บทที่ 1157 เผ่าสุริยันชาด
จ้าวเฟิงมายังสถานที่ปิดด่านฝึกตนของเทพแท้จริงเทียนหั่ว ยอดผู้อาวุโสก็อยู่ที่นี่ด้วย
“ผู้อาวุโสตามหาข้า มีธุระอะไรกัน?”
จ้าวเฟิงเอ่ยถามตรงๆ
เขาเพิ่งมาถึงเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทอง เทพแท้จริงเทียนหั่วก็เรียกหา จากจุดนี้มองออกได้ว่าเทพแท้จริงเทียนหั่วจับตามองจ้าวเฟิงอยู่ตลอด รอให้เขากลับมา
ดังนั้นเทพแท้จริงเทียนหั่วเรียกหาจ้าวเฟิง จะต้องมีเรื่องสำคัญอะไรแน่
“สหายน้อยจ้าวรู้สึกว่าตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายเป็นอย่างไรบ้าง?”
ยอดผู้อาวุโสที่ระบายยิ้มน้อยๆ เปิดปากเอ่ยขึ้นก่อน
“ตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย?”
สีหน้าจ้าวเฟิงอึ้งไปเล็กน้อย คิดว่ายอดผู้อาวุโสรู้ว่าเขาออกจากเผ่าก็เดินทางไปที่ตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย แต่จากที่จ้าวเฟิงดูแล้ว ตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายเป็นสถานที่ครึกครื้นชั้นยอดแห่งหนึ่งจริงๆ
ในดินแดนเทพรกร้างอันกว้างใหญ่ มีเพียงที่นั่นที่พอจะมีความยุติธรรม ไม่ว่าจะหลบหลีกจากศัตรูคู่แค้น หรือเป็นผู้แข็งแกร่งที่เดินทางเพียงลำพัง ก็น่าจะเดินทางเข้าออกตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายอยู่เสมอ
“สหายน้อยจ้าวคงจะรู้กระมัง ผู้กุมอำนาจตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายคือเผ่าพันธุ์หมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้า!”
ยอดผู้อาวุโสเอ่ยต่อ
“ข้ารู้”
องครักษ์ส่วนมากที่ตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายเป็นคนเผ่านี้ จุดนี้จ้าวเฟิงจะไม่รู้ได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น จ้าวเฟิงไปประมูลสิ่งของที่ตำหนักประมูล แต่กลับถูกเผ่าพันธุ์หมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้าผู้อยู่เบื้องหลังคิดเล็กคิดน้อย ลอบส่งคนมาสังหารตนเอง ในจุดนี้จ้าวเฟิงยากจะลืมลง รอในวันหน้าเมื่อจ้าวเฟิงมีความสามารถมากพอ จะต้องให้เผ่าพันธุ์หมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้าได้เห็นดีแน่
“ความจริงแล้ว ผู้ควบคุมดูแลตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายไม่แน่นอน ในทุกๆ พันปีจะจัดงานประลองช่วงชิงตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายครั้งหนึ่ง เพื่อเฟ้นหาผู้ควบคุมตำหนักในอีกหนึ่งพันปีต่อมา ขณะนี้ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งปีถึงจะมีงานประลองช่วงชิง…”
เทพแท้จริงเทียนหั่วเปิดปากเอ่ย เดิมทีเขาคิดว่ายอดผู้อาวุโสพูดถึงขนาดนี้แล้ว จ้าวเฟิงคงจะพอรู้แล้วว่าเป้าหมายของเขาคืออะไร แต่จ้าวเฟิงก็ยังทำท่าทีเป็นทองไม่รู้ร้อน
จ้าวเฟิงอึ้งไปนิด เขาไม่เคยได้ยินเรื่องการประลองแย่งชิงตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายมาก่อนจริงๆ
“ผู้อาวุโสหมายความว่า จะให้ข้าเป็นตัวแทนเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทอง แย่งชิงเอาตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายมา?”
