บทที่ 1156 สังหารต่อเนื่อง
หลังออกมาจากหอไข่มุกเซียนแล้ว จ้าวเฟิงก็เดินออกจากประตูทางทิศเหนือของตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายทันที
ฟิ้ว แซ่ด แซ่ด!
จ้าวเฟิงกลายร่างเป็นเส้นโค้งอัสนีเส้นหนึ่ง หายตัวไปไกลลิบ
“ครั้งนี้ไม่ได้มาเสียเที่ยว ได้รู้ข่าวสำคัญเช่นนี้ และยังได้ลิ้มรสอาหารชั้นเลิศในหอไข่มุกเซียน!”
จ้าวเฟิงระบายยิ้มออกมา
เมี้ยว เมี้ยว!
เจ้าแมวขโมยตัวน้อยเห็นด้วยอย่างยิ่ง แสดงท่าทีให้เห็นว่าอาหารเลิศรสของหอไข่มุกเซียนไม่เลวเลย จ้าวเฟิงต้องไปเยี่ยมเยือนอีกสักหลายครั้ง
“ได้ ถ้าคราวหน้ามีโอกาสพวกเราค่อยไปกันอีก!”
จ้าวเฟิงตกปากรับคำขอแบบไร้เหตุผลของเจ้าแมวขโมยไป
“เหอะ เกรงว่าจากนี้ไปเจ้าจะไม่มีโอกาสแล้วอีกแล้ว!”
วินาทีถัดมา ในป่าไม้ระยะหลายพันลี้ด้านหลังจ้าวเฟิงมีเสียงเย็นชาดังขึ้น
ฟิ้ว!
ธนูแสงสีทองดอกหนึ่งหอบไอเย็นหนาวเหน็บมา ประหนึ่งสายฟ้าแลบตรงดิ่งไปหาจ้าวเฟิง
บึ้ม! แสงสีทองระเบิดออก ลมพายุทองสว่างเจิดจ้าสาดกระจายออกมาทั่วทิศ
“ไม่เสียทีที่เป็นผู้อาวุโสหลี่ว์เหว่ย ฝีมือสูงส่งอย่างยิ่ง”
“ผู้อาวุโสหลี่ว์เหว่ย ธนูดอกนี้น่าจะสังหารเขาไปแล้วกระมัง แทบจะไม่ต้องให้พวกเราลงมือ คนระดับสูงในเผ่าพันธุ์น่าจะประเมินเด็กนี่สูงไป!”
ณ ส่วนลึกในป่า ผู้แข็งแกร่งสองคนในขอบเขตเทวาเร้นลับระดับบริบูรณ์ข้างกายหลี่ว์เหว่ยหัวเราะร่วน
ลักษณะรูปลักษณ์ของทั้งสามคนคล้ายคลึงกัน มีดวงตาสีฟ้า ผิวพรรณปกคลุมด้วยขนสีขาวสีอ่อนๆ สาดซัดไอหนาวเหน็บออกมาเบาบาง
วู้ม โครม!
และในเวลานี้เอง ลมพายุสีทองไกลๆ กลุ่มนั้นระเบิดออกทันที
เห็นเพียงชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผู้หนึ่งยืนอยู่ในนั้น บนผิวกายของเขาปกคลุมด้วยริ้วลายสีเหลืองเข้ม มีเส้นอัสนีสีทองขาวขยับวูบวาบ
“ดูแล้วคนผู้นี้ฝึกฝนวิชาฝึกร่างกาย!”
“ไม่ธรรมดาจริงๆ โจมตีพร้อมกัน สังหารให้ได้!”
เผ่าพันธุ์หมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้าในขอบเขตเทวาเร้นลับระดับบริบูรณ์สองคนนั้น กระโจนขึ้นมาจากในป่าด้านล่าง
มีเพียงหลี่ว์เหว่ยที่ช้ากว่าเล็กน้อย ดวงตามองไปยังจ้าวเฟิงด้วยความสงสัย
แต่ทว่าเผ่าพันธุ์ของเขาทะยานออกไปแล้ว แววตาของหลี่ว์เหว่ยเคร่งขรึมลงทันใด ชูคันธนูสีทองส่องประกายในมือขึ้น
ผึง!
