ ส่วนศิษย์ของเขาอย่างซีเฟิงย่อมตกเป็นเป้าสายตาของคนจำนวนมาก

แววตาของจ้าวเฟิงก็จับจ้องซีเฟิง

เขาอยู่ในขอบเขตพลังขั้นครึ่งเทพ และครอบครองพลังของเทพแท้จริงขั้นที่หนึ่ง ย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน

“นี่เป็นเพียงแค่เกาะเทียนอวี่ ไม่รู้ว่าอ่าวทะเลครามที่เป็นแหล่งศูนย์กลางการปกครองของเกาะเทียนอวี่จะมีผู้ถูกเลือกมากฝีมืออยู่เท่าไหร่ แล้วนับประสาอะไรกับโลกภายนอกที่กว้างใหญ่กันเล่า…”

ในใจจ้าวเฟิงวาดหวังอย่างมากในดินแดนเทพรกร้างกว้างขวางแห่งนี้

จะต้องรู้ว่า ในอาณาเขตการปกครองของอ่าวทะเลคราม มีพื้นที่คล้ายคลึงกับเกาะเทียนอวี่จำนวนหลายสิบแห่ง

อีกทั้งได้ยินมังกรวารีล้างโลกาบอกว่า ทั้งอ่าวทะเลครามก็เป็นเพียงแค่มุมเล็กๆ มุมหนึ่งในเขตผาเก่าเท่านั้น

“ต้องมีสักวันหนึ่ง ข้าต้องได้ประมือกับอัจฉริยะในพื้นที่กว้างใหญ่นอกเหนือจากเกาะเทียนอวี่!”

ในใจจ้าวเฟิงลุกโชนไปด้วยจิตต่อสู้ เอ่ยเสียงเบา

แน่นอนว่าคนที่จ้าวเฟิงอยากเจอที่สุดก็คืออัจฉริยะที่เป็นทายาทของแปดเนตรเทพเจ้า หรือจะให้ดีก็เป็นแปดเนตรเทพเจ้าในตำนาน

แต่อยู่ที่ดินแดนเทพรกร้างนานขนาดนี้แล้ว จ้าวเฟิงยังไม่ได้รับข้อมูลใดๆ ที่เกี่ยวกับแปดเนตรเทพเจ้าเลย

ส่วนอัจฉริยะผู้เป็นทายาทของแปดเนตรเทพเจ้า คงจะไม่ปรากฏกายขึ้นที่พื้นที่ขอบชายแดนของดินแดนเทพรกร้างแน่

“ฮ่าๆ โง่งมเสียจริง!”

ในขณะที่ซีเฟิงเดินอยู่ ได้ยินคำพูดเมื่อครู่ของจ้าวเฟิงก็ยิ้มเยาะเย้ย

ก็แค่ขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูงเท่านั้น เพียงนิ้วมือเดียวเขาก็สามารถบี้อีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย แต่ชายผู้นี้กลับเอ่ยอย่างโอหังว่าต้องการจะประมือกับอัจฉริยะในพื้นที่กว้างใหญ่กว่านี้

พูดถึงอัจฉริยะที่แข็งแกร่งจริงๆ ในดินแดนเทพรกร้าง สีหน้าซีเฟิงจึงปรากฏความเคารพนับถือขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

ได้ยินอาจารย์ของเขาเจ้าเกาะเทียนอวี่บอกเอาไว้ว่า ผู้ถูกเลือกที่ถูกบ่มเพาะจากขั้วอำนาจสี่ดาวระดับสุดยอดหรือกะทั่งขั้วอำนาจห้าดาวในเขตผาเก่า เมื่ออยู่ในขั้นครึ่งเทพก็มีกำลังรบของเทพแท้จริงขั้นที่สาม และเมื่อพวกเขาทะลวงขั้นเทพเป็นผลสำเร็จนั้น จะสามารถกลายเป็นเทพแท้จริงขั้นที่สามหรือสูงกว่านั้นได้

จ้าวเฟิงไม่ได้ใส่ใจในคำพูดซีเฟิงมากนัก หมุนกายเดินเข้าไปในตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย

“ตำหนักประมูลรุ่งโรจน์?”