ขณะนี้ จ้าวเฟิงพลันเข้าใจความหมายของเทพแท้จริงเทียนหั่วและยอดผู้อาวุโส
แต่เขาก็ตื่นตะลึงในเป้าหมายของเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองเช่นกัน เผ่านี้เป็นขั้วอำนาจระดับล่างในบรรดาขั้วอำนาจสี่ดาวจำนวนมากของเกาะเทียนอวี่ ไม่นึกเลยว่าคิดจะแย่งชิงผลประโยชน์ในครั้งนี้ด้วย
“ถูกต้อง!” เทพแท้จริงเทียนหั่วหัวเราะอย่างกระอักกระอ่วน
เขาเองก็สงสัยอยู่บ้าง จ้าวเฟิงเป็นสิ่งมีชีวิตในดินแดนเทพรกร้างหรือไม่ กระทั่งเรื่องเหล่านี้ก็ยังไม่รู้
“สหายน้อยจ้าวเคยไปตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายมา น่าจะรู้ดีว่าสถานที่ค้าขายเติมเสบียงขนาดใหญ่แบบนี้ พันปีจะมีกำไรมหาศาลขนาดไหน ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าหากเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองได้ครอบครองตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย พอถึงตอนนั้นสหายน้อยจ้าวจะได้สิทธิพิเศษอีกหลายอย่าง…”
เทพแท้จริงเทียนหั่วรีบใช้ผลประโยชน์มาหลอกล่อ
“อีกอย่าง คนที่เข้าร่วมการประลองแย่งชิงตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย ทั้งหมดเป็นพวกต่ำกว่าขั้นครึ่งเทพทั้งสิ้น ด้วยความสามารถของสหายน้อยจ้าว ย่อมต้องไม่มีปัญหาแน่!”
ยอดผู้อาวุโสค่อยๆ เอ่ย ร่วมมือกับเทพแท้จริงเทียนหั่วโน้มน้าวจ้าวเฟิง
ในเกาะเทียนอวี่มีแต่ขั้วอำนาจสี่ดาว ขั้นเทพแท้จริงแทบจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่เก่งกาจที่สุดในขั้วอำนาจ
ถ้าหากให้ผู้แข็งแกร่งขั้นเทพแท้จริงเข้ามาช่วยช่วงชิงตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย ทันทีที่ได้รับบาดเจ็บหรือเจ็บสาหัส มีความเป็นไปได้มากที่ขั้วอำนาจจะตกอยู่ในอันตราย อย่างไรเสีย ขั้วอำนาจต่างๆ ในเกาะเทียนอวี่ก็ล้วนมีเรื่องขัดแย้งกัน เมื่อเผ่าใดตกอยู่ในสถานการณ์อ่อนแอ เป็นไปได้อย่างยิ่งที่จะโดนรุกโจมตีจากขั้วอำนาจศัตรู
ดังนั้น ในเกาะเทียนอวี่จึงกำหนดกฎเกณฑ์ขึ้น ให้ผู้แข็งแกร่งในขั้นต่ำกว่าเทพแท้จริงแย่งชิงตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย โดยไม่มีการจำกัดอายุ
จากที่เทพแท้จริงเทียนหั่วดูแล้ว พลังของจ้าวเฟิงเกือบอยู่เหนือกว่าคนขั้นเทพแท้จริง นอกจากซีเฟิงผู้เป็นศิษย์ของเจ้าเกาะเทียนอวี่ ก็ยากจะมีคนที่รับมือเขาได้ จะครอบครองตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายย่อมไม่มีปัญหาใด
“ข้าสนใจตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายอย่างยิ่ง สามารถรับปากเจ้าได้ แต่ว่า…”
คำพูดของจ้าวเฟิงเนิบนาบ ทำให้เทพแท้จริงเทียนหั่วและยอดผู้อาวุโสต่างลุ้นระทึก
“แต่ข้าต้องการผลกำไรรวมของตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายหกส่วน!”
ทันทีที่จ้าวเฟิงเอ่ยออกมา ก็ทำให้เทพแท้จริงเทียนหั่วเกือบจะเต้นผางขึ้น
ผลกำไรสิบส่วน จ้าวเฟิงต้องการถึงหกส่วน เผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองที่เป็นขั้วอำนาจใหญ่สี่ดาวได้ส่วนแบ่งเพียงสี่ส่วน จ้าวเฟิงช่างโลภมากจริงๆ!