ลูกธนูสีทองเกาะกลุ่มปรากฏขึ้น หลังเสียงดัง ‘เปรี๊ยะ’ ก็พุ่งออกไป
“ครั้งนี้ไม่ได้มาเสียเที่ยว ขนาดเดินทางออกจากตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายแล้วเผ่าพันธุ์หมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้ายังส่งของกำนัลมาให้อีก เช่นนั้นข้าแซ่จ้าวก็ไม่เกรงใจแล้ว!”
จ้าวเฟิงหัวเราะอย่างเบิกบาน กระตุ้นกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ ออกไปรับด้วยตนเอง
“โอหังนัก!”
คนเผ่าพันธุ์หมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้าผู้หนึ่งเห็นจ้าวเฟิงพูดจาโอหัง ก็เย้ยหยันอย่างอดไม่ได้
แต่ในวินาทีต่อมา จู่ๆ ก็มีแสงอัสนีสีเหลืองเข้มเบื้องหน้าของเขา แรงดึงดูดสายฟ้าที่น่ากลัวเกินจะเปรียบตรงเข้าโจมตีทันที
โครม!
ร่างคนเผ่าพันธุ์หมาป่าเหมันต์ผู้นี้ถูกโจมตีจนไหม้เกรียมจากแรงกดดันแก่นแท้พลังของจ้าวเฟิง ก่อนร่วงหล่นลงไป
“ฝ่ามือสายฟ้าทลายนภา!”
จ้าวเฟิงโคจรวายุอัสนีธาตุไฟที่สอดแทรกด้วยพลังเทพ ก่อนจะจู่โจมออกไปทันที
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
ฝ่ามือนั้นเป็นประหนึ่งภูเขาห้ายอด ฟาดลงบนร่างของเผ่าพันธุ์หมาป่าเหมันต์คนดังกล่าว วิญญาณและร่างสลายกลายเป็นธุลีไปสิ้น
“นี่มัน…”
อีกฟากหนึ่ง หมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้าอีกคนชะงักอยู่กับที่ ขาสองข้างสั่นระริกอย่างหวาดกลัว
เผชิญหน้ากันครั้งแรกก็สังหารผู้แข็งแกร่งเทวาเร้นลับระดับบริบูรณ์ในทันที เป็นไปได้อย่างไร เหตุใดเทวาเร้นลับชั้นสูงถึงทำได้
ในวันนี้ เพียงสิ่งเดียวที่เขาคิดได้ก็คือ คนหนุ่มตรงหน้านี้เป็นผู้แข็งแกร่งขั้นเทพแท้จริง เพียงแต่ว่าปกปิดพลังที่แท้จริงเอาไว้
“พลังของคนผู้นี้…”
ไกลออกไป สีหน้าหลี่ว์เหว่ยตื่นตะลึงไป เผยอาการหวาดกลัวอย่างยิ่งออกมา
ในวินาทีที่จ้าวเฟิงปลดปล่อยพลังที่แท้จริงออกมา เขาก็สัมผัสได้ถึงอันตรายและแรงกดดันกลุ่มหนึ่ง
หนี…นี่คือความคิดแรกในหัวของหลี่ว์เหว่ย
วูบ!
หลี่ว์เหว่ยกลายร่างเป็นประกายแสงมืดเยือกเย็นสายหนึ่ง หนีไปในท้องฟ้าไกล
“ขอแค่กลับไปที่ตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายได้ คนผู้นั้นก็จะไม่กล้าลงมือทำร้ายข้า!”
สีหน้ากระวนกระวายของหลี่ว์เหว่ยค่อยๆ สงบลง
วู้ม แซ่ด!