จ้าวเฟิงผ่อนฝีเท้าลงเล็กน้อย ขณะหรี่ตามองหอประมูลขนาดใหญ่

เดิมทีเขายังคิดจะเอาของที่ไร้ประโยชน์ในมือไปแลกสิ่งของและทรัพยากรที่ตนเองต้องการ

แต่ทันใดนั้นเอง จ้าวเฟิงก็นึกถึงตอนที่สังหารผู้อาวุโสทั้งสามของเผ่าพันธุ์จิ้งเหลนลิ้นดำคราวก่อนจนได้อาวุธเทพชั้นรองมาสามชิ้น อาวุธเทพชั้นรองเหล่านี้จ้าวเฟิงเก็บเอาไว้ก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร หากเอาไปประมูลอาจจะขายได้ในราคาที่ไม่เลวนัก

อย่างไรเสีย คนจำนวนมากในตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายก็มีขอบเขตพลังอยู่ระหว่างเทวาเร้นลับชั้นต้นไปจนถึงเทวาเร้นลับระดับบริบูรณ์ มีครึ่งเทพปรากฏขึ้นบ้างในบางครั้ง ส่วนนานๆ ครั้งจะเจอเทพแท้จริง อาวุธเทพชั้นรองน่าจะสามารถขายได้ราคาดีทีเดียว

อีกอย่าง ด้วยระดับขั้นของจ้าวเฟิงในตอนนี้ สิ่งของทรัพยากรที่ต้องการมีมูลค่าสูงส่ง ยากนักที่จะเจอในตำหนักซื้อขายหรือร้านค้าทั่วไป บางทีตำหนักประมูลอาจจะเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวนัก

จ้าวเฟิงเดินตรงดิ่งไปยังหอประมูลแห่งนี้ทันที

“แขกผู้นี้ รบกวนสอบถามท่าน จะประมูลของหรือว่าเอาของมาประมูล!”

สตรีใบหน้าสะสวยอยู่บริเวณทางเข้าห้องโถงใหญ่เอ่ยขึ้น

“เอาของมาประมูล!” จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงราบเรียบ

จากนั้น หญิงรับใช้นางนี้จึงพาจ้าวเฟิงเดินเข้าไปในห้องโถงลับ

“ลูกค้า ขอให้ท่านเอาสิ่งของที่ต้องการเช้าร่วมประมูล ให้ข้าน้อยตรวจสอบสักหน่อย!”

ผู้เฒ่าดวงตาสีน้ำเงินเข้มสาดซัดไอเย็นออกมารอบกายเอ่ยพลางยิ้ม

การประมูลจะต้องรับรองความจริงเท็จของสิ่งของชิ้นนั้นๆ ในเวลาเดียวกันยังต้องประเมินราคาที่แท้จริงของของชิ้นนั้น การประมูลถึงจะได้กำไร

พรึ่บ!

จ้าวเฟิงโบกมือครั้งหนึ่ง หยิบอาวุธเทพชั้นรองสามชิ้นที่รูปร่างต่างกันออกมา!

“อาวุธเทพชั้นรองสามชิ้น!”

ดวงตาของผู้เฒ่าสว่างวาบ

บุคคลที่สามารถหยิบอาวุธเทพชั้นรองสามชิ้นมาในทันทีแบบนี้ย่อมต้องไม่ธรรมดาแน่

อย่างไรเสียสำหรับขั้วอำนาจสี่ดาวแล้ว อาวุธเทพชั้นรองก็ยังคงล้ำค่าอย่างมากอยู่

จากนั้น ชายชราจึงแนะนำให้เอาอาวุธเทพชั้นรองทั้งสามชิ้นนี้แยกกันขายประมูลขาย เช่นนี้จึงจะสามารถขายได้มูลค่ามากขึ้นกว่าเดิม

“เอาสิ่งของเหล่านี้มาประมูลขายด้วยเลยแล้วกัน!”