ยอดผู้อาวุโสนิ่งอึ้ง มองจ้าวเฟิงด้วยสีหน้าตื่นตะลึง เขาเองก็คาดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงจะยื่นเงื่อนไขที่โหดร้ายเช่นนี้
“หกส่วนนี้ไม่ใช่แค่ผลตอบแทนที่ข้าแย่งชิงตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายมาให้พวกเจ้า…”
จ้าวเฟิงมีสีหน้าเย็นชา เอ่ยออกมาทันที
สีหน้าเทพแท้จริงเทียนหั่วและยอดผู้อาวุโสกลับเป็นปกติ พวกเขาย่อมเข้าใจความหมายในประโยคของจ้าวเฟิง
เผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองมีเพียงเทพแท้จริงผู้หนึ่ง ถึงจะได้ครอบครองตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย ก็ไม่มีปัญญารักษาเอาไว้ แต่จะกลายเป็นการหาเหาใส่หัวแทน
ยกตัวอย่างเช่นเผ่าพันธุ์หมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้าลำดับที่สี่ของขั้วอำนาจในเกาะเทียนอวี่ทั้งหมด มีผู้แข็งแกร่งขั้นเทพแท้จริงสามคน จะทำลายเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองก็ง่ายดายอย่างยิ่ง
ทว่าพลังของจ้าวเฟิงมีความเป็นไปได้สูงที่จะทะลวงถึงเทพแท้จริงขั้นที่หนึ่ง ขอแค่จ้าวเฟิงทุ่มเทแรงทั้งหมดให้ความช่วยเหลือ เผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองจะเท่ากับมีกำลังรบขั้นเทพแท้จริงสองคน อยู่ในสิบลำดับแรกของขั้วอำนาจในเกาะเทียนอวี่ เช่นนี้จึงจะมีอิทธิพลอำนาจอยู่พอควร
ความจริงแล้ว ในตอนแรกเทพแท้จริงเทียนหั่วและยอดผู้อาวุโสก็ยังลังเลในจุดนี้อยู่ ไม่เช่นนั้นเมื่อเห็นความสามารถของจ้าวเฟิงก็คงจะขอร้องแบบนี้ไปนานแล้ว
พวกเขาเพียงคิดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงอายุยังเยาว์วัย แต่กลับคิดวิเคราะห์ได้ชัดเจนถึงเพียงนี้
“ข้าตอบตกลงสหายน้อยจ้าวในเรื่องนี้ได้ หากวันหน้าสหายน้อยจ้าวทะลวงผ่านขั้นเทพแล้ว อย่าลืมเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองก็แล้วกัน!”
เทพแท้จริงเทียนหั่วลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตอบตกลงทันที
ในสายตาของเขา จ้าวเฟิงมีกายเทพ น่าจะสามารถทะลวงขั้นพลังได้ตลอดเวลา ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นการทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์ แต่เขากดข่มขอบเขตพลังเอาไว้ ย่อมต้องเป็นไปเพื่อทะลวงขั้นเทพในระดับขั้นที่สูงส่งขึ้น
ถ้าหากจ้าวเฟิงไปถึงขั้นครึ่งเทพ จะได้รับสมญานามที่โดดเด่นอย่างยิ่งว่า…ปฐมเทพ
ในดินแดนเทพรกร้าง มีอัจฉริยะชั้นยอดจำพวกหนึ่งที่บรรลุขั้นครึ่งเทพ ทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์ได้ทุกเมื่อ และมีอัตราสำเร็จถึงสิบส่วน แต่พวกเขากลับกดขอบเขตพลังไว้ สะสมพลังศักยภาพ เพียงเพื่อทะลวงขอบเขตในระดับที่สูงยิ่งกว่า
อัจฉริยะชั้นยอดเหล่านี้จะอยู่ในขอบเขตพลังขั้นครึ่งเทพ ครอบครองพลังที่น่ากลัวของเทพแท้จริงขั้นที่หนึ่ง ขั้นที่สอง หรือกระทั่งขั้นที่สาม
สำหรับอัจฉริยะเช่นนี้ หากใช้คำว่าครึ่งเทพเรียกก็ไม่ค่อยเหมาะสม ดังนั้นทุกคนจึงเรียกพวกเขาว่า ‘ปฐมเทพ’
ในสายตาเทพแท้จริงเทียนหั่ว ทันทีที่จ้าวเฟิงแตะขั้นครึ่งเทพ ก็จะได้รับฉายา ‘ปฐมเทพ’ เช่นกัน
กับอัจฉริยะชั้นเลิศแบบนี้ เขาย่อมชักจูงมาเป็นพวกอย่างสุดกำลัง เผื่อว่าจ้าวเฟิงทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์ หรือกระทั่งได้เป็นเทพขั้นสองโดยตรง
“เช่นนี้ก็พูดง่ายขึ้น ในตอนที่แย่งชิงตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายกัน ผู้อาวุโสแจ้งข้าก็พอ!”