ปีกแสงอัสนีศักดิ์สิทธิ์สีชาดคู่หนึ่งแผ่สยายบนแผ่นหลังของจ้าวเฟิง
วูบ! จ้าวเฟิงใช้วิชาปีกอัสนีโบยบิน พุ่งทะลวงไปหาหลี่ว์เหว่ย
“ตามหลี่ว์เหว่ยไปแล้วงั้นหรือ?” คนของเผ่าพันธุ์หมาป่าเหมันต์ที่ตื่นตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเห็นจ้าวเฟิงไล่กวดหลี่ว์เหว่ยไป ก็พลันถอนหายใจโล่งอก
แต่วินาทีต่อมา เบื้องหน้าเขาปรากฏเส้นสีเงินเทาวูบวาบ
ฟุ่บ ฟิ้ว!
ระลอกแสงสีดำเข้มสว่างวาบผ่าน ร่างคนผู้นี้ถูกตัดออกเป็นสองท่อน กระทั่งวิญญาณก็เป็นแบบนั้นด้วยเช่นกัน
“เป็นไปได้อย่างไร? นี่มันแค่สัตว์วิเศษเท่านั้น!”
เผ่าพันธุ์หมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้าผู้นี้มีสีหน้าตื่นตะลึง
เขาคิดไม่ถึงว่าสุดท้ายตนเองจะถูกสัตว์วิเศษตัวหนึ่งสังหาร บางทีเจ้านายมันคงคร้านจะลงมือด้วยตนเอง
ตุบ! ศพที่ถูกแยกออกเป็นสองส่วนร่วงหล่นลง
เมี้ยว!
แมวขโมยน้อยเก็บมีดสั้นสีดำและมิติเก็บของอันหนึ่งเข้าไปพร้อมกัน
……
“ปีกอัสนีผ่านฟ้า!”
จ้าวเฟิงใช้วิชาข้ามมิติ ไล่ตามหลี่ว์เหว่ยไปอย่างรวดเร็ว
“ผู้อาวุโส ไว้ชีวิตด้วย ข้าถูกบีบบังคับให้ทำจากการชักใยของคนในตระกูล!”
เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกดดันประหนึ่งพลังเทพอัสนีจากด้านหลัง หลี่ว์เหว่ยรีบร้องขอชีวิต
ถึงแม้เขาจะเป็นครึ่งเทพ แต่กลับชำนาญการพรางตัว ลอบสังหาร ซุ่มโจมตี หากโดนศัตรูเข้าประชิดตัว กำลังรบก็จะลดลงอย่างมาก
ส่วนจ้าวเฟิงฝึกฝนศาสตร์อัสนีเป็นหลัก และยังฝึกฝนวิชาฝึกร่างกายที่ลึกล้ำสูงส่ง เรียกได้ว่าเป็นการผสมผสานที่สมบูรณ์แบบของการสู้ระยะประชิด ในตอนนี้จ้าวเฟิงรวดเร็วมากกว่าเขา หลี่ว์เหว่ยจึงไม่มีโอกาสจะชนะเลย
“ข้ารู้แค่เพียงเมื่อครู่นี้เจ้าต้องการจะสังหารข้า กับคนที่ต้องการจะสังหารกัน ข้าจะเมตตาได้อย่างไร!”
จ้าวเฟิงยิ้มอย่างดูแคลน
ตอนที่สังหารคนอื่น ก็ต้องเตรียมตัวโดนคนอื่นสังหารด้วย
“เพลิงอัสนีวายุเนตรเทพเจ้า!”
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงทะลักลูกเพลิงสายฟ้าสีทองม่วง พร้อมด้วยระลอกพลังดวงตาที่แกร่งกล้า
โครม บึ้ม!
หลี่ว์เหว่ยเผชิญกับการโจมตีถึงชีวิตจากวิชาดวงตาวิญญาณของจ้าวเฟิง พลันกรีดร้องเสียงดังทันใด ไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้
“ฝ่ามือสายฟ้าทลายนภา!”
จ้าวเฟิงโคจรวายุอัสนีธาตุไฟ จัดการคลื่อนย้ายพลังเทพกลุ่มหนึ่ง ก่อนฟาดฝ่ามืออัสนีศักดิ์สิทธิ์เข้าใส่หลี่ว์เหว่ย
โครม ตูม!