จ้าวเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงตัดสินใจเอาโอสถที่ไม่มีประโยชน์ในมิติเก็บของออกมาขายทั้งหมด

ทรัพยากรล้ำค่าจำนวนมากเหล่านี้เป็นสิ่งของที่จ้าวเฟิงไม่ได้ระมัดระวังจึงลอกเลียนมากเกินไป ซึ่งก็มีของรางวัลที่ได้มาจากการต่อสู้เผ่าพันธุ์จิ้งเหลนลิ้นดำเมื่อคราวก่อน และของตอบแทนที่เทพแท้จริงเทียนหั่วมอบให้

สำหรับจ้าวเฟิงแล้ว ทรัพยากรล้ำค่าพวกนี้อยู่ในระดับต่ำเกินไป ต่อให้เป็นมังกรวารีล้างโลกาก็ไม่แยแสเช่นกัน

“มากมายขนาดนี้เลย…”

ผู้เฒ่าตื่นตะลึงเอ่ยออกมาอย่างปลื้มปีติ

โอสถเหล่านี้ล้วนเป็นทรัพยากรล้ำค่าสำคัญที่เทวาเร้นลับชั้นสูงจำเป็นต้องใช้ ถึงจะไม่นับว่าล้ำค่าอะไรมาหมายนัก แต่จำนวนของมันกลับทำให้ตื่นตะลึง

“ขอท่านลูกค้าโปรดวางใจ เนื่องด้วยครั้งนี้ท่านประมูลขายสิ่งของล้ำค่ามากขนาดนี้ในคราวเดียว สามารถเข้าร่วมการประมูลครั้งนี้ได้เลย จะต้องขายออกในราคาที่ท่านพออกพอใจที่สุดแน่!”

ผู้เฒ่าดวงตาน้ำเงินอมยิ้ม

หลังจากมองส่งจ้าวเฟิงจากไปแล้ว ผู้เฒ่าดวงตาฟ้าหยิบป้ายส่งข่าว ชิ้นหนึ่งออกมา

“จับตาดูชายคนนี้เอาไว้ เขาอยู่ในขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูง แต่ทรัพยากรที่เขามีเทียบเท่าได้กับเทพแท้จริงเป็นอย่างน้อย!”

ผู้เฒ่าดวงตาสีน้ำเงินยิ้มเจ้าเล่ห์

……

ในสถานที่ประมูลมีกลุ่มคนนั่งเกือบจะเต็ม จ้าวเฟิงจ่ายค่าใช้จ่ายที่แพงลิบ ดังนั้นจึงได้อยู่ในห้องส่วนตัว

ไม่นานเท่าไหร่นัก งานประมูลก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ แต่สิ่งของวางขายในตอนที่เริ่มประมูลอยู่ในระดับต่ำเกินไป จ้าวเฟิงจึงไม่ได้ใส่ใจ เอาแต่ฝึกตนอยู่ในห้องส่วนตัว

การประมูลดำเนินไปอย่างมีลำดับ ต่อให้คนทั้งสองเกลียดชังกันเพราะการประมูล ก็ไม่อาจจะลงมือทำร้ายกันในตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย และเริ่มประมูลขายทรัพยากรล้ำค่าเก่าแก่ส่วนหนึ่งของจ้าวเฟิงอย่างรวดเร็ว

ทรัพยากรมหาศาลของจ้าวเฟิงถูกวางขายประมูลแบ่งออกเป็นหลายประเภท เมื่อทำเช่นนี้จะสามารถเพิ่มมูลค่า และขายออกไปในราคาสูงยิ่งขึ้น

“ผลึกเซียนระดับล่างห้าร้อยชิ้น!”

ห้องข้างจ้าวเฟิงมีเสียงเย็นชาหยิ่งยโสดังขึ้น

“ผลึกเซียนระดับล่างหกร้อยชิ้น!”

ผู้แข็งแกร่งขั้นครึ่งเทพผิวแดงหยาบหนาในตำแหน่งแถวหน้าด้านล่างรีบสู้ราคาทันที

“นี่มันครึ่งเทพเฉินอวี๋ไห่ของเผ่าสุริยันชาดไม่ใช่หรือ?”

คนส่วนหนึ่งมองฐานะของเฉินอวี๋ไห่ออก

เผ่าสุริยันชาดก็เป็นเผ่าพันธุ์สี่ดาวที่แข็งแกร่งในเกาะเทียนอวี่

“หึ ไม่รู้อะไรทั้งสิ้น ข้าจ่ายผลึกเซียนระดับล่างเจ็ดร้อยชิ้น!”

คนในห้องข้างจ้าวเฟิงเอ่ยด้วยเสียงเกรี้ยวกราด

“นั่นมัน ซีเฟิง!”

“ลูกศิษย์ของเจ้าเกาะเทียนอวี่!”