เมื่อเห็นเทพแท้จริงเทียนหั่วตอบรับแล้ว จ้าวเฟิงก็ขอตัวลาทันที
ศึกแย่งชิงตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย ทั้งหมดเป็นผู้แข็งแกร่งในขั้นต่ำกว่าเทพแท้จริง สำหรับจ้าวเฟิงแล้วไม่มีความท้าทายใดๆ
เมื่อย้อนระลึกถึงตอนที่เทพแท้จริงเทียนฝามาถึงดินแดนทวีปใหม่ๆ หลังกดขอบเขตพลังลงแล้ว ก็ใช้กำลังเพียงคนเดียวสู้รบกับครึ่งเทพเกือบยี่สิบคน ราชาเซียนอีกหลายสิบคน ช่างมีพลังอำนาจไร้เทียมทาน แข็งแกร่งอย่างยิ่ง
ถึงแม้ว่ายอดฝีมือในดินแดนเทพรกร้างจะแข็งแกร่งกว่าในดินแดนทวีป แต่ด้วยพลังเทพแท้จริงขั้นที่หนึ่งของจ้าวเฟิง ถึงจะเผชิญหน้ากับครึ่งเทพที่เก่งกาจเจ็ดแปดคนพร้อมๆ กันก็ยังง่ายดายเหลือเกิน
สำหรับเรื่องที่ไม่มีอันตรายใดๆ แต่ได้รับทรัพยากรมหาศาล จ้าวเฟิงจะปฏิเสธได้อย่างไรกัน
หลังกลับไปที่ตำหนักของตนเองแล้ว จ้าวเฟิงก็เริ่มปิดด่านฝึกตน
ตอนอยู่ในหอไข่มุกเซียน จ้าวเฟิงได้ยินเรื่องขั้วอำนาจขนาดใหญ่แห่งอื่น ไหนจะมีเรื่องของพื้นที่ลับรกร้างโบราณ เรื่องพวกนี้กระตุ้นให้จ้าวเฟิงอยากจะเข้มแข็งขึ้นมาก
ทั่วทั้งเกาะเทียนอวี่ ยังไม่มีใครมีคุณสมบัติที่จะเข้าไปในพื้นที่ลับรกร้างโบราณ ส่วนทั้งอ่าวทะเลคราม มีเพียงเผ่าหยกทองถึงมีคุณสมบัติดังกล่าว และพื้นที่ที่กว้างขวางมากกว่านั้น ยังมีขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งและสี่ดาวระดับสุดยอด รวมทั้งขั้วอำนาจห้าดาวในตำนาน
“มีแต่ต้องมีศักยภาพที่แกร่งกล้าเท่านั้น ข้าถึงจะได้ชมทิวทัศน์ของทั้งดินแดนเทพรกร้าง…”
แววตาของจ้าวเฟิงแน่วแน่เป็นที่สุด พลังวิญญาณของเขาเพิ่มระดับขึ้นอย่างไร้รูปร่าง แถมยังแข็งแกร่งและบริสุทธิ์อย่างยิ่ง
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!
ด้านหน้าของจ้าวเฟิงปรากฏทรัพยากรในธาตุสายฟ้า ลม และดิน
หลังจากโคจร ‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ จ้าวเฟิงดูดซึมพลังธาตุจากในนั้นอย่างบ้าคลั่ง
พร้อมกันนั้น จ้าวเฟิงก็ใช้หนึ่งจิตใจแบ่งออกเป็นหลายส่วน ทำความเข้าใจ ‘วิชาแปลงเทพ’ ‘ดัชนีคลั่งวายุอัสนี’ ‘กายสายฟ้าปฐพีทอง’ และยังเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับสายเลือดเพลิงมารโลหิตโบราณด้วย
ในวันหนึ่งนั้นเอง พลังวายุอัสนีธาตุดินรอบกายจ้าวเฟิงพลันระเบิดออก พลานุภาพบนร่างเพิ่มขึ้นไปอีกระดับขั้นหนึ่ง
นี่เป็นสัญญาณว่า ‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ ขั้นที่เก้าอย่างวายุอัสนีธาตุดินทะลวงไปถึงระดับสมบูรณ์แบบแล้ว นี่เป็นอุปสรรคที่ขัดขวางจ้าวเฟิงมาตลอดพอดี ตามหลักการแล้ว ต้องฝึกฝนวายุอัสนีธาตุดินจนสมบูรณ์แล้ว ระดับพลังของจ้าวเฟิงถึงจะเท่ากับเข้าสู่ขอบเขตเทวาเร้นลับระดับบริบูรณ์
แต่ในตอนนี้ จ้าวเฟิงที่กดข่มขอบเขตพลังเอาไว้ กลับสามารถทะลวงขั้นวายุอัสนีธาตุดินได้แล้ว!