ร่างของหลี่ว์เหว่ยถูกกระแทกจนกระเด็นออกไปหลายลี้ จนสุดท้ายสลายเป็นเถ้าธุลีภายใต้พลังอัสนีเทวะที่น่าสะพรึงกลัว
“กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ผสานกับพลังอัสนีเทวะทำลายล้าง ทำให้พลังของฝ่ามือสายฟ้าทลายนภารุนแรงมากยิ่งขึ้น!”
จ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึงพลานุภาพของฝ่ามือเมื่อครู่ ใบหน้าเผยความตื่นเต้นยินดี
พลังของจ้าวเฟิงในตอนนี้เทียบเท่าได้กับเทพแท้จริงขั้นที่หนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นด้านการป้องกันหรือโจมตี
หลังจากสังหารหลี่ว์เหว่ยแล้ว จ้าวเฟิงก็ไม่ได้จากไปไหน แต่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
ในรัศมีหมื่นลี้ตกอยู่ในความเงียบสงัด เหมือนทุกสรรพสิ่งค้างแข็งไปแล้ว
“โจมตีวิญญาณมายา!”
ดวงตาของจ้าวเฟิงพลันจับจ้องไปที่จุดใดจุดหนึ่งในระยะเกือบหมื่นลี้
วูบ! หมอกมายาสีม่วงทองกลุ่มหนึ่งทะลวงผ่านไปในป่า
วู้ม! เพลิงสีแดงฉานสายหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้า ตรงดิ่งไปยังทิศทางอันเป็นที่ตั้งของตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายอย่างรวดเร็ว
ทั่วร่างของคนผู้นั้นลุกโชนด้วยเพลิงสีแดง เป็นเฉินอวี๋ไห่จากเผ่าสุริยันชาดนั่นเอง
“ผู้อาวุโสไว้ชีวิตด้วย ข้าน้อยแค่บังเอิญผ่านมาทางนี้ ไม่ได้มีเจตนาเป็นอื่น!”
เฉินอวี๋ไห่รีบร้อนบินหนีไปพลางเอ่ยขึ้น
ในความเป็นจริงแล้ว ซีเฟิงใช้ให้เขาสะกดรอยตามจ้าวเฟิงและจัดการอีกฝ่ายไปพร้อมกัน
ทว่าตอนที่สะกดรอยตามจ้าวเฟิง เขาพบว่าคนของเผ่าพันธุ์หมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้าก็มีแผนจะลอบสังหารจ้าวเฟิงเช่นกัน จึงแฝงตัวรอดูเรื่องสนุก ขอแค่จ้าวเฟิงตาย ภารกิจของเขาก็จะลุล่วงไปด้วย
แต่คิดไม่ถึงว่าเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น จ้าวเฟิงก็สามารถสังหารคนเหล่านั้นได้
ถึงแม้พลังของเฉินอวี๋ไห่จะแข็งแกร่งกว่าหลี่ว์เหว่ยส่วนหนึ่ง แต่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวเฟิงแน่นอน
“นับว่าบังเอิญเหลือเกิน ทั้งที่เอาแต่ไล่ตามข้า!”
เสียงสัพยอกของจ้าวเฟิงดังมาจากทางด้านหลัง
เฉินอวี๋ไห่หัวเราะอย่างขมขื่นโดยพลัน ที่แท้จ้าวเฟิงเจอเขาและคนของเผ่าพันธุ์หมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้านานแล้ว
“ต่อให้เจ้าบังเอิญผ่านมา แต่วันนี้ข้าก็ต้องสังหารปิดปากให้ได้!”
จ้าวเฟิงเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา
เขาเจอผู้ที่สะกดรอยตามทั้งหมดนานแล้ว ดังนั้นหลังออกมาจากหอไข่มุกเซียน เขาจึงเดินทางออกจากตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายทันที เพื่อขจัดปัญหาทั้งหมดนี้
อนึ่ง จ้าวเฟิงเองก็โชคดีนักที่ซีเฟิงไม่ได้ตามมาด้วย
ด้วยความสามารถของจ้าวเฟิง บวกกับไพ่ตายประเภทต่างๆ ก็พอจะสามารถสังหารซีเฟิงได้ แต่จ้าวเฟิงยังไม่กล้าจะยั่วโทสะเจ้าเกาะเทียนอวี่ที่หนุนหลังซีเฟิง
“เพลิงอัสนีวายุเนตรเทพเจ้า!”