ครั้งนี้เสียงของซีเฟิง ถูกสมาชิกส่วนหนึ่งจับได้

เฉินอวี๋ไห่ปรากฏแววหวาดกลัวขึ้นทันที

“คุณชายซีเฟิง ข้าน้อยไม่รู้ว่าท่านก็ต้องการทรัพยากรล้ำค่าเหล่านี้ ผลึกเซียนระดับล่างร้อยชิ้นนี้ ประเดี๋ยวข้าจะไปมอบให้ท่านด้วยตนเอง!”

ใบหน้าเฉินอวี๋ไห่รู้สึกผิด เอ่ยออกมาเสียงดัง

หลังจากที่สถานะซีเฟิงถูกเปิดโปงออกมา ภายในตลาดประมูลก็ไม่มีใครกล้าสู้ราคาอีก

จากนั้น โอสถส่วนหนึ่งของจ้าวเฟิงก็ถูกขายออกไปด้วยผลึกเซียนระดับล่างจำนวนหกร้อยชิ้น โดยมีซีเฟิงเป็นคนซื้อไป

แต่ที่ทำให้จ้าวเฟิงคาดคิดไม่ถึงก็คือ สิ่งของส่วนหนึ่งของจ้าวเฟิงที่นำออกมาประมูลหลังจากนั้นถูกซีเฟิงประมูลไปได้ด้วยราคาที่ค่อนข้างต่ำ

ส่วนสิ่งของที่เหลือถูกผู้แข็งแกร่งจำนวนมากประมูลแย่งไปด้วยราคาที่อยู่เหนือความคาดหมายของเขา

“ของที่จะประมูลชิ้นต่อไปคือ ‘แร่ธาตุทอง’ พลังธาตุทองที่แฝงอยู่หินแร่ชิ้นนี้บริสุทธิ์อย่างยิ่ง เป็นหินแร่ที่ต้องมีเพื่อใช้สร้างอาวุธเทพชั้นรอง หนำซ้ำระดับขั้นแร่ธาตุทองชิ้นนี้สูงส่งอย่างยิ่ง…”

จ้าวเฟิงที่กำลังปิดด่านฝึกตนอยู่เปิดเปลือกตาขึ้น

ตั้งแต่งานประมูลถึงตอนนี้ ปรากฏสิ่งของชิ้นหนึ่งที่จ้าวเฟิงต้องการขึ้นในที่สุด

“แร่ธาตุทอง เริ่มที่ผลึกเซียนระดับล่างห้าร้อยชิ้น เริ่มประมูลได้!”

พิธีกรในการประมูลเอ่ยพลางยิ้ม

“ผลึกเซียนระดับล่างพันชิ้น!”

ทันทีที่พิธีกรในงานประมูลพูดจบ ในห้องด้านข้างซีเฟิง จ้าวเฟิงเปิดปากเอ่ยเสียงเรียบ

“สิ้นเปลืองเหลือเกิน บวกมาทีเดียวผลึกเซียนระดับล่างห้าร้อยชิ้นเลย!”

“หึ แร่ธาตุทอง พื้นที่ใหญ่ขนาดนี้ สมกับมูลค่านี้แล้ว!”

คนส่วนหนึ่งในงานประมูลวิจารณ์

“ผลึกเซียนระดับล่างหนึ่งพันหนึ่งร้อยชิ้น!”

อาจารย์ค่ายกลคนหนึ่งครุ่นคิดชั่วขณะหนึ่งจึงเปิดปากเอ่ย

“ผลึกเซียนระดับล่างสองพันชิ้น!”

เสียงนิ่งสนิทดังขึ้นอีกครั้งจากห้องข้างๆ ซีเฟิง

ครั้งนี้ทั้งหอประมูลตกอยู่ในความเงียบสงัด นั่นย่อมเป็นเพราะราคาที่จ้าวเฟิงประมูลสูงจนเกินไป แค่ครั้งแรกก็เพิ่มขึ้นไปจนเป็นผลึกเซียนระดับล่างพันชิ้น ส่วนครั้งที่สองก็เพิ่มเป็นผลึกเซียนระดับล่างสองพันชิ้น

ถึงขั้นที่คนส่วนหนึ่งครุ่นคิดอยู่ว่า ถ้าหากยังมีคนประมูลสู้ราคา คนในห้องจะเปิดราคาไปจนถึงสามพันชิ้นหรือไม่

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!