เมื่อผ่านอุปสรรคนี้ไปได้ จ้าวเฟิงก็ไม่ได้หยุดยั้ง แต่เอาทรัพยากรที่ใช้ในการฝึกตนจำนวนมากออกมา เพื่อฝึกฝนวายุอัสนีธาตุดินต่อไป
หนึ่งเดือนต่อมา
ด้วยกองทรัพยากรจำนวนมหาศาล วายุอัสนีธาตุดินของจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น
วายุอัสนีธาตุดินไปถึงระดับที่สมบูรณ์ ส่วนรากฐานของจ้าวเฟิงก็มั่นคงอย่างยิ่ง ใช้เวลาไม่นานนัก จ้าวเฟิงจะผ่านขั้นสิบที่เป็นวายุอัสนีธาตุทองได้
แต่จ้าวเฟิงก็เพียรพยายามเพิ่มศักยภาพและพลังของตนเองอย่างสุดแรง ด้วยหมายจะทะลวงตำแหน่งเทพในขั้นที่สูงขึ้น ดังนั้นเขาจึงยังใช้ทรัพยากรเก่าแก่จำนวนมหาศาลฝึกฝนและสร้างความเสถียรต่อวายุอัสนีธาตุดิน
ในวันนี้
ณ พื้นที่ต้องห้ามในเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทอง สีหน้าเทพแท้จริงเทียนหั่วเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย จากนั้นพลันเปิดเปลือกตาที่เต็มไปด้วยความตกใจสงสัยขึ้น
เขาหยิบป้ายส่งข่าวมา หลังจากส่งสารไปประโยคหนึ่งก็โบยบินจากไป
เห็นเพียงเพลิงสีแดงในขอบฟ้าไกลลิบ เสมือนกระทั่งผืนฟ้ายังลุกไหม้ไปด้วย
แสงเพลิงสีแดงฉานที่ทะลักหลั่งออกมา มีแรงกดดันที่น่ากลัวมาด้วย ก่อนจะตกลงเหนือเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทอง
ทั่วร่างผู้ที่นำหน้ามาเผาไหม้ ปลดปล่อยคมแสงสีแดงฉานที่น่าตื่นตะลึง เหมือนเป็นแสงอาทิตย์ที่สว่างเจิดจ้า ดึงดูดสายตา สาดอานุภาพเผาผลาญไร้จุดสิ้นสุดออกมา
“เทียนหั่ว เจ้าออกมา!”
ผู้เฒ่าคนนี้จู่ๆ ก็ตะโกนขึ้น การลุกโชนของเพลิงเผาผลาญโหมกระพือไปที่เผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองประหนึ่งจะหลอมเหลวทุกสรรพสิ่ง
ในตอนนี้เอง เทพแท้จริงเทียนหั่วและยอดผู้อาวุโสที่ห้าก็ทะยานออกมา
ฟู่! เทพแท้จริงเทียนหั่วโบกมือ สาดประกายเพลิงสีแดงทองสายหนึ่งทำลายไฟที่น่ากลัวของผู้เฒ่าคนนั้น
“เทพแท้จริงหยางเหยียน (เพลิงอาทิตย์) นี่เจ้าหมายความว่าอะไร?”
เทพแท้จริงเทียนหั่วมองไปที่เทพแท้จริงหยางเหยียน สีหน้าคเร่งขรึมเกินจะเปรียบ
เทพแท้จริงหยางเหยียนเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าสุริยันชาด ตอนนี้เขานำเทพแท้จริงคนหนึ่งและยอดฝีมือระดับสูงส่วนมากในเผ่าพันธุ์มาบีบคั้นเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทอง
เผ่าสุริยันชาด เป็นเผ่าที่แกร่งกล้าสิบลำดับแรกในขั้วอำนาจสี่ดาวของเกาะเทียนอวี่ ย่อมต้องไม่ใช่คนที่เผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองจะรับมือไหว
“หึ เทพแท้จริงเทียนหั่ว มอบตัวจ้าวเฟิงมา มิฉะนั้นวันนี้ไม่จบเรื่องแน่!”
แววตาเทพแท้จริงหยางเหยียนเย็นชาดุดัน ทำท่าทียิ่งยโส ไม่เห็นเทพแท้จริงเทียนหั่วอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
เขาเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองต้องมีไหวพริบอยู่บ้าง และยอมส่งมอบเจ้ามนุษย์ที่ชื่อจ้าวเฟิงออกมาแต่โดยดี