หลังจากที่จ้าวเฟิงรุกคืบเข้าใกล้เฉินอวี๋ไห่ ก็ปลดปล่อยวิชาดวงตาโจมตีวิญญาณทันที
โครม บึ้ม! เพลิงอัสนีสีม่วงทองกลุ่มหนึ่งระเบิดออกบนศีรษะเฉินอวี๋ไห่
ทว่าพลังวิญญาณของเฉินอวี๋ไห่แข็งแกร่งอยู่บ้าง จึงพอจะต้านทานได้ชั่วครู่หนึ่ง
แต่ที่สำคัญคือเฉินอวี๋ไห่เจอหนทางรอดชีวิตแล้ว นั่นก็คือตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายที่อยู่ไม่ไกลนัก ทันทีที่เข้าไปในตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย นอกจากเจ้าเกาะเทียนอวี่ ก็ไม่มีใครในเกาะนี้กล้าสังหารเขา
……
ด้านนอกตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากจากแต่ละเผ่าพันธุ์ต่อแถวเรียงรายเพื่อเข้าไปภายใน
โครม เปรี้ยง!
เสียงต่อสู้ดังขึ้นจากที่ไกลๆ เพลิงอันน่าหวาดกลัวและแรงกดดันสายฟ้าถาโถมตามมา
“นั่นมันผู้อาวุโสเฉินอวี๋ไห่แห่งเผ่าสุริยันชาดไม่ใช่หรือ?”
ผู้แข็งแกร่งต่างเผ่าพันธุ์คนหนึ่งในขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูงอุทานอย่างตื่นตกใจ
“เหมือนผู้อาวุโสเฉินอวี๋ไห่กำลังถูกไล่ล่าสังหาร!”
“ผู้แข็งแกร่งของเผ่าไหนกันที่กำลังไล่ล่าผู้อาวุโสเฉินอวี๋ไห่?”
ไม่เพียงแต่คนที่กำลังต่อแถว ขนาดองครักษ์เผ่าพันธุ์หมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้าหลายคน ต่างก็มองฟ้าไกลด้วยท่าทีประหลาดใจ
เผ่าสุริยันชาดเองก็เป็นขั้วอำนาจสี่ดาว ถึงแม้จะไม่แข็งแกร่งเท่าหมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้า แต่ก็ติดสิบลำดับต้นในขั้วอำนาจสี่ดาวของเกาะเทียนอวี่
“ดัชนีทะลุฟ้า!”
จ้าวเฟิงปลดปล่อยพลังสายเลือดโบราณจากในนิ้วชี้ ผสานเข้ากับพลังวายุอัสนี
ฟิ้ว! แสงอัสนีสีทองแดงสายหนึ่งสว่างวาบกลางอากาศ ก่อนจะทะลุผ่านศีรษะของเฉินอวี๋ไห่ไป
ฟิ้ว! แสงอัสนีทองแดงเส้นนั้นทะลวงไปด้านหน้าเรื่อยๆ สังหารคนอ่อนแอผู้หนึ่งไม่ไกลนักที่กำลังต่อแถวเข้าไปในตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายในพริบตา
แซ่ด แซ่ด!
จ้าวเฟิงมาถึงกลางอากาศเหนือเฉินอวี๋ไห่ หนำซ้ำยังปลดปล่อยอัสนีเทวะโจมตีวิญญาณที่แกร่งกล้าออกมา
วิญญาณแสนอ่อนแอที่เพิ่งคิดจะหนีออกจากร่างของเฉินอวี๋ไห่ระเบิดในทันที
ห้วงความคิดของจ้าวเฟิงกระตุก เก็บมิติเก็บของของฝ่ายตรงข้ามเข้าไป
เฮือก! รอบบริเวณตกอยู่ในความเงียบสงัด ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดชะงักนิ่งไม่ไหวติง แข็งทื่อราวท่อนไม้อยู่ตรงทางเข้าออกของตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย
ผู้อาวุโสที่สองอย่างเฉินอวี๋ไห่แห่งเผ่าสุริยันชาด ถึงกับถูกสังหารอย่างง่ายดายเช่นนี้ ชายหนุ่มผมทองคนนั้นเป็นใครมาจากที่ไหนกันแน่?
จ้าวเฟิงไม่ไยดีคนกลุ่มนี้ หยิบเอาป้ายส่งข่าวมาและเอ่ยทันที “ข้าอยู่ด้านนอกตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย พวกเจ้าออกมาเลย!”
ไม่นานเท่าไหร่นัก เส้นแสงสีเงินเส้นหนึ่งสว่างวาบ แล้วเจ้าแมวขโมยตัวน้อยก็ปรากฏกายขึ้นบนบ่าของจ้าวเฟิง
ถัดจากนั้น คนของเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียวก็ออกมาจากประตูทางเข้าออก
“เรื่องอะไรกัน…”
ทันทีที่ท่านอาชิงปรากฏกายขึ้น ก็รู้สึกว่าบรรยากาศผิดปกติ ทว่าเขาไม่ได้คิดอะไรนัก
“ไปกันเถอะ!”
จ้าวเฟิงโคจรพลังเจตจำนงกลุ่มหนึ่ง ปกคลุมทั่วร่างของพวกเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียว
วิ้ง! พลังเทพกลุ่มหนึ่งทะลวงเข้าไปในมนตราอากาศ
พรึ่บ! ร่างทุกคนอยู่ในเงาสีเงินอ่อนจาง ก่อนค่อยๆ หายไป
“เจ้านี่เป็นใครกันแน่? ไยจึงสังหารเฉินอวี๋ไห่อย่างง่ายดายเช่นนี้?”
“หรือว่านั่นจะเป็นสมบัติในการทะลุมิติ?”
หลังจากที่พวกจ้าวเฟิงจากไป ตรงทางเข้าถึงจะค่อยๆ กลับเป็นดังเดิม
…
ในเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทอง ด้านข้างตำหนักของจ้าวเฟิง
พรึ่บ!
เงาสีเงินเข้มชั้นหนึ่งทับซ้อนกันในอากาศ ร่างของจ้าวเฟิงและพวกเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียวค่อยๆ ปรากฏกายขึ้น
“นี่คือสมบัติที่ใช้ทะลุมิติ?”
ท่านอาชิงตื่นตะลึง
ในบรรดาสมบัติระดับขั้นเดียวกัน ของสิ่งนี้ล้ำค่ากว่าอาวุธเทพชั้นรองหรืออาวุธเทพทั่วไปมาก
“ผู้อาวุโสจ้าว พวกเราขอตัวก่อน!”
คนของเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียวไม่กล้าจะรบกวนจ้าวเฟิงต่อ
“สิ้นเปลืองไปมากเหลือเกิน!”
จ้าวเฟิงสบถคำสั้นๆ ออกมา
จ้าวเฟิงใช้พลังเทพในการเคลื่อนย้าย แต่ก็ยังสิ้นเปลืองพลังอย่างมหาศาล
พลังฝึกตนของคนทั้งสามจากเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียวต่ำกว่า สามารถมองข้ามไปได้อย่างสิ้นเชิง สิ่งที่สำคัญคือโครงสร้างมิติของดินแดนเทพรกร้างต่างกับดินแดนทวีป ดังนั้นจึงสิ้นเปลืองพลังมากกว่า
ถ้าหากอยู่ในดินแดนทวีป จ้าวเฟิงใช้พลังเทพกระตุ้นมนตราอากาศ ระยะทางที่เคลื่อนย้ายก็เป็นจำนวนหลายเท่าของเมื่อครู่แล้ว
ห้วงความคิดของจ้าวเฟิงขยับ หยิบเอาป้ายส่งข่าวออกมา
“สหายจ้าวเฟิง มาหาข้าหน่อยเถิด มีเรื่องสำคัญจะคุยกับเจ้า!”
เสียงของเทพแท้จริงเทียนหั่วดังออกมาจากภายใน